หล่นจ่าฝูง ! เรือใบแตกทัพ บุกพ่าย บอร์นมัธ 2-1ฮาลันด์ ควง โฟเด้น นัดกันบอด
หลังจากที่ต้องขาดทั้ง โรดรี้ และ เควิน เดอ บรอยน์ มาได้สักพักหนึ่ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ถึงแม้จะเก็บ3แต้มได้เป็นระยะๆ แต่ทว่ารูปเกมของพวกเขาก็ดูตีบตันซะเหลือเกิน ปีกด้านข้างยึกๆยักๆ พอจะหันมาตรงกลางต้องบอกว่า พอไร้เงา KDB ลูกจ่ายคิลเลอร์พาสทะลุแผงผลังแทบไม่มีให้เห็น ล่าสุดเกมพรีเมียร์ลีก เรือใบต้องพบกับความปราชัยหนแรก ด้วยการบุกไปโดน บอร์นมัธ เชือด 2-1
การยกพลมาเยือนแดนใต้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จัดทัพตามแผงผังคือมาในระบบ 4-1-4-1 ใช้11ผู้เล่นตัวจริงที่ดีที่สุดในชุดปัจจุบัน (เท่าที่เป็นไปได้) แต่ก็มีเซอร์ไพรส์อย่าง มาเตอุส นูเนส ได้ลงตัวจริงในตำแหน่งปีกซ้าย หรือแม้กระทั่งแข้งที่ระยะหลังฟอร์มไม่ค่อยเปรี้ยงอย่าง มานูเอล อคานยี่ และ นาธาน อาเก้ รวมไปจนถึง ไคล์ วอล์คเกอร์ ได้ลงตัวจริง
ส่วนแนวรุกก็มากันครบมือทั้ง แบร์นาร์โด้ ซิลวา - ฟิล โฟเด้น และ เออร์ลิง ฮาลันด์ ส่วนเจ้าบ้านบอร์นมัธ ของกุนซือ อันโดนี่ อิราโอล่า ที่2สัปดาห์ก่อนหน้า พวกเขาเก็บแต้มใหญ่ได้ตลอดทั้ง ชนะ อาร์เซน่อล 2-0 และบุกเสมอ แอสตัน วิลล่า 1-1
" เดอะ เชอร์รี่ส์ " มาในระบบ 4-2-3-1 ผู้เล่นตัวเก่งอยู่กันครับทั้ง มิลอส เคอร์เคซ - อองตวน เซเมนโย่ - มาร์คัส เทเวอร์เนียร์ รวมไปจนถึง จัสติน ไคลเวิร์ต ผู้ตัดสินเป่านกหวีดเริ่มเกมมา ภายในระยะเวลาไม่ถึง10นาที เอแดร์ซอน ต้องงานชุกออกแรงเซฟทั้ง2ช็อตเลยทั้งจาก ลูกยิงของ เซเมนโย่ และช็อตตามซ้ำต่อเนื่องของ ไคลเวิร์ต
ท้ายที่สุดแล้ว ซิตี้ ที่ออกอาการง่อนแง่น ก็มาโดนจนได้ แบ็กซ้าย เคอร์เคซ ได้บอลแล้วลากไปจนสุดเส้น บอลมาถึง เซเมนโย่ จับบอลแล้วกลับตัวยิงซุกก้นตาข่ายเข้าไป เจ้าบ้านขึ้นนำ 1-0 น.9 โดยหลังจากนั้นเกมของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ยังไม่ประติดประต่อ กลายเป็นเจ้าบ้านที่ถ่ายบอลไปมาได้สะดวก ทีมของ เป๊ป แทบไม่มีโอกาสจบเหน่งๆเลย ทำให้ 45นาทีแรก บอร์นมัธ นำ1-0
ครึ่งหลังมา ทีมแดนใต้ ก็ยังได้บุกเป็นระยะๆ โดยอาศัยการโจมตีทางฝั่งแบ็กขวา อย่าง ไคล์ วอล์คเกอร์ ก่อนที่ ซิตี้ จะมาทำนบแตกพ่ายโดนเม็ด 2-0 จนได้ เคอร์เคซ เจ้าเก่าเติมสูง ครอสมาให้ เอวานิลซอน เข้าฮอสจิ้มบอลเข้าตาข่าย ไป น.64
