หงส์อาการหนัก ! บาร์นส์ ซัดโทษ เบิร์นลี่ย์บุกหักคอ 1-0

หงส์อาการหนัก ! บาร์นส์ ซัดโทษ เบิร์นลี่ย์บุกหักคอ 1-0


     หนักกว่าที่คิดและประเมินไว้เสียแล้วสำหรับลิเวอร์พูล ณ ชั่วโมงนี้ เมื่อล่าสุดลูกทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ เปิดบ้านพ่ายให้กับเบิร์นลี่ย์ ทีมท้ายตาราง 0-1 โดย แอชลี่ย์ บาร์นส์ สวมบทฮีโร่ซัดจุดโทษประตูชัย น.83

     นอกจากความพ่ายแพ้ดังกล่าวของพลพรรคหงส์แดงแล้ว สถิติ5นัดหลังสุดในพรีเมียร์ลีกน่าตกใจไม่น้อยเมื่อลิเวอร์พูลเอง เอาชนะคู่แข่งไม่ได้เลย แถมยังยิงได้แค่1ประตูจาก5นัดดังกล่าว

     หากตอนต้นฤดูกาลมีคนมาบอกว่าทีมเครื่องจักรสีแดงจะมีช่วงเวลาที่เอาชนะคู่แข่งไม่ได้นานถึง5เกมติดต่อกัน และจะปืนฝืดส่องตาข่ายคู่แข่งไม่ได้4นัดติด

     คนคนนั้นคงถูกมองว่าบ้าหรือเสียสติไปแล้ว แต่มันก็เกิดขึ้นแล้วจริงๆในฤดูกาลนี้

     รวมถึงสถิติไร้พ่าย 68นัดที่แอนฟิลด์ในเกมพรีเมียร์ลีกก็ถูกทำลายลงไปเรียบร้อย ครั้นจะพูดถึงเพียงแค่ฟอร์มการเล่นที่ตกลงไปอย่างน่าเกลียดของลิเวอร์พูลอย่างเดียวคงไม่แฟร์นัก

     นัดนี้ต้องให้เครดิต ฌอน ไดซ์ และลูกทีมด้วยที่เล่นกันอย่างเหนียวแน่นอดทน มีระเบียบวินัย เล่นเกมรับกันอย่างไม่แตกแถว คอยซ้อนจังหวะอันตรายช่วยเหลือกันและกันตลอด

     โดยเฉพาะ 3คีย์แมนสำคัญ อย่าง นิค โป๊ป - เบน มี -เจมส์ ทาร์คอฟสกี้  ที่ช่วยกันทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างสมบูรณ์แบบ (เบน มี แม้จะมีช็อตหวออยู่บ้าง)

     สุดท้ายแล้วฟุตบอลคือความรับผิดชอบร่วมกันเป็นทีม แต่แฟนหงส์หรือผู้ชมทางบ้านทั่วๆไปหลายคน คงมีแอบคิดเหมือนกันว่าช็อตที่ ดิว็อค โอริกี้ ได้รับส้มหล่นหลุดเดี่ยว แต่กลับยิงไปชนคาน

     ถ้าจังหวะนั้นหอกชาวเบลเยี่ยมเปลี่ยนโอกาสเป็นประตูได้ ผลลัพธ์ของเกมอาจไม่ได้จบลงที่ความพ่ายแพ้ของลิเวอร์พูลก็เป็นได้

 

     โรเตชั่นแนวรุกแต่


     ในเมื่อพากันฝีเท้าฝืดเคืองทำตัวผิดหวังมาหลายนัดติด เกมนี้ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็เลยตัดสินใจพักผู้เล่นตัวหลักในแนวรุก2คนเลยทั้ง โมฮาเหม็ด ซาลาห์  และ โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่

     โดยแข้งที่ได้โอกาสลงเซิ้งแทนนั่นก็คือ เชอร์ดาน ชากิรี่ และ ดิว็อค โอริกี้ เป็นที่เข้าใจได้ถึงเหตุผลในการโรเตชั่นของนายใหญ่ชาวเยอรมัน

     เพราะทั้งดาวเตะชาวอียิปต์และบราซิล ฟอร์มตกโดนวิญญาสากกะเบือกเข้าสิง รวมถึงสถิติ1ประตูจาก4นัดหลังสุด ของสามประสาน FMS ก็คือปัญหาที่คล็อปป์ต้องลองใช้ทางเลือกใหม่ๆ

     เหตุผลในการโรเตชั่นของยอดโค้ชวัย53ปีคือสิ่งที่เข้าใจได้ แต่ทว่าขุมกำลังสำรองอย่าง โอริกี้ และ ชากิรี่ กลับไม่สร้างความแตกต่างที่หวังพึ่งพาได้เลย

     และโดนถูกเปลี่ยนตัวออกอย่างรวดเร็วเมื่อเวลาผ่านมาถึงแค่นาทีที่ น.57 สำหรับเจ้าของฉายาเทพกี้

