เหมือนได้เจอ มิลาน ! ผี เกือบแย่ ตามเจ๊า บอร์นมัธ 2-2 คัมบวาล่า โชว์เหวอทั้งเกม
เล่นกับ บอร์นมัธ ให้เหมือนกับว่าเจอคู่แข่งยักษ์ใหญ่ของอิตาลี อย่าง เอซี มิลาน ซะงั้น สำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังเล่นได้น่าประทับใจในการเจ๊ากับลิเวอร์พูลในศึกแดงเดือด 2-2 พวกเขาก็คืนร่างเดิมเป็นทีมที่ไม่มีความแน่นอนอะไรอีกครั้ง เมื่อบุกไปยังสนาม ไวตาลิตี้ สเตเดี้ยม เจ๊ากับ บอร์นมัธ มา 2-2 ชนิดที่น่าแพ้สุดๆ แถมรูปเกมยังเป็นรองอย่างสิ้นเชิง สิ้นลายทีมใหญ่ไปเลย
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บุกไปเยือนแดนใต้ ด้วย11ตัวผู้เล่นนัดเดียวกับที่เจอลิเวอร์พูล เจ้าหนูดาวรุ่ง วิลลี่ คัมบวาล่า ได้ออกสตาร์ทตัวจริงอีกครั้ง ท่ามกลางสถานการณ์ที่เซ็นเตอร์ตัวหลักเจ็บ ส่วน มาร์คัส แรชฟอร์ด แม้จะโดนแฟนบอลตำหนินาๆ แต่ทว่ายังได้เป็นตัวจริงเช่นเคย
ทางฝั่งเจ้าบ้าน บอร์นมัธ ของกุนซือ อันโดนี่ อิราโอล่า ที่ทำให้เจ้าบ้านเล่นบอลสวยงามแม่นยำมากขึ้น มาในระบบ 4-2-3-1 โดยมีกองหน้าตัวเก่ง โดนินิค โซลันกี้ ที่ในซีซั่นนี้ยิงระเบิด เป็นตัวชูโรง
เริ่มเกมมา " เดอะ เชอร์รี่ส์ " ก็ดูดีกว่าชัดเจน ทั้งในเรื่องของรูปเกม การเข้าทำและความแม่นยำในการจ่ายบอล และก็มาขึ้นนำ1-0 ที่มีจุดเริ่มต้นจาก อเลฮานโดร การ์นาโช่ และจบด้วย โดมินิค โซลันดี้ หลอก คัมบวาล่า จนเสียเชิงหลังหัก ยิงเสียบเสารแรกข้ำไป น.20
แต่ทว่าปีศาจแดงก็มาตีเสมอ1-1ได้สำเร็จ น.31 การ์นาโช่ เปิดบอลเข้าไปในเขตโทษ บอลไปขลุกขลิกและไปปลิ้นโดน อิลลีย่า ซาบาร์นี่ เข้าทางให้ บรูโน่ แฟร์นันเดซ ตะบันเสยตาข่ายเข้าไป ถึงกระนั้นก็ดีทีมของ เอริก เทน ฮาก ก็สมาธิเสียง่ายเหลือเกินมาโดนลูก 2-1 จนได้
การ์นาโช่ ที่ทำบอลเสียอีกแล้ว บวกกับ คัมบวาล่า ก็ยืนตำแหน่งอ่านเกมแย่ เป็น จัสติน ไคลเวิร์ต หลุดไปทางฝั่งซ้ายยิงเสียบเสาแรกเข้าไป น.36 จบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์ดังกล่าว ซึ่งออกสตาร์ท 45นาทีหลังมา ETH ก็มีการขยับตัวผู้เล่นทันที การ์นาโช่ โดนถอดออก แล้วให้ อาหมัด ดิยาโล่ ลงมาบู๊แทน
ครึ่งหลังมา แม้จะมีการเปลี่ยนตัวแต่เกมของปีศาจแดงก็ยังไม่ดีขึ้น แถมมีโอกาสโดนเจ้าบ้านบวกเพิ่มด้วยซ้ำ แต่ทว่าพวกเขายิงไม่คมเอง และไปตรงตัวไม่ก็ไม่พ้นวิสัยที่ อ็องเดร โอนาน่า จะปัดป้องได้
