เกมน่าหลับมาก ! ตราไก่ เชือด เบลเยี่ยม ท้ายเกม 1-0 แฟร์ต็องเก้น โอนโกล
เป็นสองทีมที่ผลงานไม่ค่อยน่าประทับใจเท่าไหร่ในรอบแบ่งกลุ่ม แถมยังรูปเกมชวนง่วงเหงาหาวน้อยทั้งคู่ด้วยสำหรับ ฝรั่งเศส และ เบลเยี่ยม ที่โคจรมาพบกันเร็วตั้งแต่รอบ16ทีมสุดท้าย ของศึกยูโร 2024 คราวนี้ ซึ่งก็เป็นไปตามคาดว่าเมื่อสองทีมนี้ฟาดแข้งกันผลลัพธ์ก็ออกมาแบบน่าเบื่อสุดๆ แต่ด้วยความเก๋ากว่าทำให้ ทัพตราไก่ เบียดเอาชนะไปได้ 1-0 ลิ่วเข้าสู่รอบ8ทีม
เกมรอบ16ทีมสุดท้ายที่สนาม เมอร์เคอร์ สเปียล-อารีน่า ทีมอันดับ2ของกลุ่ม ดีและอี ถูกจับไขว้มาดวลกันนั่นก็คือ ฝรั่งเศสกับเบลเยี่ยม การพบกันของสองยักษ์ใหญ่นี้ ถูกคาดหวังว่าจะมีรูปเกมที่เมามันเร้าใจ แต่ทว่าไม่ใช่เลย
ทัพตราไก่เหนือกว่าเบลเยี่ยมเป็นอย่างมาก เพราะบอลส่วนใหญ่อยู่ในการครอบครองของพวกเขา แต่ทว่าการครองบอลดังกล่าว นั่นก็ไม่ได้ทำให้ฝรั่งเศส สร้างความกดดัน หรือหาโอกาสจบสกอร์ได้จะแจ้งมากเท่าที่ควรเป็นอย่างใด เป็นจังหวะได้จบที่ไม่มีความใกล้เคียงยิงนกตกปลาไปเองมากกว่า โดยเฉพาะในรายของ โอเลเรียง ชูอาเมนี่
ทางฝากของเบลเยี่ยมเวลาที่ต้องเล่นเกมสวนกลับ ลูกทีมของ โดนิมิโก้ เทเดสโก้ จังหวะขาดๆเกินๆตลอด พวกเขามักจะโดนแข้งฝรั่งเศสเข้าบอลเร็วหรือตัดบอลได้กลางทาง มีเพียง เฌเรมี่ โดกู ที่พอจะใช้ความเร็วปั่นป่วนได้
ส่วน " พี่ตู้ " โรเมลู ลูกากู ก็เป็นอีกนัดที่แผลงฤทธิไม่ออก เพราะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี จาก วิลเลี่ยม ซาลิบา แถมบอลเวลาที่มาถึงเจ้าตัว ก็เป็นช็อตที่เล่นยากอีกด้วย เพราะเป็นการหันหลังให้ประตู และมีแนวรับตราไก่ประกบติดด้านหลัง
นานๆที ทีมปีศาจแดงแห่งยุโรปจะได้สวนขึ้นมาบ้าง นานทีจะได้ลุ้นจบสกอร์ แต่ทว่าก็โดนความยอดเยี่ยมของ ไมค์ เมญอง เซฟไว้ ฝั่งฝรั่งเศสแม้จะครองบอลบุกได้มากกว่าก็จริง แต่ไอเดียพื้นที่สุดท้ายของพวกเขาไม่มีเลย คิลิยัน เอ็มปั๊ปเป้ แม้จะมีบางช็อตที่ไปเองได้ แต่ทว่าก็ขาดการสนับสนุน จากเพื่อนร่วมทีมน้อยไปหน่อย
เกมที่อึดอัด ชวนง่วงและทำว่าว่าจะเสมอกันในเวลาปรกติ 0-0 และต้องไปลุ้นกันในช่วงต่อเวลาพิเศษ 120 นาที แต่ทว่าการเปลี่ยนตัวแก้เกมของ ดิดิเยร์ เดส์ช็องส์ ก็เป็นผล โคโล่ มูอานี่ ที่ลงมาแทน มาร์คุส ตูราม น.62 กลายเป็นส่วนสำคัญให้ทีมคว้าชัย
