ยึดจ่าฝูงคืน ! หงส์ กิน เบิร์นลี่ย์ ไม่ยาก 3-1 นูนเญซ โขกท่ายากตอกฝาโรง
ถือว่า Strike Back กลับมาจากความพ่ายแพ้ที่ เอมิเรต สเตเดี้ยม เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ดีเลย สำหรับ ลิเวอร์พูล หลังบุกไปโดนอาร์เซน่อล ยิงมา 3-1 จนทำให้สถานการณ์การลุ้นแชมป์ ตกไปอยู่ในกำมือของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ให้เป็นผู้กุมชะตาตัวเองอีกครั้ง พลพรรคหงส์แดงของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็กลับมาคว้า3แต้ม ได้แบบไม่ยากเย็นนัก ด้วยการเปิดบ้านชนะเบิร์นลี่ย์ไป3-1
ก่อนเกมกับเบิร์นลี่ย์ ลิเวอร์พูลต้องหล่นมาเป็นรองจ่าฝูง หลังจากที่คู่หัวค่ำ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดบ้านเอาชนะ เอฟเวอร์ตัน ชิลๆ 2-0 นั่นทำให้ลูกทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ต้องเก็บ3แต้มเหนือ " เดอะ คลาเล็ตส์ " เพื่อไม่ให้สถานการณ์เสียเปรียบไปอีก
โดย90นาทีที่แอนฟิลด์ แม้ไม่ใช่นัดที่ลิเวอร์พูลเล่นได้ดีอะไรมาก แต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขาทวงตำแหน่งจ่าฝูงคืน หลังเอาชนะเบิร์นลี่ย์ไป 3-1 โดย45นาทีแรกเป็นครึ่งที่หงส์แดงไม่ค่อยไฉไลเท่าไหร่หนัก
ดิโอโก้ โชต้า ยังคงทำประตูได้เสมอเมื่อได้รับโอกาส โขกประตูให้ทีมขึ้นนำไปก่อน 1-0 จากลูกเตะมุมของ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ น.31 แต่ทว่า เบิร์นลี่ย์ ก็มาตีเสมอ1-1ได้แบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ยเช่นกันจากลูกโหม่งของ ดารา โอเช น.45 จบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์ดังกล่าว
ออกสตาร์ทครึ่งหลัง เทรนต์ ที่มีอาการบาดเจ็บจึงทำให้ " เจเค " ส่ง ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ ลงมาเล่นแทน พร้อมขยับ เคอร์ติส โจนส์ ไปเป็นแบ็กขวา ซึ่งด้วยความอ่อนชั้นของเบิร์นลี่ย์ หงส์แดงก็มาได้ประตูนำ 2-1ไม่ยากจาก หลุยส์ ดิอาซ น.52
ซึ่งช่วงที่ลิเวอร์พูลนำ 2-1 ลูกทีมของ แว็งซอง กอมปานี ก็มีโอกาสหลายหนเช่นกันที่จะตีเสมอเป็น2-2ได้ แต่ทว่าไร้ความเฉียบคมกันมากๆ โดยเฉพาะในรายของ ดาวิด ดาโทร โฟฟานา กองหน้าดาวรุ่งของที่ยืมมาจากเซลซี กับโอกาสทองเหน่งๆ2ครั้ง แต่พลาดไปหมด
และเมื่อเบิร์นลี่ย์ลงโทษลิเวอร์พูล ช่วงที่ยังจัดระเบียบเกมรับจากลูกโยนยาวไม่ได้ ก็มาโดนลงโทษซะเอง กับ ประตูโขกท่ายากของ ดาร์วิน นูนเญซ น.79 ซึ่งผู้ที่เปิดมาให้อย่างเหมาะเจาะนั่นก็คือตัวสำรอง ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ ที่ลงมาทำ2แอสซิสต์ในนัดนี้