หลังจากที่โดนอัดไป2ดอก ทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็พยายามบุกเพื่อหมายเอาประตูตีไข่แตกไล่ขึ้นมา แต่ทว่าแนวรุกของพวกเขา ทำได้แค่ถ่ายบอลไปมาหน้าเขตโทษเท่านั้น มิหนำซ้ำพวกเขายังเกือบโดนลูก3-0 ตอกฝาโรงอีก จากการซัดของ เทเวอร์เนียร์ ที่ไปชนคาน อดัม สมิธ ได้ตามซ้ำโล่งๆ แต่ทว่าหมูหกข้ามคานไปไกล
แม้จะตามหลังถึง2เม็ด แต่ทว่ากุนซือ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กลับเลือกเปลี่ยนตัวผู้เล่นเพียง2ตำแหน่งเท่านั้น ริโก้ ลูอิส ลงมาแทน เนธาน อาเก้ และ เฌเรมี่ โดกู ลงมาแทน อิลคาย กุนโดกัน เพื่อลากเลื้อย โดย ซิตี้ กลับมามีความหวังไล่มาเป็น 2-1 จากลูกโขกของ ยอสโก้ กวาร์ดิโอล น.82
หลังจากนั้นทีมสีฟ้าเมืองแมนเชสเตอร์ ก็พยามมากๆ เพื่อที่จะหาประตูตีเสมอ หรือแม้กระทั่งพลิกแซง แต่ทว่าต้องยอมรับว่านี่ไม่ใช่วันที่ไอเดียดีหรือแนวรุกคมกริบเท่าไหร่สำหรับพวกเขา โดยเฉพาะลูกทีมของ อิราโอล่า ที่ไปยืนออกันในเขตโทษเต็มสูบ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรายของ เออร์ลิง ฮาลันด์ ที่พลาดโอกาสตีเสมอให้กับทีม เมื่อได้ตามซ้ำลูกยิงจ่อๆของตัวเอง ไปชนเสาซะงั้น ในช่วงทดเจ็บ รวมไปจนถึง ฟิล โฟเด้น ที่ได้ยิงจังหวะสุดท้ายของเกมก่อนสิ้นเสียงนกหวีด แต่ทว่าบอลถากเสาไปนิดเนียว
จบ 90น.+6 กลายเป็น บอร์นมัธ ที่สร้างเซอร์ไพรส์ รับบทแจ็คผู้ฆ่ายักษ์ เอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไป 2-1 แต้มดังกล่าวทำให้พวกเขาพุ่งมาอยู่อันดับ8ของตาราง ฟาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ความปราชัยคราวนี้ เสียหายมากๆ เพราะนั่นทำให้พวกเขาหล่นจากตำแหน่งจ่าฝูง เนื่องจาก ลิเวอร์พูล เปิดบ้านแซงเอาชนะ ไบร์ทตัน ไปได้ 2-1
วอล์คเกอร์ ด้วยอายุที่มากขึ้น กลายเป็นบ่อน้ำมันเลย
จริงๆเป็นจุดที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ควรจะมีความพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงในรอบ 1-2 ปีที่ผ่านมา เหมือนกัน สำหรับ ตำแหน่งแบ็กขวา ไคล์ วอล์คเกอร์ โอเคถึงแม้วันที่เข้าฝัก จะมีความแข็งแกร่งและโชว์สปีดวิ่งไล่กวดแนวรุกฝั่งตรงข้ามให้เห็นบ่อยครั้ง แต่ทว่าด้วยอายุที่ปาเข้าไป 34ปี ทำให้สภาพร่างกายและมาตรฐานการเล่นตกลงไปเป็นระยะๆ
