เฮ 4นัดติด ! หงส์ มีเฮง เชือด จิ้งจอก 2-1 เว้าท์ ฟาส ยิงตัวเอง2ลูก
แม้ว่าฟอร์มจะยังไม่ดีมาก ไม่เปล่งปลั่งสยดสยองเท่าแต่ก่อน แต่ทว่าลิเวอร์พูลเอง ก็สามารถเร่งเครื่องได้ในระยะหลัง คว้าชัยชนะในเกมพรีเมียร์ลีกได้4นัดติดต่อกันเข้าให้แล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคืน ถือว่าพลพรรคหงส์แดงเองมีเทพีแห่งโชคเข้าข้างอยู่เหมือนกัน กับการเปิดบ้านเฉือนเอาชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ ไปได้หวุดหวิด 2-1
เกมที่แอนฟิลด์ระหว่างเจ้าบ้านลิเวอร์พูล กับ ผู้มาเยือน เลสเตอร์ ซิตี้ และสุดท้ายจบ90นาที ก็เป็นลูกทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่ทำได้ตามเป้าเก็บ3คะแนนสำคัญเข้ากระเป๋า เชือดเอาชนะไปได้ 2-1 แบบใจหายใจคว่ำ
เมื่อคืนเป็นทีมสุนัขจิ้งจอกที่ออกสตาร์ทได้ดีกว่า บุกมานำก่อน 1-0 จากลูกลากโซโล่ กว่า40หลา ของดาวรุ่งอย่าง เคียร์แนน ดิวส์บิวรี่-ฮอลล์ น.4 แต่ทว่าอย่างไรก็ตาม ลิเวอร์พูล ก็พลิกแซงมานำ 2-1 ตั้งแต่45นาทีแรก ซึ่งประตูของทีมหงส์แดง ถือว่ามีดวงเกื้อหนุนอยู่ไม่น้อย
กองหลังหน้าใหม่หัวฟูของ เลสเตอร์ ซิตี้ อย่าง เวาท์ ฟาส ขันอาสาสกัดเข้าประตูตัวเองแบบแทบจะไร้ความกดดันดื้อๆ2ครั้ง น.38 และ 45 จนทำให้ทีมปราชัยพบกับความพ่ายแพ้ในที่สุด
นอกจากลูกที่สกัดพลาดทำเข้าตัวเองทั้งสองเม็ดแล้ว เซ็นเตอร์ชาวเบลเยี่ยม ยังมีจังหวะเหวอให้เห็นรายครั้งในเกม จนเกือบที่จะโดนลงโทษประตูที่3 เรียกได้ว่าความมั่นใจของ ฟาส นั้นหายไปเลยพร้อมๆกับจังหวะโอนโกลดังกล่าว
ทางฝั่งของลิเวอร์พูล เกมนี้ผู้เล่นของพวกเขาถือว่าโชว์ฟอร์มกันได้ต่ำกว่ามาตรฐานหลายคน โดยเฉพาะนักเตะอย่าง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ อเล็กซ์ อ็อกเลด แชมเบอร์เลน ส่วนที่โดดเด่นมากๆเห็นจะเป็น ติอาโก้ อัลคันตาร่า ที่เล่นได้อย่างเนียนหมดจด เรียกได้ว่าเป็น " เดอะ แบก " ในแดนกลางของทีมเลยก็ว่าได้
ส่วน ดาร์วิน นูนเญซ ที่โดนจับจ้องมาหลายนัด โทษฐานที่จัดได้ว่าเป็นกองหน้าที่ใช้โอกาสเปลืองสุดขีด เมื่อคืนก็เป็นอีกครั้งที่หอกชาวอุรุกวัยรายนี้ เท้าฝืดไม่สามารถทำสกอร์ได้ แต่ทว่าในแง่อื่นๆ การเลี้ยงบอล ครองบอล จ่ายบอล หรือจังหวะออฟ เดอะ บอล (ไม่มีบอล) อดีตศูนย์หน้าเบนฟิก้า ทำได้เยี่ยมมาก ทำให้แนวรุกคนอื่นๆเล่นกันได้ง่ายขึ้น
