เครื่องสะดุดต่อเนื่อง ! ค้อน ตามเจ๊า หงส์ 2-2 คล็อปป์ - ซาลาห์ ปะทะคารมเดือด
มาจนถึงตอนนี้ เรื่องการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกประจำฤดูกาล 2023-2024 คงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ อาร์เซน่อล เพียง2ทีมเสียแล้ว จากตอนแรกที่มองเป็นม้า3ตัว ลิเวอร์พูลที่มาออกทะเลช่วงเดือนเมษายน ก็ทำท่าจะหมดลุ้นแชมป์อย่างเป็นทางการแล้วในเชิงปฎิบัติ เมื่อล่าสุดหงส์แดงทำได้เพียงแค่บุกไปเสมอกับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด 2-2 ชนิดที่มีประเด็นให้ปวดหัวท้ายเกมกับเรื่องของ เจอร์เก้น คล็อปป์ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์
ลิเวอร์พูล หลังจากบุกไปแพ้ เอฟเวอร์ตัน ถึง กูดิสัน ปาร์ค 0-2 เมื่อกลางสัปดาห์ และเป็นการไปแพ้ที่รังของทอฟฟี่สีน้ำเงินเป็นครั้งแรกในรอบ14ปี ทำให้ จำเป็นอย่างมากที่ต้องบุกไปชนะเวสต์แฮม ให้ได้ในวันเสาร์นี้เพื่อรักษาความหวังในการลุ้นแชมป์ต่อไป
ในเรื่องของการจัดตัว " เจเค " ตัดสินใจดร็อป โมฮาเหม็ด ซาลาห์ และ ดาร์วิน นูนเญซ เป็นเพียงตัวสำรอง พร้อมให้โอกาส ไรอั้น กราเวนเบิร์ช และ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ ได้ออกสตาร์ทตัวจริง ทางฝั่งเจ้าบ้านขุนค้อน ที่ช่วงหลังฟอร์มดร็อปมากๆ ก็มาใน11ผู้เล่นตัวจริงชุดที่ดีที่สุด นำทัพโดย มิคาอิล อันโตนิโอ - จาร็อด โบเว่น และ ลูคัส ปาเกต้า
ส่วน เจมส์ วอร์ด - พราวส์ เจ้าพ่อฟรีคิก มีชื่อเพียงบนม้านั่งสำรอง เปิดเกมมาต้องบอกว่า พลพรรคหงส์แดง ดูมีชีวิตชีวาและดูมีแรงกระหายมากกว่านัดกับทอฟฟี่ และก็มีโอกาสจบสกอร์ได้เข้าทำหลายครั้งใส่ทีมของ เดวิด มอยส์ แต่ทว่าไม่คมเลย
และหวยก็มาออกในรูปแบบเดิม " เดอะ แฮมเมอร์ส " ที่เป็นรองทุกอย่าง แต่ทว่าลิเวอรพูลที่ครองเกมเหนือกว่าก็มาโดนนำ 1-0 ดื้อๆ จาก ลูกโขกไร้ตัวประกบของ จาร็อด โบเว่น น43 จบครึ่งแรกโดยที่เจ้าบ้านนำก่อนแบบงงๆ
ทว่าอย่างไรก็ตามเหมือนช่วงพักครึ่ง เจอร์เก้น คล็อปป์ จะแก้เกมและกระตุ้นลูกทีมมาดี และมายิงแซง2เม็ดรวดขึ้นนำมา 2-1จาก แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน น.49 และลูกยิงของ โคดี้ กัคโป ที่ไปแฉลบผู้เล่นเวสต์แฮมถึง3คน รวมโกล อเรโอล่า เข้าประตูไป น.65
การแซงขึ้นนำ 2-1 บวกกับยังครองเกมสร้างโอกาสเกมรุกได้เป็นระยะ ดูจากมุมไหนหากคุมสถานการณ์ได้ ไม่ลนไปเอง ลิเวอร์พูล ก็น่าจะควัก3แต้มออกจาก ลอนดอน สเตเดี้ยม ได้ไม่ยาก แต่ทว่าอยู่ดีๆ พวกเขาก็มาโดนตีเสมอ2-2 ดื้อๆ โบเว่น ครอสบอลมาให้ มิคาอิล อันโตนิโอ โขกเข้าไป น.77
