เจมส์กลับมาเกิด ! ผีเปิดบ้านหลอนสาลิกา 3-1 ทวงรองจ่าฝูง
กลับมาคว้า3แต้มในพรีเมียร์ลีกได้อีกครั้งสักทีสำหรับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังจากที่ก่อนหน้า2นัด ทำได้เพียงแค่เสมอกับเอฟเวอร์ตัน (3-3) รวมถึงเจ๊ากับทีมจ่อตกชั้นอย่าง เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน 1-1
เกมที่โอลด์ แทร็ฟอร์ด เมื่อคืนทัพปีศาจแดงกลับมาอยู่บนเส้นทางที่พวกเขาเองควรได้เดินอีกครั้ง เมื่อเอาชนะผู้มาเยือนอย่างนิวคาสเซิ่ลสบายๆ 3-1
มาร์คัส แรชฟอร์ด - ดาเนี่ยล เจมส์ รวมถึง บรูโน่ แฟร์นันเดซ ช่วยกันซัดคนละประตูส่งทีมดังแดนอีสานกลับบ้านแบบมือเปล่า
อย่างไรก็ดีแม้จะคว้า3แต้มเข้ากระเป๋า แต่ฟอร์มการเล่นโดยรวมของลูกทีม โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ยังมีติดๆขัดๆ มีช่วงเดินเกมไม่ปะติดปะต่อ โดนทีมสาลิกาบุกโขยกเข้าใส่เป็นชุดๆในช่วง45นาทีแรก
ความผิดพลาด(อีกแล้ว) ของกัปตันหัวแตงโม แฮร์รี่ แม็คไกวร์ เมื่อโหม่งเคลียร์บอลไม่ดูตาม้าตาเรือไปเข้าทาง อัลลัน แซงต์-มักซิแม็ง ตัวรุกทรงผมขัดใจแม่หวดตูมเดียวเข้าไปไม่เหลือซาก และทำให้ทีมสาลิกาดงเหมือนจะฟื้นขึ้นมา 1-1
แต่ทว่าด้วยความแตกต่างของคุณภาพนักเตะ ที่ทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ครองเกมแทบจะวันเวย์ช่วง45นาทีหลัง มายิงเพิ่มอีก2ประตู คว้าชัยชนะไปได้แบบชิวๆ 3-1
บรูโน่ แฟร์นันเดซ แม้จะเป็นเกมที่ไม่ได้แสดงคายพิษสงอะไรออกมามากมายแต่ก็ยัง มี1ประตู (จุดโทษ) และได้1แอสซิสต์ มาฝากแฟนๆเสมอ ส่วน
ดาเนี่ยล เจมส์ ที่เหมือนจะหมดอนาคตกับทีมไปแล้ว ก็แสดงความมุ่งมั่น ตั้งใจ ทุ่มเทใส่เกินร้อย เมื่อได้รับโอกาสจากกุนซือชาวนอร์เวย์ ก่อนที่สุดท้ายแข้งความเร็วสูงชาวเวลส์ จะมีรางวัลตอบแทนของความตั้งใจ ด้วยรายชื่อบนสกอร์บอร์ด
แรชฟอร์ด แสดงให้เห็นว่ายังมีของ
นี่คือหนึ่งในกลุ่มนักเตะที่โดนแฟนบอล กระหน่ำโจมตีมากๆคนหนึ่ง พอๆกับ อองโตนี่ มาร์กซิยาล ถึงจังหวะการเล่นที่เหมือนมอเตอร์ไซค์กำเบรก เมื่อเลี้ยงอยู่ดีๆ ก็หยุดดื้อๆ ทำลายทั้งจังหวะตัวเอง และจังหวะการเติมของเพื่อนร่วมทีม
