เจิด ทำ คล็อปป์เหนื่อย ! หงส์ เหือดจับ เชือด วิลล่า 1-0 บังโม ซัดโทษ
กว่าจะเก็บ3แต้มเข้ากระเป๋าในนัดนี้เรียกว่าหืดขึ้นคอจริงๆสำหรับลิเวอร์พูล ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ เมื่อ แอสตัน วิลล่า ของอดีตนักเตะขวัญใจอันดับหนึ่งแฟนหงส์แดงอย่าง สตีเว่น เจอร์ราร์ด มาเยือนแอนฟิลด์ด้วยแท็กติกที่เหนียวแน่นและอดทนสุดๆ
เกมนัดที่16ของพรีเมียร์ลีกลิเวอร์พูล พวกเขาต้องเปิดบ้านต้อนรับ แอสตัน วิลล่า ของ "สตีวี่จี " ที่กำลังแรงขึ้นมาหลังจากที่มีการเปลี่ยนแปลงผู้จัดการทีมคนใหม่ ซึ่งกว่าหงส์แดงจะโค่นทีมสิงห์ผงาดลงได้ ต้องลุ้นจนน้ำลายเหนียวเลยทีเดียว
ก่อนที่สุดท้าย โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จะอาศัยความผิดพลาด เสียเหลี่ยม ไทรอน มิงส์ เรียกจุดโทษให้กับทีมได้ แล้วก็เป็นสตาร์ชาวอียิปต์รายนี้เอง ที่ลุกขึ้นมาสังหารจุดโทษสุดเฉียบผ่าน จอมเซฟจุดโทษอย่าง เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ น.67
ก่อนเกมทีมเครื่องจักรสีแดง มีการเปลี่ยนแปลงผู้เล่นบางตำแหน่ง ดิโอโก้ โชต้า ที่ดูจะไม่ฟิตเต็ม100 ได้เริ่มต้นเกมในฐานะบทบาทตัวสำรอง แล้วคล็อปป์ ให้โอกาส อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ได้ออกสตาร์ทเป็น11ผู้เล่นตัวจริง
สิ่งหนึ่งที่ต้องยอมรับในเกมนี้คือ แอสตัน วิลล่า กลายเป็นทีมที่เหนียวแน่น แพ้ยาก วิ่งสู้ฟัดทุกตำแหน่งมากขึ้่น นับตั้งแต่เปลี่ยนกุนซือ จาก ดีน สมิธ มาเป็น สตีเว่น เจอร์ราร์ด
แนวรับไม่ค่อยผิดพลาดกันง่ายๆ ยังไม่นับฟูลแบ็กฝั่งซ้าย-ขวา อย่าง แมตต์ ทาร์เก็ตต และ แม็ตตี้ แคช ที่วิ่งขึ้นลงกันเป็นม้าตลอด
อย่างไรก็ตามก็น่าเสียดายเหมือนกันที่ ไทรอน มิงส์ ที่เล่นดีได้เหนียวแน่นตลอดทั้งเกม มาตกม้าตายที่สกัดบอลลูกอันตรายได้ตลอด จะมาเสียเหลี่ยมไปทำฟาวล์ บังโม ในกรอบเขตโทษ และสุดท้ายก็โดนลงโทษไปด้วยความพ่ายแพ้
แม้จะครองเกมได้เป็นส่วนใหญ่ แต่ทว่าต้องชื่นชมแนวรับลิเวอร์พูลด้วยที่ไม่เผลอหรือเหม่อ เวลาที่โดนเกมสวนกลับจาก แอสตัน วิลล่า โดยเฉพาะจาก โอลี่ย์ วัตกินส์ ที่คล่องแคล่วปราดเปรียวเป็นอย่างมาก แต่ทว่าคู่เซ็นเตอร์อย่าง เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ และ โจเอล มาติป ก็จัดการได้อย่างอยู่หมัด
