จะเหลือกี่แชมป์ ! หงส์ ช็อกต่อเนื่อง พาเลซ ยิงคาบ้าน 1-0 เอเซ่ ซัดฝัง
กลางสัปดาห์วันพฤหัสบดี ทำท่าเหมือนว่าจะต้องยุติเส้นทางของตัวเองในรอบ 8ทีม ยูโรป้า ลีก ถ้วยที่พวกเขาเป็นเต็ง1มาตลอด หลังเปิดแอนฟิลด์ พ่าย อตาลันต้า ยับ 0-3 นั่นจึงทำให้เลก2 จะเป็นงานที่หินมากๆ กับการบุกไปเยือนแบร์กาโม่ ด้วยการเอาชนะด้วยความห่าง3เม็ดขึ้นไป โดยล่าสุดในเกมพรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล ก็มีอันต้องสะดุดคาบ้านอีกครั้ง
ลิเวอร์พูล กับ ฤดูกาลส่งท้าย เจอร์เก้น คล็อปป์ ทำตัวเองให้อยู่ในสถานการณ์ที่ต้องลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก ในช่วง 100เมตรสุดท้ายลำบาก อีกครั้ง ด้วยการเปิดบ้านพ่ายให้กับ คริสตัล พาเลซ แบบสุดช็อก 0-1 ชนิดที่ว่าพวกเขาปูพรมยิงทั้งเกมแต่ไม่เข้า
โดยเกมดังกล่าว " ดิ อีเกิ้ลส์ " ได้ประตูชัยจากการเข้าทำสุดสวย แล้วไปจบที่ เอเบอเรซี่ เอเซ่ ซัดโล่งๆ เข้าไป น.14 หลังจากนั้นหงส์แดงก็พยายามโหมเกมบุกเรื่อยๆ แต่ทว่าก็เกือบมาโดนเม็ด2จากจังหวะสวนกลับ แต่ทว่า แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ตามสไลด์บอลบนเส้นได้อย่างยอดเยี่ยม
จบครึ่งแรกไปด้วยการที่ลิเวอร์พูลตามหลัง 0-1 ครึ่งหลัง " เจเค " มีการเปลี่ยนตัวแก้เกมทันที ถอด วาตารุ เอ็นโด ออก แล้วให้ โดมินิค โซบอสซ์ไล ลงมาแทน ก่อนที่ต้นครึ่งหลัง คอเนอร์ แบร็ดลี่ย์ จะเจ็บ เลยทำให้ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ มาบู๊ น.48
การที่ลิเวอร์พูล บุกเพลินไปทำให้พวกเขาหลังลอย เกือบโดนลูก3ฝังกลบเช่นกัน ฌอง-ฟิลิปป์ มาเตต้า ศูนย์หน้าที่ทั้งตัวหนาใหญ่ เบียดได้บอลจังหวะโขกชงเตะมุมในระยะไม่ถึง5หลา หวดเต็มแรงแต่ทว่ากลับโดน อลิสซง เบ็คเกอร์ เซฟได้แบบไม่อยากเชื่อสายตา
เครื่องจักรสีแดงพยายามเป็นอย่างมาก ที่จะหาประตูตีเสมอ เพื่อหาโมเมนตัมพลิกแซงให้ได้ แต่ทว่าจนแล้วจนรอด ทัพปราสาทเรือนแก้ว ก็กันไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม ดีน เฮนเดอร์สัน โชว์หนึบ รวมถึง3เซ็นเตอร์ของพวกเขา เล่นกันแกร่งสุดๆทั้ง เนธาเนียล ไคลน์ -โยอาคิม แอนเดอร์เซ่น - เจฟเฟอร์สัน เลอร์มา และ วิงแบ็กซ้ายขวา อย่าง ไทริค มิเชล - ดาเนี่ยล มูนญอซ