3แต้มเมื่อคืนถือว่าเป็นเป็นตามมาตรฐานที่พลพรรคหงส์แดงควรทำได้ แม้ภาพรวมจะไม่ใช่เกมที่พวกเขาเล่นดีนักก็ตาม สำหรับ เบิร์นลี่ย์ ของ กอมปานี ดูจากทรงการเล่นแล้วเป็นพวกสวยแต่รูปแต่จูบไม่หอมจริงๆ ทรงบอลดีการต่อบอลดี แต่ทว่าไร้ซึ่งประสิทธิภาพและความแข็งแกร่ง และน่าจะต้องตีตั๋วกลับไป แชมเปี้ยน ชิพ หลังจบฤดูกาลแน่ๆ
3ประสานแนวรุกหงส์มาตามนัด
แม้ว่าจะเป็นอีกนัดที่ลิเวอร์พูลไร้เงา โมฮาเหม็ด ซาลาห์ แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ประสิทธิภาพผลลัพธ์ในแนวรุกพวกเขาลดน้อยถอยลงไปเลย แม้ว่านัดไหนจะเล่นไม่ดี ความหลากหลายและความเฉียบคมในแดนหน้าของพวกเขายังเชื่อขนมกินได้เสมอ และเมื่อคืน3ประสานก็มาตามนัดกันทุกคน
ดิโอโก้ โชต้า เบิกสกอร์ให้ทีมขึ้นนำ 1-0 จากจังหวะที่ เจมส์ แทร็ฟฟอร์ด กับ ดารา โอเช ไปชนกันเองจากลูกเตะมุม ทำให้บอลเลยมาเข้าหัวดาวเตะชาวโปรตุเกสง่ายๆ ซึ่งแม้จะเป็นผู้เล่นตัวเล็ก แต่ โชต้า ก็ทำให้เห็นตลอดว่าลูกกลางอากาศไม่ใช่จุดด้อยของเจ้าตัวเลย
แต่ทว่าก็น่าเสียดายเช่นกันที่เกมนี้ โชต้า ไม่เข้าฝักเท่าไหร่ ทำให้เปลี่ยนโอกาสเป็นประตูได้1ครั้ง ส่วน หลุยส์ ดิอาซ ความมุทะลุ ขยัน กระชากลากลุย ก็ยังเป็นจุดเด่นของปีกชาวโคลัมเบียรายนี้เสมอ แม้จะมีบางช็อตที่เลื้อยมากเกินไปจนเสียจังหวะเพื่อน
แพสชั่นระหว่างเกมนี่แหละคือสิ่งที่ ดิอาซ ไม่เคยทำหล่นหายไป ก่อนที่จะมาเข้าชาร์จโขกประตูขึ้นนำ 2-1 ให้ทีม ทางฝั่งของ ดาร์วิน นูนเญซ บอกได้เลยว่า45นาทีแรก เป็นเกมที่ไม่ดีเท่าไหร่ของดาวยิง 100ล้านยูโร มีจังหวะโดนแย่งบอลคาเท้าดื้อๆก็มี หรือจังหวะที่ต้องสปีดดวลความแข็งแกร่งกับกองหลัง เบิร์นลี่ย์ ดาร์วิน แพ้ตลอด
แต่ถึงกระนั้นก็ดี ความพยายามของ นูนเญซ ก็มาสัมฤทธิผลด้วยลูกโขกท่ายากแบบเอี้ยวคอสุดสวย เป็นประตูตอกฝาโรง 3-1 โดยเจ้าตัวมีโอกาสซัดเบิ้ลให้ตัวเองได้ จากจังหวะหลุดเดี่ยว แต่ทว่าง่ายๆ ดาวยิงชาวอุรุกวัยรายนี้ไม่ชอบซัดไปติดโกลแบบตรงตัวดื้อๆ
ดิโอโก้ โชต้า 9ประตู - ดาร์วิน นูนเญซ 9ประตู - หลุยส์ ดิอาซ 5ประตู ที่คือผลงานหน่วยล่าสังหารลิเวอร์พูลในเกมพรีเมียร์ลีก ยังไม่นับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ 14ประตู ที่ยังเดี้ยงอยู่รอวันคืนสนาม
กลางหงส์งงๆหน่อย เอ็นโด เด่น - แม็คก้า ดร็อป
