เซ่น สปินาซโซล่า ! อัซซูรี่ เฆี่ยน เบลเยี่ยม 2-1 อินซินเย่ ปั่นโค้งๆ เข้ารอบรอง
ลบคำครหาได้พอสมควรสำหรับอิตาลีในยูโร 2020 หลังจากที่ก่อนหน้า โชว์ฟอร์มได้น่าประทับใจมาตลอด ถล่มเอาชนะ ตุรกี 3-0 ทุบ สวิตเซอร์แลนด์ 3-0 ใช้ทีมชุดตัวสำรอง8คน เชือด เวลส์ ของ แกเร็ธ เบล 1-0
รวมๆไปจนถึงเอาชนะ ออสเตรีย ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 120นาที 2-1 แต่ทว่าลูกทีมของ โรแบร์โต้ มันชินี่ ก็ยังโดนปรามาสว่าที่ได้ผลงานแข่งขันที่ดีนั่นเป็นเพราะเจอทีมระดับรองบ่อนมากกว่า
เกมรอบ8ทีมสุดท้ายที่ อาลิอันซ์ อารีน่า เมื่อคืน อิตาลี ก็ได้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นแล้วว่า ไม่ใช่เพียงแค่ทีมเล็กเท่านั้น ทีพวกเขาตบเอาชนะได้ ทีมอันดับ1ของโลกตาม ฟีฟ่า เวิลด์ แรงกิ้ง อย่างเบลเยี่ยม ขุนพลอิตาลี ก็โค่นเอาชนะได้เช่นกัน รวมถึงเป็นการคว้าชัยเข้ารอบที่มีสไตล์อีกด้วยนั้นก็คือ เป็นอัซซูรี่ ที่เล่นบอลมันได้สนุกเร้าใจวัยรุ่นโคตรๆ
นิโกลา บาเรลล่า โชว์สเต็ปการล็อกหลบในพื้นที่แคบๆซัดผ่าน ติโบ กูร์กตัวส์ เข้าไปใน น.31 ก่อนที่ "เจ้าตัวเล็ก" ลอเรนโซ่ อินซินเย่ จะมาปั่นไซต์โป้งโค้งๆตามสไตล์เจ้าตัว ส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่าย น.44 ส่วนเบลเยี่ยม ไล่คืนมาได้ประตูเดียวจากลูกจุดโทษของ โรเมลู ลูกากู ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ครึ่งแรก
เกมครึ่งหลังแม้ทางฝั่งทัพอัซซูรี่ จะนำอยู่ แต่ทว่าพวกเขาก็ไม่ได้ผ่อนเกมเพื่อให้เบลเยี่ยมได้โอกาสบุกเข้าโจมตีได้ถนัดๆแต่อย่างใด " มันโช่ " ยังกำชับให้ลูกทีมเล่นอย่างเมามันเหมือนเดิมเพรสซิ่ง วิ่งไล่บอลอยู่ตลอด แต่ทว่าก็มีจังหวะชะลอเกมผ่อนเกมในบางช่วง เพื่อไม่ให้ทีมเสียพลังงานมากเกินไป
เกมเฉือนเอาชนะทีมปีศาจแดงแห่งยุโรปเมื่อคืน น่าเสียดายที่ทัพอัซซูรี่ จะต้องเสียแบ็กซ้ายที่เด่นโคตรๆทั้งทัวร์นาเม้นต์อย่าง ลีโอนาร์โด สปินาซโซล่า ที่กล้ามเนื้อกระตุกจนต้องถูกหามตัวออกจากสนามในช่วงท้ายเกม แบ็กจอมบุกจากโรม่ารายนี้เหมือนจะรู้ชะตากรรมตัวเองว่า จะไม่ได้เล่นในยูโร 2020 หนนี้อีกแล้ว เราจึงได้เห็นภาพเจ้าตัวร้องไห้มือกุมหน้าถูกหามเปลออกจากสนามไป
