Manchester Is Red ! ผี โชว์ สปิริต บุกคว่ำเรือใบคาบ้าน 2-0
บทจะมาก็มาดื้อๆจริงๆสำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อล่าสุดบุกไปเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมเพื่อนบ้านคู่ปรับร่วมเมือง 2-0 ชนิดหักปากกาเซียนทุกสำนักเพราะก่อนเกมด้วยผลงาน ทีมปีศาจแดงเป็นรองอย่างสุดกู่
จุดโทษตั้งแต่ น.2 ของ บรูโน่ แฟร์นันเดซ และประตูในช่วงต้นครึ่งหลังของ ลุค ชอว์ น.50 สองประตูดังกล่าวส่งผลให้เบรคหยุดสถิติร้อนแรงชนะรวดรวมกันทุกรายการ21นัดของลูกทีม เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ได้สำเร็จ
นอกจากนี้ยังเบรคสถิติคว้าชัย15นัดติดต่อกันในพรีเมียร์ลีกของทีมเรือใบได้อีกด้วย
จุดเปลี่ยนของเกมคงหนีไม่พ้นจังหวะเรียกจุดโทษให้ทีมหลังสิ้นเสียงนกหวีดเริ่มเกมไปได้เพียงแค่ 34 วินาที เท่านั้น
เมื่อ อองโตนี่ มาร์กซิยาล เลี้ยงบอลไปในเขตโทษแล้วโดน กาเบรียล เซซุส ไปเสียเหลี่ยมเตะจากด้านหลัง ผู้ตัดสิน แอนโธนี่ เทย์เลอร์ ไม่ลังเลเป่าเป็นจุดโทษเลยทันที
การขึ้นนำเร็วของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั่นทำให้พวกเขาเล่นในรูปแบบเกมที่ต้องการได้ไม่จำเป็นต้องผลีพลามบุกเข้าใส่ทีมเรือบใบสีฟ้า กลับกัน การเสียประตูตั้งแต่ไก่โห่ทำให้ลูกทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ออกอาการรีบเร่งการเล่นจังหวะบอลเพื่อจะทวงประตูคืนมากเกินไป
ในส่วนของเกมรุก ซิตี้ ผิดฟอร์มกันเป็นอย่างมาก ทั้ง กาเบรียล เซซุส - เควิน เดอ บรอยน์
โดยเฉพาะ ราฮีม สเตอร์ลิง ที่การเจอกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ อารอน วานบิส-ซาก้า ก็เปรียบเป็นเสมือนค่ำคืนอันฝันร้ายของดาวเตะหมายเลข7อีกครั้ง
แม้จะอาจหาญบุกคว่ำทีมจ่าฝูงได้และลงช่องว่างลงเหลือ 11แต้ม แต่ทว่าเรื่องการลุ้นแชมป์คงยังเป็นเรื่องที่เหมือนเข็นครกขึ้นภูเขาสำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยู่ดี
คำถามจึงอยู่ตรงที่พวกเขาจะรักษาฟอร์มการเล่นอย่างสม่ำเสมอ แล้วเข้าป้ายเป็นอันดับ2 กับช่วงเวลาที่เหลืออยู่ของฤดูกาลได้รึเปล่า ?
