ส่ง หงส์ ขึ้นจ่าฝูงหนาวๆ ! เรือ เจ๊า ปืน สุดจืด 0-0 ฮาลันด์ ถูกลักพาตัวหาย
ผลลัพธ์90นาทีที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม ออกมาแบบนี้ ลิเวอร์พูล ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็หวานเจี๊ยบเลย เพราะการตัดแต้มกันเองของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ อาร์เซน่อล ส่งผลให้พลพรรคหงส์แดงที่แข่งก่อนและเฉือนเอาชนะ ไบร์ทตันไป 2-1 ขึ้นมานำเป็นจ่าฝูงโดดๆ ด้วยการลงสนามเท่ากันที่ 29นัด ทางทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ถือว่าเสียหายมากๆ เพราะในการเจอกับทีมลุ้นแชมป์โดยตรง ซีซั่นนี้พวกเขาไม่สามารถเอาชนะได้เลย
อีกหนึ่งเกมตัดสินแชมป์ช่วง100เมตรสุดท้าย แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดบ้านต้อนรับอาร์เซน่อล โดนก่อนเกม พลพรรคปืนใหญ่ จำเป็นต้องชนะเจ้าบ้าน เพื่อกลับไปเป็นจ่าฝูงอีกครั้ง ส่วน ซิตี้ การคว้า3แต้ม จะทำให้พวกเขาหายใจรดคอหงส์แดงแค่1แต้ม
ในเรื่องการการจัดตัวผู้เล่น เป๊ป จัดหนักจัดเต็มเลยทีเดียว แนวรับให้ โอกาสแบ็กซ้ายเป็น ยอสโก้ กวาร์ดิโอล แบ็กขวาขยับมาเป็น มานูเอล อคานยี่ ได้ลงแทน ไคล์ วอล์คเกอร์ ที่เจ็บส่วน ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ที่ฟอร์มดร็อปมากระยะหลัง เป็นได้เพียงตัวสำรอง
แดนกลางเพิ่มความแน่นโดยให้ มัตเตโอ โควาซิซ ได้สตาร์ทตัวจริง ส่วนแนวรุกก็อาวุธหนักครบมือทั้ง เออร์ลิง ฮาลันด์ - เควิน เดอ บรอยน์ - ฟิล โฟเด้น และ แบร์นาโด้ ซิลวา
ทางฝากอาร์เซน่อล พวกเขาก็จัดผู้เล่นที่ดีที่ลงสนาม แบ็กซ้ายเป็น ยาคุบ คิวิเออร์ ที่ผลงานดีในระยะหลังได้ลงตัวจริงต่อเนื่อง กองกลาง เดแคลน ไรซ์ - จอร์จินโญ่ และ มาร์ติน โอเดการ์ด 3ตัวบน บูกาโย่ ซาก้า - ไคล ฮาร์แวร์ตช์ และ กาเบรียล เซซุส
แค่เริ่มเกมมาก็ต้องบอกว่าเป็น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เหนือกว่าผู้มาเยือนชัดเจน ในเรื่องของการต่อบอลครองบอล สร้างความหวาดเสียวได้มากกว่า แต่ทว่าก็ยังหาจังหวะจบสกอร์เหมาะเหม่งไม่ได้ ส่วน " เดอะ กันเนอร์ส " ก็มาเล่นในแบบรับแล้วรอสวนกลับ ซึ่งดูวูบวาบแต่ยังไม่มีประสิทธิผลเท่าไหร่ ทำให้จบ45นาทีแรก เป็น 0-0 ที่ค่อนข้างน่าเบื่อ