ช่วงที่ขาด โดมินิค โซบอสซ์ไล ไป ดูแหม่งๆพิกลสำหรับ เกมในแดนกลางของลิเวอร์พูล เพราะ2นัดในลีกที่ผ่านมา ที่ขาด "โซโบ " จุดยุทธศาสตร์ในแดนกลางหงส์แดงดูไม่เสถียรเลย ทั้งในเกมกับอาร์เซน่อล รวมไปถึงกับ เบิร์นลี่ย์ ที่บางช่วงพวกเขาดูเก็บจังหวะสองไม่ได้ จนโดยเจาะตรงนั้น
เมื่อคืน เจเค ใช้3ประสานในแดนกลางเป็น เคอร์ติส โจนส์ - อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ และ วาตารุ เอ็นโด ที่พร้อมลงสนามหลังจากกลับมาจากการรับใช้ทีมชาติญุี่ปุ่น ด้วยชื่อชั้นเกรดคุณภาพนักเตะ นี่ควรจะเป็นเกมที่หงส์แดง ครองเกมได้เบ็ดเสร็จ กับคู่แข่งอย่างเบิร์นลี่ย์ แต่ทว่าไม่ใช่อย่างนั้นเลย
45นาทีแรกเป็นเบิร์นลี่ย์ ที่มีโอกาสสวนได้เป็นระยะๆ ทั้ง จอร์จ บราวน์ฮิว และ ซันเดอร์ เบิร์ก เก็บบอลจังหวะ2 แล้วแทงสวนกลับมาได้เป็นช่วงๆ เป็นแมตช์ที่ แม็ค อัลลิสเตอร์ ฟอร์มดร็อปมากๆ ช่วง20กว่านาทีแรก มิดฟิลด์ดีกรีแชมป์โลก ได้จับบอลไปเพียง10ครั้งเท่านั้น
นั่นทำให้จังหวะจะโคน Tempo ต่างๆ ของลิเวอร์พูล ไม่ค่อยเนี๊ยบเท่าไหร่ ส่วน เคอร์ติส โจนส์ เด่นในเรื่องความขยัน (อีกแล้ว) ทำให้ภาระหนักในแดนกลางไปตกอยู่ที่ วาตารุ เอ็นโด มากกว่า และถือว่าเป็นเกมนี่มิดฟิลด์แดนปลาดิบเล่นดีด้วย
เอ็นโด เข้าแท็กเกิ้ล4ครั้ง และเป็นคนเดียวในแผงมิดฟิลด์ของทีมที่เล่นเกมรับได้ผล ทำฟาวล์ในจังหวะที่จำเป็นประตู 2-1 ก็มีจุดเริ่มต้นจากเจ้าตัวนี่แหละที่ไปปั๊มบอลมาได้
ส่วน ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ ที่ลงมาเป็นตัวสำรอง โอเคว่ามี 2แอสซิสต์ นั่นแสดงให้เห็นว่ามีความคิดสร้างสรรค์เกมรุกเยี่ยม แต่ทว่าเรื่องของเกมรับ เจ้าหนูรายนี้ยังต้องปรับจูน เพราะทำให้ภาระหนักในเกมรับไปตกอยู่ที่ เอ็นโด คนเดียว
เทรนต์ ทุบสถิติแอสซิสต์ - โจนส์ ขัดตราทัพแบ็กขวา
ทุบสถิติรุ่นพี่ที่รักไปแล้ว สำหรับ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ เพราะหลังจากที่แอสซิสต์ให้ ดิโอโก้ โชต้า โขกบอลไปซุกก้นตาข่าย ทำให้นี่คือ แอสซิสต์ที่ 58ในลีกของเจ้าตัวแล้ว มากกว่า แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน และกลายเป็นกองหลังที่ทำสถิติแอสซิสต์ มากที่สุดในพรีเมียร์ลีกเข้าให้แล้ว ทั้งที่มีอายุเพียง25ปีเท่านั้น
แต่ทว่าหลังจากแอสซิสต์ดังกล่าว นี่ไม่ใช่เกมที่ดีนักของ TAA โดยเฉพาะในเรื่องของเกมรับที่เป็นจุดอ่อนของเจ้าตัวอยู่แล้วหากเวลาต้องเจอดาวเตะประเภทความเร็วสูง แล้วไม่ได้มีเพื่อนร่วมทีมมาโคฟเวอร์ช่วยซ้อน