เกมรับอิตาลีก็แสดงให้เห็นถึงว่าทำไมพวกเขาเป็นทีมต้นตำหรับของเกมรับ เพราะเมื่อเวลาที่ต้องอุดประตูคู่แข่ง พวกเขาทำได้แน่นหนาและยากแก่การส่งบอลไปซุกก้นตาข่ายเสมอ จอร์โจ้ คิเอลลินี่ ผนึกกำลังกับ เลโอนาร์โด โบนุชชี่ ได้อย่างเข้าขารู้ใจปานพ่อลูก
ยังไม่รวมถึงโกลวัยรุ่นจอมหนึบอย่าง จานลุยจิ ดอนนารุมา ที่เซฟจังหวะสวยๆ ได้ถึง 2ครั้ง ยังไม่รวมถึงลูกกลางอากาศที่ว่าที่ นายด่าน เปแอชเช รายนี้ ออกมาคว้าตัดบอลได้อย่างหมดจด
ส่วนผู้แพ้เบลเยี่ยม แม้ว่าจะได้เพลย์เมคเกอร์อันดับ1ของทีมฟิตกลับมาลงสนาม แต่ทว่าสตาร์จาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ รายนี้ ดูจะยังไม่ฟิตถึงขึ้น100% จึงทำให้สเต็ปการเล่นของเจ้าตัวดูขาดๆเกินๆล้นๆไปบ้าง
ส่วนผู้เล่นที่โดดเด่นของทีมปีศาจแดงแห่งยุโรป เมื่อคืนนั่นก็คือ วิงแบ็กโนเนม อย่าง เฌเรมี่ โดกู ที่ปั่นป่วน แนวรับอิตาลีได้หลายครั้ง แถมยังเป็นคนเรียกจุดโทษจุดประกายความหวังให้ทีมอีกด้วย
โรแบร์โต้ มันชินี่ พาอิตาลี สายพันธุ์ใหม่ผ่านเข้าไปเล่นในรอบ รองชนะเลิศ ได้สำเร็จ โดยจะพบกับ สเปน ที่เอาชนะ สวิตเซอร์แลนด์ ในการดวลจุดโทษมา 3-1 เชื่อว่าเมื่อเดินทางมาไกลถึงขนาดนี้แล้ว ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไง ไม่มีแฟนบอลอัซซูรี่ ตำหนิมันโช่ แน่นอน
ความแข็งแกร่งและแพสชั่นในการเล่นเกมรับของอิตาลี
แม้ว่าเกมรุกพวกเขาจะสะเด่าเมามัน เร้าใจขนาดไหน แต่เกมรับอิตาลีก็ยังเป็นอิตาลีเสมอ แม้ว่าช่วง15นาทีแรก คู่เซ็นเตอร์ฮาร์ฟอย่าง จอร์โจ้ คิเอลลินี่ และ เลโอนาร์โด โบนุชชี่ จะโดนความ "ใหญ่ ถึก บึกบึน" ของ โรเมลู ลูกากู ไถเล่นงานอยู่ไม่น้อย แต่ทว่าหลังผ่านช่วงดังกล่าวไป ในรับอัซซูรี่ ก็กลับมามั่นคงอีกครั้ง
คิเอลลินี่ ในวัย36ปี ก็ยังมีสถิติที่ยอดเยี่ยมในการดวลกับ โรเมลู ลูกากู เมื่อ5นัดที่เผชิญหน้ากัน "พี่ตู้ " ส่งบอลไปซุกก้นตาข่ายได้เพียงแค่ลูกเดียวเท่านั้น ซึ่งก็มาจากจุดโทษเมื่อคืน สิ่งที่กองหลังจากยูเวนตุสมอบให้กับทีมอยู่เสมอในเกมรับนั่นก็คือ ความขยันทุ่มเท พร้อมทั้งแพสชั่นอันเต็มเปี่ยมเสมอ เราจะได้เห็นเจ้าตัว ร้องตะโกนด้วยความสะใจทุกครั้ง ที่แนวรับอิตาลีหยุดเกมรุกของเบลเยี่ยมได้
ช่วงท้ายเกม จอร์โจ้ คิเอลลินี่ รักษาพื้นที่การยืนตำแหน่งได้เป็นอย่างดี รวมไปจนถึงกล้าบ้าบิ่นที่จะโขกสะกัดลูกเปิดอันตราย โดยไม่กลัวแข้งเท้าของนักเตะเบลเยี่ยมแต่อย่างใด ส่วนคู่หูอย่าง เลโอนาร์โดโบนุชชี่ ทำได้ตามมาตรฐานการเล่นของตัวเอง