ครึ่งหลังก็ยังเป็นเรือใบที่คุมเกมเหนือกว่า ในแดนกลางชิงไหวชิงพริบกันตลอดทั้ง โรดรี้ และ เดแคลน ไรซ์ ส่วนแนวรุกเรือใบนัดกันฝืดหมดเลยทั้ง ฟิล โฟเด้น ที่น่าผิดหวังสุดๆเห็นทีจะเป็น เออร์ลิง ฮาลันด์ ที่โดนประกบติดจาก เซ็นเตอร์ปืนใหญ่จนไปไหนไม่ได้ เป็นอีกนัดที่ดาวยิงชาวนอร์เวย์หายไปจากเกม
และที่ต้องชมสำหรับปืนใหญ่มากๆนั่นก็คือการเล่นเกมรับ โดยเฉพาะคู่เซ็นเตอร์ วิลเลี่ยม ซาลิบา และ กาเบรียล มากัลเญส ที่งานเนี๊ยบหมดจด มีเพียง คิวิเออร์ แบ็กซ้ายเท่านั้นที่ต่ำกว่ามาตรฐาน เบน ไวท์ ก็เอาอยู่ไม่ได้พลาดอะไร
ส่วนตัวสำรองของเจ้าบ้านอย่าง แจ็ค กรีลิช และ เฌเรมี่ โดกู ลงมาดูวูบวาบ และเพิ่มมิติความหลากหลายในเกมรุกก็จริง แต่ทว่าทีเด็ดทีขาดนั้นไม่มีเลย โดยเฉพาะจรวดทางเรียบชาวเบลเยี่ยม ที่ตอนนี้เหมือนคู่แข่งจับทางได้หมดแล้ว สุดท้ายสิ้นเสียงนกหวีดยาว 90นาที จบลงด้วยสกอร์ 0-0 เป็นลิเวอร์พูลที่เหมือนชนะกับผลเสมอคู่นี้
ฮาลันด์ อยู่ในช่วงฝืด รูปเกมแบบนี้ต้องมาได้แล้ว
18ประตูจาก 23นัด นี่คือสถิติที่ดีมากๆแล้วสำหรับเวทีพรีเมียร์ลีก หรือในเวทีลีกใหญ่ยุโรป แต่ทว่าถ้าไปเทียบกับมาตรฐานของ เออร์ลิง ฮาลันด์ แล้ว นี่ต้องบอกว่าดร็อปไปพอสมควรเลยทีเดียวโดยเฉพาะกับในปี 2024 ที่เจ้าตัวหายเจ็บกลับมา
ในรอบ17เกมหลังสุดทั้งในนามทีมชาติและสโมสร ฮาลันด์ ก็เท้าบอดไปแล้วถึง12นัด ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ปรกติเลยสำหรับเจ้าตัว หรือ11นัดหลังสุดในลีกดาวยิงร่างยักษ์รายนี้ก็ทำไปเพียง4เม็ดเท่านั้น
การมีส่วนร่วมกับเกมที่คือสิ่งที่หายไปของ เออร์ลิง ฮาลันด์ เมื่อคืนเจ้าตัวต้องเจอการประกบติดจาก กาเบรียล มากัลเญส และ วิลเลี่ยม ซาลิบา เล่นเอาตลอด90นาทีเหมือนโดนลักพาตัวไปเลย มีโอกาสยิง4ครั้ง แต่ทว่าไม่มีหนไหนเลยที่ใกล้เคียง (ไม่เข้ากรอบเลย)
ช็อตที่น่าเสียดายที่สุดเห็นที่จะเป็นเป็นลูกที่ ยอสโก้ กวาร์ดิโอล โขกตั้งมาให้แต่ตัวของ ฮาลันด์ เอง กลับหวดวืดระยะราวๆ 4-5 หลาซะงั้น ซึ่งถ้าตวัดยิงเองหรือตบเข้ากลางมาได้น่าจะทำให้ทีมได้ลุ้นประตูอยู่ไม่น้อยกับจังหวะดังกล่าว
เวลาที่เกมตื้อๆทำชิ่ง โยกจ่ายบอลซ้ายขวาแล้วแนวรับคู่แข่งไม่หลุดตำแหน่ง การมาของ เออร์ลิง ฮาลันด์ ก็หวังเข้ามาช่วยโจมตีเจาะรูปเกมที่ตื้อๆแบบนี้แหละ อาศัยความใหญ่ ความแข็งแกร่งบดกับแนวรับคู่ต่อสู้ ซึ่งเมื่อคืนหอกวัย23ปีทำไม่ได้เลย
โดยหลังจบเกม รอย คีน ถึงกับออกมาตำหนิ ฮาลันด์ ว่าความสามารถในการเชื่อมบอลเหมือนกับแข้ง ระดับ ลีก ทู เหมือนจะมีดีเพียงแค่การจบสกอร์รอยิงเท่านั้น แต่ทว่าตัวของ " คีโน่ " ก็ยังเชื่อว่าดาวยิงตัวเก่งของ แมนฯซิตี้ รายนี้จะพัฒนาต่อไปได้แน่