เทรนต์ โดนเลี้ยงบอลผ่าน4ครั้ง ในครึ่งแรก ทั้งที่ตัวริมเส้นทางซ้ายเบิร์นลี่ย์ ไม่ได้จี๊ดมากทั้ง วิลสัน โอโดแบร์ และ ฮานเนส เดลครัวซ์ แถมในจังหวะการดวล6หน อาร์โนลด์ ก็แพ้ไปถึง4ด้วย ซึ่งน่าจะด้วยความไม่ฟิตของเจ้าตัวทำให้ฟอร์มออกมาแบบเมื่อคืน
ทำให้ออกสตาร์ท45นาทีหลัง แบ็กจอมบุกรายนี้ถูกเปลี่ยนตัวออกให้ ฮาร์วี่ย์ เอลเลียตต์ ลงมาเล่นแทน พร้อมขยับ เคอร์ติส โจนส์ ขัดตราทัพมาเล่นเป็นแบ็กขวาแทน ซึ่งในตำแหน่งดังกล่าวดาวเตะจอมขยันรายนี้ ก็ไม่ได้ก่อความผิดพลาดอะไร เล่นประคองตัวไปเฉยๆ การไม่เติมสูงนี่แหละทำให้ริมเส้นทางขวาหงส์แดง ไม่ได้โดนโจมตีเข้าใส่เหมือนครึ่งแรก
ส่วนสาเหตุที่ เทรนต์ ถูกถอดออกในช่วงพักครึ่ง เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็ได้ออกมายืนยันแล้วว่าเป็นเพราะอาการบาดเจ็บ ซึ่งก็มาดูกันว่าอาการของเจ้าตัวจะหนักแค่ไหน ซึ่งเกมวีคหน้าถ้าไม่พร้อม เจ้าหนู คอเนอร์ แบร็ดลี่ย์ ก็จะได้ลงสนามอย่างไม่มีปัญหาอะไร ในตำแหน่งดังกล่าว
ควอนซาห์ ตัวจริง - อลิสซง เดี้ยง เคลเลเฮอร์ เฝ้าเสา
ด้วยความที่ อิบราฮิมา โกนาเต้ โดนใบเหลือง-แดง เกมกับอาร์เซน่อล ทำให้โดนโทษแบน1นัด บวกกับ โฌแอล มาติป ที่ยังเจ็บอยู่ และ โจ โกเมซ มีอาการป่วย ทำให้ เจอร์เก้น คล็อปป์ เลือกใช้งาน เซ็นเตอร์ดาวรุ่งอย่าง จาเรลล์ ควอนซาห์ ผนึกกำลังกับ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์
ควอนซาห์ ได้ออกสตาร์ทตัวจริงนัดที่4ในพรีเมียร์ลีก การเริ่มต้นเกมด้วยการโดนใบเหลืองตั้งแต่ น.19 ทำให้เซ็นเตอร์วัย21ปีรายนี้ เล่นด้วยความยากลำบากพอสมควร เพราะต้องระวังในเรื่องของการเข้าบอลมากขึ้น และจะเสี่ยงกับจังหวะ50/50ไม่ได้
เกมรุก จาเรลล์ ควอนซาห์ เกือบเติมสูงขึ้นไปเบิกสกอร์ได้เหมือนกัน จากจังหวะพักอกแล้ว วอลเล่ย์ ลูกโขกชงของ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ส่วนในเกมรับ ควอนซาห์ มีช็อตโชว์เหวอให้เห็นเหมือนกันเมื่อโหม่งสกัดบอลไม่ขาด ไปชน ดาวิด ดาโทร โฟฟานา ได้หลุดเดี่ยวยิงไปติดเซฟ เคลเลเฮอร์ แต่ถึงกระนั้นก็ดี เซ็นเตอร์เบอร์78 ก็เอาชนะการดวลได้ถึง 9จาก11ครั้ง
ส่วนในตำแหน่งผู้รักษาประตู อลิสซง เบ็คเกอร์ ที่มีอาการป่วยไข้หวัดทำให้ ควีวิน เคลเลเฮอร์ ได้เฝ้าเสาแทน และนี่คือการลงเล่นในลีกเกมที่3ของ โกลชาวไอร์แลนด์ โดยประตูแรกที่เสียให้ เบิร์นลี่ย์ จากลูกโขกของ ดารา โอเช หมดสิทธิจริงๆที่เจ้าตัวจะเหาะเหินไปป้องปัดได้