แต่ทว่านัดนี่้ มาร์คัส แรชฟอร์ด นั้นแตกต่างออกไป กลายเป็นแรชฟอร์ดที่ " เร็ว แรง ทะลุนรก " จังหวะกระชากบอลด้วยความเร็วสูงของแข้งหมายเลข10รายนี้ เผาเครื่องนักเตะสาลิกาดงได้หลายรอบ
ส่วนประตูที่เจ้าตัวซัดได้ในเกมนี้มาจาก จังหวะข้ามาคนเดียว เลี้ยงเองยิงเอง เมื่อแรชฟอร์ด ลากโชโล่ไปยังฝั่งด้านซ้ายของเขตโทษ
ล็อกตัดเข้ากลางหลอก เอมิล คราฟธ์ ก่อนที่จะยิงย้อนเสาแรกอย่างเฉียบขาด ผ่าน คาร์ล ดาร์โลว์เข้าไป
ลูกยิงนี้ของดาวยิงใจบุญผู้ชื่นชอบในการกุศล แสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวมีทักษะที่ยอดเยี่ยมแค่ไหน ความเร็วที่หาคนหยุดยาก ที่ผ่านมาเรื่องทัศนะคติและการตัดสินใจล้วนๆที่ทำให้ ผลงานเหมือนยังถูกแช่แข็งเย็นไว้กับที่
มิหนำซ้ำ แรชฟอร์ด ก็ยังมาเรียกจุดโทษให้กับทีมได้อีกด้วย จากความสามารถเฉพาะตัวสเต็ปเท้าที่รวดเร็ว
ทำให้ โจ วิลล็อค เสียเหลี่ยมไปเตะในเขตโทษเข้าให้ ซึ่งเจ้าตัวผู้ทำฟาวล์เอง ก็แทบจะไม่โต้แย้งหรือเถียงอะไรกับจังหวะดังกล่าว
15ประตูรวมทุกรายการในซีซั่นนี้ เป็นรองเพียงแค่ บรูโน่ แฟร์นันเดซ คนเดียว เป็นเครื่องตอกย้ำว่า แรชฟฟอร์ด ยังคงเป็นที่พึ่งของ ยูไนเต็ด ได้ถ้าตัวเขาเอง ลดละเลิกจังหวะนรกดังกล่าว
เจมส์ เกิดใหม่อีกครั้ง
เหมือนจะไม่ได้ผุดได้เกิดเสียแล้วสำหรับ ดาเนี่ยล เจมส์ กับฟอร์มช่วงท้ายฤดูกาลก่อนมาจนถึงช่วงเปิดฤดูกาลใหม่ๆ
แต่ทว่าด้วยความมุ่งมั่นตั้งใจและหัวใจที่เกินร้อยทำให้นักเตะชาวเวลส์รายนี้กลับมามีชื่อติดเป็น 11ผู้เล่นตัวจริงอีกครั้ง
ลูกยิง2-1 ที่ทำให้ทีมขึ้นนำ ดาเนี่ยล เจมส์ ตะบันได้เต็มข้อมากๆ แม้จะมีจังหวะการเปิดบอลครอสบอลที่ยังไม่เนียนตาเท่าไหร่นัก
แต่ก็มีลูกทุ่มเทด้วยความขยันอดทนมีวินัยแบบ80ตีนถีบ วิ่งสู้ไล่เพรสแทบจะในทุกๆจังหวะ แถมสถิติหลังเกมยังระบุด้วยว่าเจ้าตัว เรียกฟาวล์ให้ทีมได้มากถึง 4คร้ง
ตลอด88นาทีที่อยู่ในสนาม ภาพที่เราเห็นคือดาวเตะหมายเลข21วิ่งไล่บอล ขยันสู้ในทุกๆจังหวะ ความทุ่มเทและทำทุกๆอย่างเพื่อทีมนี่คือทัศนะคติที่ยอดเยี่ยมที่ได้เห็นจาก เจมส์ ในนัดนี้
ปีกแบบสไตล์โบราณๆหน่อย คือสิ่งที่ปีศาจแดงไม่ค่อยมีในซีซั่นนี้ เพราะผู้เล่นที่ถูกขยับมาเล่นในตำแหน่งดังกล่าว ล้วนโดนตัดแต่งพันธุกรรมจากกองหน้ามาทั้งนั้นอาทิ มาร์คัส แรชฟฟอร์ด - เมสัน กรีนวู๊ด และ อองโตนี่ มาร์กซิยาล