นั่นทำให้การที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เลือกดันไลน์สูงอยู่แล้ว บวกกับแบ็กขวาของ ซิตี้ คือ ไคล์ วอล์คเกอร์ จึงทำให้เป็นจุดยุทธศาสตร์โจมตีของ บอร์นมัธ อย่างสนุกนานเลย ทั้งในรายของปีก เทเวอร์เนีย และแบ็กอย่าง เคอร์เคซ
ประตูแรกที่เสีย โอเค แม้ว่าจะต้องโทษ ฟิล โฟเด้น ด้วยที่ปล่อยให้ แบ็กชาวฮังการี ไถเลื้อยผ่านมาง่ายๆ แต่จังหวะนั้น ต้องบอกว่า วอล์คเกอร์ เข้ามาซ้อนดาวเตะรุนน้องช้าด้วย เพราะมัวแต่ยืนอยู่ด้านใน
บอลที่ได้ลุ้นมากๆของ " เดอะ เชอร์รี่ส์ " คือการเลือกโจมตีทางแบ็กขวาของ วอล์คเกอร์ เสมอ ถ้าไม่ได้ เอแอร์ซอน ช่วยเซฟไว้ 2-3 ช็อต มีโอกาสมากๆเหมือนกันที่เรือใบจะเสียมากกว่า2เม็ด ประตู2-0ที่เสียก็มาจากฝั่งของ ไคล์ วอล์คเกอร์ ตามเคย แหย่ขาบล็อกลูกเปิดของ แบ็กอย่าง มิลอส เคอร์เคซ เจ้าเก่าไม่ทัน
เอาเป็นว่าเมื่อคืนในตำแหน่งของ ไคล์ วอล์คเกอร์ เล่นเอาแฟน ซิตี้ มีเสียวนั่งลุ้นเก้าอี้ไม่ติดตลอด หากว่าบอลมาถึงหรือถูกลากเลื้อยเข้ามา บวกกับในวันที่ทีมเกมรุกฝืด วอล์คเกอร์ ก็ไม่ใช่คำตอบอยู่แล้ว เพราะเจ้าตัวเป็นแบ็กที่เน้นเกมรับมากกว่า แม้ว่าจะมีความเร็ว แต่การเปิดบอลครอสบอล หรือยิงประตู ไม่ใช่จุดเด่นของเจ้าตัวนัก
บวกกับ การที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ชอบเปลี่ยนคู่เซ็นเตอร์บ่อย นัดนี้เป็น เนธาน อาเก้ กับ มานูเอล อคานยี่ การประสานงาน จึงดูติดๆขัดๆหน่อย จังหวะจะเข้าจังหวะจะซ้อน คู่ปราการหลังตัวกลางของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อคืน ก็มีปัญหาเช่นกัน
เคอร์เคซ แบ๊กซ้ายเติมมัน เปิดแม่น
แม้ว่าจะชื่อเสียงโนเนม แต่ทว่าก็ฟอร์มใช้ได้มาสักพักแล้ว สำหรับแบ็กซ้ายอย่าง มิลอส เคอร์เคซ โดยในยูโร 2024 เจ้าตัวก็ผลงานโดดเด่นเหมือนกัน แม้ว่าทีมชาติฮังการี จะไปไม่ได้ไกลกับทัวร์นาเม้นต์ดังกล่าว และแม้ว่าจะย้ายมาจาก อาแซ็ค อัลมาร์ ได้เพียง1ฤดูกาลกว่า แต่ทว่าก็ยึดตำแหน่งตัวจริงถาวรได้แบบไร้ข้อกังขา
เคอร์เคซ เป็นแบ็กที่ถนัดในเกมรุกอยู่แล้ว นั่นทำให้การเจอกับ ไคล์ วอล์คเกอร์ ที่วันนี้ไม่ได้เป็นวันที่นัก เป็นงานขนมกรุบของแข้งชาวฮังการีรายนี้เลย เริ่มเกมมาได้ไม่ถึง10นาที เคอร์เคซ ก็แผลงฤทธิทันที