เลสเตอร์ ซิตี้ ที่หลังๆแรงขึ้นมา แต่ทว่าหลังบอลโลก2022 พวกเขาก็แผ่วให้เห็นมา2นัดแล้ว ทั้งก่อนหน้าที่โดน นิวคาสเซิ่ล ถล่ม3-0 และล่าสุดโดนหงส์แดงยิงไป 2-1 การขาด เจมส์ แม็ดดิสัน ทำให้เกมรุกของ เลสเตอร์ ดูอันตรายน้อยลงไม่น้อย ในจังหวะตั้งเตะ ลูกยิงแถวสอง หรือจังหวะการเล่นทะลุช่องตรงกลางต่างๆ
ดาร์วิน ไม่ยิง (อีกแล้ว) แต่ถือว่าเล่นดีนะ
จัดได้ว่าเป็นศูนย์หน้าที่ใช้โอกาสในการจบสกอร์ได้เปลืองจริงๆสำหรับ ดาร์วิน นูนเญซ นับตั้งแต่ย้ายมาสวมเครื่องแบบสีเพลิงของลิเวอร์พูล โดยเฉพาะอย่างยิ่งก่อนหน้าในเกมที่ทีม บุกไปเอาชนะ แอสตัน วิลล่า 3-1 อดีตศูนย์หน้าเบนฟิก้า พลาดโอกาสทำประตู 3-4 ครั้ง
โดยมื่อคืนกับ เลสเตอร์ ซิตี้ " น้องนูน " ก็ได้รับโอกาสต่อเนื่องในการออกสตาร์ทตัวจริง และแล้วก็เป็นอีกนัดที่ นูนเญซ ทะลวงตาข่ายคู่แข่งไม่ได้ แต่ทว่าก็เป็นเกมที่ เจ้าตัว โชว์ฟอร์มจัดได้ว่าไฉไลเลย
ดาร์วิน นูนเญซ ทำได้ดีในเรื่องของการปั่นป่วนแนวรับทีมสุนัขจิ้งจอก จังหวะ ออฟ เดอะ บอล (ไม่มีบอล) สร้างประโยชน์ให้กับทัพหงส์แดงมาก ความเร็ว ความคล่อง การไปกับบอลได้ดี แถมยังจัดได้ว่าแข็งแกร่ง นี่คือมิติที่ดาวยิงป้ายแดงรายนี้เพิ่มเข้ามาให้
ประตูขึ้นนำ 2-1 ก็ต้องให้เครดิตเจ้าตัวด้วย ที่กระดกบอลหนีมือ แดนนี่ วอร์ด ไปชนเสา ก่อนที่ เว้าส์ ฟาน จะทะเล่อทะล่า สกัดเข้าประตูตัวเอง แถมยังมีจังหวะสปีดบอลหนี ฟาส (เจ้าเก่า) แล้วตบไปให้ โม ซาลาห์ ยิงเหน่งๆอีกด้วย แต่สตาร์ชาวอียิปต์ยิงหลุดออกไป
แต่ทว่าอย่างไรก็ตาม นูนเญซ ก็มีโอกาสยิงประตูมากถึง7ครั้ง บวกกับเกมก่อนหน้ากับ วิลล่า อีก6ครั้ง เท่ากับว่าโอกาสส่งบอลไปซุกก้นตาข่าย 13ครั้งหลังสุด แข้ง100ล้านยูโร ยังไม่สามารถแปรเปลี่ยนให้เป็นประตูได้เลย
ถึงกระนั้นก็ดี หากเรามองไปที่ยอดรวมการทำประตูของ ดาร์วิน นูนเญซ นั้นถือว่าไม่เลวเลย กับ9ประตู จาก20นัดแรกกับต้นสังกัดใหม่ ลีกใหม่ (อังกฤษ) รอให้ความมั่นใจกลับมาเต็มร้อย เชื่อว่าศูนย์หน้าทีมชาติอุรุกวัย จะผลิตสกอร์ได้เพิ่มขึ้นแน่
ติอาโก้ เด่นสุดหงส์ แบกแดนกลาง
