หงส์ - ปืน ถูกใจสิ่งนี้ ! เรือ เครื่องสะดุด ไล่ตามเจ๊า สิงห์ 1-1 โรดรี้ ยิงเซฟแต้ม
ก่อนเกมคู่ดึกวันเสาร์ที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม จะเริ่มขึ้นเรียกว่าไม่ว่าจะมองจากมุมไหน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เจ้าบ้าน ก็เหนือกว่าผู้มาเยือน เซลซี ทุกเหลี่ยมมุม ทั้งตารางอันดับคะแนน ฟอร์มล่าสุด และคุณภาพนักเตะ แต่ทว่านี่แหละคือฟุตบอลจะมาตัดสินทุกอย่างกันบนหน้ากระดาษไม่ได้ สิงห์น้ำเงินของ เมาริซิโอ โปเซ็ตติโน่ ได้โชว์ฟอร์มหักปากกาเซียน บุกไปแบ่งแต้ม เจ๊า พลพรรคเรือใบสีฟ้าได้สำเร็จ 1-1 เล่นเอาเหล่าคู่แข่งลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก ยิ้มกันหน้าบานเลย
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต้องการจะลดช่องว่าง 5แต้มจากลิเวอร์พูล ในขณะที่ตัวเองแข่งน้อยกว่า2นัด โดยคู่แข่งของพวกเขาในสัปดาห์นี้คือเซลซี ที่ฟอร์มผีเข้าผีออกเหลือเกิน (ส่วนใหญ่จะมีออก) แต่ทว่าเมื่อต้นฤดูกาลต้องไม่ลืมว่า นัดแรกที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ นั้น เสมอกันไปสุดมัน 4-4
ออกสตาร์ทเกมเมื่อคืน ก็ต้องบอกว่ารูปเกมเป็นไปตามที่คาดทุกอย่างนั่นก็คือ ทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ขึงเกม ครองบอล บุกใส่ข้างเดียว แต่ทว่าก็ยังไม่หาจังหวะลั่นตาข่ายโจมตีแบบเหน่งๆได้ เพราะผู้มาเยือนช่วยกันเล่นเกมรับทั้งทีมดีเหลือเกิน
มิหนำซ้ำจังหวะสวนกลับของ สิงห์น้ำเงิน ยังได้ลุ้นอยู่เป็นระยะๆ อีกด้วย เพราะว่าริมเส้นแบ็กของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ดันสูง ทำให้ทีมเยือน ได้ลุ้นตลอดเวลาสวนกลับแล้วจ่ายบอลออกข้าง ทำให้มีพื้นที่ได้เลี้ยง จ่ายตัดเข้ากลางมากมาย
และแล้วก็เป็นเซลซี ที่เล่นได้ตามแผนของตัวเอง ขึ้นนำไปก่อน1-0 จาก ราฮีม สเตอร์ลิง ที่รับบอลจาก นิโคลัส แจ็คสัน ก่อนล็อกหลบเผาเครื่อง ไคล์ วอล์คเกอร์ แล้วปั่นด้วยขวาในเขตโทษเข้าไป น.42 และจบ45นาทีแรกด้วยสกอร์ดังกล่าว
เริ่มครึ่งหลังมาก็ยังเป็นเจ้าบ้านที่ พยายามครองบอล บุกเข้าใส่เป็นระยะ แต่ทว่าก็หาจังหวะเหมาะเหม่งที่ไม่ได้ เพราะลูกทีมของ " พอช " เล่นอุดกันในแดนตัวเองดีเหลือเกิน บวกกับนี่ไม่ใช่วันที่ เออร์ลิง ฮาลันด์ เข้าฝักอีกด้วย จังหวะน่าจะได้หอกชาวนอร์เวย์ก็ยิงนกตกปลาไปหมด
แต่ทว่าอย่างใดก็ตามด้วยความที่กลัวแพ้ของ เมาริซิโอ โปเซ็ตติโน่ นี่แหละ ทำให้เกมกลับมาเป็นแบบวันเวย์ของ ซิตี้ ไปเลย เพราะ โคล พาลเมอร์ ที่เล่นค่อนข้างดีถูกถอดออก แล้วเป็น เทรโวห์ ชาโลบาห์ มาเล่นแทน น.71 หลังจากนั้นเซลซี ก็ต้องรับเต็มตัวเลย เพราะทั้งด้วยแท็กติกการเล่นแบบอุดรอโดน และการขาดหายไปของผู้เล่นตัวรุก เอาไว้ขู่เจ้าบ้านเวลาสวนกลับ