ชอว์ ต้องตัวจริงทีมชาติอังกฤษ
ถ้าจะพูดว่านี่คือช่วงเวลาที่พีคที่สุดในอาชีพการค้าแข้งนักฟุตบอลของ ลุค ชอว์ คงไม่มีใครแย้งขัดขืนมากนัก แบ็กซ้ายตัวจริงเลือดผู้ดีรายนี้ ยกระดับฟอร์มการเล่นของตัวเองได้ดีขึ้นมาอย่างน่าเหลือเชื่อ
การย้ายเข้ามาท้าทายตำแหน่งตัวจริงของ อเล็กซ์ เตลเลส ก็เปรียบเสมือนการกระตุ้นปลุกปีศาจที่หลับไหลอยู่ในตัวแบ็กก้นงอนรายนี้ คล้ายๆกับประโยค " พลังที่ยิ่งใหญ่ มาพร้อมกับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง "
เกมกับทีมเรือใบ ลุค ชอว์ ได้รับการชูมือให้เป็น แมน ออฟ เดอะแมตช์ หลังทั้งเติมเกมรุกอย่างเมามัน และจัดการปิดจังหวะการเล่นปีกที่ฟอร์มดีมากๆในช่วงหลังๆอย่าง ริยาด มาห์เรซ ได้ดีในหลายๆช็อต
และที่ยอดเยี่ยมที่สุดคงหนีไม่พ้นคือจังหวะประตู 2-0 ที่เจ้าตัวรับบอลจากการขว้างยาวของ ดีน เฮนเดอร์สัน ควบตะบึงผ่าน ชูเอา กานเชโล่ และ เควิน เดอ บรอยน์ เข้าไปในเขตโทษ แล้วจ่ายให้ มาร์คัส แรชฟฟอร์ด
ก่อนที่ " แรชชี่ " ตบเข้ามาให้ ชอว์ ตะบันเสียบมุมดิก 10เต็ม10 ชนิดที่ เอแดร์ซอน ขาตายไม่ต้องเซฟเลยทีเดียว
รับไม่มีปัญหา รุกสะเด่าห์ดุดันเร้าใจ ลบคำปรามาสที่ โชเซ่ มูรินโญ่ ตำหนิเจ้าตัวไว้มากมายช่วงที่เป็นกุนซือทีมปีศาจแเดง เกมที่เอติฮัด สเตเดี้ยม เมื่อคืนมี แกเร็ธ เซาธ์เกต เข้ามาเป็นผู้ชมในสนามเพื่อเช็คฟอร์มนักเตะทีมชาติอังกฤษด้วย
ด้วยฟอร์มที่นับได้ว่าตอนนี้ ลุค ชอว์ น่าจะเป็นแบ็กซ้ายเบอร์1ของพรีเมียร์ลีก ไม่มีเหตุผลอะไรเลยที่ นายใหญ่ทัพสิงโตคำรามอย่าง เซาธ์เกต จะไม่เรียกเจ้าตัวติดทีมชาติอังกฤษ และมอบตำแหน่งแบ็กซ้ายตัวจริงให้
สถิติ ลุค ชอว์ หลังเกม
49 สัมผัสบอล
9 แย่งบอล
4 พาบอลเข้าเขตโทษคู่แข่ง
3 สัมผัสบอลในกรอบเขตโทษคู่แข่ง
3 ครอสบอล
2 โอกาสยิง
1 บล็อค
1 แท็คเกิ้ล
ดีน เฮนเดอร์สัน นับ1พิสูจน์ตัวเอง
ด้วยภารกิจครอบครัวจึงทำให้ ดาบิด เด เคอา ต้องขออนุญาตสโมสรกลับสเปน เพื่อบินไปดูแฟนสาวที่กำลังคลอดบุตรคนแรก ทำให้นายด่านแดนกระทิงดุกว่าจะกลับมาร่วมทีมต้องหลังผ่านโปรแกรมทีมชาติสิ้นเดือนมีนาคม
ด้วยสถานการณ์ดังกล่าวจึงทำให้ ดีน เฮนเดอร์สัน ได้รับบทโอกาสทองในการพิสูจน์ตัวเองครั้งใหญ่ในการรับบทบาทนายด่ายหมายเลข1ของทีม และบททดสอบดังกล่าวนัดแรกก็แจ็กพอตเกมใหญ่กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เลยทันที
เกมกับทีมเรือใบ ดีน เฮนเดอร์สัน ทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างดีเยี่ยมไร้ที่ติ เต็มเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจ
แม้ว่าไม่ได้มีจังหวะเซฟที่หวือหวาอะไรมาก แต่ในเรื่องของการตัดบอล การออกมาชกบอล เวลาเจอลูกตั้งเตะ " ดีโน่ " สอบผ่านฉลุย
คลีนชีต พาทีมคว้า3แต้มกับทีมจ่าฝูงอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นี่คือการออกสตาร์ทตัวจริงในช่วงที่ ดาบิด เด เคอา ไม่อยู่