แนวรับปืนเอาอยู่ กาเบรียล - ซาลิบา หินผาสุดแกร่ง
อาร์เซน่อลค่อนข้างชัดเจนมากๆว่าการมาเยือน เอติฮัด สเตเดี้ยม หนนี้ พวกเขามาเพื่อเป้าหมายหลักคือหวัง1แต้ม เล่นเกมรับอย่างอดทน มีวินัย รอสวนกลับ ซึ่งการมาเยือน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แล้วไม่เสียประตูนี่คือภารกิจที่หนักอึ้งมากๆ
แต่ทว่าอย่างไรก็ตามสิ้นเสียงนกหวีดยาว90นาที ของ แอนโธนี่ เทยเลอร์ ผลัพธ์ 0-0 นั่นก็แปลว่าแนวรับปืนใหญ่เอาอยู่มากๆ ทั้งแผงแบ็กโฟร์ เบน ไวท์ - กาเบรียล มากัลเญส - วิลเลี่ยม ซาลิบา และ ยาคุบ คิวอเออร์ รวมไปจนถึงมิดฟิลด์อย่าง เดแคลน ไรซ์ และ จอร์จินโญ่
ตลอดทั้งเกม ซิตี้ มีโอกาสยิง 11ครั้ง เข้ากรอบเพียง1ครั้ง แนวรับปืนใหญ่ ไม่เสียกระบวน เมื่อเจอการจ่ายบอลโยกออกซ้ายออกขวา ยังคงมีสมาธิกับการเคลื่อนที่ของผู้เล่นเจ้าบ้าน กาเบรียล เป็นอีกรายที่ทำได้ดีมาก ในการลักพาตัวฮาลันด์
เซ็นเตอร์ชาวบราซิล ทั้งดุดันและแข็งแกร่ง ฮาลันด์ ถึงกับหงอไปเลย ส่วน ซาลิบา นี่คือพระเอกในแผงหลังอย่างแท้จริง เอาชนะการครอบครองบอล 20ครั้ง - ชนะการดวล16ครั้ง - เคลียร์บอล11ครั้ง - แท็กเกิ้ล 7 ครั้ง และตัดบอล4หน นี่คือสถิติรวมกันของ2เซ็นเตอร์ทีมปืนใหญ่
โดยนี่คือหนแรกในเกมพรีเมียร์ลีกที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม ที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทำประตูไม่ได้ นับตั้งแต่วันที่ 30 ตุลาคม 2021 ซึ่งนัดนั้นเป็น คริสตัล พาเลซ ที่เซอร์ไพรส์บุกมาเอาชนะไปได้ 2-0 ส่วนสกอร์ 0-0 เมื่อคืนก็ทำให้ ดาบิด ราย่า เก็บคลีนชีตที่10ในพรีเมียร์ลีกได้คนแรกของฤดูกาลนี้
กวาร์ดิโอล ทำผลงานน่าประทับใจอีกครั้ง เอาอยู่ ซาก้า
ช่วงย้ายมาจาก แอร์เบ ไลป์ซิก ใหม่ๆแล้วได้รับโอกาสหลุดเป็นเหมือนบ่อน้ำมันเลยสำหรับ ยอสโก้ กวาร์ดิโฮ ทำให้ในตำแหน่งแบ็กซ้ายระยะหลังเป็น เนธาน อาเก้ ที่ได้โอกาสมากกว่า โดยหนสุดท้ายที่กองหลังชาวโครเอเชียรายนี้ ลงเล่นตัวจริงในลีก ต้องย้อนไปต้นเดือนกุมภาพันธ์เลยทีเดียว
เกมกับปืนใหญ่ กวาร์ดิโอล ได้ลงเล่นในตำแหน่งแบ็กซ้าย เพราะ นาธาน อาเก้ ถูกหุบไปเล่นเซ็นเตอร์คู่กับ รูเบน ดิอาซ ซึ่งตัวของ ยอสโก้ กวาร์ดิโอล ก็ทำผลงานได้ดีที่สุดนัดหนึ่งตั้งแต้ย้ายมา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เลยก็ว่าได้ เพราะทำได้เป๊ะหมดทั้งเกมรุกและรับ
