เครื่องสะดุดอีกแล้ว ! เรือ แผ่วปลาย พาเลซ ไล่ตามเจ๊า 2-2 โอลิเซ่ กดโทษ 90+5
ชักจะสะดุดบ่อยเกินไปแล้วสำหรับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในเวทีพรีเมียร์ลีกในฤดูกาล 2023-2024 นี้ เพราะก่อนหน้านั้นกว่าจะกลับมาคว้าชัยได้ ก็ต้องออกแรงเหนื่อยหนักมากๆ ถึงจะไปเฉือนเอาชนะ ลูตัน ทาวน์ 2-1 หลังก่อนหน้านั้นพลพรรคเรือใบไม่ชนะมา4นัดติด โดยเมื่อคืนลูกทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มีสิทธิจะเก็บ3แต้มรัวๆอีกครั้ง หลังได้เล่นในบ้านเจอทีมที่เป๋มาระยะหลังๆอย่าง คริสตัล พาเลซ
ก่อนเกม ซิตี้ ต้องไม่มีดาวยิงคนเก่ง เออร์ลิง ฮาลันด์ ที่มีอาการเดี้ยงติดตัว ทำให้ตำแหน่งหน้าเป้าเป็นบทบาทหน้าที่ของ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ รวมไปจนถึงตำแหน่งมิดฟิลด์ เป๊ป ไว้วางใจเจ้าหนูดาวรุ่งอย่าง ริโก้ ลูอิส ก่อนหน้าเหล่าตัวซีเนียร์อย่าง มัตเตโอ โควาซิซ - มาเธอุส นูเนส รวมไปจนถึง คัลวิล ฟิลิปส์
ส่วน พาเลซ มาในระบบที่หวังอุดเต็มที่ 5-4-1 ทิ้งหน้าเป้าที่มีรูปร่างถึกสูงใหญ่อย่าง ฌอง-ฟิลิปป์ มาเตต้า ไว้ค้ำปั่นป่วน เริ่มเกมมาก็เป็น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เหนือกว่ามากๆตามเชิง ครองบอลได้ตลอด สร้างโอกาสเข้าทำเป็นระยะค่อยๆนวด และมาได้ประตูขึ้นนำไปก่อน 1-0 จาก แจ็ค กรีลิช น.24 จบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์ดังกล่าว
เริ่ม45นาทีหลัง ก็ยังเป็นเจ้าบ้านที่ปูพรมบุกใส่แบบวันเวย์ ก่อนจะมาได้ลูกขึ้นนำ2-0 จาก เจ้าหนู ริโก้ ลูอิส น.54 เกมทำท่าเหมือนจะเทไปยัง ซิตี้ หมดแล้ว แต่ทว่าอยู่ดีๆ เรือใบสีฟ้ากลับแผ่วลงไป ส่วนทางกับผู้มาเยือน กลับแรงขึ้นมาเรื่อยๆ และฮึดไล่มา 2-1 ได้สำเร็จจาก มาเตต้า น.76
หลังโดนไล่มา 2-1 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็เหมือนจะมีอาการรวนชัดเจน โดยเฉพาะแผงหลัง แต่ก็ยังพยายามจะครองเกม และทำประตูฉีกหนีอีกรอบให้ได้ จนท้ายที่สุดความผิดพลาดของ แบร์นาโด้ ซิลวา และโดนตอกหมุดโดย ฟิล โฟเด้น ก็ทำให้ ซิตี้ ต้องมาเสียจุดโทษ ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ
ก่อนที่จะเป็น ไมเคิ่ล โอลิเซ่ ที่เงียบตลอดทั้งเกม สังหารหลอกมุม เอแดร์ซอน โมราเรส เข้าไป น.90+5 ตีเสมอ 2-2 จบเกม ลูกทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ต้องสะดุดอีกครั้ง และ " ดิ อีเกิลส์ " ก็ยังเป็นทีมตัวแสบสำหรับพวกเขาในระยะหลังเช่นเคย
ตลอดทั้งเกมทีมของ รอย ฮ็อดจ์สัน มีโอกาสยิงเข้ากรอบเพียง2ครั้ง เท่านั้น แต่ก็แปรเปลี่ยนมาเป็นได้ทั้ง2ประตู ครองบอลน้อยกว่า 26 ต่อ 74 เปอร์เซ็นต์ การมาฮึดสู้ท้ายเกมจากประตูตีไข่แตก ทำให้ พาเลซ กลับออกไปแบบมีแต้มแบบเซอร์ไพรส์ ในที่สุด