และจบ90นาที ด้วยสกอร์ดังกล่าว ผลเจ๊าดังกล่าวแทบจะทำให้ ลิเวอร์พูล หมดลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกในเชิงปฎิบิติ เพราะตามหลังจ่าฝูง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อยู่1แต้ม แต่ทว่าแข่งมากกว่าถึง2นัด ส่วนประเด็นการโต้คารมเดือดของ เจอร์เก้น คล็อปป์ กับ โม ซาลาห์ ก็เป็นเรื่องที่ต้องจับตามองเช่นกัน โดยเฉพาะในรายของสตาร์ชาวอียิปต์ ที่ออกมาพูดหลังเกม ซึ่งเหมือนเป็นการกระโหมไฟรอยร้าวเข้าไปอีก
โบเว่น ทุบสถิติ ยิง1จ่าย1 ใส่หงส์
แม้ฤดูกาลนี้จะมีทั้งช่วงที่ฟอร์มขึ้นฟอร์มลง มีช่วงเท้าบอด แต่ก็ต้องบอกว่าภาพรวมของ โบเว่น ถือว่าดีมากๆเลย โดยเฉพาะถ้าวัดจากจำนวนประตูและแอสซิสต์ บางแมตช์ที่ทีมไม่มีกองหน้าตัวเป้า ก็เป็น โบเว่น นี่แหละที่ขัดตราทัพเล่นแทนให้ได้ แต่ทว่าเกมเจอกับหงส์แดง แข้งวัย27ปีรายนี้ ก็ได้เล่นในตำแหน่งเก่งนั่นก็คือตัวรุกทางฝั่งขวา
แต่ทว่าด้วยรูปเกมที่ขุนค้อนเป็นรอง ทำให้บอลจากกลางไม่ค่อยมาถึงแดนหน้า โบเว่น จึงไม่ค่อยได้มีโอกาสกระชากลากเลื้อยเท่าไหร่ แต่ทว่านานๆทีมาหน โบเว่น ก็อันตรายและสร้างความปั่นป่วนให้ โรเบิร์ตสัน ได้เหมือนกัน
โดยเฉพาะจังหวะสวนกลับที่มี วลาดิเมีย คูฟาล โอเวอร์แลปเข้ามาช่วย โบเว่น ที่แม้ไม่ใช่ผู้เล่นที่มีรูปร่างสูงใหญ่นัก แต่ทว่าลูกกลางอากาศเจ้าตัวก็ทำได้ดีเกินคาดมากๆ เพราะโขกลูกเปิดของ โมฮาเหม็ด คูดุส กดลงพื้นเข้าไปแบบเสียบมุมสุดๆ
รวมถึง จาร็อด โบเว่น ก็มาทำแอสซิสต์ ด้วยการเปิดให้ มิคาอิล อันโตนิโอ โขกบังคับทิศทางเข้าไปอย่างสวยงาม หลังจากนั้นเกมก็ค่อนข้างเปิด โดยปีกเลือดผู้ดีรายนี้ ปั่นป่วนแนวรับหงส์แดงมากๆ เวลาที่ต้องสวนกลับ
โดยประตูที่ทำได้เมื่อคืนทำให้ จาร็อด โบเว่น สร้างสถิติ เป็นผู้เล่น เวสต์แฮม ในยุคพรีเมียร์ลีกรายที่3 ที่ยิงรวมครบ20ประตูรวมทุกรายการ ต่อจาก เท็ดดี้ เชอร์ริงแฮม และ มาร์ลอน แฮร์วู้ด รวมถึงยังทาบสถิติยิงในลีกฤดูกาลเดียวของ เปาโล ดิ คานิโอ เมื่อซีซั่น 1999-2000 ได้ (16ประตู)
อันโตนิโอ กองหน้าที่ตอบโจทย์สไตล์ของ มอยส์
จานลูก้า สคามัคค่า ที่เป็นกองหน้าสไตล์เทคนิคดี ยังไปไม่รอดเลยกับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ซึ่งไม่ใช่ว่าดาวยิงทีมชาติอิตาเลี่ยนรายนี้ ไม่เก่ง แต่ด้วยแท็กติกการเล่น สคามัคค่า เลยไม่ตอบโจทย์แผนของ เดวิด มอยส์ เท่าไหร่ ที่ต้องอาศัยความแข็งแกร่งเป็นหลัก