แต่ถึงกระนั้นก็ดีนั่นก็เป็นเพราะแนวรุกของลิเวอร์พูลเองด้วย ที่ไม่เฉียบขาดกันจริงๆ จ่อๆยังยิงติดเซฟติดบล็อกทั้ง โม ซาลาห์ - ดาร์วิน นูนเญซ - หลุยส์ ดิอ๊าซ รวมถึงตัวสำรองอย่าง ดิโอโก้ โชต้า และที่แฟนหงส์คงจะเสียดายสุดๆกับจังหวะหลุดเดี่ยวของ เคอร์ติส โจนส์ แต่แปฉีกเสาไปดื้อๆ
การปราชัยดังกล่าวบวกกับอาร์เซน่อล ก็คาบ้านต่อ แอสตัน วิลล่า 0-2 ทำให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เป็นเหมือนตาอยู่ ขึ้นมาเป็นจ่าฝูง พร้อมสถานการณ์ที่ได้เปรียบสุดๆ ทั้งคะแนนและเรื่องของโปรแกรม ส่วนหงส์แดง การแพ้คาบ้าน2นัดติด นั่นทำให้พวกเขาเองส่อแววจะพลาด2แชมป์ใหญ่อย่าง พรีเมียร์ลีก และ ยูโรป้า ลีก มากเข้าไปทุกขณะ
ปัญหาเดิม แนวรุกได้โอกาสกันครบ แต่จบไม่ได้จริงๆ
เหมือนจะเห็นแววว่าจบไม่คมใช้โอกาสเปลืองแบบจริงๆจังๆมาตั้งแต่เกมแดงเดือดที่ เสมอกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-2 แล้ว สำหรับ ลิเวอร์พูล ลามมาจนถึง แมตช์ ยูโรป้า ลีก ที่เปิดบ้านโดน อตาลันต้า บุกมายิงไส้แตก 0-3 เกมกับ คริสตัล พาเลซ เป็นอีกหนึ่งนัดที่ตอกย้ำความไร้ประสิทธิภาพในแนวรุกของหงส์แดง
เมื่อคืน เจอร์เก้น คล็อปป์ ยังไว้ใจ3ประสานชุดเดิม โมฮาเหม็ด ซาลาห์ - ดาร์วิน นูนเญซ และ หลุยส์ ดิอ๊าซ โดยปรกติแล้วแนวรุกลิเวอร์พูล ฟอร์มมักจะไม่มีความเสถียรขึ้นๆลงๆโดยตลอด ยกเว้น " บังโม " รายเดียว แต่ทว่าหลังหายเจ็บกลับมา ซาลาห์ ที่ดูชัวร์กว่าเพื่อนความเนี๊ยบในการจบสกอร์หายไป
5-6 ครั้งนี่คือโอกาสทองจ่อๆที่ ลิเวอร์พูล ควรจะส่งบอลไปซุกก้นตาข่าย วาตารุ เอ็นโด ได้ยิงจังหวะขลุกขลิกในเขตโทษ บอลไปชนคาน - หลุยส์ ดิอ๊าซ ได้ตวัดยิงมุมแคบ แต่ ดีน เฮนเดอร์สัน เซฟได้ - ดาร์วิน นูนเญซ ได้หวดเต็มแรงระยะ5-6 หลา แต่ยิงไปติดเซฟขา " ดีโน่ "
ส่วน ซาลาห์ ได้ยิงโล่งๆจ่อๆ แต่ทว่าดันมาโดน ไทริค มิเชล เข้ามากันไว้ได้อย่างเหลือเชื่อ -โชต้า ก็ได้ยิงโล่งๆแต่โดน อดีตเด็กเก่า นาธาเนียล ไคลน์ สไลด์ไว้ทัน และที่แฟนบอลแทบอยากจะสลบกับช็อตที่ เคอร์ติส โจนส์ หลุดเดี่ยว แล้วยิงออกไปแบบดื้อๆ
21ครั้งคือจังหวะได้จบของลิเวอร์พูลเมื่อคืน แต่ทว่าแปรเปลี่ยนเป็นประตูได้เลย เกมกับ อตาลันต้า18 ครั้ง นั่นเท่ากับว่าโอกาสได้จบ2เกมหลังสุดที่แอนฟิลด์ เกือบ40ครั้ง หงส์แดงไม่สามารถส่งบอลไปซุกก้นตาข่ายได้เลย
เอ็นโด เริ่มเป๋ โดนบีบ เบียดปะทะแย่ลำบากตลอด