เจ้าตัวลากบอกจากทางฝั่งซ้าย แล้วไถผ่านๆ โฟเด้น ไปจนถึงสุดเส้นหลังดื้อๆ ก่อนเปิดมาให้กับ เซเมนโย่ ที่หันหลังจับบอลแล้วพลิกยิงตุงขาย่าย เคอร์เคซ มาได้แอสซิสต์ที่สองอีก จากจังหวะเปิดเข้ากลางมาแบบน้ำหนักแม่นยำสุดๆให้ เอวานิลซอน พุ่งเข้าฮอส
แบ็กดาวรุ่งวัย20ปี มีสถิติที่ยอดเยี่ยมทั้ง ผ่านบอลแม่นยำ 96% - เคลียร์บอล 3ครั้ง- บล็อกลูกยิง1หน- วางบอลยาว3ครั้ง และเลี้ยงบอลผ่านผู้เล่นทีมเยือน 2ครั้ง และที่สำคัญมี2แอสซิสต์ สุดเฉียบให้เพื่อนร่วมทีมมี2ประตู
ในเรื่องขอการประสานงาน เคอร์เคซ ยังทำได้ดีมากๆกับ เทเวอร์เนียร์ และเป็นแบ็กที่ตอบโจทย์แนวทางการเล่นของกุนซือ อันโดนี่ อิราโอล่า เป็นอย่างมาก เซ้นส์บอลฉลาด ต่อบอลจ่ายบอลเยี่ยม
ฮาลันด์ - โฟเด้น นัดกันเท้าบอด แนวรุกเรือไร้ไอเดียโคตร
5นัดแรกของพรีเมียร์ลีก ฤดูกาล 2024-2025 เออร์ลิง ฮาลันด์ เปิดตัวได้ระเบิดภูเขาเผากระท่อมมากๆ เพราะเจ้าเด็กยักษ์รายนี้ กระทุ้งตาข่ายได้ถึง10ประตู แต่ทว่า5นัดหลังสุด (นับเฉพาะในลีก) ผลงานของเจ้าตัวดร็อปไปมากๆ เพราะมีเพียง1ลูกเท่านั้น
เอาจริงๆช่วง5นัดหลังสุดที่ฟอร์มฝืด จำนวนโอกาสการยิงประตูของ ฮาลันด์ ก็ไม่ได้น้อยเลยนะ แต่ทว่าเรื่องความเฉียบคมนี่แหละที่หายไป เมื่อคืนกับ บอร์นมัธ ดาวยิงชาวนอร์เวย์ ได้ยิงทั้งหมด5ครั้ง ซึ่งกว่าจะเข้ากรอบครั้งแรกต้องรอไปจนถึง น.80 เลยทีเดียว
ที่จริง ฮาลันด์ มีโอกาสทางฝังเพชรมากๆที่จะตีเสมอให้กับทีมได้ เมื่อตามซ้ำลูกยิงจ่อๆของตัวเอง ไปชนเสาออกไปซะงั้น แต่ทว่าอีกจุดที่ต้องยอมรับคือ แนวรับคู่แข่งปิดพื้นที่ในเขตโทษได้ดีมากๆ โดย เออร์ลิง ฮาลันด์ เอง ก็ได้รับการประกบติดดูแลเป็นอย่างดีจาก ลีลลีย่า ซาบาร์นยี่ และ มาร์กอส เซเนซี่
ส่วนแนวรุกอีกคนของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ฟอร์มหล่นสุดๆ ทั้งที่ซีซั่นที่แล้ว 2023-2024 มีดีกรีเป็นถึงนักเตะยอดเยี่ยมของพรีเมียร์ลีก เจ้าของผลงาน 19ประตู กับอีก8แอสซิสต์ อย่าง ฟิล โฟเด้น
โฟเด้น ได้เริ่มฤดูกาลช้ากว่าใครเพื่อน แต่ทว่าก็ค่อยๆกลับมาเป็นตัวจริงแล้ว แต่ทว่าแข้งลูกหม้อวัย24ปีรายนี้ ยังจูนฟอร์มตัวเองไม่ติดเลย (3ตัวจริง 4 ตัวสำรอง) มีผลงานเพียงแค่ 1แอสซิสต์ เท่านั้น เมื่อคืนกับ บอร์นมัธ โฟเด้น มีโอกาสยิงถึง4หน