และแล้วหลังจากที่พยายามโหมอยู่พักใหญ่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็มาได้ประตูตีเสมอ1-1จนได้ จาก โรดี้ ที่เก็บตกในเขตโทษ ซัดบอลแฉลบ ชาโลบาห์ เข้าไป น.83 แต่ทว่าหลังจากนั้นทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่พยายามโหมสุดๆ ก็ไม่สามารถทำอะไรได้ จบเกมไปด้วยผลเสมอ 1-1 แถม เรือใบสีฟ้า เกือบได้จุดโทษช่วงทดเวลาบาดเจ็บด้วยซ้ำกับจังหวะ แฮนด์บอล ของ ลีวาย โควิลล์
นี่ไม่ใช่วันที่คมของ ฮาลันด์
ก่อนเกมจะเริ่มขึ้นโดยที่มีคู่แข่งเป็นเซลซีที่3นัดหลังสุดในพรีเมียร์ลีก โดนกระทุ้งไปมากถึง10เม็ด หลายคนคงนึกภาพเอาไว้ว่า แนวรับที่เปื่อยยุ่นของสิงห์บูลส์ น่าจะเป็นเหยื่ออันโอชะให้ เออร์ลิง ฮาลันด์ กระซวกตาข่ายเพิ่มสถิติได้อย่างเมามัน รวมถึงหอกชาวนอร์เวย์ น่าจะมั่นใจขึ้นมาได้มากๆด้วย กับการพึ่งกลับมายิงในลีกได้ 2เม็ด เกมกับเอฟเวอร์ตัน หลังหายไปนานเพราะอาการบาดเจ็บ
บวกกับการที่ข้างหลังรอบข้าง ฮาลันด์ มีตัวเปิดป้อนที่ดีทั้ง เควิน เดอ บรอยน์ - ฟิล โฟเด้น - เจเรมี่ โดกู -รวมไปจนถึง ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ที่จึงเป็นโอกาสที่ดีมากๆ ที่ อดีตกองหน้าดอร์ทมุนด์ จะเพิ่มสถิติถล่มตาข่ายของตัวเอง
แต่ทว่าอย่างไรก็ดี นี่เป็นเกมที่ ฮาลันด์ ใช้โอกาสสิ้นเปลืองมากๆ โดยเฉพาะในรูปเกมที่ ซิตี้ เจาะด้านข้างไม่เข้า ทำให้พวกเขาเลือกเปิดเข้าไปในเขตโทษ อาศัยความใหญ่ อึด ถึก ทน ของ เออร์ลิง ฮาลันด์ ทลายคู่แข่ง
แต่ทว่านั่นแหละนี่ไม่ใช่วันที่ดีของเจ้าตัว เออร์ลิง ฮาลันด์ มีโอกาสยิงมากถึง 9ครั้ง แต่ทว่าไม่สามารถส่งบอลไปซุกก้นตาข่ายได้ จังหวะที่ควรจะจบให้ได้สุดๆเห็นทีจะเป็นบอลครอสจากด้านข้างมาให้ของ เดอ บรอยน์ แล้วได้โขกโล่งๆ แต่ทว่าโหม่งหลุดออกนอกกรอบไปแบบไม่น่าเชื่อ
ค่า XG จังหวะที่พลาดของ ดาวยิงร่างยักษ์นั้นสูงถึง 1.71 เลยทีเดียว โดยโอกาส9หน ที่ไม่เป็นประตูของ ฮาลันด์ ทำให้เจ้าตัวเป็นผู้เล่นคนที่สองของ ซิตี้ ในรอบ8ฤดูกาลหลังสุด ที่ยิงประตูไม่ได้กับโอกาส9ครั้งขึ้นไป โดยคนล่าสุดเป็น เซร์คิโอ อเกวโร่ กุน ในเกมที่พบกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อปี 2017
ถ้านัดนี้ ฮาลันด์ มีมาตรฐานความคมที่เป็นแบบปรกติ จะเป็นเกมที่ เรือใบสีฟ้า เอาชนะคู่แข่งได้ไม่ยากเลย ทว่าอย่างไรก็ตามก็ต้องยอมรับว่า แนวรับผู้มาเยือนช่วยกันป้องกันได้เป็นอย่างดีด้วย แต่สิ่งที่ ดาวยิงวัย23ปี ทำได้ดีตลอดนั่นก็คือ การเป็นเป้าโจมตี สร้างความลำบากใจให้คู่แข่งในเขตโทษ