การดวลกับ บูกาโย่ ซาก้า ที่ดูไม่ฟิตเต็มร้อย ดูจะเป็นงานขนมกรุบของกองหลังค่าตัวแพงรายนี้เลย แถมยังสอดขึ้นไปเติมช่วย แบร์นาโด้ ซิลวา ยังฝั่งซ้ายได้ดีอีกด้วย ไม่เสียบอลง่าย
ส่วนเวลาที่เล่นเกมรับ แม้จะมีบางจังหวะที่เติมสูงตามสไตล์ปรัชญาการเล่นของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า แต่ทว่าเวลาที่ต้องวิ่งน้ำบานลงมาช่วยเกมรับ กวาร์ดิโอล ก็กลับมาทันตลอด ไม่หลุดตำแหน่งให้เพื่อนมาคอยโคฟเวอร์
ชนะการดวล8ครั้ง - เอาชนะการครองบอล 8ครั้ง - ครอสบอล 6ครั้ง - แท็กเกิ้ล4 - ตัดบอล2- เลี้ยงบอลผ่านคู่แข่ง 2 - ทำฟาวล์ 0 และไม่ปล่อยให้ผู้เล่นคนไหนเลี้ยงบอลผ่านได้ น่าเสียดายที่ลูกโขกชงในเขตโทษของเจ้าตัว ฮาลันด์ ตวัดวืด
โดกู - กรีลิช สำรองซิตี้ สร้างความแตกต่างไม่ได้
ไปๆมา นี่คือซัมเมอร์ที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เสริมทัพตัวผู้เล่นได้ไม่เข้าตาเท่าไหร่เลย เผลอๆตัวที่เข้ามาจะผลงานดร็อปกว่าเจ้าของตำแหน่งเดิมด้วยซ้ำทั้ง กวาร์ดิโอล แทน คันเชโล่ - โควาซิซ หรือ นูนเนซ แทน กุนโดกัน และ โดกู แทน มาห์เรซ
วันนี้ตัวรุกนอกจาก เควิน เดอ บรอยน์ และ แบร์นาโด้ ซิลวา แล้ว แทบไม่มีใครเล่นออก โดยเฉพาะ ฮาลันด์ และ โฟเด้น เกมที่ตื้อๆดังกล่าว ทำให้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ต้องส่ง แจ็ค กรีลิช และ เฌเรมี่ โดกู ลงมาเปลี่ยนสไตล์สร้างความหลากหลาย
ในรายของ เฌเรมี่ โดกู หลังจากที่ระเบิดภูเขา เผากระท่อม ในเกมถล่ม บอร์นมัธ 6-1 ด้วยผลงาน1ประตู 4แอสซิสต์ เมื่อวันที่ 4พฤศจิกายน ประทานโทษหลังจากนั้น13นัดในพรีเมียร์ลีก เจ้าตัวไม่มีประตูหรือแอสซิสต์ มาฝากเลย
ดูวูบวาบ ยึกๆยักๆ มีบางจังหวะที่มุดได้ แต่ทว่าการจ่ายบอลในพื้นที่สุดท้าย ทำเสียหมดเลย หรือเวลาได้ยิงก็มักหักข้อไม่ได้ลุ้นหลุดออกไปไกล แถมบอลเวลาไปถึง โดกู ยังทำให้จังหวะต้องสโลว์ช้าลงอีกด้วย คือด้วยสไตล์เป็นตัวที่ต้องลงมาสร้างความแตกต่างเลี้ยงแหวก แต่ทำไม่ได้ครึ่งแบบที่คนเก่าอย่าง ริยาด มาห์เรซ เคยทำได้เลย
ส่วน แจ็ค กรีลิช ที่ลงมาเป็นตัวสำรองแทน มัตเตโอ โควาซิซ ตั้งแต่ น.61 " ไอ้แจ็ค " ถือว่าใช้ได้เลยนะ ในการครองบอล การเอาตัวรอดในพื้นที่แคบๆ แต่ทว่าจังหวะพลิกแพลงน้อยไปหน่อย ในฤดูกาลนี้ กรีลิช พึ่งได้เล่นตัวจริงในลีกไปเพียง 7นัดเท่านั้น (สำรอง8) ทำไปได้เพียง3ประตู 1แอสซิสต์
