(อยู่) ธี่แปด ! ผี โคตรน่าอาย พาเลซ เปิดบ้านสอนบอลเละ 4-0 โอลิเซ่ เสก2เม็ด
ท่าจะเอาไม่อยู่ออกอ่าวออกทะเลเป็นชาวประมงไปแล้ว สำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอาจริงๆพวกเขาก็ออกลางไม่ดีมาตลอดช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา สิ่งที่ยังเหมือนเดิมตั้งแต่ต้นฤดูกาลก็ยังแก้ไม่หาย แต่ทว่าก็แตกต่างจากตอนแรกที่แม้เล่นห่วยก็ยังพอคว้าผลลัพธ์ที่ต้องการได้ มาจนถึงตอนนี้ ทั้งเล่นห่วยและเก็บผลการแข่งขันไม่ได้ เมื่อคืนพลพรรคปีศาจแดงจึงบุกไปโดน คริสตัล พาเลซ สอนบอลแบบเสียสุนัขสุดๆ 4-0
ก่อนเกมไปเยือน เซิลเฮิร์ด ปาร์ค เอริก เทน ฮาก ต้องเจอเรื่องน่าปวดหัวในการจัดทัพสุดๆ เพราะ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ก็เจ็บระหว่างซ้อมไปอีก ทำให้คู่เซ็นเตอร์ต้องเป็น กาเซมิโร่ เจ้าเดิมขัดตราทัพ และ จอห์นนี่ อีแวนส์ ที่พึ่งหายเจ็บกลับมาได้ลงตัวจริง
รวมไปจนถึง บรูโน่ แฟร์นันเดซ ที่ปรกติเจ็บยากมาก ก็เดี้ยงไปก่อนเกมนัดนี้ นอกนั้น ETH ก็ใช้ผู้เล่นที่ดีที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ 3ประสานในแนวรุก ราสมุส ฮอยลุนด์ - อเลฮานโดร การ์นาโช่ และ อันโตนี่ รวมไปจนถึง จอมล่องหน เมสัน เมาท์ ยืนเป็นเพลย์เมคเกอร์
เป่านกหวีดเริ่มเกมมา ไม่รู้ว่าเล่นนี่คือ คริสตัล พาเลซ หรือ บาร์เซโลน่า กันแน่ (สีเสื้อโทนเดียวกัน) เพราะเจ้าบ้านเหนือกว่าผู้มาเยือนมากๆ แม้ว่าจะครองบอลน้อยกว่า แต่นั่น แมนฯยูก็ได้แค่ครองบอลในแดนตัวเอง " ดิ อีเกิ้ลส์ " มาในรูปแบบดักบอลในแดนกลางได้ แทงออกปีกรอสวนกลับ
และนั่นก็ได้ผลมากๆ เพราะ ไมเคิ่ล โอลิเซ่ และ เอเบเรซี่ เอเซ่ ใช้ความเร็วความคล่อง ทักษะส่วนตัว เล่นงานแนวรับปีศาจแดงหัวหมุนล้มคะมำไปหมดทั้งเซ็นเตอร์และแบ็กซ้ายขวา ก่อนที่จะมาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 จาก โอลิเซ่ น.12 และไหลเป็น 2-0 จาก ฌอง-ฟิลิปป์ มาเตต้า น.40 จบ45นาทีแรกด้วยสกอร์ดังกล่าว
พอครึ่งหลังมาทุกๆอย่างก็ยังเป็นเหมือนเดิม เป็นแมนยู ที่ได้แค่ครองบอลในแดนตัวเอง ลำเลียงบอลขึ้นหน้าหาโอกาสจบใกล้เคียงไม่ได้ และท้ายที่สุด ก็มาโดนหมัดน็อกอีก2เม็ดของเจ้าบ้าน ไทริค มิเชลล์ น.58 และ ไมเคิ่ล โอลิเซ่ กดเบิ้ลอีกเม็ด น.66
สกอร์ขาดลอย4-0 ตั้งแต่ยังไม่เข้าช่วง20นาทีสุดท้าย เผลอๆ ถ้าทัพปราสาทเรือนแก้ว ไม่ยิงทิ้งยิงข้างกันไปเอง บวก อ็องเดร โอนาน่า ไม่ช่วยเซฟ มีแววสูงมากๆที่สภาพศพของปีศาจแดงจะโดนถลุงไป 5-6 ลูกเสียอีก