น่าเสียดายที่ลูกยิงของเจ้าตัวถูก VAR ริบคืนภายหลัง แต่ทว่าก็มีเสียวเหมือนกันที่ โบนุชชี่ เองทำบอลเสียตรงกลางสนาม เกือบจะโดน เดอ บรอยน์ สวนกลับอยู่แล้ว แต่ทว่าผู้ตัดสิน เป่าเป็นจังหวะฟาวล์ไปก่อน
ด้าน นายด่านวัยรุ่นอย่าง จานลุยจิ ดอนนารุมมา เกมนี้แสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวคือผู้รักษาประตูที่พร้อมจะก้าวขึ้นมาอยู่ในระดับท็อปแนวหน้าแค่ไหน ว่าที่โกลเปแอชเช รายนี้ปฎิเสธลูกยิงของ KDB ได้อย่างหมดจด
การเซฟของเจ้าตัวแสดงให้เห็นถึง ความแข็งแกร่งของข้อมือเป็นอย่างดี รวมถึงยังปัดลูกยิงเรียด ที่จะเบียดเสาไกลของพี่ตู้ ได้อย่างทันท่วงที ส่วนในลูกกลางอากาศ ดอนนารุมม่า ก็ออกมาคว้าได้แบบไม่ทำให้ผิดหวัง
แนวรับที่ทำตัวได้น่าผิดหวังบางจังหวะเห็นที่จะเป็น โจวานนี่ ดิ ลอเรนโซ่ แบ็กขวาจากนาโปลี โดยรวมทั้งเกมแม้เจ้าตัวจะไม่ได้ผิดพลาดมาก แต่ทว่าจังหวะที่พลาดก็เข้าตาซะเหลือเกินเมื่อ แบ็กขวารายนี้ ไปผลักโดกู จนทำให้ทีมเสียจุดโทษ และหลังจากนั้นแข้งวัย27ปีรายนี้ ก็ดูจะประหม่าและกดดันทุกครั้งที่ต้องรับมือกับ โดกู แต่ทว่าก็ยังแก้ตัวด้วยการมีสถิติแท็กเกิ้ลตลอดทั้งเกมมากถึง 7ครั้ง
สปินาซโซล่า บอกลายูโร 2020
ไม่ใช่เพียงแค่โดดเด่นในนัดเปิดสนามเท่านั้น แต่ทว่าทุกๆนัดในทัวร์นาเม้นต์ แบ็กซ้ายจากโรม่ารายนี้ ไม่เคยทำให้กุนซืออย่าง โรแบร์โต้ มันชินี่ ผิดหวังเลย เรียกได้ว่านี่คือรายการแจ้งเกิดอย่างเป็นทางการให้โลกได้เห็นถึงฝีเท้าแบ็กวัย28ปีรายนี้ทีเดียว
ภาพที่เราเห็นจนชินตามาตลอดในทัวร์มาเนต์ดั้งกล่าว นั่นก็คึอ การเติมเกมบุกยังกับ ปีกอาชีพ ของ สปินาซโซล่า ที่คุกคามแนวรับของคู่แข่งได้แทบทุกจังหวะ แถมยังประสานงานกับ "พี่เล็ก " อินซินเย่ ได้อย่างกลมกล่อมลงตัวอีกด้วย
การเติมเกมรุกของ สปินาซโซล่า ทำให้อิตาลีต้องหุบเอา ดิ ลอเรนโซ่ มาเล่นเป็นเซ็นเตอร์ตัวที่3ในบางสถานการณ์ การขึ้นเกมบุกของแบ็กจากโรม่ารายนี้หวังผมได้แทบทุกครั้ง การวิ่งขึ้นสุดลงสุดนี่คือสิ่งที่เจ้าตัวรักษามาตรฐานระดับความฟิตได้ดีในทุกๆนัด
นอกจากจะรุกแบบฟูลแบ็กนิยมสมัยใหม่แล้ว เกมรับ สปินาซโซล่า ยังมีช็อตเซฟชีวิตสำคัญให้กับทัพอัซซูนี่อีกด้วย เมื่อสามารถบล็อกขวางทางบอลลูกยิงระยะไม่ถึง5หลาของ " พี่ตู้ " ลูกากูได้อย่างเหลือเชื่อ จังหวะดังกล่าวหากทีมปีศาจแดงแห่งยุโรปตีเสมอเป็น 2-2ได้ รูปเกมและโมเมนต์ตั้ม จะสวิงเหวี่ยงกลับมาเข้าทางทีมของ โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ เลยทันที