จนท้ายที่สุดแล้ว ยูไนเต็ด ก็มาได้ประตูตีเสมอแบบเฮงๆ เมื่อ ค็อบบี้ ไมนู ยิงบอลแฉลบไปโดยแขน อดัม สมิธ กลายเป็นจุดโทษและ บรูโน่ ก็มายิงนิ่มๆตีเจ๊าเป็น 2-2 น.65 แต่ทว่าก็ทำได้แค่นั้น ทำให้หล่นมาอยู่ที่ 7ของตารางพรีเมียร์ลีกแล้ว เพราะโดนนิวคาสเซิ่ลแซง
โดยช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ต้องลุ้นใจหายใจคว่ำที่ตอนแรกผู้ตัดสิน โทนี่ แฮร์ริงตัน เป่าเป็นจุดโทษแล้วกับช็อตที่ วิลลี่ คัมบวาล่า ที่เหวอทั้งเกมจริงๆ ไปทำฟาวล์ ไรอั้น คริสตี้ แต่ทว่าเมื่อ VAR ไปเช็กภาพช้า ปรากฎว่าเป็นการฟาวล์หน้ากรอบเขตโทษ ที่เข้าใกล้ในเขตโทษเพียงเส้นยาแดงผ่าแปด
คัมบวาล่า คำอวยจากแดงเดือด แต่โชว์เหวอสุดๆ
ด้วยสถานการณ์ที่เซ็นเตอร์ตัวจริงของทีมเจ็บหมดทั้ง ราฟาแอล วาราน - ลิซานโดร มาร์ติเนซ - วิคเตอร์ ลินเดอเลิฟ และ จอห์นี่ อีแวนส์ ทำให้กุนซือ เอริก เทน ฮาก ไม่มีทางเลือกจึงต้องส่งกองหลังวัย19ปีอย่าง วิลลี่ คัมบวาล่า ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง2นัดติด ผนึกกำลังกับ แฮร์รี่ แม็คไกวร์
แดงเดือดแม้ผลจะจบลงด้วยสกอร์ 2- 2 แต่ คัมบวาล่า ได้คำชมไปไม่น้อยกับจังหวะสกัดบอลต่างๆ แต่ทว่าหากเราดูรายละเอียดจริงๆจะเห็นว่า เจ้าหนูเบอร์53 มีช็อตออกลายเหวอให้เห็นพอสมควร ดูลุกลี้ลุกลนมากๆ
จนมาเกมกับบอร์นมัธ คัมบวาล่า ก็มาดีแตกจนได้ เพราะโชว์เหวอตลอดทั้งเกม ประตูแรก เจ้าตัวโดน โดนิมิค โซลันกี้ หลอกจนหลังหักแบบหมดราคา เป็นกองหลังประเภทที่ออกลูกลังเลตลอด ว่าจะยืนตำแหน่งไหน หรือจะเข้าบอลกับช็อตต่อๆไปหรือไม่
ลูกสองที่ จัสติน ไคลเวิร์ต ได้ยิงเสาแรกสุดหมูตู้ วิลลี่ คัมบวาล่า ไม่เข้าประกบ แถมยังยืนห่าง ให้ดาวยิงชาวเนเธอร์แลนด์ ได้วางเท้ายิงอย่างสะดวกสบาย เรียกได้ว่าการยืนตำแหน่งของเจ้าหนูรายนี้ ทำให้เพื่อนร่วมทีมลำบากหลายครั้ง โดยเฉพาะช่องว่างระหว่างเจ้าตัวกับ ดิโอโก้ ดาโล่ต์
รวมถึงช็อตท้ายเกม นี่เกือบจะเป็นฝันร้ายของ วิลลี่ คัมบวาล่า มากๆ เพราะเข้าบอลช้าและโฉ่งฉ่างใส่ ไรอั้น คริสตี้ จนตอนแรกผู้ตัดสินเป่าเป็นจุดโทษทันที แต่ทว่าเมื่อมาเช็ก VAR ย้อนหลังเป็นการฟาวล์ก่อนเข้าเขตโทษนิดเดียว ทำให้รอดไปหวุดหวิด
ไม่อยากคิดว่าหากจังหวะนั้นเป็นจุดโทษ และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แพ้ไป3-2 ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ กองหลังชาวฝรั่งเศสเชื้อสายคองโกรายนี้ จะเสียความมั่นใจมากขนาดไหน กับช่วงเวลาที่เหลือของฤดูกาลอีก 6นัด