โดนตอนที่โดนนำขาดลอย 4-0 กุนซือหัวใสชาวดัตช์ พยายามเปลี่ยนตัวแก้เกมแล้ว แต่ทว่ากลับไม่มีอะไรดีขึ้นแม้แต่เศษเสี้ยวเดียว มีส่งดาวยิงดาวรุ่งอย่าง อีธาน วีทลี่ย์ ลงสนามแต่ทว่าบอลก็แทบไปไม่ถึงและไม่มีตัวตน
อย่างไรต้องไม่ลืมว่าชัยชนะสวยสดงดงามนี้ ต้องให้เดรติดกุนซือ โอลิเวอร์ กลาสเนอร์ ที่พลิกโฉมสไตล์การเล่นจาก ยุค รอย ฮ็อดจ์สัน เป็นอย่างมาก ส่วน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ของ เอริก เทน ฮาก จิ้มไปยังจุดไหนก็เห็นแผลเน่าไปหมด และ เซอร์ จิม แรตคลิฟฟ์ คงจะมีคำตอบให้ อดีตกุนซืออาแจ็กซ์รายนี้ เหมือนที่แฟนบอลคิดนั่นแหละ
เข้าใจว่าไม่ใช่เซ็นเตอร์อาชีพ แต่ กาเซมิโร่ ไม่ควรแย่ขนาดนี้
ด้วยความที่เหล่าเซ็นเตอร์อาชีพตัวจริงเจ็บยาวเป็นหางว่าวทั้ง ลิซานโดร มาร์ติเนซ - วิคเตอร์ ลินเดอเลิฟ - ราฟาแอล วาราน - วิลลี่ คัมบวาล่า รวมไปจนถึงล่าสุดสดๆร้อยๆกับ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ทำให้ กาเซมิโร่ ต้องทำหน้าที่ขัดตราทัพในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็กมาตลอด 2-3 เกมหลัง
เมื่อคืนคู่หูของ " พี่เกษม " นั่นก็คือ จอห์นนี่ อีแวนส์ ที่ผ่านความฟิตแบบฉิวเฉียดกลับมาลงสนามได้ นั่นเท่ากับว่าคู่ปราการหลังของปีศาจแดงเมื่อคืน คือแข้งอายุ 36และ 32 แถมยังไม่ใช่เซ็นเตอร์อาชีพด้วย1คน
เอาจริงๆแนวรับแมนฯ ยูไนเต็ด ต่างพลาดกันหมดทุกรายเลยนะ แต่ไปเจาะตรงกาเซมิโร่ จะเห็นภาพสุด แช้งชาวบราซิล ล้มไม่เป็นท่านับครั้งไม่ถ้วน กับการพยายามวิ่งไล่กวดตามหรือเสียบสกัดแนวรุกพาเลซ โดยเฉพาะในรายของ โอลิเซ่ และ เอเซ่
อืดอาด เชื่องช้า ไม่เสียบโดนคน ก็เสียบจั่วลม เล่นเหมือนว่านี่คือฟุตบอลการกุศล สิ่งเหล่านี้อธิบายความเป็นกาเซมิโร่ เป็นอย่างดี เม็ดแรก อดีตแข้ง เรอัล มาดริด ไปสไลด์เสียบ ไมเคิ่ล โอลิเซ่ จนเสียตำแหน่งปล่อยโล่ง ลูกสองก็เป็น กาเซ อีกนั่นแหละที่โดนแย่งบอลจากแถวๆกลางสนาม
ลูก4 นี่ก็เป็นอีกครั้งที่ กาเซมิโร่ พยายามโชว์เก๋าหรือเล่นยาก จนโดนแบ็กพาเลซอย่าง ดาเนียล มูนญอซ ปั๊มแย่งบอลไปได้และก็โดน โอลิเซ่ ตะบันเต็มแรงลงโทษในที่สุด ประทานโทษสถิติหลังเกมระบุว่า ดาวเตะแซมบ้ารายนี้ โดนเลี้ยงบอลผ่านมากถึง 8ครั้งด้วยกัน