เอ็นโกโล่ ก็องเต้ จ่ายบอลในเขตโทษให้ มูอานี่ พลิกตัวแล้วยิงทันที บอลไปแฉลบ แยน แฟร์ต็องเก้น เปลี่ยนทางเข้าประตู หมดสิทธิที่ โคเอน คาสเตลส์ จะเซฟได้ ฝรั่งเศสขึ้นนำ1-0 น.85 และเครดิตประตู เป็นการทำเข้าประตูตัวเองของ แฟร์ต็องเก้น
จบ90นาทีเป็นทัพ " เลอ เบลอส์ " ที่ผ่านเข้าไปเล่นรอบ8ทีมได้สำเร็จ และผ่านมาจนถึงตอนนี้ 4นัด ฝรั่งเศส ยังไม่สามารถทำประตูจากจังหวะโอเพ่นเพลย์ได้เลย มีเพียงจุดโทษ และ โอนโกล ส่วนเบลเยี่ยม หลังผ่านยุค โกลเด้น เจนเนอเรชั่น คงถึงเวลาแล้วที่พวกเขาต้องเปลี่ยนผ่านสายเลือดใหม่อย่างแท้จริง
แท็กติก เดส์ช็องส์ มีส่วนทำตราไก่ฝืด
โอเคแม้ว่าตอนนี้ ถือว่ายังทำได้ตามเป้าและยังอยู่ในเส้นทางอยู่สำหรับทีมชาติฝรั่งเศส เพราะปัจจุบันพวกเขาก็ทะลุเข้าไปเล่นรอบ8ทีมได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีคู่แข่งเป็นโปรตุเกส แต่ถึงกระนั้นก็ดีต้องบอกว่ารูปเกมทั้ง4นัดของ ตราไก่ น่าอึดอัดไม่น้อย
เมื่อคืน ดิดิเย่ร์ เดส์ช็องส์ มาในแผน 4-3-3 (4-3-1-2)ซึ่งเป็นแผนที่เจ้าตัวใช้มาตลอดในยูโร 2024 คราวนี้ แต่ทว่าก็มีการปรับเปลี่ยนแนวรุกจากเกมที่เสมอโปแลนด์ จาก เอ็มปํ๊ปเป้ - ตูราม -เดมเบเล่ มาเป็น เอ็มปั๊ปเป้ - ตูราม และ กรีซมันน์
ซึ่งก็ดูไม่ได้แตกต่างจากนัดที่ผ่านมาๆมาเท่าไหร่ ถ้าพูดถึงความไหลเลื่อนในแนวรุก ระบบ 4-3-3 ดูเหมือนจะทำลายธรรมชาติของพวกเขาไม่น้อย เพราะในหลายทัวร์นาเม้นต์ ไล่มาตั้งแต้ บอลโลก 2018 ตราไก่ เล่นได้ไฉไลสุดๆในระบบ 4-2-3-1
เกมริมเส้นที่เป็นจุดเด่นของฝรั่งเศส ที่มีตัวจี๊ดจ๊าดเร็วคล่อง กลับไม่ได้สำแดงฤทธิเท่าไหร่ เพราะกลายเป็นแบ็กอย่าง ฌูลส์ กุนเด้ และ เตโอ เเอร์กน็องเดซ ที่มีบทบาทมากกว่า ติวริมเส้นขอพวกเขา (ยกเว้น เอ็มปั๊ปเป้) ไม่ค่อยมีจังหวะลากตะลุย เวลาไปไม่ได้จะเน้นเคาะเข้ากลางเสียมากกว่า
เมื่อคืนจังหวะโจมตีของฝรั่งเศส กลายเป็นลูกยิงไกลและพยายามเจาะเข้ากลางมากกว่า แถมยังซัดโด่งออกไปเองแบบไม่ได้ลุ้นหลายทีด้วย เกมริมเส้นที่เป็นจุดเด่นหายไปเลยกับแท็กติกที่ เดช็องส์ เลือกใช้ในยูโร2024 แถมตัวของกุนซือวัย55ปี ยังเปลี่ยนผู้เล่นแก้เกมเมื่อคืนเพียงแค่1คนเท่านั้น
ลีกซาอุฯ ไม่มีผลกับฟอร์ม ก็องเต้
