ชนะเป็นสักที ! ผี เหนื่อยหนัก ทุบ ไบร์ทตัน 10ตัว 2-0 โรนัลโด้ หยุดฝืด
แม้ว่าก่อนหน้านั้นจะพลาดอย่างต่อเนื่องทำแต้มหกเรี่ยราดในเกมกับ เซาธ์แฮมป์ตัน และ เบิร์นลี่ย์ ที่สกอร์เดียวกัน 1-1 แต่ทว่าประตูอันดับ4ก็ยังเปิดกว้างสำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เสมอ เพราะเหล่าบรรดาคู่แข่งสำคัญอย่าง สเปอร์ส และ เลสเตอร์ ซิตี้ ก็ต่างสะดุดขาตัวเองเหมือนกัน
ทำให้เกมกลางสัปดาห์ อังคารที่ 15 กุมภาพันธ์ ที่จะพบกับ ไบร์ทตัน ปีศาจแดงจำเป็นต้องเก็บ3แต้มให้ได้ เพื่อกุมสถานการณ์ได้เปรียบเพื่อจบท็อปโฟร์
แล้วสุดท้ายก็เป็น แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่คว้าชัยในเกมลีกได้สักที ด้วยการเปิดบ้านโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เอาชนะผู้มาเยือนที่ฟอร์มแรงในระยะหลัง อย่าง ไบร์ทตัน ไปได้ 2-0 โดยเป็นสองสตาร์ชาวโปรตุเกส ที่ทำประตูให้กับทีมได้ทั้ง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ น.51 และ บรูโน่ แฟร์นันเดซ น.90+6
แม้สกอร์จะดูเหมือนว่า ยูไนเต็ด ชนะสบายๆ แต่ทว่าด้วยรูปเกมต้องบอกได้เลยว่า ลูกทีมของ ราล์ฟ รังนิก กระอักเลือดมากๆใน 45นาทีแรก เพราะเป็นทางฝั่งผู้มาเยือนที่ทำได้ดีกว่าทั้งการครองบอล ความแม่นยำในการผ่านบอล รวมถึงการคอนโทรลเกม ซึ่งถ้าไม่ได้ ดาบิด เด เคอา บินเซฟเอาไว้
แมนฯยูไนเต็ด อาจจบครึ่งแรกด้วยการตามหลังคู่แข่งก็เป็นได้ โดยใน45นาทีหลัง ก็ยังเป็นไบร์ทตัน ที่ทำได้ดีกว่า แต่ทว่าฝั่งเจ้าบ้านเองก็ขยันไล่บอลมากขึ้น จนมาได้ประตูที่ต้องการของ โรนัลโด้ ที่ลากเข้าไปซัดนอกกรอบเขตโทษเสียบมุมอย่างสวยงาม น.51
โดยหลังจากนั้นอีกเพียง3 นาที ก็เป็นอีกหนึ่งช็อตเหตุการณ์สำคัญของเกม เมื่อ ลูอิส ดังค์ ไปเสียการครองบอลหน้ากรอบเขตโทษ ทำให้เจ้าตัวได้เหนี่ยวดึง แอนโธนี่ เอลังก้า เอาไว้ ตอนแรกผู้ตัดสิน ปีเตอร์ แบงค์ส แจกเพียงแค่ใบเหลืองเท่านั้น แต่ทว่าเมื่อไปดูภาพช้าจาก VAR จึงเปลี่ยนคำตัดสินเป็นใบแดงแทน
แต่ทว่าอย่างไรก็ตาม10คนของทีมนกนางนวล ก็ไม่ได้เป็นรองทีมปีศาจแดงเลย เผลอๆพวกเขาเกือบตีเสมอเป็น 1-1 ได้ด้วยซ้ำทั้งลูกยิงผีจับยัดของ ยาคุบ โมเดอร์ ที่ไปชนคานอย่างจัง รวมไปจนถึง ลูกโขกของ แดเนี่ยล เวลเบ็ค ที่คุมทิศทางบอลไม่อยู่หลุดกรอบออกไปเอง