ส่วน จอห์นนี่ อีแวนส์ ที่วัยปาเข้าไป36ปีแล้ว พึ่งหายเจ็บกลับมา และได้ลงตัวจริงครั้งแรกในลีก ตั้งแต่ต้นเดือนมีนาคม " ไอ้จ้อน " ก็ไม่ต่างจาก กาเซมิโร่ เท่าไหร่ เพราะช้ามากๆ คู่แข่งได้แตะหรือกระชากแต่ละทีมีหลุดตลอด รวมถึงด้วยอาการบาดเจ็บนี่คือคู่เซ็นเตอร์คู่ที่14ของปีศาจแดง ในฤดูกาลนี้เข้าแล้ว
แนวรับแบบนี้ โอลิเซ่ ได้ร่ายมนต์โชว์ของ
การเข้ามาของ เซอร์จิม แรตคลิฟฟ์ ว่ากันว่าหนึ่งในเป้าหมายที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยากได้มากที่สุดและล็อกเป้าไว้ในซัมเมอร์นี้แล้วนั่นก็คือ ไมเคิ่ล โอลิเซ่ ปีกอังกฤษเชื้อสายฝรั่งเศส ที่เคยตกเป็นข่าวกับเซลซีเหมือนกัน และคาดว่าจะมีค่าตัวต่ำๆที่ 50ล้านปอนด์
ฤดูกาลที่แล้วต้องบอกว่า ก็เป็น โอลิเซ่ นี่แหละที่ทำแสบใส่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ณ สนาม เซลเฮิร์ด ปาร์ค แห่งนี้ เพราะเป็นคนซัดฟรีคิกสุดสวย พาทีมตีเจ๊า1-1 ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ
เมื่อคืนการที่แผงแบ็กโฟร์ปีศาจแดงพิการสุดๆ นั่นทำให้เป็นงานหวานกรุบของ ปีกวัย22ปีรายนี้เลย ทั้ง กาเซมิโร่ - อีแวนส์ รวมไปจนถึง ดิโอโก้ ดาโล่ต์ ต่างโดนเล่นงานหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรายของ อารอน วาน -บิสซาก้า ที่ถูกแปรสภาพให้เป็นเหมือนกรวยสนามซ้อมเลย เพราะเลี้ยงผ่านตลอด
เม็ดแรก โอลิเซ่ ลากเข้าไปยิงง่ายๆ เม็ดสอง ตะบันแต็มแรง เสียบเสาแรก ผ่านมือ อ็องเดร โอนาน่า ความเร็วความคล่องพร้อมทักษะสกิลอันเหลือล้น เชื่อมเกมประสานงานกันได้ดีกับ เอเซ่ เรียกได้ว่าเป็นผู้เล่นที่สร้างอิมแพคต่อเกมรุกของทีมเป็นอย่างมาก
9ประตูในพรีเมียร์ลีก นี่คือสถิติที่ดีที่สุดของเจ้าตัวในลีก นับตั้งแต่ย้ายมาจาก เร้ดดิ้ง เมื่อปี 2021 แต่ทว่าประทานโทษ แม้ว่าจะยิงไปได้แค่9ประตู กับอีก4แอสซิสต์ แต่ก็มาจากการลงสนามเพียงแค่ 17นัดเท่านั้น เพราะโอลิเซ่ เองมีอาการบาดเจ็บเล่นงานอยู่เป็นระยะๆ
มาเตต้า เกิดใหม่เพราะ กลาสเนอร์
ในช่วงของกุนซือ ปาทริค วิเอร่า และ รอย ฮ็อดจ์สัน เป็นกองหน้าเบอร์สำรองของทีมเลยสำหรับ จอมถึก ใหญ่ แข็งแกร่งอย่าง ฌอง-ฟิลิปป์ มาเตต้า เพราะตัวจริงเป็นหน้าที่ของ อ็อดซอน เอดูอาร์ ไม่ก็ก่อนหน้านั้นเป็น วิลเฟร็ด ซาฮา (ที่ย้ายออกไปแล้ว)
อย่างไรก็ดีการเข้ามาของกุนซือเจ้าของดีกรีแชมป์ ยูโรป้า ลีก อย่าง โอลิเวอร์ กลาสเนอร์ ก็พลิกโฉมของ มาเตต้า เลย เพราะเจ้าตัวได้ถูกสถาปนาให้เป็นกองหน้าตัวจริงของทีม โดยก่อนหน้านั้น ฌอง-ฟิลิปป์ มาเตต้า ที่มีบทบาทคือเป็นตัวสำรอง ยิงไปได้เพียง3เม็ดเท่านั้น