สิ่งหนึ่งที่ดูจะเป็นปัญหามากๆของ ทีมสีฟ้าเมืองแมนเชสเตอร์ ฤดูกาลนี้ นั่นก็คือเกมรับ ที่ผ่านนัดที่17ของฤดูกาล พวกเขาโดนคู่แข่งกระซกตาข่ายไปได้มากถึง 20ลูก เก็บคลีนชีตได้เพียงแค่4นัดเท่านั้น หนสุดท้ายที่ไม่เสียประตู ต้องย้อนไปไกล ถึงศึก แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ ที่บุกไปปราบ แมนฯยูไนเต็ด 3-0 เมื่อปลายเดือนตุลาคม (8นัดที่แล้ว)
ฟอร์มที่ไม่ค่อยเปรี้ยงระยะหลังของ อัลวาเรซ
ฤดูกาลแรก 2022-2023 มาแบบไม่มีใครรู้จัก ไม่มีใครคาดหวัง และถูกวางไว้เป็นตัวสำรองของ เออร์ลิง ฮาลันด์ เสียด้วยซ้ำสำหรับ ฮูเลี่ยน อัลวารเรซ ปีแรกยังลีกเมืองผู้ดี เจ้าตัวก็เบิกสกอร์รวมไปได้ถึง 17ประตูรวมทุกรายการ แถมยังมีแชมป์โลกกับทีมชาติอาร์เจนติน่า ติดไม่ติดมือมา
มาในซีซั่นใหม่ 2023-2024นี้ ด้วยอาการบาดเจ็บยาวของ เควิน เดอ บรอยน์ ทำให้ อัลวาเรซ ถูกปรับไปเล่นในบทบาทคล้ายๆ เพลย์เมคเกอร์ และก็ทำผลงานได้ดีเลยทีเดียว รวมไปจนถึง ยืนห้อยเป็นหน้าเป้าแท้ๆยามที่ ฮาลันด์ เจ็บ ซึ่งเมื่อคืนกับ คริสตัล พาเลซ ก็เช่นกัน
ในบทบาทหน้าเป้า อัลวาเรซ มีโอกาสจบสกอร์แค่1ครั้ง แถมลูกที่แข้งเลือดฟ้า-ขาว รายนี้ ส่งบอลไปซุกก้นตาข่ายจากลูกตั้งเตะ ก็กลายเป็นจังหวะล้ำหน้าไป เพราะ VAR พิจารณาว่า โรดรี้ ที่ล้ำหน้าอยู่ พยายามจะเล่นบอล แม้จะไม่โดนบอล แต่ถือว่าเป็นการขัดขวางทำลายจังหวะการเล่นของโกลอย่าง ดีน เฮนเดอร์สัน
การเป้าสะอาดเมื่อคืน ส่งผลให้ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ทำประตูในเกมพรีเมียร์ลีกไม่ได้ได้ 8นัดติดต่อกันแล้ว ลูกสุดท้ายที่ทำได้ต้องย้อนไปไกลถึง 21ตุลาคม ที่เอาชนะ ไบร์ทตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน 2-1
ความเฉียบคมนี่คือสิ่งที่ขาดหายไปมากๆของ อัลวาเรซ บวกกับในแต่ละเกมการขาด เควิน เดอ บรอยน์ ก็ส่งผลให้ อดีตศูนย์หน้า ริเวอร์ เพลท ไม่ค่อยได้บอลสวยๆ ถนัดถนี่ในการจบสกอร์เสียได้ บทบาทส่วนใหญ่ ของ อัลวาเรซ เหมือนจะเป็นฝ่ายซัพพอร์ททีมมากกว่า ไม่ใช่ตัวจบสกอร์หลัก
ซิตี้ หลังเสียง่าย กวาร์ดิโอล พร้อมเป็นบ่อ
20ประตู คือจำนวนที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดนคู่แข่งทะลวงตาข่ายหลังผ่าน 17นัดในพรีเมียร์ลีก และมีเพียง4นัดที่พวกเขาเก็บคลีนชีตได้ โอเคว่า แม้ไม่ใช่สถิติที่ย่ำแย่มาก แต่ทว่ามันก็เป็นจำนวนที่มากเกินไปหน่อยสำหรับทีมที่จะลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก
เมื่อคืนที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม ต้องบอกว่าแนวรับพลพรรคเรือใบสีฟ้า ไม่ได้โดนนักเตะทีมเยือนกดดันอะไรมากเลย แต่ทว่าไม่กี่จังหวะที่ลูกทีมของ " ปู่รอย " สบโอกาสโจมตีเข้าใส่ กองหลังเรือใบก็เหมือนพร้อมสมาธิจะแตกซ่านเช่นกัน