เราจึงไม่แปลกใจเลยที่ มิคาอิล อันโตนิโอ จะครองตำแหน่งตัวจริงของ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด มาตลอดในระยะ 3-4ปีหลัง หลังจากขยับจากปีกมาเป็นหน้าเป้า เพราะด้วยรูปร่างและสไตล์การเล่น ที่บังบอล พักบอล ไถไปข้างหน้าเพื่อรอผู้เล่นตำแหน่งปีกเติมขึ้นมา
แต่ทว่าเกมเมื่อคืน ดาวยิงทีมชาติจาไมก้า ก็มีช่วงที่ดับสนิทเหมือนกันนะ กับการต้องดวลกับ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ที่ทั้งตัวสูงใหญ่และเทคนิคดี แถมจังหวะเบียดปะทะของ VVD ยังไม่ได้เป็นรอง อันโตนิโอ อีกด้วย
จะว่าไปนี่คือนัดที่ อันโตนิโอ ได้บอลน้อยมากๆ11ครั้ง แต่ทว่าด้วยรูปเกมส่วนใหญ่ที่เป็นรองด้วย ทำให้บอลไม่ได้ถูกลำเลียงมาที่แดนหน้าเท่าไหร่ ถึงกระนั้นก็ดีเมื่อมีโอกาสเหน่งๆเพียงแค่ครั้งเดียว หอกวัย34ปี ก็ขวิดได้ทั้งมุมและน้ำหนักที่เฉียบขาดดีนักแล
แม้ว่าจะไม่ค่อยได้บอล แต่ อันโตนิโอ ก็ทำงานหนักมากๆในแดนบนกับการยืนค้ำ แถมยังพยายามวิ่งไล่บีบจากแดนบน กดดันคู่เซ็นเตอร์ลิเวอร์พูลไม่ให้ออกบอลง่ายๆ นั่นทำให้กองหน้า เวสต์แฮม รายอื่นๆอย่าง แดนนี่ อิงส์ และ ดิวิน มูบาม่า ที่ไม่ค่อยตอบโจทย์แท็กติการเล่นของ เดวิด มอยส์ เท่าไหร่ ได้โอกาสลงสนามน้อย
เอ็นโด โดนบี้หนัก - กราเวนเบิร์ช เล่นดี แต่ไม่คม
ตั้งแต่เกมที่แพ้ อตาลันต้า 0-3 วาตารุ เอ็นโด ก็เหมือนจะหลุดฟอร์มมาเรื่อยๆเลย เหมือนคู่แข่งจะเห็นการบ้านที่ดีจากทีมแดน " แบร์กาโม่ " นั่นก็คือการบีบเร็ว เข้าใส่ ดาวเตะชาวญี่ปุ่นรายนี้ ที่ขาดความเร็ว และการพลิกแพลงที่ดีเวลาโดนบีบ หรือเข้าอัดหนัก
การโดนใบเหลืองตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงแรกของ เอ็นโด นั่นส่งผลให้อดีตดาวเตะสตุ๊ตการ์ทเล่นยาก และต้องระมัดระวังพอสมควรกับการเข้าบอล เพราะถ้าพลาดจังๆอาจเป็นเหลืองสอง เป็นใบแดงได้เลย ทำให้หลังจากนั้นจังหวะจะ 50/50 วาตารุ ยั้งไว้ตลอด
นัานทำให้เกมตรงกลางของเวสต์แฮม ทะลุปล้องมาง่ายมา รวมถึงร่างกายและแรงปะทะของ เอ็นโด ก็เป็นรองคู่มิดฟิลด์ของเจ้าบ้าน โทมัส ชูเช็ค และ เอ็ดสัน อัลวาเรซ ส่วนในเรื่องความเร็วความคล่องก็เป็นรอง ลูคัส ปาเกต้า มากๆ
ส่วนแดนกลางอีกคนอย่าง ไรอั้น กราเวนเบิร์ช ที่เล่นดีในนัดที่เอาชนะฟูแล่ม 3-1มิดฟิลด์ชาวดัตช์ ส่วนนัดที่แพ้เอฟเวอร์ตัน เจ้าตัวไม่ได้ลงสนาม เมื่อคืน กราเวนเบิร์ช เล่นใช้ได้เลยนะ จ่ายบอลคีย์พาสได้2หน และเลี้ยงบอลผ่านนักเตะเจ้าบ้าน7ครั้ง