ดาวยิงวัย26ปี ใช้ความเร็ว แข็ง ถึก เล่นงานแนวรับปีศาจแดงได้ดีมากๆ เรียกได้ว่าเวลาครองบอลหรือได้บอล ความแข็งแกร่งนั้นทำให้ แนวรับปีศาจแดงยากเหลือเกินที่จะมาแย่งบอลได้ แถมเจ้าตัวยังไปกับบอลได้ดี เร็ว แม้จะตัวใหญ่ก็ตาม
เวลาในสนามแค่ 68นาที นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้ มาเตต้า กดสกอร์ใส่ผู้มาเยือนได้ ด้วยการซัดมุมแคบเสียบตาข่ายเต็มแรง เรียกได้ว่าลีลาการเล่นของกองหน้าผู้เรียบร้อยเอาเสื้อใส่ในกางเกงตลอด ทำให้นึกถึง โรเมลู ลูกากู ไม่น้อย ที่ตัวใหญ่แต่เร็ว คล่อง ไถบอลไปข้างหน้าได้
ประทานโทษในยุคของ กลาสเนอร์ ตัวของ ฌอง-ฟิลิปป์ มาเตต้า ซัดไปได้ถึง9ประตูเข้าให้แล้วจาก12นัดที่ได้ลงตัวจริง แถมยังทำสถิติยิงประตูเกมในบ้านได้6นัดติดต่อกัน (8ประตู)
ขาด บรูโน่ ไม่มีใครสร้างสรรค์เกมได้
แม้ว่าจะโดนด่าเยอะพอสมควร ในเรื่องของการทำบอลเสีย หรือเร่งจังหวะเพื่อนร่วมทีมมากไปหน่อย แต่ทว่าก็ต้องยอมรับตามตรงว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อไม่มี บรูโน่ แฟร์นันเดซ พลังงานความสร้างสรรค์ในเกมรุก ไอเดียต่างๆหายไปหมดเลย โดยเฉพาอย่างยิ่งในยามที่ อาวุธหลักปีกอย่าง อเลฮานโดร การ์นาโช่ ไม่ทำงาน
อาการเดี้ยงของกัปตันหน้าหนวด ทำให้บทบาทเพลย์เมคเกอร์เบอร์10 เป็นหน้าที่ของ ดาวเตะจอมล่องหนอย่าง เมสัน เมาท์ ซึ่งผลลัพธ์ของเมาท์เมื่อในยามที่ลงสนาม ก็ไม่แตกต่างจากตอนต้นฤดูกาลเลย
เกมที่ เซลเฮิร์ด ปาร์ค นอกจากจะสร้างสรรค์เกมรุกหรือจ่ายบอลคีย์พาสไม่ได้แล้ว เมสัน เมาท์ แทบจะไม่ได้ถูกผู้บรรยาย เรียกชื่อด้วยซ้ำ เพราะบอลแทบจะไม่ได้ไปหาเจ้าตัว 80นาทีในสนาม อดีตแข้งลูกหม้อเซลซี ได้ยิง1ครั้ง ครอสบอล1ครั้ง
การลงสนามเป็นตัวจริงในพรีเมียร์ลีกในรอบ7เดือน ผลลัพธ์ไม่แตกต่างจากตอนต้นฤดูกาลเลย เหมาะสมกับนักเตะฉายาจอมร่องหนด้วยประการทั้งปวง ในส่วนของปีก ทั้ง อเลฮานโดร การ์นาโช่ และ อันโตนี่ ก็โดนบีบพื้นที่การกระชากตลอด บวกกับเป็นปีกประเภทเลี้ยงกินตัวไม่ค่อยผ่านอยู่แล้ว ยิ่งไปกันใหญ่
มีข่าวให้เสียวเหมือนกันว่า บรูโน่ แฟร์นันเดซ เริ่มคิดเรื่องการย้ายทีมในอนาคต น่าเป็นห่วงสำหรับปีศาจแดงเหมือนกันที่ จะหาตัวแทนของ บรูโน่ ได้ไหม (ถ้าย้าย) ทีมที่ฟอร์มห่วยๆซีซั่นนี้ แต่เจ้าตัวก็ยังทำไปได้ถึง15ประตู กับอีก11แอสซิสต์ ครั้นหวังจะให้พึ่งก้อนเนื้อราคา 60ล้านปอนด์ อย่าง เมสัน เมาท์ คงเป็นเหมือนรีดเลือดจากปูไปหน่อย