การดวลกันของ โดกู VS กุสโต้
เกมริมเส้นฝังซ้ายของ แมนเชสเตอร์ ซิติ้ นี่คือจุดยุทธศาสตร์ หนึ่งที่เจ้าบ้านเลือกที่จะโจมตีมากๆ เพราะตรงฝั่งนั้นพวกเขามี " เดอะ แฟลช " เจเรมี่ โดกู ที่จี๊ดจ๊าด มุดเก่ง ไปได้ดีในพื้นที่แคบๆ ได้เป็นอย่างดี โดยวันนี้ตัวของ โดกู เอง ต้องดวลดับ มาโล กุสโต้ ที่เอาตามมาตรฐานปรกติก็ค่อนข้างรั่ว
ถึงกระนั้นก็ดี วันนี้ฟอร์มของ กุสโต้ หักปากกาเซียนมากๆ เพราะเล่นเกมรับประกบติด โดกู ได้เป็นอย่างดี พาสชั่น และความขยัน รวมถึงการสนับสนุนที่ดีจาก โคล พาลเมอร์ เวลาเล่นเกมรับ ทำให้เจ้าตัวเอาอยู่มากๆ ในการรับมือกับปีกตัวจี๊ดชาวเบลเยี่ยม
แบ็กชาวฝรั่งเศสเมื่อคืน เข้าแท็กเกิ้ลไปถึง8ครั้ง และเคลียร์บอลไปอีก10หน นอกจากนี้ในเรื่องของเกมรุก กุสโต ก็มีจังหวะจ่ายครอสเข้ากลางให้ นิโคลัส แจ็คสัน อย่างพอดีพอเหมาะ ได้หลุดไปยิงโล่ง แต่ทว่าศูนย์หน้าชาวเซเนกัล กลับเลือดจับบอลก่อน ทำให้ เอแดร์ซอน ผวา ออกมาปิดมุมทัน ขึ้นสุดและลงสุด คือคำนิยามของ มาโล กุสโต เมื่อคืน
สำหรับ เจเรมี่ โดดู ที่ยึดตำแหน่งตัวจริงฝั่งซ้ายจาก แจ็ค กรีลิช มาได้พักใหญ่ๆ หลังผลงาน หรูหราหมาเห่า ยิง1จ่าย4 นัดที่ถล่ม บอร์นมัธ 6-1 8นัดต่อมาในพรีเมียร์ลีก เจ้าตัวไม่มีประตูหรือแอสซิสต์มาฝากเลย
ทำเป็นเล่นไปสไตล์ของปีกวัย21ปีรายนี้ เหมือนจะถูกจับทางได้แล้ว กับการยึกๆยักๆ ตรงริมเส้นหวังมุดแหวกเข้าใน แต่ทว่าในเรื่องของทีเด็ดทีขาดจังหวะสุดท้าย โดกู ไม่ผ่านจริงๆ เกมกับเซลซี ภาพที่เห็นชินตานั่นก็คือยิงไปติดบล็อก หรือเปิดไปก็ไม่ได้ลุ้น มีแค่ความวูบวาบ
บางทีเกมแบบนี้สไตล์การเล่นของ กรีลิช (ที่เจ็บ) อาจมีประโยชน์มากกว่า โดกู ก็เป็นได้ หรืออาจจะด้วยความเป็นผู้เล่นดาวรุ่งกระมั้งที่ทำให้ฟอร์มของ อดีตดาวแตะแรนส์ ยังไม่เสถียรหรือสม่ำเสมอ ทีเด็ดทีขาดน้อยไปหน่อย และเป็นปีกที่เล่นหน้าเดียวจับทางง่าย
วันนี้แนวรับ ดิซาซี่ คือพระเอกของจริง
ไลน์อัพที่ออกมาแฟนเซลซี น่าจะมีเสียวเหมือนกันกับการเห็นคู่เซ็นเตอร์เป็น ลีวาย โควิลล์ ผนีกกำลังกับ อั๊กเซล ดิซาซี่ แต่ทว่าก็น่าจะยังเสียวน้อยกว่าเป็น เบอร์นัวต์ บาเดียชิล แน่ๆ และผลลัพธ์ที่ออกมาด้วยสกอร์ 1-1 พระเอกของเซลซี ย่อมเป็นแผงหลังอยู่แล้ว โดยเฉพาะในรายของ ดิซาซี่
เหนียวแน่น แข็งแกร่ง ไม่มีอะไรผิดพลาด นี่คือนิยามของ อั๊กเซล ดิซาซี่ ในการเผชิญหน้ากับแนวรุก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่มีทีเด็ดทุกคนเมื่อคืน แม้ว่า ฮาลันด์ จะมีโอกาสได้ยิงถึง9ครั้ง แต่ทว่าจังหวะการยิงของดาวยิงคนเก่ง ซิตี้ ก็โดนขัดขวาง ขวางลำไม่ให้ซัดถนัดๆตลอด