แต่ทว่าอย่างไรก็ตามลิเวอร์พูล ก็มีเรื่องให้กังวลอยู่บ้าง กับฟอร์มที่ตกลงไปเป็นอย่างมากของพี่ "ณเดช " ซาดิโอ มาเน่ แม้สถิตการล่าตาข่ายค่าเฉลี่ยจะไม่ได้ย่ำแย่อะไร
แต่ทว่ารายละเอียดต่างๆในเกม แข้งชาวเซเนกัลรายนี้ มีเพลย์การเล่นที่น่าหงุดหงิดสุดๆ ทั้งจังหวะยิงและจ่าย รวมจนถึงการประสานงานกับเพื่อนร่วมทีมที่ติดๆขัดๆ ช้าไปหรือเร็วเกินตลอด
ฮีโร่หงส์ ต้องเป็น โม ซาลาห์
สถาปนาตัวเองขึ้นมาเป็นแข้งเบอร์1ที่ลิเวอร์พูลขาดไม่ได้จริงๆสำหรับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เวลาที่คิดอะไรไม่ออกเกมตื้อๆ ก็มักจะเป็น บังโม สร้างความแตกต่าง โผล่มาสวมบทพระเอกควบม้าขาวให้ลิเวอร์พูลเสมอ เกมนี้ก็เช่นกัน
จะว่าไปนี่ไม่ใช่เกมที่งานง่ายนักของ ซาลาห์ เพราะคู่เซ็นเตอร์ของ แอสตัน วิลล่า อย่าง ไทรอน มิงส์ และ เอซรี่ คอนซ่า ต่างทำหน้าที่ตัวเองได้เป็นอย่างดี ช่วยกันสกัดบอล เคลียร์บอลจังหวะสุดท้ายได้อย่างแม่นยำ นี่ยังไม่รวมนายด่านสุดท้ายจอมหนึบอย่าง เอมี่ มาติเนซ
ถึงกระนั้นก็ดี แม่ว่าจะโดนประกบติดเป็นเงาตามตัวขนาดไหน แต่สตาร์ชาวอียิปต์รายนี้ก็ยังมีช็อตการเล่นที่อันตราย สร้างความลำบากใจให้ผู้มาเยือนอยู่เป็นระยะๆ แม้บางเพลย์การเล่นจะไม่ได้บอลแต่ ซาลาห์ ก็ยังวิ่งฉีกตัวประกบให้เพื่อนร่วมทีมได้เล่นสะดวกมากขึ้น
เห็นเงียบๆอย่างนี้ ซาลาห์ ยังหาโอกาสสับไกลให้ตัวเองได้ถึง 6ครั้งด้วยกัน เลี้ยงบอลผ่านผู้เล่นทีมสิงห์ผงาด4หน เรียกฟาวล์ได้อีก2ครั้ง ก่อนที่จะมาชงเองกินเอง กับลูกจุดโทษ เมื่ออาศัยเหลี่ยมที่เหนือกว่า มิงส์ เรียกฟาวล์จากจังหวะดังกล่าว
มาถึงช่วงการดวลเป้า12หลา แม้จะดูเป็นเรื่องที่ง่าย แต่เราก็ได้เห็นนักเตะหลายรายพลาดมาแล้วกับการซัดจุดโทษในช่วงเวลาที่กดดัน ยิ่งคู่แข่งตรงหน้า เป็น เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ ที่ขึ้นชื่้อว่าเป็นจอมเซฟโทษคนหนึ่ง
แต่ทว่าซาลาห์ กลับไม่หลงเหลี่ยมจิตวิทยาของโกลชาวอาร์เจนติน่ารายนี้ ซัดลูกเรียดเสียบมุมซ้ายสุดๆ ชนิดที่กะไม่ให้เซฟได้เลย (ซ้ายของโกล)
จุดโทษที่สังหารไปอย่างสุดเฉียบเมื่อคืน นี่คือลูกที่ 14ในพรีเมียร์ลีก จาก16นัดของเจ้าตัวเข้าให้แล้ว น่าจะต้องเป็นไปตามสิ่งที่กูรูหลายคนบอกแล้วสำหรับทีมหงส์แดง ค่าเหนื่อยแพงเท่าไหร่ ก็ต้องจ่ายไปเถอะสำหรับนักเตะที่ฟอร์มขึ้นแท่นเบอร์1ของโลกเวลานี้