ทั้งเกม คริสตัล พาเลซ มีโอกาสยิง3ครั้ง เข้ากรอบ2ครั้ง และก็เปลี่ยนให้เป็นประตูได้หมดเลย ว่ากันว่าแนวรับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่ได้เหนียวแน่นอะไรมากขนาดนั้น แต่ทว่าที่ผ่านมา เป็นเพราะรูปเกมที่เหนือกว่าชาวบ้าน ทำให้แผงหลังไม่ค่อยได้เจองานหินเท่าที่ควร
ยอสโก้ กวาร์ดิโอล ที่ได้เล่นในตำแหน่งแบ็กซ้าย ยังไม่เปรี้ยงเท่าค่าตัวกับบอลอังกฤษ ช้าไป1จังหวะตลอด มีช็อตทำฟาวล์แบบไม่จำเป็น ปล่อยบอลให้ มาเตต้า ได้หลุด จน เอแดร์ซอน ต้องออกเร็วมาตัดเกมจนโดนใบเหลือง
ถึงกระนั้นก็ดี ต่องชื่นชมกองหลังชาวโครแอตรายนี้ ด้วยที่เติมเกมรุกได้เป็นอย่างดี มีโอกาสได้จบ2หน แต่ไปติด ดีน เฮนเดอร์สัน และซัดออกไปเอง สำหรับประตูไล่มา 2-1 ต้องโทษคู่ รูเบน ดิอ๊าซ กับ เนธาน อาเก้ ได้เลย เพราะพาเลซ มากันแค่2คนทื่อๆ ยังจบสกอร์เป็นประตูได้
วันนี้ดีๆของเจ้าหนู ริโก้ ลูอิส
ด้วยวัยเพียงแค่19ปี แต่ทว่าก็ได้รับความไว้วางใจจาก เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ให้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงพรีเมียร์ลีก ก่อนเหล่ากองหลางรุ่นพี่อย่าง มัตเตโอ โควาซิซ - มาเธอุส นูเนส หรือรวมไปจนถึงแข้งโลกลืมอย่าง คัลวิน ฟิลลิปส์
นัดนี้เจ้าหนูหัวฟู ได้ลงเล่นเคียงคู่กับ โรดรี้ ซึ่งดาวเตะรุ่นพี่ชาวสเปนจะรับบทบาทเป็นตัว โฮลบอล คุมจังหวะเกมเสียมากกว่า หน้าที่ทะลุทะลวง พึ่งไปข้างหน้าเป็น ริโก้ ลูอิส ที่จัดการหน้าที่ตรงนั้น
ริโก้ ลูอิส จ่ายบอลคีย์พาสได้ถึง 4ครั้ง และมีจังหวะจบสกอร์2หน และก็แปรเปลี่ยนมาเป็น1ประตูในทีสุด แถมยังเป็นประตูแรกของเจ้าตัวในเวทีพรีเมียร์ลีกอีกด้วย หลังก่อนหน้านั้นเคยลงเล่นมา 21นัด
แต่ทว่าอย่างไรก็ดี ลูอิส ก็มีจุดที่ต้องปรับปรุงหน่อยในเรื่องของการประสานงานกับ แบร์นาโด้ ซิลวา ที่ดูจะยังไม่เข้าขา จับจังหวะกันได้เสียเท่าไหร่ ถ้าไม่มีประตูตีเสมอช่วงทดเจ็บของ โอลิเซ่ เชื่อว่าสปอตไลท์จะฉายมาที่ ริโก้ ลูอิส แน่ๆ
ถึงอย่างนั้นก็ดีต้องชื่นชมรุ่นพี่อย่าง โรดรี้ ด้วยที่คุมเกมในแดนกลางได้อย่างดี บอลส่วนใหญ่เป็น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ได้ครอบครอง ส่งผลให้ ลูอิส เล่นได้อย่างไม่ต้องพะวง พุ่งไปข้างหน้า มีอิสระในการเติมขึ้นบน
มาเตต้า แข็งใหญ่ อึด ถึก ทน
เอาตามตรงๆสำหรับเกมที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม เมื่อคืน แนวรุกของ คริสตัล พาเลซ แทบไม่มีใครสร้างความหนักอกหนักใจให้กับ แนวรับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้เลย โดยเฉพาะบรรดาเหล่าตัวรุกริมเส้นอย่าง ไมเคิ่ล โอลิเซ่ และ เจฟฟรี่ย์ ชลุปป์ รวมไปจนถึงแดนกลาง คริส ริชาร์ด บวก ไจโร รีเดวัลด์ ก็ไม่สามารถครองเกมหรือชะลอเกมบุกทีมเจ้าบ้านได้
ทว่าอย่างไรก็ดีโอกาสเพียงไม่กี่ครั้ง ทัพปราสาทเรือนแก้ว ก็ลงโทษ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้อย่างสาสม ประตู 2-1 ก็เป็น ชลุปป์ ที่ไถๆไปด้านข้าง ขณะที่ รูเบน ดิอาซ ประกบติด แต่ก็ยังตวัดเรียดเข้ามาให้ ฌอง-ฟิลิปป์ มาเตต้า เบียด นาธาน อาเก้ ชาร์จเข้าไปได้