โดยจุดเสียเดียวของเจ้าตัวเมื่อคืนนั่นก็คือ การจับสกอร์ที่ไม่เฉียบขาดเท่าไหร่ โดยเฉพาะลูกที่ หลุยส์ ดิอ๊าซ ตบกลับมาให้ แต่ กราเวนเบิร์ช กลับเลือกยิงดีดแบบเสียของมากๆ โด่งข้ามคานออกไปแบบไม่ได้ลุ้น
ส่วนกองกลางอีกคนอย่าง อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ แม้จะเล่นได้ไม่ดีมาก แต่ก็น่าจะเป็นคนที่พยายามที่สุดแล้วในการดวลกับห้องเครื่องเจ้าบ้านทีมีลูกหนักอย่าง อัลวาเรซ- ซูเช็ค ซึ่ง " แม็คก้า " ถือว่าโชคร้ายด้วยที่โดน ปาเกต้า เข้าบอลช้าจนโดนย่ำ แต่ทว่าผู้ตัดสินกับเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ไม่แจกใบแดง หรือแม้กระทั่งเหลืองเลย
แนวรุกจบไม่คม (อีกแล้ว) ดิอ๊าซ อันตรายคนเดียว
จะว่าไปช่วง 5-6นัดหลังสุดที่ลิเวอร์พูลฟอร์มตก ทำแต่มหล่นเรี่ยราด ถ้าเอาในเรื่องของรูปเกมจังหวะการเข้าทำของพวกเขาไม่ได้เป็นปัญหาเลยนะ การต่อบอล ลำเลียงบอลเข้าไปในพื้นที่สุดท้ายยังทำได้ดีเสมอ แต่ทว่าเรื่องการจบสกอร์นี่แหละที่ทำไม่ได้คมกริบเหมือนต้นฤดูกาล
นั่นจึงทำให้ผู้เล่นที่แผ่วลงไปชัดเจนอย่าง ซาลาห์ และ นูนเญซ ต้องเป็นเพียงตัวสำรองนัด เวสต์แฮม โคดี้ กัคโป ที่ระยะหลังเล่นดี พักบอล เชื่อมเกมได้ แต่พอมาเมื่อคืน แข้งชาวดัตช์ ทำได้น่าหงุดหงิดมากๆในเรื่องของจังหวะการยิง เพราะเมื่อได้สับไกลคราใด ก็มักจะติดบล็อกตลอด ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไม่เน้นหรือบังคับทิศทางบอลได้ไม่ดีเปล่า
แนวรุกหงส์แดงที่พอจะคุกคามเวสต์แฮมได้มากที่สุด เห็นทีจะเป็น หลุยส์ ดิอ๊าซ ที่เลี้ยงตะลุยไปกับบอลได้สะเด่ามากๆ และประทานโทษ ปีกชาวโคลัมเบีย จ่ายจังหวะคีย์พาสได้มากถึง7ครั้ง และก็เป็นคนแอสซิสต์ให้ โรเบิร์ตสัน กับประตู 1-1
น่าเสียดายที่ลูกลากตัดยิงเสาแรกของเจ้าตัวไปชนเสาเข้าอย่างจัง ความคล่องแคล่วว่องไงของ ดิอ๊าซ ทำให้ แบ็กขวาอย่าง คูฟาล ต้องเหนื่อยหนัก แต่น่าเสียดายที่ หลุยส์ ดิอ๊าซ ต้องถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนาม ทั้งที่เป็นแนวรุกที่อันตายที่สุดในทีม
ที่ ลอนดอน สเตเดี้ยม เมื่อคืน ลิเวอร์พูล แม่นเสาและคานไปอย่างละครั้ง จาก ดิอ๊าซ และ เอลเลียตต์ นั่นทำให้เท่ากับว่าฤดูกาลนี้ พลพรรคหงส์แดงยิงชนเสาและคาน รวมไปมากถึง 23ครั้ง โดยคนที่จองเสาคานมากที่สุดนั่นก็คือ ดาร์วิน นูนเญซ 9หน