มาเน่ ยังทำตัวน่าหงุดหงิดหลายๆจังหวะ
ชักจะยังไงๆแล้วสำหรับพี่ "ณเดช " ของสาวก เดอะ ค็อป โอเค แม้ว่าสถิติการถล่มประตูในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้จะไม่ได้ย่ำแย่อะไร 7ประตู 1แอสซิสต์ จาก15นัดในพรีเมียร์ลีก
แต่ทว่าเมื่อดูจากโอกาสที่ ซาดิโอ มาเน่ ได้ลั่นไกลในแต่ละเกมต้องบอกว่าแข้งชาวเซเนกัลรายนี้ น่าจะทำได้ทะลุหลัก10ประตูด้วยซ้ำ เกมเมื่อคืนก็เหมือนกัน มาเน่ มีโอกาสยิงถึง 4ครั้ง แต่ทว่าก็เป็นการยิงนกตกปลา ไม่ต้องให้ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ ต้องออกแรงเหนื่อยเซฟมาก
การดวลกับแบ็กขวาทีมเยือนอย่าง แม็ตตี้ แคช เหมือน มาเน่ จะทำได้ดีในการใช้ความเร็วสปีดนรกความแข็งแกร่ง กระชากตะลุย แต่การตัดสินใจจังหวะสุดท้ายๆ ว่าจะยิงหรือจะจ่ายทำทางให้เพื่อน แข้งชาวเซเนกัลรายนี้่ ทำได้น่าผิดหวังตลอด
เผลอๆจังหวะทะลุทะลวงเปิดบอลจากทางด้านซ้าย จะเป็นแบ็กอย่าง แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ที่ทำได้ดีสร้างควมหวาดเสียวได้มากกว่าเสียอีก ยังดีที่จังหวะมาเน่พลาดเสียบอล " ร็อบโบ้ "จะพยายามวิ่งไล่กวดตามเก็บให้
ยิ่งถ้าในไปเปรียบเทียบกับ ดิโอโก้ โชต้า ในระยะหลัง แม้ไม่ใช่ผู้เล่นในตำแหน่งเดียวกันเป๊ะๆ แต่ทว่าแข้งชาวโปรตุเกสรายนี้ กลับสร้างอิมแพคในเกมเกมรุกมากกว่า ดูอันตรายและอาวุธหนักหน่วง
ถ้า มาเน่ ยังเค้นฟอร์มไม่ขึ้น ไม่แน่ เจอร์เก้น คล็อปป์ อาจให้โอกาสนักเตะรายอื่น หรือมีความเป็นไปได้ที่ตลาดซัมเมอร์หน้า จะได้เห็น ราฟินญ่า หรือ จาร็อด โบเว่น เข้ามาแข่งขันกดดันตำแหน่งดังกล่าวก็เป็นได้
แชมเบอร์เลน ยังคว้าโอกาสทองที่ได้รับไม่ได้
ถือว่าเป็นโอกาสทองที่ดีอีกครั้งไม่น้อยสำหรับการได้ออสตาร์ทเป็น 11ผู้เล่นตัวจริงของ อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน เนื่องจาก ดิโอโก้ โชต้า ยังไม่ฟิตมากพอได้ลงตัวจริง รวมไปจนถึง โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ ที่ยังมีโอกาสบาดเจ็บรวบกวนอยู่