เป็นอีกนัดที่แผงมิดฟิลด์ของลิเวอร์พูล เล่นกันได้ต่ำกว่ามาตรฐานกัน ฟาบินโญ่ ไม่ได้ลงสนาม ทำให้3มิดฟิลด์เป็น ติอาโก้ อัลคันตาร่า - จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และดาวรุ่งอย่าง ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ ส่งผลให้หลายจังหวะ สุนัขจิ้งจอกขึ้นเกมตรงกลางกันได้อย่างสนุกสนาน
จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เหมือนจะเอาฟอร์มจากบอลโลก2022 ไปทิ้งไว้ไหนไม่รู้ เป็นเกมที่ "เฮนโด้ " ทำตัวน่าหงุดหงิดมากๆ จ่ายบอลเสียไปไม่รู้กี่ครั้ง แถมยังหวะที่โดน เคียร์แนน ดิวส์บิวรี่-ฮอลล์ โซโล่ ขึ้นนำ 1-0 เฮนเดอร์สัน ชะลอเกมไม่ได้เลย
ส่วนเจ้าหนู ฮาร์วี่ย์ เอเลียตต์ แม้ว่ามีความเร็วคล่องตัว ทว่าจังหวะจ่ายบอลสำคัญๆหรือคีย์พาสแทบไม่มีให้เห็น แต่ทว่าอย่างไรก็ตาม โชคดีที่ ติอาโก้ โชว์ฟอร์มเด็ด เวิลด์ คลาส พยุงแดนกลางหงส์แดงไว้
" ตะโก้ " เมื่อมีสภาพร่างกายฟิต ไม่มีใครสงสัยในความสามารถของห้องเครื่องชาวสเปนรายนี้อยู่แล้ว อ่านเกม และตัดบอลจังหวะสำคัญได้ตลอด เป็นคนที่ช่วยผ่อนหนักเป็นเบาสถานการณ์ที่คับขันได้ แถมช็อตที่ต้องเปลี่ยนบอลจากรับเป็นรุก ติอาโก้ ก็ทำได้สะเด่าเร้าใจมากๆ
สัมผัสบอล 112ครั้ง (มากที่สุด) / ผ่านบอลสำเร็จ 92ครั้ง (มากที่สุด) / ชนะการดวล12ครั้ง (มากที่สุด) / แย่งบอลกลับมาครองได้ 8ครั้ง / ผ่านบอลเข้าพื้นที่สุดท้าย 10ครั้ง / สร้างสรรค์โอกาสทำประตู 2ครั้ง นี่คือผลงาน " เดอะ แบก " ในแดนกลางอย่าง ติกาโก้ เมื่อคืน
จุดที่หงส์ยังต้องแก้ / อ็อกซ์เลด กี่ครั้งก็ทำตัวน่าผิดหวัง
โอเคว่า ลิเวอร์พูล จะเก็บ3แต้มได้ตามเป้าหมาย แถมยังคว้าชัยในลีกได้4นัดติดต่อกัน และทำแต้มจี้ท็อปโฟร์ได้ดีมากๆ แต่จุดสลบที่เป็นจุดอ่อนของหงส์แดงที่ยังมีให้เห็นประจำในซีซั่นนี้ นั่นก็คือ การเป็นทีมที่พลาดเสียประตูง่ายๆดื้อ และมักจะโดนนำไปก่อน
กับ เลสเตอร์ ซิตี้ ก็เช่นกัน อยู่ดีๆเกมรับของหงส์แดง ก็เอนไปทางซ้ายกันดื้อๆ ปล่อยให้เจ้าหนู เคียร์แนน ดิวส์บิวรี่-ฮอลล์ โซโล่มาคนเดียวกว่า40หลา เข้าไปยิงผ่าน อลิสซง ง่ายๆ เมื่อคืนต้องถือว่าโชคดีไม่น้อย ที่ ผู้มาเยือนใช้โอกาสเปลืองกันสุดๆ มิเช่นนั้นอาจจะโดนมากกว่า1เม็ดก็ได้