การไปเล่นยัง ซาอุดิอาระเบีย โปรลีก และด้วยวัยที่ใกล้ฝั่ง (ในอาชีพนักฟุตบอล) 33ปี รวมถึงห่างหายไปจากเกมทีมชาตินับ2ปี แต่ทว่านั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่ ทำให้ ดิดิเย่ร์ เดช็องส์ จะเมินเรียกตัว เอ็นโกโล่ ก็องเต้ มาติดทัพตราไก่ ในยูโร 2024 นี้แต่อย่างใด
ด้วยอายุที่มากขึ้น และการไม่ได้เล่นในลีกท็อปของยุโรป แต่ทว่าสิ่งนั้นไม่ได้เป็นอุปสรรคหรือลดทอนฟอร์มการเล่นของ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ เลย 4นัดในยูโร ก็องเต้ กวาดรางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ไปถึง2
กับเบลเยี่ยม เมื่อคืน แม้เจ้าตัวจะไม่ได้โดดเด่นมาก แต่ก็ถือว่าทำได้ตามมาตรฐานของตัวเอง การวิ่งสู้ฟัด ในทุกๆพื้นที่ของสนามนี่คือภาพที่เราเห็นจนคุ้นชินตาของก็องเต้ อยู่แล้ว มิดฟิลด์8ปอด ทำได้ดีมากๆในเรื่องของการผ่านบอล (95%) และเป็นคนแอสซิสต์ให้ มูเอานี่ ซัดแฉลบเป็นประตูชัยให้ทีมผ่านเข้ารอบอีกด้วย
ช็อตที่น่าประทับใจของ คนเล็กหัวใจโตรายนี้ เห็นทีจะเป็นการวิ่งไล่ฟัดกับ เฌเรมี่ โดกู ของเบลเยี่ยม ที่เล็กเหมือนกัน มีทั้งจังหวะที่เบียดชิงบอลเอาชนะได้ แต่ก็มีพลาดท่าไปทำฟาวล์เพราะเจอความเร็วความคล่อง เช่นกัน
โดยการลงสนามของ ก็องเต้ ช่วยเพิ่มสถิติที่ยอดเยี่ยมนั่นก็คือ เมื่อเจ้าตัวได้ลงเล่นในรายการเมเจอร์ให้กับทีมชาติฝรั่งเศส ทัพ " เลอ เบลอส์ " ไม่เลยปราชัยเลยเวลาที่เจ้าตัวอยู่ในสนาม ทั้ง19นัด (ชนะ 13 และ เสมอ6)
แนวรุกตราไก่ ฝืดเคืองสุดๆ
ปรกติทีมชาติฝรั่งเศส จุดเด่นของพวกเขาในทุกยุคทุกสมัยนั่นก็คือ แนวรุก ความจัดจ้านของตัวริมเส้น แต่ทว่ามาในทัวร์นาเม้นต์ที่เยอรมัน ทีมแชมป์โลก2สมัย กลับไม่จัดจ้านเหมือนเดิม ทั้งที่มีบรรดาแนวรุกเต็มสูบล้นทีมทั้ง คิลิยัน เอ็มปั๊ปเป้ - อองตวน กรีซมันน์ - อุสมาน เดมเบเล่ รวมไปจนถึงเหล่าดาวรุ่งอย่าง โคโล่ มูเอานี่ รวมไปจนถึง แบรดลีย์ บาร์โคล่า
แต่อนิจจาผ่านมา 4เกม ทีมชาติฝรั่งเศสกลับผลิตสกอร์ได้เพียงแค่ 3เม็ดเท่านั้น และเป็นการทำเข้าประตูของคู่แข่ง2เม็ด ส่วนอีกลูกเป็นจุดโทษ เท่ากับว่า ในจังหวะโอเพ่นเพลย์พวกเขา ยังไม่มีนักเตะของตัวเอง ส่งบอลไปซุกก้นตาข่ายได้เลย