ฟอร์มของ "ช่างเชื่อม " เมื่อคืนถือว่าความชั่วไม่มี ความดีไม่ปรากฎเลยก็ว่าได้ แต่ทว่าสำหรับการเป็นผู้เล่นแนวรุกแล้ว นับว่าเป็นฟอร์มที่น่าผิดหวังอยู่ไม่น้อย แต่ทว่าก็ไปโทษเจ้าตัวได้ไม่เต็มที่เนื่องจาก ตำแหน่งแนวรุกด้านบนไม่ใช่พื้นที่ที่ แชมเบอร์เลน ถนัดนัก
ครั้นจะให้มาแย่งเบียดตำแหน่งตัวจริงกับมิดฟิลด์ที่อัดแน่นกันเป็นปลากระป๋องช่วงนี้ คงไม่ใช่งานง่ายสักเท่าไห่ร ผลงานที่น่าผิดหวังนัดนี้ของ แชมเบอร์เลน ในบทบาทศูนย์หน้าตัวหลอก สะท้อนได้จากการถูกเปลี่ยนตัวออกตั้งแต่ น.58
ตลอด58นาทีที่อยู่ในสนาม อดีตแข้งปืนใหญ่รายนี้ประสานงานกับเพื่อนร่วมทีมได้น้อยมาก เพราะมีจังหวะจ่ายบอลเพียงแค่ 19ครั้งเท่านั้น มีโอกาสยิง1หน ไม่มีจังหวะจ่ายคีย์พาส หรือจังหวะกระชากผ่านผู้เล่นวิลล่าให้เห็น
รวมไปจนถึงการประสานงานกับ มาเน่ และ ซาลาห์ ก็ยังทำได้ไม่ปะติดปะต่อนัก จนมีเวลาให้ผู้เล่นแผงรับของทีมสิงห์ผงาด ได้มีเวลาตัดสินใจในการเล่นเคลียร์บอลสะกัดบอลต่างๆ แบบไม่ต้องกดดันเท่าที่ควร จนถึงตอนนี้ อ็อกซ์เลด-ยังควานหาประตูแรกในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ไม่ได้เลย
มิงส์ ดีทุกอย่าง...แต่มาพลาดจังหวะเดียว
เป็นอีกหนึ่งนัดที่แนวรับของลูกทีม "สตีวี่จี "ทำกันได้ดีมากๆ แม้จะโดนบุกกดหัวจมน้ำจนแทบไม่มีเวลาหายใจ แต่ทว่าจังหวะสุดท้ายทั้งกองหลังและ เอมี มาร์ติเนซ ก็ยังรักษาความบริสุทธิของตาข่ายได้
การเข้ามาของเจอร์ราร์ด เรียกได้ว่าเข้ามาปฎิวัติการเล่นของ วิลล่า ที่สะเปะสะปะ ในระยะหลังพอสมควร แนวรับมีความแน่นหนาขึ้น เล่นมีวินัย มีลูกหนักไว้ตอดคู่แข่ง
นอกจาก มาร์ติเนซ ที่ได้โชว์หนึบเป็นระยะๆแล้ว คู่เซ็นเตอร์ของวิลล่า อย่าง คอนซ่า และ มิงส์ ทำงานกันได้เป็นอย่างดี
เอซรี่ คอนซ่า ยังสานต่อฟอร์มเยี่ยมจากเกมที่พึ่งเหมาขึ้นไปทำ2ประตูใส่เลสเตอร์ เกมรุกในนัดนี้ไม่ใช่หน้าที่ของของกลังวัย24ปีรายนี้ แต่ทว่าเกมกับหงส์แดงคือภารกิจเกมรับที่เจ้าตัวห้ามพลาดแม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว
คอนซ่า เคลียร์บอลจังหวะอันตรายได้4ครั้ง บล็อกลูกยิงได้2หน แถมยังไม่มีลนหรือพลาดกับการรับมือลูกตั้งเตะของลิเวอร์พูล ที่ได้มาเป็นชุดๆ ประสานงานกับ มิงส์ เล่นเอา เชมเบอร์เลน ต้องไร้ตัวตนถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนามไปตั้งแต่ น.58