ถ้า เจมส์ รักษาระดับมาตรฐานการเล่นได้ น่าจะทำให้เกมรุกของปีศาจแดง มีมิติออปชั่นความหลายหลายไว้โจมตีคู่แข่งมากขึ้น
3ประตู จากการลงสนามตัวจริง5นัดในพรีเมียร์ลีก
6ประตูรวมทุกรายการในซีซั่นนี้ ถือว่าไม่เลวทีเดียวสำหรับ ปีกที่ทำท่าจะหมดอนาคตกับถิ่นโรงละครแห่งความฝันไปแล้วอย่าง ดาเนี่ยล เจมส์
แนวรับผียังผลัดกันทำพลาดง่ายๆ
การจะรักษาคลีนชีตได้ในพรีเมียร์ลีกทำไมดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ยากเย็นจริงๆสำหรับทีมปีศาจสามง่าม เป็นอีกนัดที่เสียประตูให้กับทีมโซนท้ายตารางที่คุณภาพนักเตะบัดซบด้อยกว่า
จุดเริ่มต้นก็มาจาก แฮร์รี่ แม็คไกวร์ นี่แหละที่โหม่งบอลเคลียร์บอลไม่ดูตาม้าตาเรือ
ทำให้บอลเจ้ากรรมตกอยู่ในพื้นที่อันตรายระยะทำการของ อัลลัน แซงต์-มักซิแม็ง หวดเปรี้ยงเดียวไม่เหลือ
นอกจากนี้หลายๆครั้งจังหวะออกบอลด้วยเท้าของ ดาบิด เด เคอา ก็น่าหวาดเสียวอยู่ไม่น้อย จุดเริ่มต้นการเสียประตูของยูไนเต็ด ก็มาจากจุดสลบเดิมปัญหาเดิมนั่นก็คือลูกตั้งเตะนี่แหละ
แต่ทว่าจังหวะดังกล่าวจะโทษกองหลังเจ้าของค่าตัว80ล้านปอนด์ฝ่ายเดียวก็คงไม่ได้ เมื่อผู้เล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ แมนฯยูไม่มีใครยืนอยู่ตรงพื้นที่ว่างคอยขวางทางปืนคู่แข่งเลยทั้ง เฟร็ด และ เนมานย่า มาติช
แม้ว่าจะเป็นเหตุทำให้ทีมเสียประตูตีเสมอ แต่ทว่าภาพรวมหลังจากนั้นของ แม็คไกวร์ ก็ยอดเยี่ยมไม่น้อยเลยทีเดียว ลูกกลางอากาศนัดนี้กัปตันทีมปีศาจแดงเหมาเก็บกินหมด รวมถึงยังมีเติมมาโขกลุ้นทำประตูได้อีกด้วย
สถิติ แฮร์รี่ แม็คไกวร์
100% ชนะลูกกลางอากาศ 6/6
120 สัมผัสบอลมากที่สุด
11 แย่งบอลกลับคืนมา
3 เคลียร์บอลจังหวะอันตราย
2 แทคเกิ้ล
2 โอกาสยิง
1 บล็อค
มาติช ถึงช้าแต่ก็ชัวร์นะ
เนื่องจาก สก็อต แม็คโทมิเน่ย์ มีอาการบาดเจ็บรบกวนเล่นงานทำให้ กองกลางจอมเก๋าชาวเซอร์เบียได้โอกาสลงเล่นแทน แม้จะอายุปาเข้าไป32ปีแล้ว แถมยังออกตัวพลิกตัวช้าเป็นเรือเกลือ
แต่ทว่านั้นก็ไม่ใช่อุปสรรค์ในการเล่นของ เนมานย่า มาติช เลย แม้ไม่ใช่11ผู้เล่นตัวจริงของทีมแต่ทว่าเจ้าตัวก็เล่นเข้ากับทีมได้อย่างสมูลไหลลื่น