ที่น่าเสียดายสุดๆกับจังหวะของ นูเนส ที่ปาดบอลมาให้หน้าเขตโทษ แต่ทว่า โฟเด้น ยิงออกไปเองแบบน่าเสียดาย รวมไปจนถึงช่วงทดเจ็บนาทีสุดท้าย 90+6 เจ้าตัวก็มีโอกาสได้ซัดหน้ากรอบเขตโทษ เซฟชีวิตทีม แต่ทว่าบอลถากเสาออกไปนิดเดียว
เป๊ป ต้องแก้ ขาดตัวหลัก ซิตี้ อึดอัดในลีกมาหลายนัดแล้ว
ช่วงต้นฤดูกาลในลีก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ยังผลงานไฉไลอยู่ แม้ว่าจะขาด โรดรี้ แต่ทว่า พอ เควิน เดอ บรอยน์ มาเจ็บเพิ่ม นั่นทำให้ทีมสีฟ้าเมืองแมนเชสเตอร์ รูปเกมดูอึดอัดไม่น้อย การเอาชนะคู่แข่งได้ ก็ต้องเหนื่อยลากเลือด หรือต้องมีให้เสียวให้ลุ้นตลอด
4นัดหลังสุดในพรีเมียร์ลีก แต่ทว่าเป็นผลต่างที่เฉียดฉิวตลอดทั้ง 2-1 เบรนท์ฟอร์ด / 3-2 ฟูแล่ม / 2-1 วูล์ฟแฮมป์ตัน และ 1-0 เซาธ์แฮมป์ตัน สิ่งที่ทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ขาดหายไปคือสมดุลในแดนกลาง เมื่อไร้เงา โรดรี้
รวมไปจนถึงเกมรุก มันแทบไม่มีบอลคิลเลอร์พาส เจาะเข้าทำจากตรงกลางเหมือนที่ เควิน เดอ บรอยน์ ที่เสกมาให้เห็นตลอด บวกกับปีกทั้งสองข้างของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ณ ตอนนี้ ไม่มีใครหวังผลได้เลยทั้ง เฌเรมี่ โดกู - ซาวินโญ่ และ แจ็ค กรีลิช ส่วนเมื่อคืน มาเตอุส นูเนส ที่ได้เล่นปีกซ้ายก็ทำตัวน่าหงุดหงิดเหมือนกัน
เราจึงได้เห็นบอลของ ซิตี้ ที่มีหน้าเดียวมิติเดียวนั่นก็คือ การขึงคู่ต่อสู้ให้อยู่ในเขตโทษ และทำได้เพียงแต่ถ่ายบอลไปมา ซ้าย-ขวา แต่ทว่าก็หาช่องไม่เจอ หรือเมื่อจ่ายออกข้างหมายจะให้ริมเส้นทำงาน ก็เปิดติดหรือยัดเข้ามาในเขตโทษแล้วโดนสกัดได้
เกมเมื่อคืนแทบไม่อยากเชื่อเลยว่ากว่าที่ เรือใบสีฟ้า จะยิงเข้ากรอบได้หนแรกต้องรอไปจนถึง น.80 และตลอด90นาที กลายเป็นเจ้าบ้านบอร์นมัธ ที่ได้ส่องเข้ากรอบมากกว่า 6ต่อ4ครั้ง ท้ายที่สุดแล้วความปราชัยนี้เสียหายเหลือเกินสำหรับ ซิตี้ เพราะทำให้พวกเขาหล่นจากตำแหน่งจ่าฝูง
นอกจากนี้แล้วทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยังต้องหยุดสถิติไร้พ่ายในพรีเมียร์ลีก ไว้ที่32นัดติดต่อกัน และยังทำใหสถิติอันสวยหรูในการดวลกับบอร์นมัธ ต้องหยุดลง หลังจากที่ก่อนหน้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เอาชนะ " เดอะ เชอร์รี่ส์ "แบบบผูกขาด หลังเอาชนะมาได้14เกมรวด