เนื่องจากลิเวอร์พูล มีการเปลี่ยนถ่ายในตำแหน่งมิดฟิลด์ยกชุดเมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา ทำให้กองกลางของพวกเขาถูกมองว่าเป็นจุดที่น่าเป็นห่วงตลอด เพราะไม่มีมิดฟิลด์ตัวรับระดับท็อปเข้ามา ช่วงแรกขัดตราทัพใช้ อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ ยืน ก่อนภายหลังเป็น วาตารุ เอ็นโด ยึดตำแหน่งตัวจริง
มิดฟิลด์เลือดซามูไร ค่อยๆพิสูจน์ตัวเอง มาเป็น11ตัวจริง หลังช่วงแรกค่อนข้างเหวอหน่อย แต่ทว่าอย่างไรก็ตาม2นัดหลังสุด เอ็นโด ดูจะมีปัญหาพอสมควรกับการโดนบีบเร็ว ปะทะหนัก ทั้งในเกมกับ อตาลันต้า และ คริสตัล พาเลซ
แดนกลางของหงส์แดงเมื่อคืนใช้งาน3ประสานเป็น อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ - เคอร์ติส โจนส์ และ วาตารุ เอ็นโด โดยในพาร์ทเกมรับ เป็นอดีตแข้งสุต๊ตการ์ทรับหน้าที่ ซึ่งต้องบอกว่า เกมในแดนกลางของลิเวอร์พูล โดนผ่านสะดวกโยธินเลย
พักหลังหงส์แดงที่ใช้งาน เอ็นโด ในฐานะมิดฟิลด์เบอร์6 และรับหน้าที่ออกบอลด้วย ซึ่งเวลาที่ได้บอล เอ็นโด โดนบีบเร็ว พุ่งเข้าใส่ตลอด เห็นแววตั้งแต่ในเกมกับอตาลันต้าแล้ว ทำให้กุนซือ พาเลซ โอลิเวอร์ กลาสเนอร์ วางแผนการเล่นมาอย่างดี
คู่มิดฟิลด์พาเลซ อดัม วอร์ตัน และ วิลล์ ฮิล รับบทเป็นผึ้งงาน คอยบีบใส่ เอ็นโด แทบทุกจังหวะทำเอาดาวเตะชาวญี่ปุ่นรายนี้ โดนตั๊นบอล โดนแย่งบอล หรือรวมไปจนถึงกดดันบีบเร็วจนทำให้จ่ายบอลพลาดอีกด้วย
ซึ่งฟอร์มที่ไม่ได้เรื่อง ไม่ผ่านของ เอ็นโด เมื่อคืน ก็ตอกย้ำให้เห็นด้วยการเปลี่ยนตัวของ เจอร์เก้น คล็อปป์ นี่แหละ ที่เลือกถอดเจ้าตัวออกจากสนามตั้งแต่ ออกสตาร์ทครึ่งหลังให้ โดมินิค โซบอสซ์ไล มาเล่นแทน
ฟิลิปป์ มาเตต้า ถึก สูง ยาว ใหญ่
โดยเกมนี้ที่ คริสตัล พาเลซ บุกมาเก็บ3แต้มที่แอนฟิลด์ แม้ว่าผู้ทำประตูชัยจะเป็น เอเบอเรชี่ เอเซ่ ผู้ทำแอสซิสต์เป็น วิงแบ็กอย่าง ไทริค มิเชล แต่ทว่าแนวรุกอีกคนที่ปั่นป่วนลิเวอร์พูลสุดๆเมื่อคืน ต้องยกให้เขาเลย ดาวยิงร่างหนา เสื้อเข้าในกางเกงเรียบร้อยตลอด ฌอง-ฟิลิปป์ มาเตต้า
ปรกติแล้วช่วงฤดูกาลทีผ่านมา คริสตัล พาเลซ ทั้งในยุค รอย ฮ็อดจ์สัน และ ปาทริค วิเอร่า ศูนย์หน้าตัวจริงของทีมจะเป็น อ็อดซอน เอดูอาร์ แต่ทว่ามาฤดูกาลนี้เป็น มาเตต้า ที่ได้ออกสตาร์ทตัวจริงเสียเป็นส่วนใหญ่
ด้วยสรีระที่ใหญ่และหนา ทำให้เวลาได้บอลดาวเตะชาวฝรั่งเศส สามารถไถไปได้เรื่อยๆ ขนาด อิบราฮิมา โกนาเต้ ที่ตัวใหญ่ยังมีปัญหาพอสมควรกับการรับมือ ฌอง ฟิลิป์ มาเตต้า ที่มีส่วนสูง192 เซนติเมตร และหนักถึง 88 กิโลกรัม