คล็อปป์ Vs ซาลาห์ เดือดต่อหลังจบเกม
กว่าจะยิงได้สักประตู ต้องใช้โอกาสมากมายเหลือเกิน สำหรับ ลิเวอร์พูล ในช่วง1-2เดือนที่ผ่านมา เพราะปรกติแนวรุกของพวกเขา จะมี โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ที่ฟอร์มเสถียรอยู่ตลอด นอกนั้นฟอร์มสลับกันขึ้นลงทั้ง ดาร์วิน นูนเญซ - หลุยส์ ดิอ๊าซ - โคดี้ กัคโป หรืออาจรวมไปจนถึง ดิโอโก้ โชต้า (ที่เจ็บอยู่)
แต่ทว่า ณ ตอนนี้ เป็น ซาลาห์ ที่ฝืดมาตลอด หลังกลับมาจาก แอฟริกัน เนชั่น คัพ " บังโม " ยิงไปได้เพียงแค่3เม็ดในลีกเท่านั้น ซึ่งถือว่าเป็นฟอร์มที่ไม่ค่อยปรกติ ทำให้ทั้งในเกมพรีเมียร์ลีกกับ ฟูแล่ม และ เอฟเวอร์ตัน แข้งชาวอียิปต์เป็นได้เพียงแค่ตัวสำรอง
รวมไปจนถึงตัวกุนซือ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็ดูตื้อๆตันๆหมดไฟ เหมือนกันทั้ง อากัปกิริยา ที่ดูซึมเศร้าเหงาแฮงค์ พอสมควร เวลาทีมอยู่ในสถานการณ์ที่ตามหลัง หรือการเลือกเปลี่ยนตัว นายใหญ่ชาวเยอรมัน ทำได้ขัดใจและพลาดบ่อย
เมื่อคืนทั้ง ดิอ๊าซ และ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ -อาร์โนลด์ ที่เล่นดีแต่กลับเปลี่ยนตัวออกซะงั้น การผ่อนหนักผ่อนเบา ตามโปรแกรมต่างๆนี่คือสิ่งที่ ลิเวอร์พูล ดูจะเป็นรอง อาร์เซน่อล และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในช่วง100เมตรสุดท้ายของการลุ้นแชมป์
ตอนที่หงส์แดงนำ 2-1 มีโอกาสมากๆที่จะคว้า3แต้ม เพราะ " เดอะ แฮมเมอร์ส " ไม่มีอะไรแล้ว แต่ทว่าเหมือนลิเวอร์พูล จะไม่เน้นหรือเลือกไม่ปิดเกมไปเองมากกว่า ทำให้เวสต์แฮม ยังพอมีลมหายใจได้สวนอยู่เป็นระยะ ทั้งที่ไม่มีอะไรน่ากลัวเลย
ส่วนที่ไม่พูดถึงไม่ได้ เผลอๆ เป็นประเด็นมากกว่าการหลุดเสมอด้วยซ้ำนั่นก็คือการปะทะคารมกันช่วงเปลี่ยนตัวของ เจอร์เก้น คล็อปป์ กับ โม ซาลาห์ ที่ดุเดือดพอควร จน " เจเค " ต้องถอยให้ ไม่อยากบวก แต่ทว่าเรื่องไม่จบง่ายๆ
เพราะหลังจบเกม ซาลาห์ บอกว่า ถ้าเรื่องนี้พูดออกไป ไฟลุกแน่ๆ ทำให้สื่อกำลังเล่นประเด็นนี้ไปกันใหญ่ ต้องมาดูว่าช่วงเวลาที่เหลือของฤดูกาล จะอำลาได้สวยแค่ไหน รวมถึง " บังโม " จะได้ลงเล่นตัวจริงในอีก4นัดสุดท้ายหรือไม่ หลังจังหวะวิวาทะเดือดตอนกำลังเปลี่ยนตัวข้างสนาม
- คอลัมน์นิสต์
- พรีเมียร์ลีก คอลัมน์บอล วิเคราะห์บอล เวสต์แฮม ลิเวอร์พูล เจอร์เก้น คล็อปป์ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จาร์รอด โบเว่น
- 427
- 28 เม.ย. 2567 14:22