แต่ทว่าช่วงเวลาฮันนีมูนอันแสนหวานของ แบ็กเบอร์4 ทีมชาติอิตาลี รายนี้ ต้องหมดลงเมื่อเจ้าตัว วิ่งสปีดไปเอาบอลกับ ธอร์กาน อาซาร์ จนเกิดอาการกล้ามเนื้อกระตุกขึ้นเอง ถ้าใครตามช่วงที่เจ้าตัวเคยอยู่ยูเวนตุส อาการบาดเจ็บนี่แหละคือสิ่งตามรังควาญเจ้าตัวอยู่เสมอ ภาพที่ สปินาซโซล่า ร้องไห้และถูกหามเปลออกไป นั่นหมายความว่า ทัวร์นาเม้นต์ยูโร 2020 ได้จบลงแล้วสำหรับเจ้าตัว
จุดยุทธศาสตร์สำคัญแดนกลางอัซซูรี่
เรียกได้ว่านี่คือ จุดที่อิตาลีทำได้ดีกว่าคู่แข่งอยู่เสมอในทัวร์มาเม้นต์ยูโร 2020 หนนี้ นั่นจึงส่งผลให้รูปเกมตลอด90นาทีของเกม เป็นทางฝั่งทีมแชมป์โลก4สมัย ที่เหนือกว่าเบลเยี่ยมอย่างเห็นได้ชัด 3มิดฟิลด์ของทีม ต่างทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างไร้ที่ติ
เพรสแย่งบอล ยืนคุมตำแหน่ง วิ่งด้วยพละกำลังอันเอ่อล้น เล่นประสานงานได้เป็นทองเนื้อแผ่นเดียวกันนี่คือ ผลงานของ จอร์จินโญ่ - มาร์โก แวร์รัตติ และ นิโกลา บาเรลล่า ช่วยกันร่วมสร้างสรรค์ร่วมกันเมื่อคืน มิหนำซ้ำกองกลางอิตาลีชุดนี้ ยังมีความพิเศษกันที่ จ่ายบอลกันได้อย่างแม่นยำมากๆ แทบทุกราย โดยเฉพาะจอร์จินโญ่
มิดฟิลด์จอมยิงจุดโทษจากเซลซี รายนี้ คือหัวใจแดนกลางของอิตาลีอย่างแท้จริง ในบทบาทปิดทองหลังพระ จ่ายบอลเข้าเป้าถึง 70ครั้ง จาก71ครั้ง ตัดบอลได้3หน แถมการเอาตัวรอดเวลาโดนผู้เล่นเบลเยี่ยมวิ่งเข้าเพรส ทำได้ดีตลอดเคาะบอลจ่ายบอลจน ฝั่งตรงข้ามไล่ไม่จนสักที
ส่วน มาร์โค แวร์รัตติ ที่มายูโร หนนี้ด้วยสภาพร่างกายที่ไม่ค่อยฟิตเท่าไหร่ แม้จะไม่ใช่มิดฟิลด์ในเชิงรุก เพราะด้วยตำแหน่งของเจ้าตัวทำให้ต้องเน้นเกมรับมากกว่า แต่ทว่าเมื่อดาวเตะจากเปแอชเช รายนี้ ได้ออกบอล ได้โชว์สเต็ปต่างๆ ดูเพลิดเพลินเนียนตาไปหมด และประตูขึ้นนำ1-0 ก็มาจากการแอสซิสต์ของเจ้าตัวอีกด้วย นี่คือนักเตะที่ผ่านบอลในพื้นที่อันตราย และชนะการดวลมากที่สุดในครึ่งแรก
นิโกลา บาเรลล่า นี่คืออีกหนึ่งกองกลางที่ก่อนหน้าไม่ค่อยถูกพูดถึงเท่าไหร่นัก เพราะความเด่นตกไปที่คนอื่นแทน ห้องเครื่องจากอินเตอร์ รายนี้ โชว์สเต็ปเท้าสุดคล่องแคล่ว หลอกล่อผู้เล่นบอลเยี่ยมถึง2คน ก่อนที่จะตะบันสุดสวยผ่านมือ กูร์กตัวส์ เสียบมุมเข้าไป รวมถึงยังเป็นคนจ่ายให้ อินซินเย่ ปั่นโค้งๆเสียบเสาเข้าไป