ปีกแมนยู ไม่ทำงาน ทั้ง แรชฟอร์ด - การ์นาโช่
ในฤดูกาลนี้ ปรกติอาวุธหลักเดียวของพวกเขา ในการโจมตีคู่แข่งนั่นก็คือ ความเร็วของปีกซ้ายและขวา ซึ่งเอาจริงๆที่ใช้งานได้และพอจะคุกคามคู่แข่ง เห็นที่จะมีเพียง อเลฮานโดร การ์นาโช่ เท่านั้นเพราะ มาร์คัส แรชฟอร์ด ฤดูกาลนี้ตายสนิท
นั่นจึงทำให้ เมื่อคืน เกมส่วนใหญ่ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เลือกที่จะไปออกทางขวาตลอด คิดอะไรไม่ออกให้บอก การ์นาโช่ บอลจึงทำให้ไปโหลดที่ ดาวรุ่งเลือดฟ้า-ขาว รายนี้มากพอสมควร
จึงไม่แปลกใจที่ผู้เล่น " เดอะ เชอร์รี่ส์ " จึงเลือกลุมเข้าบีบไปที่ฝั่งของ อเลฮานโด การ์นาโช่ เสียเป็นส่วนใหญ่ นั่นจึงทำให้ 2ประตูที่ปีศาจแดงโดนทะลวงตาข่าย มีจุดเริ่มต้นจากปีกเบอร์17รายนี้แหละที่ จ่ายบอลเสียหรือโดนบีบไป
ซึ่งผลลัพธ์มันก็ลงเอยด้วยการที่ ETH เลือกถอด การ์นาโช่ ออกตั้งแต่สตาร์ทครึ่งหลัง แล้วเป็น อาหมัด ดิยาโล่ ได้ลงมาเลื้อยแทน พร้อมกับประเด็นหลังเกมที่เกิดขึ้นอีกที่ เทน ฮาก ไปให้สัมภาษณ์ออกสื่อในเชิงตำหนิ การ์นาโช่
ส่วน มาร์คัส แรชฟอร์ด ภาพเดิมๆก็ตามมาหลอกหลอน เหมือนฉายหนังซ้ำอีกครั้ง กับการเลี้ยงติด ทำบอลเสีย โดนแหย่ง่ายๆ ทำตัวน่าหงุดหงิดตลอด ไม่มีอิมแพคต่อเกมเลย ยิ่งแบ็กซ้ายที่จะมาประสานงานด้วยเป็น อารอน วาน-บิสซาก้า (แก้ขัด) ก็ยิ่งไปกันใหญ่
แต่สิ่งอัศจรรย์น่าแปลกใจนั่นก็คือ การที่ มาร์คัส แรชฟอร์ด ได้อยู่ในสนามครับ90นาทีนี่แหละ นั่นเท่ากับว่า10นัดในลีก " แรชชี่ " ทำไปได้เพียงแค่ 2ประตูเท่านั้น ทั้งที่จริงทั้งเรื่องอายุ26ปี ค่าเหนื่อยสุดแพง เจ้าตัวควรจะเป็นที่พึ่งพาได้แล้ว
บรูโน่ ทุ่มทุกหยด แต่ก็ยังไม่พอ
ผลเสมอ2-2 กับทีมครึ่งตารางล่าง อย่าง บอร์นมัธ แง่ดีแง่งามเดียวของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เห็นทีจะเป็นความทุ่มเทของ บรูโน่ แฟร์นันเดซ นี่แหละ ที่แม้จะรับบทบาทเป็นเพลย์เมคเกอร์ แต่เราก็ได้เห็นกัปตันหน้าหนวดรายนี้อยู่ในทุกๆพื้นที่ของสนาม
บรูโน่ แฟร์นันเดซ เหมา2ประตูให้กับทีม เม็ดแรก แม้ว่าจะมาจากจังหวะแฉลบขลุกขลิก แต่ต้องยอมรับว่า ดาวเตะชาวโปรตเกส ยิงได้แสกตาข่าย ชนิดที่ เนโต้ หมดสิทธิจะเซฟด้วยประการทั้งปวง ทั้งจ่อและแรง