จนท้ายที่สุดการบุกเพื่อทวงประตูคืนนาทีสุดท้ายของช่วงทดเวลาบาดเจ็บของ ไบร์ทตัน ก็มาโดนปีศาจแดง เล่นเร็ว ปอล ป็อกบา แทงบอลให้ บรูโน่ แฟร์นันเดซ หลุดเดี่ยวลากไปกว่าครึ่งสนามหลอกหนึ่งจังหวะ แล้วซัดตุงตาข่ายเข้าไป 2-0 จบเกมพร้อมคลีนชีตและ3แต้ม ได้สำเร็จ
ไบร์ทตัน เหนือกว่าชัดเจนใน 45นาทีแรก
บอลในสไตล์ของ ไบร์ทตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน ยุคของกุนซือ แกรแฮม พ็อตเตอร์ส ขึ้นชื่ออยู่แล้วในเรื่องของการจ่ายบอล ความแม่นยำ และการคอนโทรลเกมต่างๆ โดยทีมดังจากแดนใต้ทีมนี้ บุกมาเล่นที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แล้วสอนเชิงเจ้าบ้านได้อย่างชัดเจนใน 45นาทีแรก
โดยครึ่งแรกพวกเขาคู่ควรมากๆที่จะออกนำไปก่อน 1-0 ด้วยซ้ำ จากจังหวะที่ ปาสกาล กรอสส์ เปิดเข้ามาให้ ยาคุบ โมเดอร์ ได้โหม่งอย่างถนัดถนี่ แต่ทว่าก็เป็น เดชะบุญของปีศาจแดงที่ ดาบิด เด เคอา บินปัดเซฟเอาไว้ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ
มิดฟิลด์ตัวรับเพียงคนเดียวในระบบ 4-1-2-1-2 ของทีมนกนางนวลอย่าง อีฟส์ บิสซูม่า เพียงแค่แข้งวัย25ปีรายนี้ ก็แทบจะสามารถสกัดกั้นเกมบุกตรงกลางของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ทั้งหมดบอลต้องมาติดที่ตรง บิสซูม่า ตลอด
คู่กลางของทีมเจ้าบ้านอย่าง สก็อต แม็คโทมิเน่ย์ และ เฟร็ด เป็นรอง บิสซูม่า ทุกกระบวนท่าเหลี่ยมมุม "แม็คเฟร็ด " ไม่สามารถคอนโทรลเกมให้ทีมได้เลย นอกจากจะคุมกลางไม่อยู่แล้ว ยังไม่มีประสิทธิภาพในการชะลอเกมบุก หรือสกัดกั้นบอลที่ทะลุมาจากแดนกลางอีกด้วย
โดยจบ45นาทีแรก " เดอะ ซีกัลส์ " เหนือกกว่าเจ้าบ้านชัดเจน สร้างโอกาสทำประตูได้11 ครั้ง ( แมนยู 4ครั้ง) ครองบอลเหนือกว่าที่ 59 ต่อ 41 เปอร์เซ็นต์ แต่ทว่าด้วยความไม่เด็ดขาดของพวกเขาเอง รวมถึงความผิดพลาดส่วนตัว (ใบแดง) ทำให้พวกเขาต้องกลายเป็นผู้แพ้ ที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เมื่อคืน
แม้ว่าจะเป็นทีมที่ได้รับคำชมอยู่มาก แต่ทว่าพวกเขาก็ไม่เคยจบด้วยอันดับครึ่งบนของตารางเลยนับตั้งแต่ขึ้นมาสูดอากาศหายใจในพรีเมียร์ลีก เมื่อฤดูกาล 2017-2018 กลายเป็นทีมที่คางค่อนข้างเปราะ เพราะ5ฤดูกาลพวกเขาจบด้วยอันดับไกลถึง 15 -17 -15 -16 แม้ว่าจะเล่นเกมสวยงามแค่ไหนก็ตาม
โรนัลโด้ ทลายความอึดอัด อัดอั้นตันใจ