บอลเปิดมาจากทิศทางไหน ก็เข้าเรดาห์เข้าหัว ดิซาซี่ หมด ไม่แปลกใจเลยที่จะมีสถิติออกมาว่า อั๊กเซล ดิซาซี่ จะเคลียร์บอลมากถึง16ครั้ง และบล็อกลูกยิงไป 3หน โดยเฉพาะกับช็อตของ ฮาลันด์ ที่แฉลบทำให้วิถีบอลเปลี่ยน จน ยอร์เย เปโตรวิซ เซฟได้
ไม่แปลกใจเลยที่จบเกม90นาที ดิซาซี่ จะได้รางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตช์ และจัดได้ว่าเป็นฟอร์มที่ไฉไลที่สุดของเจ้าตัวนักตั้งแต่ย้ายมาจากโมนาโกเลย ถึงกระนั้นก็ดีต้องชื่นชมพาร์ทเนอร์ของเขาด้วยที่ เล่นได้อย่างมีวินัยสำหรับ ลีวาย โควิลล์ ซึ่งนั่นก็แสดงให้เห็นแจ่มแจ้งว่า เจ้าตัวเล่นในตำแหน่งเซ็นเตอร์ได้ดีกว่าแบ็กซ้ายเป็นไหนๆ ออกอาการสะใจสุดๆที่สกัดลูกสำคัญๆได้
ส่วน เบน ชิเวลล์ แบ็กซ้าย แม้จะไม่ค่อยมีบทบาทในเกมรุก แต่เกมรุกก็ปิดเอาอยู่ รุ่นน้องร่วมทีมชาติอังกฤษอย่าง ฟิล โฟเด้น ได้อย่างอยู่หมัด รวมไปจนถึงนายด่ายอย่าง เปโตรวิช ที่ไม่พลาดจังหวะง่ายๆ และมีสมาธิตลอดทั้งเกมอีกด้วย
เสียดายสิงห์จบไม่คม " พอช " เปลี่ยนตัวเหมือนไม่อยากชนะ
แม้ว่ารูปเกมจะเป็นฝั่งของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ครองบอล และสร้างสรรค์เกมบุกได้ดีกว่า แต่นั่นก็เป็นเพราะด้วยสไตล์ของพวกเขาเอง รวมไปจนถึงเซลซี ก็มาเยือน เอติฮัด สเตเดี้ยม ในรูปแบบแท็กติกที่พวกเขาต้องการ นั่นก็คือรับและวางบอลออกไปทางริมเส้นเพื่อสวนกลับ
ซึ่งเกมแพลนของ เมาริซิโอ โปเซ็ตติโน่ นั้นได้ลุ้นมากๆ เพราะผู้เล่นในแดนกลางช่วยกันแย่งบีบไล่บอล เวลาที่บอลมาถึง โรดรี้ รวมถึงสไตล์ของเรือใบสีฟ้า หลังลอยยืนสูง รวมไปจนถึงแบ็กของพวกเขาเติมสูงตลอด เราจึงได้เห็นช่องว่างตรงริมเส้นมหาศาล
โคล พาลเมอร์ เล่นกันได้อย่างโดดเด่นมากในการดวลกับทีมเก่า เจ้าตัวออกบอลจังหวะคีย์พาสได้ดีมาก เซลซี ที่ได้สวนหลายครั้ง พวกเขาควรจบสกอร์กันได้มากกว่าหนึ่ง เม็ด ทั้งจังหวะที่ กุสโต จ่ายเข้ากลางให้ แจ็คสัน หลุด แต่ทว่าดาวยิงชาวเซเนกัล กลับเลือกจับบอลแล้วไม่ดี จน เอแดร์ซอน มาปิดมุมได้
สเตอร์ลิง หลุดเดี่ยวไปจับบอลลั่น รวมไปจนถึงตอนต้นครึ่งหลัง ที่ได้ยิงติดๆกันจาก สเตอร์ลิง และ ชิเวลล์ แต่ทว่า เอแดร์ซอน เซฟได้หมด ยังไม่รวมช็อตที่ เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ ไปแย่ง แจ็คสัน ยิง เล่นเอากองหน้าดาวรุ่งรายนี้ ออกอาการผิดหวังยกใหญ่
แต่ด้วยรูปเกมที่สวนกลับได้เป็นอย่างดี เหมือน " พอช " จะไม่อยากชนะซะงั้น เพราะเลือกอุดแบบรอโดน ในขณะที่พึ่งจะ น.71 แล้วคนที่ถูกถอดออกคือ โคล พาลเมอร์ เป็น เทร์โวห์ ชาโลบาห์ ที่เจ็บไปนาน ได้ลงเล่นนัดแรกในฤดูกาลนี้ และเป็นเกมที่กดดันซะด้วย