โดยหลังจบเกม 0-0 เราจึงได้เห็น เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เข้าไปตำหนิ ดาวเตะน่องโตรายนี้ พร้อมเหมือนทำท่าอธิบายการเล่นบางอย่าง ซึ่งตัวของ กรีลิช ก็ไม่ได้โต้เถียงแต่อย่างใด พร้อมลงท้ายกันด้วยทีด้วยการที่เป๊ป ลูบหัว
0-0 หงส์ยิ้มหวาน - เรือสถิติบิ๊กซ์ 6 ไม่ดี
การเสมอกัน0-0 ที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม ถือว่าเสียหายสำหรับทั้ง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ อาร์เซน่อล เพราะนั่นเป็นการส่งให้ลิเวอร์พูล ขึ้นมานำเป็นจ่าฝูง โดยทางฝั่งทีมของ มิเคล อาร์เตต้า เหมือนจะพอใจกับผลลัพธ์มากกว่า เพราะคือการออกไปเยือนทีมระดับลุ้นแชมป์แล้วมีแต้มกลับออกมาได้
เอาจริงๆ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ปีนี้พวกเขาถือว่าดร็อปลงมาในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะในเรื่องของเกมรุก 63ประตู จาก 29นัด โอเค แม้จะยังถือว่าเยอะพอสมควร แต่ถ้าตามมาตรฐานของลูกทีม เป๊ป ถึงช่วงเวลานี้ของฤดูกาลทีมของพวกเขามีทะลุ70ตุงไปแล้ว
รวมไปจนถึงผลงานมินิลีกการเจอทีมบิ๊กซิก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เอาชนะ ได้เพียงแค่ 2นัด จาก9นัด ซึ่งทีมที่พวกเขาคว้าชัยได้ก็คือคู่ปรับร่วมเมืองอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นี่แหละ นอกจากนั้น6นัด ลงเอยด้วยการเสมอหมด
0-0 อาร์เซน่อล / ลิเวอรพูล 1-1 ทั้งสองนัด / เซลซี 4-4 และ 1-1 / ท็อตแน่ม ฮ็อต สเปอร์ส 3-3 ส่วนทีพ่ายนัดเดียวนั่นก็คือการไปเยือน อาร์เซน่อล 0-1 นี่จึงเป็นฤดูกาลที่เกมใหญ่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังไม่มาเท่าไหร่
สกอร์ที่เกิดขึ้นทำให้ ลิเวอร์พูล ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ยิ้มหวานสุดๆ หลังเฉือน ไบร์ทตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน มา 2-1 ส่งผลให้หงส์แดงนำเป็นจ่าฝูง มีอยู่ 67แต้ม จาก29นัด / รองจ่าฝูงอาร์เซน่อล 65แต้ม จาก29นัด ส่วน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 64แต้ม จาก29นัด
- คอลัมน์นิสต์
- พรีเมียร์ลีก อาร์เซน่อล แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คอลัมน์บอล วิเคราะห์บอล เออร์ลิง ฮาลันด์ กาเบรียล มากัลเญส
- 180
- 01 เม.ย. 2567 15:27