ส่วน อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน ที่ยังอุตส่าห์ได้ออกสตาร์ทเป็น11ตัวจริง ก็ยังสานต่อผลงานที่น่าผิดหวังอย่างต่อเนื่อง เรียกได้ว่า เคยห่วยยังไง ก็ยังห่วยอย่างนั้นไม่เปลี่ยนแปลง " ช่างเชื่อม " แทบจะหายไปจากเกม และไม่มีบทบาทสำคัญอะไรในเกมรุกเลย
อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด-แชมเบอร์เลน มีดีเพียงแต่อย่างเดียว นั่นก็คือความขยัน ซึ่งหากมีเพียงสิ่งนั้นสิ่งเดียว มันก็น้อยเกินไปหน่อย ที่จะยกระดับการเล่นของทีมขึ้นมาได้ เมื่อคืนเจ้าตัวได้อยู่ในสนามเพียงแค่ 62นาทีเท่านั้น มีโอกาสยิงเพียงแค่1ครั้ง (ไม่เข้ากรอบ) และผ่านบอลไปแค่ 15หน
การย้ายเข้ามาของ โคดี้ กัคโป น่าจะตอบย้ำ อนาคตของ " ช่างเชื่อม " เป็นอย่างดีว่าจะเป็นไปในทิศทางไหน การได้ย้ายออกไปทีมใหม่ ช่วงตลาดนักเตะมกราคม คงจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดทั้งหรับทั้งสองฝ่าย ฝั่ง แชมเบอร์เลน เอง ก็จะได้โอกาสลงสนามที่สม่ำเสมอขึ้น
โรเบิร์ตสัน เล่นไม่ออก ก็ยังมีเทรนท์
เป็นขวบปีที่ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ โดนวิจารณ์หนักหน่วงเหมือนกันในเรื่องของฟอร์มการเล่น เกมรับทางฝั่งขวา ที่โดนโจมตีบ่อยๆก็มาจากฝั่ง แบ็กลูกหม้อรายนี้นี่แหละ แต่ทว่ายังโชคดีที่แบ็กขวาทีมชาติอังกฤษคนอื่นๆเจ็บ ทำให้ เทรนท์ ได้ไปลุยบอลโลกฉบับกาตาร์ด้วย
เทรนท์ เหมือนจะพักฟื้นจิตใจและฟอร์มดีขึ้นมาเรื่อยๆหลังจากจบฟุตบอลโลก 2022 ทั้งในเกมกับ แอสตัน วิลล่า และ เลสเตอร์ ซิตี้ เมื่อคืน แบ็กจอมบุกรายนี้ มีส่วนกับประตูแรก เพราะเป็นคนครอสเข้ามาจน เว้าท์ ฟาส สกัดเข้าประตูตัวเอง
เมื่อคืน " เจ้าหนูเทรนท์ " แม้ไม่ได้เล่นดีมากๆ แต่ทว่าก็ไม่ได้ก่อความผิดพลาดอะไร ยิ่งเมื่อเทียบกับอีกฝั่งอย่าง แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน ที่นัดนี้แบ็กชาวสก็อตทำได้ต่ำกว่ามาตรฐาน เปิดบอลไม่แม่น แถมยังเป็นคนที่ยื่นตำแหน่งต่ำ จนทำให้เลสเตอร์ ไม่ล้ำหน้ากับประตูขึ้นนำ 1-0 อีกด้วย
บวกกับอาการบาดเจ็บนั่นจึงทำให้ " ร็อบโบ้ "ถูกเปลี่ยนตัวออกให้ คอสตาส ซิมิกาส ลงมาบู๊แทนตั้งแต่ น.62 สำหรับ อาร์โนลด์ เจ้าตัวมีสถิติที่ยอดเยี่ยมหลายอย่างเมื่อคืนทั้งผ่านบอลเข้าพื้นที่สุดท้ายมากถึง 13ครั้ง / ครอสบอล 8ครั้ง / ชนะการดวล 6ครั้ง / ชนะแท็กเกิ้ล3ครั้ง / ตัดบอล3ครั้ง / โอกาสยิง3ครั้ง / สร้างสรรค์โอกาส 2หน