ที่จริง มาเตต้า ควรจะมีสกอร์ให้ทัพปราสาทเรือนแก้วด้วยซ้ำ จากลูกหลุดเดี่ยว เพราะอุตส่าห์ชิปบอลผ่าน อลิสซง เบ็คเกอร์ ได้แล้ว แต่ทว่า แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน วิ่งตามไปสไลด์บอลบนเส้นทันได้อย่างน่าเหลือเชื่อ
รวมถึงจังหวะฟรีคิก เพื่อนร่วมทีมแอนเดอร์เซ่นโขกชงมาเข้าทาง มาเตต้า ได้หวดเต็มแรงระยะราวๆ 5-6หลาแค่นั้น แต่เป็น อลิสซง ที่โชว์ปฎิกิริยาระดับโลกยกแขนมาป้องกันไว้ได้ทัน
การไถ บังบอล พิงบอล ดึงตัวประกบ ทำให้ลูกจ่ายออกข้างของ หอกร่างยักษ์รายนี้ ทำให้ปีกอย่าง ไมเคิ่ล โอลิเซ่ และ เอเบอเรชี่ เอเซ่ มีพื้นที่ได้เลื้อยสะดวกขึ้น ผลงาน10ประตู 4แอสซิสต์ ของ มาเตต้า จาก30นัดซีซั่นนี้ ถือว่าไม่เลวเลย
พาเลซ รับแน่นจริง กลาสเนอร์ วางแผนมาดี
หลังจากที่เข้ามาแทน รอย ฮ็อจด์สัน และคุมทีมนัดแรกด้วยการเปิดบ้านเอาชนะ เบิรน์ลี่ย์ ไปอย่างสวยหรู 3-0 ถว่าถัดจากนั้น5นัด ทัพปราสาทเรือนแก้ว ก็ไม่สามารถเอาชนะใครได้เลย แบ่งเป็นแพ้ 2 และเสมอ3 แถมนัดล่าสุดยังโดน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยิงมา4เม็ดอีกด้วย นั่นจึงทำให้การมาเยือนแอนฟิลด์ กูรูหลายคนมองว่า พาเลซ น่าจะรอดออกไปยาก
ทว่าอย่างไรก็ตาม เหมือน โอลิเวอร์ กลาสเนอร์ ที่เคยมีดีกรีเป็นโค้ชแชมป์ ยูโรป้า ลีก กับ ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต เหมือนจะทำการบ้านมาดี ศึกษาเกมจาก อตาลันต้า มาใช้งานกับลิเวอร์พูล และได้ผลมากๆด้วย
พาเลซ บีบเร็วจากแดนกลางไม่ให้ ลิเวอร์พูล ออกบอลกันง่ายๆ รวมถึงบีบสูงเร็วในแดนลิเวอร์พูล ทำให้คู่เซ็นเตอร์อย่าง เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ และ อิบราฮิมา โกนาเต้ โดนบีบตลอด ออกบอลยาก ส่วนตรงกลาง เอ็นโด ก็จ่ายบอลเสีย พลิกบอลเล่นไม่ได้ จนทำให้โดนเปลี่ยนออกตอนออกสตาร์ทครึ่งหลังเลย
ส่วนเวลาหงส์แดง ครองเกมบุก ในแดนของพาเลซ พวกเขาก็ไม่ได้รีบเข้าบอลพรวดพราดแต่อย่างใด เพราะนั่นจะเหมือนเป็นการทำให้เชฟเกมรับเสีย อีกคนที่ต้องชมนั่นก็คือ เซ็นเตอร์ระบบหลัง3อย่าง โยอาคิม แอนเดอร์เซ่น
กองหลังชาวเดนมาร์กผนึกกำลังกันได้เป็นอย่างดีกับ เนธาเนียล ไคลน์ และ เจฟเฟอร์สัน เลอร์มา เมื่อคืน แอนเดอร์เซ่น มีสถิติเคลียร์บอลมากถึง 13ครั้ง แถมยังวางบอลยาวมากถึง9หน และจัดระเบียบแผงรับได้เป็นอย่างดี