แม้จะไม่ได้ถูกพูดถึงมาก เท่ากับกองกลางอิตาลีคนอื่นๆ แต่นี่คือนักเตะที่ทำงานหนักมากๆ เพื่อทีมคนหนึ่ง ซึ่งนอกจากจะเป็นทั้งผู้ยิงและแอสซิสต์แล้ว บารเลล่า ยังกระชากบอลผ่านผู้เล่นเบลเยี่ยมได่ถึง3ครั้ง มากที่สุดในทีมเมื่อคืน
นิโกลา บาเรลล่า Vs เบลเยี่ยม
87% ผ่านบอลแม่นยำ
4 แย่งบอล
4 ชนะการดวล
3 เลี้ยงบอลผ่านคู่แข่ง
3 สร้างสรรค์โอกาส
2 ผ่านบอลยาวสำเร็จ
1 เรียกฟาวล์
1 ประตู
1 แอสซิสต์
เฌเรมี โดกู เร็ว คล่อง แกร่ง ถึกบึกบึน
แม้ว่าทีมปีศาจแดงแห่งยุโรป จะยุติเส้นทางของตัวเองไว้เพียงแค่รอบ8ทีม สตาร์ตัวเก่งของทีมอย่าง เควิน เดอ บรอยน์ ก็เล่นไม่ออกอาจด้วยเพราะยังฟิตไม่สมบูรณ์ 100% แต่ทว่าท่ามกลางควาปราชัยดังกล่าว เราได้เห็นหนึ่งในนักเตะโนเนมของเบลเยี่ยมคนหนึ่งที่โชว์ฟอร์มได้ถูกอกถูกใจวัยรุ่นมากๆ
เฌเรมี โดกู ได้ลงสนามเป็นตัวจริงในบทบาทวิงแบ็กฝั่งซ้าย เชื่อว่าก่อนเริ่มเกมแทบจะไม่มีใครรู้จักมักจี่กับแข้งวัย19ปี จากแรนส์ รายนี้เลย แต่ทว่าตลอด90นาทีเมื่อคืน นี่คือนักเตะที่สร้างจังหวะอันตรายให้เบลเยี่ยม มากที่สุด และเป็นคนเรียกจุดโทษให้ทีมยิงไล่ขึ้นมาเป็น 1-2 อีกด้วย
โดกู ใช้ความใหญ่ ถึก แกร่ง เร็ว ให้เป็นประโยชน์เมื่อดวลกับแบ็กขวาของอิตาลี และก็เป็นเจ้าตัวที่ทำได้ดีกว่า สเต็ปการลากเลื้อยเข้าไปในเขตโทษนั้นอันตรายมากๆ ไม่มีแข้งอัซซูรี่คนไหนเสี่ยงเข้าไปแย่งบอล เพราะกลัวพลาด เตะล้มลงในเขตโทษ
แต่ทว่าก็น่าเสียดายสุดๆเช่นกัน ที่จังหวะสุดท้ายดาวเตะจากแรนส์รายนี้ มักจะมาตกม้าตาย ทำทุกอย่างมาดี แต่มาพลาดในจังหวะสำคัญๆสุดท้าย แต่มีสถิติหนึ่งที่ โดกู ทำได้ดีอย่างน่าเซอร์ไพรส์นั่นก็คือ ตลอดทั้งเกมเมื่อคืน เจ้าตัวเลี้ยงบอลผ่านนักเตะอิตาลีได้ถึง 8ครั้ง ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดของผู้เล่นที่ทำได้ในหนึ่งแมตช์สำหรับศึกยูโร 2020 หนนี้
ฟอร์มของเจ้าตัวนัดนี้แสดงให้เห็นว่า โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ คิดถูกแค่ไหนที่ส่งเจ้าตัวลงสนามก่อน ยานนิค คาร์ราสโก้ รวมไปจนถึง ดรีส เมอร์สเท่น รุ่นพี่ในตำแหน่งที่ใกล้เคียงกัน
เฌเรมี โดกู Vs อิตาลี
48 สัมผัสบอล
85% ผ่านบอลแม่นยำ
13 พยายามเลี้่ยง
8 เลี้ยงบอลผ่าน
4 เรียกฟาวล์
1 เรียกจุดโทษ