คอยกำหนดทิศทางการเล่น จังหวะที่ควรดึงช้า หรือจังหวะที่ควยจ่ายบอลเร็ว
จุดเริ่มต้นของของลูกขึ้นนำ2-1 ก็มาจากอดีตนักเตะเซลซีผู้นี้ ที่พยายามแหวกไปเองเพื่อจ่ายยัดมาให้ บรูโน่
แต่ทว่าบอลมันย้อนหลังกลับกลายเป็นดีมาเข้าทาง แดน เจมส์ หวดเปรี้ยงเดียวเข้าไป
ประตูตอกฝาโรง 3-1 ก็นับว่ามีที่มาจากมาติชได้เช่นกันเมื่อเป็นคนจ่ายบอลไปยังพื้นที่ว่างให้ แรชฟอร์ด ก่อนที่จะโดนแข้งทีมสาลิกาดงหวดเข้าไปในกรอบเขตโทษ และเป็นจุดโทษให้บรูโน่ สังหารในที่สุด
การผ่านบอลสั้นบอลยาวอย่างแม่นยำ ทำให้เกมในแดนกลางของยูไนเต็ด เป็นทรงไม่เสียบอลให้ผู้เล่นนิวคาสเซิ่ลง่ายๆ มิหนำซ้ำเวลาที่ต้องช่วยกันบีบไล่บอลมาติชก็ทำได้อย่างไม่ขัดเขินอีกด้วย
ส่วนเกมรุกเราจะเห็นว่าเจ้าตัวพยายามมีส่วนร่วมสอดขึ้นมาเล่นเกมบุก จ่ายบอลป้วนเปี้ยนหน้ากรอบเขตโทษคู่แข่งหลายครั้ง
เล่นเพื่อทีมอย่างแท้จริง ทำได้หลายบทบาทหน้าที่ นี่คือนิยามของ เนมานย่า มาติช เมื่อคืนนี้
โจลินตัน กับความหวังในการทำประตู
นับตั้งแต่ดาวยิงตัวเก่งของทีมอย่าง คัลลัม วิลสัน ได้รับบาดเจ็บ ความหวังในการล่าตาข่ายคู่แข่งจึงไปตกอยู่ที่ หัวหอกร่างยักษ์อย่าง โจลินตัน
แต่ทว่าฟอร์มของดาวยิงวัย24ปี เมื่อคืนรวมถึงที่ผ่านๆมา โจลินตัน ไม่สามารถเป็นความหวังของทีมได้เลย ภาระหน้าที่ในเกมรุกจึงไปตกอยู่ที่ มิเคล อัลมิรอน และ อัลลัน แซงต์-มักซิแม็ง เป็นส่วนใหญ่
โจลินตัน ปรากฎตัวในสนามได้เพียงแค่55นาทีเท่านั้น เมื่อมีการอาการบาดเจ็บจนต้องโดนเปลี่ยนตัวออกให้ ไรอั้น เฟเซอร์ ลงมาเล่นแทน
แต่ช่วงที่อยู่ในสนามก่อนหน้า อดีตหัวหอก ฮอฟเฟ่นไฮม์ ก็แทบไม่มีพิษสงบทบาทคุกคามแนวรับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้เลย
ด้วยรูปร่างที่สูงใหญ่แต่ทว่ากลับโดน เซ็นเตอร์ของทีมเจ้าบ้านอย่าง แม็คไกวร์ เก็บดักกินลูกกลางอากาศได้หมด100%
ฤดูกาลนี้ โจลินตันได้ลงสนามเป็นตัวจริง 14นัด ทำไปได้แค่1ประตู
ส่วนฤดูกาลที่แล้ว ( 2019-2020) ลงไปทั้งสิ้น 38นัด ทำไปได้น้อยอย่างน่าใจหาย 2ประตู
ความหวังในการทำประตูคือสิ่งที่ โจลินตัน ทำให้นิวคาสเซิ่ลไม่ได้เลยจริงๆ
- คอลัมน์นิสต์
- 376
- 22 ก.พ. 2564 14:01