โดยชัยชนะหนนี้ของ คริสตัล พาเลซ ที่แอนฟิลด์ ทำให้พวกเขาเป็นทีมแรกในพรีเมียร์ลีก ที่เอาชนะลิเวอร์พูล ที่บ้านได้ถึง 3นัด ในยุคของ เจอร์เก้น คล็อปป์ อีกด้วย 1-2 ปี2015 / 1-2 ปี2017 และล่าสุด 0-1 ปี2024
4วันส่อหาย2แชมป์ สถานการณ์ลำบากของ คล็อปป์
ตอนแรกมีลุ้น4แชมป์ แต่ทว่าได้มา1 จากรายการ คาราบาว คัพ ก่อนที่จะมาทำหายไปอีกหนึ่งถ้วยหลังจากโดน เพื่อนรัก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็อ ยิงแซงช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 120 นาที 4-3 กระเด็นตกรอบ 8ทีมสุดท้ายเอฟเอ คัพ รวมถึง รอบ8ทีม ยูโรป้า เกมแรกหงส์แดงก็โดน อตาลันต้า บุกมาจากอิตาลี ยิงไส้แตกคาบ้าน 0-3
ซึ่งในถ้วยเล็กยุโรปนั้น โอกาสยากมากๆที่ พวกเขาจะบุกไปเอาชนะทีม แบร์กาโม่ ด้วยผลต่างประตูที่มากกว่า3เม็ดขึ้นไป หรือไม่ก็ชนะ3ลูก เพื่อไปลุ้นช่วงการดวลจุดโทษ ส่วนในพรีเมียร์ลีก วีคที่ผ่านมา หงส์แดงก็หล่นลงจากจ่าฝูง หลังเสมอกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-2
การเจอกับ พาเลซ ที่พักหลังเป็นทีมที่แพ้ทางพวกเขาอย่างหนัก แถมยังได้เล่นที่แอนฟิลด์ มองยังไงนี่ควรเป็นแมตช์ที่ทีมเครื่องจักรสีแดง ควรใช้เรียกความมั่นใจมากๆ แต่ทว่าผลลัพธ์ 0-1 นั้นตาลปัตรผลิกผันไปเลย
ชัยชนะของ พาเลซ บวกกับการที่อาร์เซน่อลก็เลียนแบบพ่ายคาบ้านต่อ แอสตัน วิลล่า 0-2 นั่นทำให้จ่าฝูงเปลี่ยนมือไปเป็น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ บ้าง ซึ่งก็ต้องบอกว่าเมื่อเรือใบสีฟ้าขึ้นนำเป็นจ่าฝูง และทุกอย่างอยู่ในมือของพวกเขาเอง ลูกทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า นั้นพลาดยากมากๆ เพราะทีมเต็มไปด้วยคุณภาพ ความเก๋า และประสบการณ์การลุ้นแชมป์ที่โชกโชน
นอกจากนี้ประตูชัยของ เอเซ่ ทำให้สถิติไม่แพ้ในบ้านของลิเวอร์พูล ฤดูกาล2023-2024นี้ ต้องสิ้นสุดลงไว้ที่ 28นัด (หนสุดท้ายแพ้ ลีดส์ 1-2 ตุลาคม 2022) โดยนอกจากนี้แล้ว คริสตัล พาเลซ ยังเป็นทีมแรกนับตั้งแต่ฟูแล่ม เมื่อปี 2021 ที่บุกมาเอาชนะที่แอนฟิลด์ ได้พร้อมการเก็บคลีนชีต
- คอลัมน์นิสต์
- พรีเมียร์ลีก คอลัมน์บอล ลิเวอร์พูล คริสตัล พาเลซ เอเบอเรชี่ เอเซ่ เจอร์เก้น คล็อปป์ แอนฟิลด์
- 123
- 15 เม.ย. 2567 15:02