เทน ฮาก Dead Man Walking
เปลี่ยนโคเวนทรี ให้เหมือนเจอ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ - เปลี่ยน บอร์นมัธ ให้เหมือนดวลกับ เอซี มิลาน หรือเหนื่อยหนักในการเจอกับ เบิร์นลี่ย์ ที่ใส่ชุดสีเหลืองของ โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ นี่คือผลงานอันแสนอดสู่น่าส่ายหน้าของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
จริงๆปีศาจแดงของ เอริก เทน ฮาก ก็ออกทรงแนวนี้ มาตั้งแต่ต้นฤดูกาลแล้วในเรื่องของรูปเกม แต่ทว่าตอนนั้น ยังพอถูๆไถๆ เก็บผลงานแข่งขันที่ต้องการได้แบบเฉียดฉิว และมีโชคจาการที่คู่แข่งจบสกอร์ไม่คม
เมือคืนก่อนเกมไปเยือน เซล เฮิร์ด ปาร์ค ก็มีกลิ่นแปลกๆตรงที่ บ่อนพนันให้ พาเลซ เป็นต่อดื้อๆ และแล้วรูปเกมก็ผลลัพธ์ออกมาเป็นอย่างที่คิดจริงๆ "ดิ อีเกิ้ลส์ " แม้ครองบอลน้อยกว่า แต่สร้างโอกาสยิงได้น้ำได้เนื้อกว่า และถลุงเอาชนะไปได้แบบไม่ยากเย็นนัก 4-0
ที่น่าตลกคือโอกาสที่ใกล้เคียงลุ้นประตูที่สุดของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือจังหวะฟาวล์ที่ ฮอยลุนด์ ไปเบียด ดีน เฮนเดอร์สัน จนบอลหลุดมือ " ดีโน่ " เข้าไปกองก้นตาข่าย ทำเป็นเล่นไป ณ ตอนนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แพ้ในลีกไปแล้ว 13นัด มากกว่าในยุค เดวิด มอยส์ เสียอีก ( 12นัด)
และต้องไม่ลืมว่าปีศาจแดงยังเหลือโปรแกรมให้แพ้ได้อีก3นัดด้วย 4ประตูที่โดนถลุงไป นี่คือเม็ดที่ 81แล้วในฤดูกาลนี้ ที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เสียประตู เป็นสถิติที่มากที่สุด นับตั้งแต่ปี 1977-1978 และนี่ยังเป็นการแพ้ พาเลซ แบบเหย้า-เยือน ครั้งแรกในยุคพรีเมียร์ด้วย
เมื่อนำทุกอย่างที่เกิดขึ้นในฤดูกาลนี้มาขยำรวมกันทั้งผลงาน สไตล์การเล่น ปัญหากับนักเตะในทีม ไม่มีเหตุผลจริงๆที่จะทำให้ เอริก เทน ฮาก ได้อยู่ต่อ เข้าใจว่านักเตะเจ็บเยอะ แต่ก็ไม่น่าหลุดเยินขนาดนี้ และแฟนผีแดงก็น่าจะหวังภาวนาว่า เซอร์จิม จะมองเห็นเหมือนแบบที่แฟนบอลเห็นแล้วกันกับอนาคตของกุนซือชาวดัตช์ผู้นี้
- คอลัมน์นิสต์
- พรีเมียร์ลีก วิเคราะห์บอล คอลัมน์บอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คริสตัล พาเลซ ไมเคิ่ล โอลิเซ่ เอริก เทน ฮาก
- 473
- 07 พ.ค. 2567 16:06