     น่าเสียดายที่โอกาสที่คล็อปป์มอบให้ทั้งดาวเตะชาวเบลเยี่ยมและสวิตเซอร์แลนด์ ทั้งสองรายไม่สามารถตอบแทนสร้างความแตกต่างได้ โยนทิ้งลงชักโครกหมด และต้องเสียโควตาเปลี่ยนตัวทิ้งแบบไม่เกิดประโยชน์อะไร
 

     ไม่มีอีกแล้วบุตรแห่งแอนฟิลด์


     นี่เป็นครั้งแรกที่ ดิว็อค โอริกี้ ได้ออกสตาร์ทตัวจริงในพรีเมียร์ลีก หลังจากที่ดูเหมือนจะหมดอนาคตกับทีมไปแล้วในฤดูกาลนี้

     แต่เหมือนโชคจะมีความเมตตาเจ้าตัวอยู่บ้าง เมื่อ โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ ฟอร์มหล่นลงไป โอกาสปลาชิ้นมันก็ตกมาอยู่ที่ ดาวเตะเจ้าของ ฉายา บุตรแห่งแอนฟิลด์ อีกครั้ง

     เกมนี้ โอริกี้ เกือบเป็นนักเตะที่ทำให้ลิเวอร์พูลเล่นสบายมากขึ้น เมื่อเจ้าตัวรับลูกส้มหล่นจาก เบน มี ลากเข้าไปหลุดเดี่ยวดวลกับ นิค โป๊ป แต่ทว่าเมื่อเจ้าตัวจะเลือกยิงมุมโหดไปหน่อย เมื่อซัดเต็มเหนี่ยวไปชนคาน

     ดาวเตะวัย25ปี ได้โอกาสยิงมากถึง 4ครั้งในครึ่งแรก มากกว่านักเตะเบิร์นลี่ย์รวมกันทั้งทีมที่ทำได้ตลอด90นาที เพียงแค่3ครั้ง การสร้างความแตกต่าง ความเฉียบคมคือสิ่งที่

     โอริกี้ สอบตกมากๆในระยะหลังๆ รวมถึงการเพรสบอลในแดงหน้าที่เจ้าตัวช่วยเพื่อนร่วมทีมไม่ได้เลย

     น่าคิดเหมือนกันว่า หาก โอริกี้ ส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายในจังหวะที่หลุดเดี่ยวได้  รูปเกมและผลการแข่งขันเมื่อคืนคงแตกต่างออกไป และเวลาของโอริกี้ ที่แอนฟิลด์คงนับถอยหลังเหลือน้อยลงเรื่อยๆนับจากนี้
 

     นิค โป๊ป ชอบโชวหนึบที่แอนฟิลด์


     ครั้งสุดท้ายที่เบิร์นลี่ย์มาเยือนแอนฟิลด์ คือเดือนกรกฎาคม ปีที่แล้ว ( กลับมาเตะหลังล็อคดาวน์)  ผลจบลงด้วยการเสมอแบ่งแต้มกันไป 1-1

     นัดดังกล่าว(เดือนกรกฎาคม) นิค โป๊ป เซฟไปถึง8ครั้ง  หลายๆช็อตเชฟ เข้าขั้นเวิล์ดคลาสได้เลย และผลเสมอ1-1ดังกล่าว ถึงขั้นหยุดสถิติชนะ 100 %ที่แอนฟิลด์ ในเกมลีกฤดูกาลที่แล้วได้

     5เดือนต่อมา โป๊ป กลับมาเล่นที่แอนฟิลด์อีกครั้ง เจ้าตัวก็ยังโชว์ฟอร์มหนึบสวมวิญญาณปลาหมึกเข้าสิงอีกรอบ เมื่อเซฟไปถึง6ครั้ง

     รวมถึงช็อตเซฟเวิล์ดคลาสลูกยิงเสาแรกของซาลาห์  จนถึงขนาดที่ทำให้ดาวเตะชาวอียิปต์ แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง

     นอกจากฟอร์มแน่นเหนียวหนึบแล้ว ความเป็นผู้นำในแผงรับ นายด่านวัย28ปี ก็ทำได้อย่างไม่มีที่ติ ทั้งคอยตะโกนสั่งการผู้เล่นเกมรับคนอื่นๆ  

     รวมถึงการสั่งการยืนของกำแพง จังหวะตัดบอลลูกกลางอากาศก็ทำได้อย่างดีเลิศ 

     มือ1ผู้รักษาประตูทีมชาติอังกฤษ คงไม่มีใครโต้แย้งอีกแล้ว ในอนาคตต่อๆไป เราอาจได้เห็น นิค โป๊ป คือผู้รักษาประตูคนสำคัญของทีมระดับแนวหน้าชั้นนำก็เป็นได้ เบิร์นลี่ย์ อาจจะเล็กเกินไปสำหรับเจ้าตัวเสียแล้ว
 