ส่วน ไทรอน มิงส์ บอกตรงๆกองหลังพันธุ์ดุรายนี้ เล่นเกมรับได้อย่างเหนียวแน่นมีวินัยมากๆ เวลาผู้เล่นหงส์แดงครอสบอลเข้ามาในเขตโทษ ภาพที่เราจะเห็นจนชินนั่นก็คือ การอยู่ถูกที่ถูกเวลา สกัดบอลให้พ้นเขตอันตรายครั้งแล้วครั้งเล่า ไม่แปลกใจเลยที่สถิติหลังเกมออกมาว่า มิงส์ เคลียร์บอลจังหวะอันตรายได้ 6ครั้ง บล็อกลูกยิง3หน ตัดบอลได้อีก2ครั้ง
น่าเสียดายที่การตัดสินใจพลาดเพียงครั้งเดียวของเจ้าตัว ที่คิดว่าซาล่าห์จะตัดเข้าซ้ายเหมือนที่ผ่านมา เลยทำให้หวดโฉ่งฉ่างจากด้านหลัง กลายเป็นจุดโทษแบบไร้ข้อโต้แย้ง
เมื่อเจอร์ราร์ด กลับบ้าน และปรัชญาการเล่นของวิลล่า
แม้จะเป็นฝั่งตรงข้ามแต่นี่คือการต้อนรับกลับบ้านแอนฟิลด์อบอุ่นจริงๆสำหรับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด กับ ลิเวอร์พูล ตำนานนักเตะหมายเลข1ของสโมสร และขวัญใจแฟนบอลหงส์แดงทุกหมู่เหล่า
แต่เกมในสนามเรื่องความผูกพันก็ต้องทิ้งไปก่อน เจอร์ราร์ด พาสิงห์หงาดมาเล่นในระบบหลัง 4-3-3 แต่ทว่าเวลาเล่นเกมรับ พวกเขาจะยืนเป็น 4-5-1ทันที
เพราะฉะนั้นก็ไม่ต้องแปลกใจเลยเวลาเจอลิเวอร์พูล เปิดเกมบุกขึงเข้าใส่ จะเห็นผู้เล่นชุดสีขาวอออยู่หน้ากรอบเขตโทษ หรือในเขตโทษรวมๆกัน 6-8 คน
อย่างไรก็ตามการเล่นรับลึกดังกล่าวทำให้เป็นเรื่องยากมากเช่นกันที่จะทำให้ สิงห์ผงาดเล่นเกมสวนกลับได้เข้าเป้า เพราะแดนหน้ามีเพียง โอลลี่ย์ วัตกิ้นส์ ที่ต้องเล่นในจังหวะที่ไม่เป็นใจเวลาบอลสาดมาข้างหน้า แถมยังต้องเจอประกบเป็นแซนวิสจากคู่เซ็นเตอร์ ฟานไดค์ -มาติป
ยังไม่นับรวมผู้เล่นตัวสนับสนุนในแนวรุกอย่าง จาค็อบ แรมซีย์ และ แอชลี่ย์ ยัง ที่ไม่ได้เรื่องเท่าไหร่ในเกมนี้ แถมพอเวลาได้บอลก็เจอแดนกลางของเจ้าบ้านรุมเพรสซิ่งเข้าใส่เป็นฉลามได้กลิ่นคาวเลือด จนทำอะไรไม่ถนัดเป็นชิ้นเป็นอัน
หากจะให้ไปหวังกับฟูลแบ็กกับ แมตต์ ทาร์เก็ตต์ และ แมตตี้ เคช คงจะไม่ได้เพราะทั้งคู่ต้องยุ่งเหยิงกับการเล่นเกมรับที่ถูกกดอยู่ตลอดเวลามากกว่า โอเคในเรื่องของรูปสกอร์ วิลล่า แพ้ไม่ขาด
แต่น่าเสียดายไม่น้อยที่ เจอร์ราร์ด กำชับให้ลูกทีมเล่นเกมบุกแลกน้อยไปหน่อย ทั้งที่ในระยะหลังแนวรับลิเวอร์พูล ก็มีรวนๆให้เห็นในหลายๆนัดเช่นกัน เกมนี้ อลิซง ก็มีเหวอไม่ให้เสียงกับ โจเอล มาติป จนเกือบโดนลงโทษ
- คอลัมน์นิสต์
- 530
- 12 ธ.ค. 2564 14:54