ในช่วงที่ทีมฟอร์มแย่ๆ นี่คือหนึ่งในนักเตะที่โดนโจมตีเป็นพายุอุกาบาตจริงๆสำหรับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ นอกจากจะผลิตสกอร์ไม่ได้มา6นัดติดต่อกัน พฤติกรรมภาษากายต่างๆในสนาม นี่คือสิ่งที่ CR7 โดนกูรูลูกหนังบางรายจวกยับมาตลอด
แต่ทว่าอย่างไรก็ตาม เกมดวลกับ ไบร์ทตัน เมื่อคืน นี่ก็เป็นอีกหนึ่งแมตช์ที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ สามารถรีดฟอร์มเก่งของตัวเองออกมาได้ โดยประตูที่เจ้าของรางวัลบัลลงดอร์5สมัยรายนี้ซัดได้ น.51 จัดได้ว่าเป็นลูกผีจับยัดได้เลย
เมื่อเจ้าตัวรับบอลมาจากการจิ้มสกัดของ สก็อต แม็คโทมิเน่ย์ ลากเข้าไปบริเวณกรอบเขตโทษ โยกหนี อดัม เว็บส์เตอร์ แล้วยิงทันทีก่อนที่ เลอันโดร ทรอสซาร์ จะมา-วางทางปืน บอลพุ่งเสียบตาข่ายเข้าไปอย่างสวยงามหมดสิทธิที่ โรเบิร์ต ซานเชส จะป้องกัน
ประตูดังกล่าวส่งผลให้ CR7 หยุดอาการเท้าบอดฝืดเคืองไว้ที่เพียงแค่ 6นัดติดต่อกันเท่านั้น และลูกซัดใส่ไบร์ทตัน นี่คือคู่แข่งลำดับที่168 (ทั้งในนามทีมชาติและสโมสร) ที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ พังตาข่ายได้
นอกจากจะซัดประตูได้แล้ว แข้งวัย37ปีรายนี้ ภาพรวมตลอดทั้งเกมสามารถที่จะเป็น แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ได้เลย ทั้งความขยันความมุ่งมั่น การวิ่งหาช่อง จังหวะใส่พานให้เพื่อน จริงๆ" พี่โด้ " ควรจะมี 2แอสซิสต์ ด้วยซ้ำ ทั้งจังหวะจ่ายให้ เจดอน ซานโช่ หลุดไปยิงมุมแคบ
และที่น่าจะเป็นประตูมากๆคือในช่วงครึ่งหลังที่ เจ้าตัวใช้ความขยันวิ่งดักบางบอลที่ โรเบิร์ต ซานเชส จ่ายพลาด แล้วจ่ายถวายพานทองให้ บรูโน่ ได้ยิงบริเวณ12หลาจุดโทษ แต่ทว่าดาวเตะหมายเลข18ปีรายนี้กลับยิงไม่ดี ไม่มุมพอไปติดเซฟของโกลทีมเยือนอย่างน่าเหลือเชื่อ
โดยในวัย37ปี คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กลายเป็นนักเตะคนที่สามในประวัติศาสตร์สโมสรที่ทำประตู ได้ด้วยช่วงวัยอายุดังกล่าว ต่อจากในรายของ ไรอั้น กิ๊กส์ และ พอล สโคลส์
บิสซูม่า ดีมาตลอดแต่มาตกม้าตาย
หากว่าทีมนกนางนวล ได้ผลการแข่งขันที่ดีออกมาจากโรงละครแห่งความฝันเมื่อคืน หนึ่งผู้เล่นที่จะได้รับเครดิตคำชมอย่างล้นหลามๆแน่ๆนั่นก็คือ อิฟส์ บิสซูม่า โดยกองกลางผู้พึ่งสลัดโทษคดีทางเพศรายนี้ ทำให้รูปเกมของผู้มาเยือนเหนือกว่าเจ้าบ้านอย่างชัดเจนในครึ่งแรก