เคเลเฮอร์ มีเซฟสำคัญกับจังหวะออกมาปิดมุมเร็วลูกหลุดเข้ามาของ ดาวิด โฟฟาน่า แต่ทว่ายังดูน่าหวาดเสียเช่นกันกับจังหวะออกบอลต่อบอลในแดนตัวเอง ที่ไม่ค่อยเนี๊ยบเท่าไหร่
เบิร์นลี่ย์ ทรงบอลคางเปราะ
หลังจบเกมที่บุกไปแพ้ลิเวอร์พูลถึงแอนฟิลด์ นั่นเท่ากับว่า เบิร์นลี่ย์ ส่อแววมากๆ (ส่อแววมานานแล้ว) ที่จะต้องร่วงหล่นกลับไปบ้านเก่า เดอะ แชมเปี้ยนชิพ เพราะพวกเขามีอยู่เพียง 13จาก24นัด ตามหลังโซนปลอดภัยอันดับ17 ลูตัน ทาวน์ มากถึง7แต้ม แถมยังแข่งมากกว่า " เดอะ แฮตเตอร์ส "1นัด
คางเปราะ ดีแต่ล่อป้อไม่เป็น นี่คือคำอธิบายของเบิร์นลี่ย์ กับการขึ้นมาเล่นบนเวทีพรีเมียร์ลีกอีกครั้งได้เลย จงลืมฟอร์มความดุดัน คว้าแชมป์ ชปช. ฤดูกาลที่แล้วออกให้จงหมด เพราะทรงบอลแบบนี้ คู่แข่งอีก19ทีมในลีกชอบเหลือเกิน
ต่อบอลสวยงามแต่ไร้ซึ่งประสิทธิภาพ นี่คือ45นาทีแรกของ เบิร์นลี่ย์ เมื่อคืน จนมาได้ประตูจากลูกตั้งเตะไดเร็ค ของ ดารา โอเช แทน การที่กองกลางลิเวอร์พูล ดร็อปไปเมื่อคืนทำให้ บอลจากตรงกลางของ " เดอะ คลาเล็ตส์ " อันตรายมากๆ เมื่อแทงสวนกลับขึ้นไป
แต่อนิจจาความคมของพวกเขานี่แหละที่มีปัญหา หลังจากต่อบอลสู้ไม่ค่อยได้ผล ลูกทีมของ แว็งซอง กอมปานี จึงใช้วิธีบอมบ์โยนยามเข้าโจมตี ซึ่งก็เวิร์คมากๆ เพราะทำให้แนวรับหงส์แดงกั๊กกันเอง โดยเฉพาะ ควอนซาห์
ดาวิด ดาโทร โฟฟานา ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมไม่ค่อยได้ลงสนามกับ อูนิโอน เบอร์ลิน ช่วงถูกปล่อยยืมตัว จนเซลซี ดึงกลับคืนมา แล้วผูกโบว์ใส่กล่องให้ เบิร์นลี่ย์ ยืมใช้งานต่อ
โฟฟาน่า พลาดโอกาสทองถึง2ครั้ง2ครา จากจังหวะหลุดเดี่ยวครั้งแรกยิงไปติดเซฟ เคลเลเฮอร์ ที่ออกมาปิดมุมเร็ว ส่วนผู้ตามมาซ้ำอย่าง วิลสัน โอโดแบร์ ก็ไม่นิ่งหวดด้วยซ้ายแป๊กออกไปอย่างน่าเกลียด
โฟฟาน่า ได้โอกาสหลุดไปดวลกับ เคลเลเฮอร์ อีกครั้ง แต่ทว่าคราวนี้ ดาวยิงชาว ไอวอรี่ โคสต์ เลือกเอี้ยวตัวปั่นด้วยขวา บอลหลุดกรอบไป ชนิดที่บอลเป็นเส้นตรงไม่เลี้ยวเข้ามุมให้ได้ลุ้นเลย
ผ่านมา24นัด ยังไม่เห็นว่าเบิร์นลี่ย์ ของ กอมปานี จะเจอจุดเปลี่ยนที่ทำให้พวกเขาอยู่รอดปลอดภัยในพรีเมียร์ลีกเลย ด้วยทรงบอลเน้นสวยแต่ไม่มีประสิทธิภาพแบบนี้ ดาวยิงสูงสุดในลีกของพวกเขาเป็น เซกิ อัมดูนี่ ที่สังหารไปได้เพียงแค่3เม็ดเท่านั้น
- คอลัมน์นิสต์
- วิเคราะห์บอล คอลัมน์ฟุตบอล พรีเมียร์ลีก ลิเวอร์พูล เบิร์นลี่ย์ ดาร์วิน นูนเญซ เจอร์เก้น คล็อปป์
- 247
- 11 ก.พ. 2567 14:08