สิ่งหนึ่งที่เราเห็นได้ชัดว่า นายด่านชาวอังกฤษทำได้ดีนั่นก็คือ การออกบอลที่ค่อนข้างแม่น (มีส่วนสำคัญกับประตูนำห่าง 2-0) และการตะโกนสั่งการจัดระเบียบแนวรับ ที่ดุดันและเกรี้ยวกราด
การที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ตัดสินใจปล่อยผู้รักษาประตูมือ1อย่าง เด เคอา ให้ไปทำธุระส่วนตัวนานร่วมเดือน ในช่วงท้ายฤดูกาลที่สถานการณ์กำลังเข้าด้ายเข้าเข็ม นั่นแสดงให้เห็นว่ากุนซือชาวนอร์เวย์ มั่นใจในตัว ดีน เฮนเดอร์สัน มากแค่ไหน
10 คลีนชีต จากการลงเฝ้าเสา 15นัด ไม่เลวเลยใช่ไหมสำหรับ ดีน เฮนเดอร์สัน
มาร์กซิยาล ทั้งด่าและทั้งชม
ก่อนเกมเริ่มขึ้น แฟนบอลปีศาจแดงน่าจะมีเสียวๆกันบ้างเมื่อเห็น อองโตนี่ มาร์กซิยาล ได้ออกสตาร์ทเป็น11ตัวจริง เพราะ เอดิสัน คาวานี่ ยังไม่หายจากอาการบาดเจ็บ
แต่ทว่าเมื่อผู้ตัดสินอย่าง แอนโธนี่ เทย์เลอร์ พ่นลมนกหวีดไปเพียงแค่ 34วินาที " หมักเซียว " ที่แฟนบอลพากันยี้มาตลอดในระยะหลัง ก็สามารถเรียกจุดโทษให้กับทีมได้
เมื่อเจ้าตัวโดน กาเบรียล เซซุส ขัดขาเตะจากด้านหลัง ก่อนที่จะเป็น บรูโน่ แฟร์นันเดซ สังหารเข้าไปไม่พลาด
ต้องยอมรับกันโดยดีว่าจุดโทษที่ดาวยิงหน้านิ่งมอบให้กับทีม ทำให้สถานการณ์ของยูไนเต็ด ในการเล่นตามเกมแบบแผนของตัวเองในช่วงระยะเวลาที่เหลือเป็นไปได้ในทิศทางที่กุนซือย่างโซลชาต้องการมากๆ
มาร์กซิยาล พลาดโอกาสทองในการทำประตูฝังทีมเรือใบ 3-0 เมื่อบอลจากจังหวะการปั๊มหน้ากรอบเขตโทษของ สก็อต แม็คโทมิเนย์
ทำให้เจ้าตัวหลุดไปดวลเดี่ยวกับ เอแดร์ซอน โล่งๆ โล่งขนาดที่เสาสองรถยนต์วิ่งผ่านยังได้ เสาแรกรถซาเล้งทะลุผ่านไปได้อย่างไม่มีปัญหา
แต่ทว่าหอกจอมเฉื่อยกลับยิงได้อย่างน่าผิดหวัง บอลไม่ห่างตัว เอแดร์ซอน เท่าไหร่ ทำให้นายด่านชาวบราซิลเดาทางเซฟได้สบายๆ
ถึงกระนั้นก็ดีแม้จะพลาดโอกาสทองไปแต่ทว่า ภาพรวมในฐานะบทบาทกองหน้าตัวเป้า มาร์กซิยาล ถือว่าทำได้ดีมาก ทั้งการพักบอล โฮลบอลให้แนวรุกคนอื่นๆ
การเลี้ยงกินตัวเพื่อสร้างสรรค์โอกาสให้ทีม ไลน์การวิ่งเพื่อดึงตัวประกบผู้เล่น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ให้เพื่อนร่วมทีมหาช่องการจ่ายได้ง่ายขึ้น
การจบสกอร์ยังเป็นสิ่งที่น่าผิดหวังสำหรับ อองโตนี่ มาร์กซิยาล แต่ภาพรวมรูปเกม การมีส่วนร่วมกับเพื่อนร่วมทีมดาวยิงชาวฝรั่งเศสทำได้ดีมากๆ ถึงขนาดจบเกมดังกล่าว โซลชา ยกให้เจ้าตัวเป็น แมน ออฟ เดอะแมตช์ เลยทีเดียว
สถิติ อองโตนี่ มาร์กซิยาล หลังเกม
42 สัมผัสบอล
95% ผ่านบอลแม่นยำ
6 ชนะการดวล
4 สัมผัสบอลในเขตโทษคู่แข่ง
3 เลี้ยงบอลผ่าน
3 โอกาสยิง
2 ยิงเข้ากรอบ
2 เรียกฟาวล์
2 แย่งบอล
1 สร้างสรรค์โอกาส
1 ดักบอล
ราฮีม ไม่ค่อยถูกโฉลกกับปีศาจแดงและ วาน-บิสซาก้า