ซึ่งการถอด พาลเมอร์ ออก ทำให้เซลซี เหมือนนักมวยหลังพิงเชือกเลย เพราะไม่มีผู้เล่นออกบอลดีๆ ไว้ขู่ ซิตี้ เวลาสวนกลับ มันดูเร็วไปหน่อยที่จะเลือกวิธีการเล่นแบบอุด ในขณะที่แท็กติก (สวนกลับ) ของทีมได้ผล และสุดท้ายการเล่นแบบรอโดนตามแผนของ โปเซ็ตติโน่ นี่แหละทำให้สิงห์น้ำเงินโดนตีเจ๊า1-1 ในที่สุด
หงส์ - ปืน นัดกันยิ้ม กับสกอร์ 1-1 ที่ เอติฮัด
ก่อนเกม แม้ว่า2คู่แข่งลุ้นแชมป์อย่าง ลิเวอร์พูล และ อาร์เซน่อลจะเอาชนะคู่ต่อสู้ไปแบบไม่ระบบหัวแม้เท้า ทั้ง หงส์แดงที่ถล่ม เบรนท์ฟอร์ด 4-1 และไอ้ปืนใหญ่ ที่ฟอร์มทะลักเดือดสุดๆ บุกไปยิงทีมเต็งตกชั้น เบิร์นลี่ย์ 5-0 แต่ทว่าสถานการณ์ลุ้นแชมป์ก็ยังถือว่าอยู่ในมือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ขุมกำลังตัวผู้เล่นเรียกได้ว่าฟูลทีมสุดของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แล้ว เควิน เดอ บรอยน์ ได้ออกสตาร์ทเป็น11ตัวจริง บวก เออร์ลิง อาลันด์ พร้อมล่าตาข่ายแต่ทว่าพอเล่นไปเล่นมาก การเข้าทำพื้นที่สุดท้ายของ เรือใบสีฟ้า ติดๆขัดๆขาดๆเกินๆซะงั้น
โอเคว่า เกมรับของเซลซี ที่ช่วยกันเล่นวางแพลนกันมาได้อย่างดี แต่ทว่าก็น่าตำหนิ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เหมือนกันที่ เปลี่ยนเกม เปลี่ยนตัวผู้เล่นน้อยมากๆ มีการขยับบนม้านั่งสำรองเพียงแค่รายเดียว แบร์นาโด้ ซิลวา ลงไปแทน ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ น.64
แต่นั่นอาจจะต้องเข้าใจ เป๊ป ด้วยว่า ตัวรุกที่จะลงมาเปลี่ยนเกมมีเพียงแค่ ผู้เล่นดาวรุ่งที่พอคุ้นหูก็เป็น ออสการ์ บ็อบบ์ ในรายของ แจ็ค กรีลิช ก็มีอาการบาดเจ็บจนไม่มีชื่ออยู่ในทีม บวกกับธรรมชาติของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็เป็นแบบนี้บ่อยอยู่แล้ว ในเรื่องของความติสต์ บางนัดไม่เปลี่ยนตัวผู้เล่นเลยก็มี
การสะดุดดังกล่าวทำให้ ลิเวอร์พูล กลับมาถือชะตาการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก ให้อยู่ในมือของตัวเองอีกครั้ง รวมไปจนถึงอาร์เซน่อลด้วยที่2นัดหลังฟอร์มแรกมาก ซัดไป11ดอก ไม่เสียแม้แต่เม็ดเดียว ส่วนเซลซี การเจ๊า ซิตี้ ก็น่าจะทำให้ทีมของ ท็อดด์ โบห์ลี่ มีความมั่นใจขึ้นมาบ้างในการเล่นนัดชิง คาราบาว คัพ ที่ เวมบลีย์ โดยมีคู่แข่งเป็นหงส์แดง
- คอลัมน์นิสต์
- พรีเมียร์ลีก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ วิเคราะห์บอล เซลซี ราฮีม สเตอร์ลิง เออร์ลิง ฮาลันด์ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า
- 490
- 18 ก.พ. 2567 14:01