ผลงานของ มาเตต้า นั้นประจักษ์มากๆ ทั้งเป็นผู้ทำประตูตีไข่แตก 2-1 ทำให้ทีมมีความหวังขึ้น และเป็นผู้เรียกแอสซิสต์ ทำให้ทีมได้จุดโทษเพราะชิงเล่นบอลก่อน ฟิล โฟเด้น จะเห็นทำให้โดนเตะเข้าเต็มๆ
นอกจากนี้ มาเตต้า ยังเกือบเรียกใบแดงให้ เอแดร์ซอน อีกด้วย เพราะแตะบอลได้ก่อนโกลบราซิล จะเข้าถึงจังหวะพยายามแก้ไข ถึงแม้จะลงสนามตัวจริงให้ พาเลซในลีกเพียงแค่4นัด แต่ทว่าก็ยังมีผลงาน 2ประตู 3แอสซิสต์ ด้วยกัน
แม้ว่าแข้งวัย28ปีรายนี้ จะไม่ได้มีส่วนร่วมกับเกมมาก โอกาสยิง1ครั้ง จ่ายบอล15หน แต่ทว่าช็อตจังๆหวังผลของเจ้าตัว ก็สามารถพาทัพปราสาทเรือนแก้ว มี1แต้มกลับจากกรุงลอนดอนได้ หลังจากที่5นัดก่อนหน้าในลีก พาเลซ แพ้ไปถึง4 เก็บได้เพียงแต้มเดียว
เป๊ป ต้องแก้เรือใบเครื่องสะดุดถี่เกิน
หลังจากที่11นัดแรกในพรีเมียร์ลีก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชนะไปถึง 9 - แพ้2 ขึ้นนำเป็นจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก แต่ทว่าหลังจากนั้นอีก6นัด ลูกทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ชนะเพียงแค่1 - เสมอ 4 แพ้อีก1นัด เรียกว่าทำแต้มหล่นเละเทะเลยระยะหลัง
เรือใบสีฟ้า เคยส่งสัญญาณไม่ดีมาแล้ว เกมที่บุกไปแพ้ แอสตัน วิลล่า 1-0 แม้สกอร์จะนิดเดียว แต่ทว่ารูปเกม โอกาสยิงต่าง ๆ พวกเขาแพ้ยับๆขาดลอย โดนเจ้าบ้านสร้างโอกาสยิงเข้าใส่มากถึง20 ครั้ง ในขณะที่ ซิตี้ เอง มีโอกาสจบเพียง2หนเท่านั้น
เมื่อคืนด้วยรูปเกมที่เหนือกว่า พาเลซ บาน ได้เล่นในบ้านของตัวเอง แถมยังขึ้นนำไปก่อนถึง 2-0 น.54 มองมุมไหน 3แต้ม ก็น่าจะเป็นของซิตี้ไม่ยาก แต่ทว่าการโดนลูกตีไข่แตก2-1 น.76 ก็ทำเอาแมนฯซิตี้ ที่นิ่งอยู่ดีๆลกขึ้นมามากๆ
ซึ่งอาจจะต้องตำหนิ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ด้วย ที่อินดี้(อีกแล้ว) ด้วยการเปลี่ยนตัวสำรองเพียงแค่1ราย ( สโตนส์ แทน ลูอิส น.90) บางนัดกุนซือชาวสเปนรายนี้ไม่ใช้ผู้เล่นบนม้านั่งสำรองเลยก็มี
นอกจากนี้แล้ว นี่ยังเป็นหนแรกที่ ที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่สามารถเอาชนะเกมลีกในบ้านได้3นัดติดต่อกัน นับตั้งแต่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เข้ามารับตำแหน่งฤดูกาลแรก 2015-2016 ซึ่งเหตุการณ์ไร้ชัย3นัดติดก่อกัน เกิดขึ้นเมื่อเดือน ธันวาคม 2016
ส่วน สถิติกับ คริสตัล พาเลซ ต้องบอกว่า แมนเชสตอร์ ซิตี้ สะดุดบ่อยกับทีมจากลอนดอนทีมนี้ถี่เหมือนกัน 6นัดที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม " ดิ อีเกิ้ลส์ " บุกมาชนะได้ถึง 2 / เสมอ 2 / แพ้2 อย่างละเท่าๆกัน
- คอลัมน์นิสต์
- 236
- 17 ธ.ค. 2566 13:48