ส่วนลูกจุดโทษ บรูโน่ ก็ทำได้เฉียบขาดไม่น้อย หลอกหน้าเท้า ส่งผู้รักษาประตูพุ่งไปผิดทาง โดยที่นับเป็น 3นัดติดต่อกันแล้วที่กัปตันปีศาจแดงทำประตูได้ในพรีเมียร์ลีก และยอดรวมฤดูกาลนี้คือ 12ประตู กับอีก 8แอสซิสต์ จาก44นัด ซึ่งถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว
แต่ทว่าอย่างไรก็ตามนี่คือครั้งแรกของ บรูโน่ ในฤดูกาลนี้กับเกมพรีเมียร์ลีกที่ เจ้าตัวไม่มีจังหวะจ่ายคีย์พาสให้เพื่อนเลย นั่นก็เป็นเพราะบอลไม่ได้อยู่ในการครอบครองของพวกเขา แถมยังเป็นนัดที่ สามแนวรุกของทีมประสานงานกันได้สะเปะสะปะ อีกด้วย
นอกจากนี้แล้ว อาจด้วยความขยัน รวมไปจนถึงการที่เพื่อนร่วมทีมพึ่งพาไม่ได้ เราจึงได้เห็นเจ้าตัว ลงมาล้วงบอลต่ำหลายครั้ง ซึ่งดูเหมือนจะเป็นเรื่องดีถ้ามองในแง่ของความขยัน แต่การที่ บรูโน่ แฟร์นันเดซ ลงมาต่ำ ห่างไกลจากกรอบเขตโทษมากเท่าไหร่ นั่นทำให้ความอันตรายของแนวรุกปีศาจแดง ลดน้อยถอยลงเท่านั้น
เทน ฮาก เล่นยังไงให้เกมเป็นรอง และโดนล่อทุกนัด
ไม่ว่าจะเจอกับ ลูตัน ทาวน์ - บอร์นมัธ - เบรนท์ฟอร์ด - ฟูแล่ม รวมไปจนถึง น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ไม่รู้ว่า เอริก เทน ฮาก วางแท็กติกการเล่นอีท่าไหน ทำให้ทีมระดับค่าตัวรวมกันพันกว่าล้าน บวกด้วยค่าเหนื่อยแสนแพง เป็นรองทีมที่ชั้นวรรณะต่ำกว่าตลอด
เอากับ บอร์นมัธ เมื่อคืน ย้ำว่ากับ บอร์นมัธ ไม่ใช่ เอซี มิลาน แต่อย่างใด (เหมือนแค่สีเสื้อแดง-ดำ) แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ล่อเป้ารวมไปมากถึง 20ครั้ง ส่วนพวกขาเองมีโอกาสยิงเพียงแค่ 6ครั้ง เข้ากรอบ2ครั้ง (แต่เป็น2ประตู) มันบ่งบอกให้เห็นถึงคุณภาพการเล่นขนาดไหน
ปัญหาเดิมๆของกุนซือชาวดัตช์ที่เห็นมาตั้งแต่ต้นฤดูกาลนั้นก็คือ การปล่อยให้คู่แข่งได้มีโอกาสจบล่อเป้ากันอย่างสนุกสนาน กองกลางไม่สามารถชะลอเกม ตั้งเกม หรือตัดบอลจากคู่แข่งได้ กาเซมิโร่ หมดสภาพรอวันปล่อยแน่ๆ
รวมไปจนถึงการเล่นเกมรับที่พวกเขามักเสียในลูกการเข้าทำแบบเดิมๆ นั่นก็คือคู่แข่งตบมาเข้ากลาง แล้วพื้นที่บริเวณหัวกะโหลกว่างๆสุดๆ รวมไปจนถึงลูกเตะมุมนอกจากจะโจมตีหมายทำประตูคู่แข่งไม่ได้แล้ว เวลาโดนลูกคอนเนอร์ แมนฯยู มักมีเสียวพร้อมโดนตลอดด้วย
นั่นเท่ากับว่า ตอนนี้ ยูไนเต็ด หล่นลงมาอยู่ที่7 (โดน นิวคาสเซิ่ลแซง) พื้นที่ ยูซีแอล ไม่ต้องพูดถึงแล้ว 7นัดหลังสุดพวกเขา คว้าชัยแค่1 แถมผ่านมาถึงนัดที่ 32ของฤดูกาลทีมของ เอริก เทน ฮาก ปล่อยให้คู่ต่อสู้ได้ล่อเป้ามากถึง 565ครั้ง