ปีกตัวรุกริมเส้นเหมือนถูกจำกัดบทบาทลงด้วยแท็กติก เหมือนถูกบังคับให้จ่ายเข้าใน มากกว่าจะกระชากลากเลื้อยเลี้ยงกินตัวไปเอง การเติมเกมริมเส้นบทบาทหนักกลายเป็นแบ็กซ้ายขวาอย่าง เตโอ เเอร์กน็องเดซ และ ฌูลส์ กุนเด้ มากกว่า
อย่างไรก็ทีแม้ว่าด้วยแท็กติกการเล่นจะมีส่วนทำให้ฝรั่งเศสเกมรุกฝืดเคืองด้วย แต่ก็ต้องยอมรับเช่นกันว่าแนวรุกพวกเขาเองทำตัวน่าหงุดหงิดมากๆ โดยเฉพาะ มาร์คุส ตูราม ที่ทำอะไรก็จังหวะผิดไปหมด หลังจากหายเจ็บกลับมา บุตรชายของ ลิลิย็อง ตูราม ก็ยังไม่ใช่คนเดิม
อ็องตวน กรีซมันน์ ที่มักจะฟอร์มเทพกับทีมชาติ ก็ดูแข้งขาอ่อนแรง จบสกอร์ไม่คมเหมือนแต่ก่อน เมื่อคืนฝรั่งเศส มีโอกาสยิงมากถึง16ครั้ง แต่ทว่านั่นก็มีเพียง2ครั้งที่เข้ารอบ โดยเฉพาะในรายของ โอเลเรียง ชูอาเมนี่ ที่ซัดไกล ยิงนกตกปลาเป็นว่าเล่น
ลูกากู จบทัวร์นาเม้นต์ไร้สกอร์
แม้ว่าจะเวลาที่ฟอร์มไม่ดีไม่เปรี้ยงปร้างในสโมสร แต่ทว่าพอมาสวมเสื้อทีมชาติเบลเบี่ยม ก็มักจะกลายเป็นเครื่องจักรถล่มประตูไปเลยสำหรับ โรเมลู ลูกาก การันตีได้จาก 85ประตูในทีมชาติ (สถิติสูงสุด) และในยูโร 2024 รอบคัดเลือก " พี่ตู้" ก็อาจหาญถึงขนาดเป็นดาวซัลโวเลย หลังกดไป 14ประตู
แต่ทว่าอย่างไรก็ตามในรอบแบ่งกลุ่ม 3นัดแรก โรเมลู ลูกากู ยังเป้าสะอาด ซึ่งก็น่าเห็นใจเจ้าตัวตรงจุดที่สามารถส่งบอลไปซุกก้นตาข่ายได้ถึง3ครั้ง แต่ทว่าโดน VAR ยึดคืนหมดเลย นอกจากนี้ยังถือว่าลูกากู ได้รับการสนับสนุนจากเพื่อนร่วมทีมน้อยด้วย
การดวลกับฝรั่งเศส ทำให้ ลูกากู ได้ฟัดกับกองกลังที่พัฒนาฟอร์มตัวเองขึ้นมาอย่างมากในช่วง 1-2ปีหลังอย่าง วิลเลี่ยม ซาลิบา ซึ่งผลก็ปรากฎว่าเซ็นเตอร์จากอาร์เซน่อล ประกบติดดาวยิงตัวความหวังของของเยี่ยมได้อย่างอยู่หมัดเลย
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของลูกกลางอากาศ การชิงเหลี่ยมเล่นบอล ลูกากู โดนประกบตายหมดเลย รวมถึงหน้าที่ในการพักบอล ดาวยิงร่างยักษ์รายนี้ ยังทำไม่ค่อยได้อีกด้วย ซึ่งก็ต้องให้ความเป็นธรรมเจ้าตัวด้วยเพราะโดนทิ้งให้โดดเดี่ยวไปหน่อย หรือเวลาได้บอลก็มักจะเป็นเพลย์ที่ยากหรือหันหลังให้ประตูเสมอ
จังหวะซัดหนเดียวของเจ้าตัวเมื่อคืน ก็ยิงไม่หนีมือ ไมค์ เมญอง ที่ปัดออกมาได้สบายๆ นั่นเท่ากับว่าโอกาสจบสกอร์11ครั้งในยูโรหนนี้ ลูกากู ไม่สามารถมีชื่อบนสกอร์บอร์ดได้เลย