บอร์นมัธ เปลี่ยนไปเพราะ อิราโอล่า / เซเมนโย่ โดดเด่น
จินตนาการไม่ออกเลยว่า ถ้า บอร์นมัธ ยังคงใช้กุนซือเป็น แกรี่ โอนีล ต่อ แนวทางสไตล์การเล่นของพวกเขาจะเป็นแบบนี้ได้อย่างไร จากทีมที่เมื่อขึ้นชั้นมาเล่นบอลพรีเมียร์ลีกทีไร ต้องดิ้นรนหนีการตกชั้นทุกที กลายมาเป็นทีมกลางตาราง เมื่อเวลาเล่นในบ้านทีมใหญ่ต้องเหนื่อยหนักสำหรับการบุกมาควักแต้มที่ ไวตาลิตี้ สเตเดี้ยม
จากบอลไดเร็คโบราณ กลายเป็นทีมต่อบอลเท้าสู่เท้าแม่นยำ เป็นฟุตบอลสมัยใหม่ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ที่เกิดขึ้นได้ก็เพราะปรัชญาแนวทางของกุนซือ อันโดนี่ อิราโอล่า เลย ซีซั่นที่แล้วใช้ได้ บินสูงจบอันดับที่ 12 เก็บไป48แต้ม
การเสีย โดมินิค โซลันกี้ ออกไปนั่นไม่ใช่ปัญหาที่ทีมแดนใต้หนักใจเลย ช่วงแรกพวกเขาใช้ เซเมนโย่ ขยับมาเป็นหน้าเป้า ก่อนที่ภายหลังจะให้หอกตัวใหม่ธรรมชาติอย่าง เอวานิลซอน เป็นตัวจริง เมื่อคืนเป็นเกมที่ บอร์นมัธ สร้างความหนักใจให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มากๆ
แม้ว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะครองบอลเยอะกว่า แต่ทว่าจังหวะเข้าทำของพวกเขา แทบจะหาจังหวะหวาดเสียวหรือได้ลุ้นนับครั้งได้เลย มาได้ยิงตรงกรอบมากขึ้น ช่วง10นาทีสุดท้าย การโจมตีเร็ว เล่นบอลสวนกลับของเจ้าบ้านนั้น ได้ลุ้นมากกว่าอีก
โดยฤดูกาลนี้ แม้ " เดอะ เชอร์รี่ส์ " จะแพ้ทั้ง ลิเวอร์พูล และ เซลซี แต่ทว่าพวกเขาก็ล้มทีมลุ้นแชมป์ได้ทั้ง อาร์เซน่อล และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ส่วนนักเตะที่โดดเด่นที่สุดของพวกเขานั่นก็คือ อองตวน เซเมนโย่ ที่แม้จะพึ่งยิงได้เพียง4ประตูในลีก แต่อิมแพคต่อเกมสูงเหลือเกิน
เซเมนโย่ เมื่อคืนที่เล่นเป็นปีกขวา นอกจากจะทำประตูได้แล้ว ดาวเตะชาวกาน่า ยังมีโอกาสได้ยิงมากถึง4ครั้ง จ่ายบอลคีย์พาส 3ครั้ง และที่เด็ดดวงสุดๆนั่นก็คือเลี้ยงบอลผ่านผู้เล่น ซิตี้ มากถึง6หน
- คอลัมน์นิสต์
- คอลัมน์บอล วิเคราะห์บอล พรีเมียร์ลีก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บอร์นมัธ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า อันโดนี่ อิราโอล่า เออร์ลิง ฮาลันด์ อองตวน เซเมนโย
- 148
- 03 พ.ย. 2567 15:24