เป็นสถิติที่มากที่สุดของพวกเขาเองตั้งแต่ปี 2023-2024 และต้องไม่ลืมว่าสถิตินี้ มีสิทธิเพิ่มเข้าไปอีกเพราะเหลือโปรแกรมอีก6นัด หลังเจ๊า2-2ดังกล่าว มีสถิติน่าสนใจออกมาว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ดร็อปแต้มตัวเองมากถึง17คะแนน
จากสถานการณ์ที่พวกเขาจะเป็นผู้ชนะ เป็นสถิติที่มากที่สุดของพวกเขาในพรีเมียร์ลีก เอาแค่3เกมหลังอย่าง เบรนท์ฟอร์ด 1-1 / เซลซี 3-4 / ลิเวอร์พูล 2-2 พวกเขาก็ทำหายไปถึง7แต้มแล้ว
โซลันกี้ ฮ็อตจริง กุนซือ อิราโอล่า บอลมีสไตล์
ฤดูกาลที่แล้ว 2022-2023 รอดตกชั้น ภายใต้ทรัพยากรคุณภาพนักเตะที่ค่อนข้างจำกัด แต่ทว่าเมื่อจบซีซั่น ทางบอร์บริหาร ถือว่าทำในสิ่งที่ เซอร์ไพรส์ เหมือนกัน นั่นก็คือการปลดกุนซือ แกรี่ โอนีล ออก แล้วให้ ผู้จัดการทีม อันโดนี่ อิราโอล่า เข้ามารับตำแหน่งแทน
โดย อิราโอล่า นี่เป็นชาวสเปน นั่นทำให้ชัดเจนอยู่แล้วว่า เจ้าตัวจะมาในรูปแบบไหน เพราะการจ่ายบอล การเข้าทำ รวมถึงระบบทีมเวิร์คต่างๆ บอร์นมัธ ดูมีความสมัยใหม่และโมเดิร์นมากขึ้น ต่อบอลแม่นยำ
ทำให้ตอนนี้ " เดอะ เชอร์รี่ส์ " เป็นทีมที่ไม่ต้องดิ้นรนหนีการตกชั้นมาก ปัจจุบันพวกเขาอยู่อันดับ12 มีอยู่ 42แต้ม ทิ้งห่างอันดับ18 โซนตกชั้นอย่าง ลูตัน ทาวน์ มากถึง17แต้ม ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการตกชั้นแล้ว
รวมไปจนถึงรางวัลกุนซือยอดเยี่ยมประจำเดือน มีนาคม อิราโอล่า ยังคว้ามาครองได้อีกด้วย จากผลงาน 4นัด ชนะ 3 - เสมอ 1และที่ไม่พูดถึงไม่ได้กับ ดาวเตะคีย์แมนของทีม นั่นก็คือ โดมินิค โซลันกี้ ที่ปัจจุบันซัดไป 17ประตู ในพรีเมียร์ลีกเข้าให้แล้ว เป็นรองเพียงแค่ ฮาลันด์ (20) - วัตกิ้นส์ (18) เท่านั้น
นอกจากนี้ โซลันกี้ ยังทุบสถิตินักเตะบอร์นมัธ ที่ยิงต่อฤดูกาล1ฤดูกาลในพรีเมียร์ลีก ของ โจซัว คิง 16ประตู ( 2016-2017) ลงได้ แต่ทว่าสถิติยิงเยอะที่สุดของ กองหน้าวัย26ปีรายนี้นั่นก็คือ 29ประตู (2021-2022) แต่ทว่านั่นคือการยิงใน เดอะ แชมเปี้ยน ชิพ
- คอลัมน์นิสต์
- คอลัมน์บอล พรีเมียร์ลีก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บอร์นมัธ บรูโน่ แฟร์นานเดซ เอริก เทน ฮาก โดมินิค โซลันกี้
- 140
- 14 เม.ย. 2567 14:07