บางครั้งเรื่องของฟุตบอลหรือเหตุการณ์ความบังเอิญต่างๆในชีวิตก็ยากที่จะหาเหตุผลทางวิทยาศาสตร์อธิบายได้ ราฮีม สเตอร์ลิง Vs แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็เช่นกัน
ราฮีม สเตอร์ลิง ยิงมาไม่รู้ร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำกับทีมต่างๆในพรีเมียร์ลีก แต่กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แล้ว " หนูหริ่ง " ก็แพ้ทางอย่างรุนแรงเหมือนงูเหลือมกับเชือกกล้วย
23นัดรวมทุกรายการที่เผชิญหน้ากับทีมปีศาจแดง สเตอร์ลิ่ง ไม่สามารถส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว ซึ่งถือว่าเป็นสถิติที่แย่อย่างน่าเหลือเชื่อ
เพราะเมื่อช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมาแข้งวัย26ปี พึ่งปลดล็อคทำประตูใส่ทีมเก่าอย่างลิเวอร์พูลได้ในรอบหลายนัด
สาวกซิตี้เซนต์ คงหวังว่า ราฮีม จะทำอย่างนั้นกับทีมคู่ปรับร่วมเมืองอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้เช่นกัน แต่ทว่ากลับไม่เป็นอย่างนั้นเลย
แข้งหมายเลข7มีโอกาสในการกระซวกตาข่ายปีศาจแดง2ครั้ง มิหนำซ้ำจังหวะการเล่นเมื่อคืนของเจ้าตัวยังขาดๆเกินๆอย่างน่าหงุดหงิดอีกด้วย
ราฮีม จ่ายคีย์พาสได้แค่หนเดียว เปอร์เซ็นต์ความแม่นยำในการผ่านบอลยังอยู่แค่ 78 เปอร์เซ็นต์
มิหนำซ้ำยังเลี้ยงบอลผ่าน อารอน วาน -บิสซาก้า ไม่ได้เลยแม้แต่หนเดียว เมื่อสถิติตัวเลขหลังเกมระบุว่าเจ้าตัวมีจำนวนการเลี้ยงบอลผ่านคู่แข่งเท่ากับ 0ครั้ง
เกมเมื่อคืนเป็นอีกหนึ่งนัดที่ ราฮีม สเตอร์ลิง โดนแบ็กขวาที่เขาแพ้ทางอย่าง อารอน วาน -บิสซาก้า จัดการเก็บประกบล็อกตายได้อย่างอยู่หมัด
KDB ยังไม่กลับมาเต็มร้อย
เป็นอีกหนึ่งซีซั่นที่ เควิน เดอ บรอยน์ เล่นได้ต่ำกว่ามาตรฐานที่ถูกคาดหวังไว้ อาจจะด้วยฟอร์มการเล่นที่ตกลงไปเองรวมถึงอาการบาดเจ็บที่คอยรบกวนในฤดูกาลนี้
เกมเมื่อคืนเพลย์เมคเกอร์ชาวเบลเยี่ยม มีจังหวะ(Tempo) การเล่นที่เร่งรีบลนลานมากจนเกินไป จนทำให้ออกบอลสะเปะสะปะทำเสียหลายครั้ง
ปัจจุบัน KDB ทำไปได้เพียงแค่3ประตูในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ ซึ่ง2ใน3 มาจากลูกจุดโทษ จะเห็นได้ว่าสถิติการส่งบอลไปกองก้นตาข่ายของเจ้าตัวก็ตกลงไปเยอะมากๆด้วยเช่นกัน แต่ทว่าก็ยังทำแอสซิสต์ในพรีเมียร์ลีกในตอนนี้ได้ถึง 11แอสซิสต์
ถึงกระนั้นก็ดีถึงแม้จะมีหลายๆจังหวะที่ทำเสียแต่ เดอ บรอยน์ ก็ยังหาโอกาสจ่ายบอลคีย์พาสได้มากถึง8ครั้ง เลี้ยงบอลผ่านคู่แข่ง2หน มีโอกาสยิงประตู4ครั้ง แม้สถิติดังกล่าวจะออกมาดูใช้ได้
แต่ทว่าภาพรวมรายละเอียดดีเทลต่างๆในเกม เจ้าตัวยังทำได้ไม่เนี๊ยบนัก
โอเคอาจจะเป็นเพราะเรื่องความฟิตของสภาพร่างกายที่ยังไม่เต็มร้อยเมื่อหายจากอาการบาดเจ็บ แต่ภาพการเห็น เควิน เดอ บรอยน์ ฟอร์มตก คงไม่คุ้นตาสักเท่าไหร่สำหรับแฟนบอลเรือใบสีฟ้า
- คอลัมน์นิสต์
- 386
- 08 ม.ค. 2564 14:28