ด้วยสไตล์การเล่นของลิเวอร์พูล ที่แบ็กซ้าย-ขวา จะมีอิทธิพลต่อเกมบุกของทีมเป็นอย่างมาก ในเรื่องของการครอสบอล ทำให้แบ็กของพวกเขา มีจำนวนการแอสซิสต์มากเป็นว่า เล่น
โดย "ร็อบโบ้ " เป็นกองหลังในพรีเมียร์ลีกที่แอสซิสต์มากเป็นอันดับหนึ่ง 54ครั้ง ก็มีสิทธิเหมือนกันที่จะถูกรุ่นน้องเพื่อนร่วมทีม อย่าง เทรนท์ ที่ทำไป 45แอสซิสต์ แซงได้ แต่นั่นก็จะถือว่าเป็นผลบวกต่อลิเวอร์พูล อยู่แล้ว
เวาท์ ฟาส ไม่อยากจดจำวันนี้แน่ๆ
การสกัดทำเข้าประตูตัวเอง ไม่มีอยู่แล้วที่นักเตะคนไหนปรารถนาจะทำสิ่งดังกล่าว แต่ทว่าการทำเข้าประตูตัวเองถึง 2ประตู นั่นยิ่งเป็นสิ่งที่อยากลืมจริงๆสำหรับอาชีพนักฟุตบอล นั่นคือสิ่งที่กองหลังหัวฟูของ เลสเตอร์ ซิตี้ จัดไปเต็มๆแม็กซ์ เมื่อคืน
เลสเตอร์ ซิตี้ ที่ขนาดบุกมายิงนำเร็วที่แอนฟิลด์ แต่ทว่าสุดท้ายก็ต้องพ่ายกลับออกไปด้วยสกอร์ 1-2 โดยทัพจิ้งจอกสยาม ไม่ได้ปล่อยให้ผู้เล่นของลิเวอร์พูล ส่งบอลไปซุกก้นตาข่ายแต่อย่างใด แต่ทว่าเป็นนักเตะของพวกเขาเองที่ใจดีสงเคราะห์ให้ซะงั้น
โดย2ประตูที่หนุ่มหัวฟู สกัดเข้าประตูตัวเองเกิดขึ้นในครึ่งแรก และก็ต้องบอกกันตามตรงว่าเป็นจังหวะที่แทบไม่ได้มีความกดดันอะไรเลย ประตูแรก เหมือนจะสื่อสารไม่ดีกับโกลอย่าง แดนนี่ วอร์ด เลยสกัดบอลที่ไม่มีอะไร ปลิ้นเข้าประตูอย่างเหมาะเจาะเหลือเชื่อ
ส่วนลูกที่สอง เซ็นเตอร์ชาวเบลเยี่ยม ที่ตามไปยังลูกยิงของ ดาร์วิน นูนเญซ ที่ชนเสา ก็ดูเหมือนจะไม่มีอะไรอีกเช่นกัน แต่ทว่า กลับสกัดเข้าประตูตัวเอง แบบไม่น่าให้อภัยซะงั้น เพราะไม่ได้ถูกกดดันอีกเช่นเคย
หลังจากทำโอนโกลไป2ลูก นั่นก็ทำให้ เวาท์ ฟาส ไม่มีความมั่นใจในการเล่นเหลืออีกแล้ว แถมยังทำพลาด ปล่อยให้ ดาร์วิน นูนเญซ ได้หลุดไปยิงเสียด้วย ดีที่ศูนย์หน้าชาวอุรุกวัย ตัดสินใจได้ไม่ดีพอ
การสงเคราะห์ให้ลิเวอร์พูล 2ลูก ส่งผลให้ ฟาส กลายเป็นผู้เล่นคนที่ 4ในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก ที่สกัดเข้าประตูตัวเอง ถึง2ลูกในเกมเดียว ต่อจาก เจมี่ คาราเกอร์ ของลิเวอร์พูล ปี 1999 - / ไมเคิ่ล พร็อคเตอร์ ของซันเดอร์แลนด์ ปี 2003 และ โจนาธาน วอลเตอร์ส ของสโต็ค ซิตี้ ปี 2013
- คอลัมน์นิสต์
- 267
- 31 ธ.ค. 2565 17:03