     เอา เทรนด์ คนเดิมกลับคืนมา

   
     หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้แนวรุกของลิเวอร์พูลตีบตันตื้อๆ ส่วนหนึ่งก็ต้องยอมรับกันตามตรงว่า ฟอร์มการเล่นของแบ็กจอมบุกอย่าง เทรนด์ อเล็กซานเดอร์ - อาร์โนลด์ ที่ตกลงไปอย่างน่าเกลียด

     ซีซั่นที่แล้ว เทรนด์ ทำไปได้ถึง 4ประตู กับอีก13แอสซิสต์ ตัดมาฤดูกาลนี้ผ่านโปรแกรมพรีเมียร์ลีกนัดที่19มา แบ็กวัย22ปี ทำไปได้เพียงแค่ 2แอสซิสต์ เท่านั้น

     การเปิดบอลในพื้นที่ที่3 คือสิ่งที่แบ็กชาวอังกฤษทำได้ตกลงไปมาตรฐานเดิมอย่างน่าเกลียด และมันส่งผลกระทบต่อการทำประตูของทีมอย่างชัดเจน

     เพราะเกมบุกของหงส์แดงส่วนใหญ่มาจากการครอสบอลของผู้เล่นในตำแหน่งแบ็ก

     สถิติหลังเกมที่โคตรเลวร้ายของเจ้าหนูเทรนด์นั่นคือ การเปิดบอลจากด้านข้าง21ครั้งของเจ้าตัว เข้าเป้าเพียงแค่1ครั้งเท่านั้น และ1ครั้งดังกล่าวมาจากลูกเตะมุมอีกด้วย

     บางครั้งการดร็อป เทรนด์ ไว้ที่ข้างสนาม แล้วให้โอกาสแข้งนักเตะรายอื่น แม้จะดูใจร้ายไปนิดกับผลงานที่เจ้าตัวเคยทำได้มาตลิด

     แต่ทว่าก็เพื่อตัวทีมเอง และให้เจ้าตัวกลับมามุ่งมั่นมีสมาธิเพื่อแย่งตำแหน่งตัวจริง เรียกเทรนด์คนเดิมๆที่แฟนหงส์รู้จักกลับคืนมาอีกครั้ง

 

     3แต้มสำคัญของเบิร์นลี่ย์

   
      เบิร์นลี่ย์ โชว์ฟอร์มได้ประทับใจมาตลอดนับตั้งแต่เลื่อนชั้นขึ้นมาสูดอากาศหายใจในเวทีพรีเมียร์ลีกเมื่อปี 2016 เคยพีคสุดๆ จบอันดับ7ของตาราง ไปเล่นฟุตบอลถ้วยยุโรปมาแล้วเมื่อฤดูกาล2017-2018

     แต่ทว่ามาซีซั่นนี้หลายๆอย่างแตกต่างกันออกไป บอลยาวแบบไดแร็คสไตล์โบราณ ของ ฌอน ไดซ์ ดูจะไม่ค่อยได้ผลมากนัดในปีนี้

     ก่อนเกมดวลกับลิเวอร์พูล เดอะ คลาเรตส์ อยู่อันดับ17 ห่างพื้นที่โซนสีแดงเพียงแค่4แต้มเท่านั้น 

     และ2นัดล่าสุดก็แพ้รวดต่อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ เวสต์แฮม มันจะย่ำแย่มากๆสำหรับทีมหนีตกชั้นหากว่าพลาดท่าปราชัยไป3นัดติดต่อกัน เกมที่แอนฟิลด์ จึงเป็นอีกหนึ่งนัดที่สำคัญเช่นกันของเบิร์นลี่ย์

     การผนึกกำลังกันของผู้เล่นในเกมรับ โดยเฉพาะคู่เซ็นเตอร์อย่าง เจมส์ ทาร์คอฟสกี้ และ เบน มี ที่ทำให้จังหวะสุดท้ายของแข้งหงส์แดงในเขตโทษ เป็นหมัน ติดๆขัดๆไปหมด

     เบน มี นอกจากจังหวะทำรถเข็นส้มหล่นให้โอริกี้แล้ว หลังจากนั้นเจ้าตัวไม่พลาดอีกเลย

      สถิติหลังเกมระบุว่า กองหลังวัย31ปี เคลียร์บอลในจังหวะอันตรายได้ถึง14ครั้ง มากที่สุดใน1เกมที่ใครจะทำได้ในฤดูกาลนี้

     3แต้มจากแอนฟิลด์ดังกล่าว ส่งผลให้เบิร์นลี่ย์ ขยับขึ้นมาอยู่อันดับ16ของตารางคะแนน ทิ่งห่างฟูแล่มอันดับ18โซนสีแดง ถึง7แต้มเข้าให้แล้ว

     เหนือสิ่งอื่นใดมากกว่า3แต้มกับทีมหงส์แดง นั่นคือโมเมนต์ตั้งกำลังใจดีๆ จุดเปลี่ยนสำคัญที่พวกเขาได้รับในเกมนี้นั่นเอง


 

เรื่องราวที่เกี่ยวข้อง