อิตาลี Vs สเปน ดวงสมพงษ์ในบอลยูโร
นี่เป็นอีกครั้งที่ อิตาลี ต้องโคจร มาดวลกับอีกหนึ่งทีมคู่ปรับในศึกชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปของพวกเขา นั่นก็คือสเปน ทัพกระทิงดุของ หลุยส์ เอ็นริเก้ ใช้พลังงานเยอะมากๆ เพราะในรอบ16ทีม ต้องเล่นถึง120นาที กว่าจะเอาชนะโครเอเชียได้ 5-3 รวมถึงรอบ8ทีมที่ผ่านมา ก็ต้องลากยาวไปจนถึงการดวลจุดโทษ ก่อนจะแม่นเป้ากว่า เอาชนะ สวิตเซอร์แลนด์ ไปได้ 3-1
การฟาดแข้งกันระหว่างสเปนและอิตาลี ที่เป็นทีมเน้นการครองบอลเล่นเกมบุกทั้งคู่ น่าจะทำให้รูปเกมออกมาเบียดสูสีสุดมันไม่น้อย แต่ทว่าเมื่อมองรายละเอียดขุนกำลังผู้เล่นฟอร์มการเล่นในตำแหน่งต่างๆต้องบอกเลยว่า อัซซูรี่ ดูดีกว่าในระดับหนึ่ง
จานลุยจิ ดอนนารุมา แม้จะชื่อชั้นยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักมากมายเท่าที่ควร แต่นี่คือโกลที่เทิร์นโปรเล่น เซเรียอา มาตั้งแต่อายุ 16 ส่วน อูไน ซิมอน แม้ว่าเกมเอาชนะ สวิต เจ้าตัวจะได้นับ แมน ออฟ เดอะแมตช์ แม้ว่าจะมีช็อตเซฟสวยๆ แต่ทว่าก็มีพลาดจังๆ ให้เห็นในยูโรหนนี้ เช่นนัด กับ โครเอเชีย ที่เหม่อจับบอลพลาดไหลเข้าประตูตัวเอง
ส่วนการห้ำหั่นกันในแดนกลาง แม้มิดฟิลด์อิตาลี จะไม่ได้มีชื่อเสียงท็อปติดหูขนาดนั้น แต่ทว่าเมื่อเล่นด้วยกันแล้วกลมเกลียวเป็นปึกแผ่นมากๆ มิดฟิลด์คนอื่นๆ หากได้ส่งลงสนามแม้ไม่ใช่ตัวจริงก็สามารถลงมาพลิกเกมได้เช่นกันทั้ง มานูเอล โลคาเตลลี่ หรือ มัตเตโอ เปสซิน่า ส่วนทางฝั่งสเปน ก็มีเพียงแค่ เซร์คิโอ บุสเก็ตส์ เท่านั้นที่ดูจะรักษามาตรฐานการเล่นได้ดีทุกนัด
ในแนวรุก ต้องบอกได้เลยว่า กองหน้าตัวเป้าทั้งคู่ ใช้โอกาสทำประตู ที่เปลืองอยู่ไม่น้อย ทั้ง อัลบาโร่ โมราต้า และ ชิโร่ อิโมบิเล่ แต่ทว่าอัซซูรี่ อาจจะดูเหนือกว่าในเรื่องของตัวริมเส้นที่ดูจะหวังผลได้มากกว่า ทั้ง ลอเรนโซ่ อินซินเย่ และ เฟเดริโก้ เคียซ่า แต่ทว่าพวกเขาก็จะประมาทตัวริมเส่นจี๊ดจ๊าดของทัพกระทิงดุอย่าง ปาโบล ซาราเบีย รวมไปจนถึง แฟร์ราน ตอร์เรส ไม่ได้เหมือนกัน
อิตาลี VS สเปน ยูโร 5 ครั้งหลังสุด
1980 (รอบแบ่งกลุ่ม ) เสมอ 0-0
1988 (รอบแบ่งกลุ่ม ) อิตาลี ชนะ 1-0
2008 (รอบ8ทีมสุดท้าย) สเปน ชนะจุดโทษ 4-2
2012 (รอบชิงชนะเลิศ ) สเปน ชนะ 4-0
2016 (รอบ16ทีมสุดท้าย) อิตาลี ชนะ 2-0
- คอลัมน์นิสต์
- 404
- 03 ก.ค. 2564 15:08