ส่วน หลุยส์ โอเพนด้า ที่ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงแดนหน้าคู่กับ ลูกากู ก็บทบาทน้อยไปหน่อย โดยก่อนหน้าดาวยิงจาก ไลป์ซิก พึ่งได้เล่นในยูโรรวมไปเพียง7นาทีเท่านั้น นั่นทำให้ตลอด90นาที ทัพปีศาจแดงแห่งยุโรป มีโอกาสยิงแค่2ครั้งเท่านั้น
โดกู อันตรายจริง แต่ต้องปรับจังหวะสุดท้ายด่วน
ด้วยรูปเกมที่น่าอึดอัดสุดๆของเบลเยี่ยม เพราะเมื่อพยายามจะเซ็ตเกมบุกตรงแดนกลาง พวกเขามักจะโดนผู้เล่นฝรั่งเศส บีบเพรสเข้าเร็วเสมอ ทำให้ครองบอลได้ไม่นาน ก็โดนบีบจนเสียบอลซะงั้น หรือเมื่อเวลาจะสวนกลับจ่ายกันได้ไม่กี่จังหวะก็โดนตัดได้
เพราะฉะนั้นการใช้ความสามารถเฉพาะตัวของนักเตะ น่าจะเป็นวิธีแก้ลำที่ได้ผลซึ่งผู้เล่นของเบลเยี่ยม น่าจะมีแค่รายเดียว ที่มีจุดเด่นเรื่องนี้นั่นก็คือ เฌเรมี่ โดกู จึงจะทำได้ดีก็ต่อเมื่อในจังหวะสวนกลับมีพื้นที่ให้กระชาก
ระบบ 4-4-2 ปีกขวาเป็น ยานนิค การ์ราสโก้ ปีกซ้าย เป็น โดกู ซึ่งทางฝั่งขวาไม่ค่อยจะได้ผลเท่าไหร่กับ การ์ราสโก้ ดาวเตะจาก อัล - ชาบับ มีจังหวะได้ตามซ้ำลูกยิงของ เควิน เดอ บรอยน์ แต่ทว่าช้าแต่งตัวนานไปหน่อย จนโดน เตโอ บล็อกได้ทัน
โดกู มีจังหวะกระชากไปไหลเรียดให้ ลูกากูได้ยิง ปีกจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีสถิติเลี้ยงบอลผ่านมากถึง 3ครั้ง เรียกฟาวล์ได้5หน แต่ทว่าจังหวะสุดท้ายในเขตโทษ โดกู ทำได้ไม่ใกล้เคียงเลย มีเปิดติดกับเปิดล้นเสียเป็นส่วนใหญ่
ซึ่ง เฌเรมี่ โดกู ที่ยึกๆยักๆ แต่ไปตายจังหวะสุดท้าย เป็นภาพที่เราเห็นบ่อยเวลาเล่นให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อย่างไรก็ตามต้องโทษ กุนซือ โดนิมิโก้ เทเดสโก้ ด้วยที่มาเล่นแบบการเป็นทีมเล็กไปหน่อย เน้นรับเต็มสูบ
โดกู แทบจะเล่นเป็นแบ็กอยู่แล้ว ซึ่งตามจริงเจ้าตัวต้องอยู่สูงในแดนคู่แข่งจะอันตรายกว่า เพราะเป็นแข้งประเภทมีสปีดต้นดี แต่แรงปลายไม่เท่าไหร่ รวมถึงการแก้เกม เทเดสโก้ ก็เปลี่ยนตัวผู้เล่นเพียงแค่3รายเท่านั้น และเหล่าตัวรุกอย่าง ชาร์ลส์ เดอ เกเทลาเร่อ และ โดดี้ ลูเกบากิโอ กว่าจะลงสนามมาก็ปาเข้าไป น.88
- คอลัมน์นิสต์
- ยูโร2024 ฝรั่งเศส เบลเยี่ยม โกโล มูอานี่ วิเคราะห์บอล คิลิยัน เอ็มปั๊ปเป้ ดิดิเย่ร์ เดส์ช็องส์
- 834
- 02 ก.ค. 2567 14:08