ในเรื่องของเกมรับ เวลาที่ ยูไนเต็ด เลือกที่จะเจาะตรงกลางบอลหลายๆจังหวะ มักจะไปชะลอ หรือ ติดขัดตรง บิสซูม่า ตลอด เหมือนแม่เหล็กแย่งดึงดูดบอลยังไงไม่รู้ แถมยังเกือบจะทำประตูได้ด้วยซ้ำในครึ่งแรก เมื่อได้ยิงเหน่งๆ ตรงมุมด้านขวา แต่ทว่าซัดหลุดกรอบไปอย่างน่าเสียดาย
แต่ทว่าอย่างไรก็ตามออสตาร์ท 45นาทีหลังมา เริ่มแรก ไบร์ทตัน ก็ไม่ได้เป็นรองเท่าไหร่ แต่ทว่าก็เป็นกองกลางวัย25ปีรายนี้แหละ ที่เสียบอลบริเวณหน้ากรอบเขตโทษ โดน สก็อต แม็คโทมิเน่ย์ จิ้มไปให้ โรนัลโด้ กระซวกเข้าไปไม่เหลือซาก
โดยหลังจากช็อตนั้น บิสซูม่า ก็เหมือนจะเสียความไม่ใจและฟอร์มช๊อตไปดื้อๆเลย อย่างไรก็ตามเมื่อมองสถิติทั้งเกม กองกลางหมายเลข8รายนี้ ก็ทำได้เยี่ยมในเรื่องของ การเข้าแท็กเกิ้ลที่ทำไปได้ถึง4ครั้ง และที่โดดเด่นที่สุดเห็นจะเป็นที่การตัดบอลที่ทำได้ถึง 6ครั้ง
สุดท้ายแล้วเรื่องของสมาธิและรายละเอียดเล็กๆน้อยๆในเกม นี่คือสิ่งที่ บิสซูม่า อาจต้องพัฒนาต่อไปการต้องการย้ายไปเล่นกับสโมสรที่ใหญ่ขึ้น เพรานัดนี้แสดงให้เห็นว่า เวลามีช็อตเพลาด บิสซูม่า ไม่สามารถตั้งสติหรือเรียกโมเมนตัมของตัวเองให้กลับเข้ามาสู่ฟอร์มปรกติได้
คู่หู " แม็คเฟร็ด "ทำผีปวดหัวอีกแล้ว
หลังจากที่หายหน้าหายตาจากทีมในเกมพรีเมียร์ลีก ตั้งแต่ปลายเดือนมกราคม เกมที่เอาชนะ เวสต์แฮม ไปได้ 1-0 สุดท้ายเขาก็กลับมาลงสนามจนได้สำหรับ เฟร็ด แล้วกองกลางชาวบราซิลของก็อบรายนี้ ก็ได้ออกสตาร์ทเป็น11ตัวจริงเลยทันที
เฟร็ด ได้จับคู่กับ คู่ขานรกแตกอย่าง สก็อต แม็คโทมิเน่ย์ อีกครั้ง เบียด ปอล ป็อกบา ให้ต้องกลับไปเป็นตัวสำรองดื้อๆ โดยลงลัพธ์ของคู่หู " แม็คเฟร็ด " ต้องบอกว่าทั้งงามหน้าและงามไส้สุดๆ เมื่อพิจารณาจากรูปเกมและสถานการณ์ของทีมในครึ่งแรก
อีฟส์ บิสซูม่า เพียงแค่คนเดียวก็สามารถเอาชนะคู่กองกลางชาวสก็อตแลนด์และบราซิลได้อย่างไม่ยากเย็นอะไรเลย จังหวะเก็บตก ครองเกม จ่ายบอล ในแดนกลาง ปีศาจแดงเป็นรองทีมเยือนทั้งหมดในครึ่งแรก เพราะการทำงานที่ไม่เวิร์ค ไร้ประสิทธิภาพของ เฟร็ด และ แม็คโทมิเน่ย์ ใน45นาทีแรก
แม็คโทมิเน่ย์ แม้ว่าจะมีสถิตชนะการดวลมากถึง5ครั้ง แต่ทว่าความฉลาดในเรื่องขอการจ่ายบอล แข้งแดนน้ำเมารายนี้สอบตกอย่างชัดเจน นี่ยังไม่รวมถึง ความสามารถในเกมรับที่เจ้าตัวทำอะไรได้ไม่เป็นชิ้นเป็นอันเลย หนักไปทางใช้พละกำลังทำฟาวล์และหัวร้อนกับจังหวะที่ไม่จำเป็นมากกว่า
ส่วน เฟร็ด ก็เป็นภาพเดิมๆที่แฟนผีแดงคุ้นตานั่นก็คือ สภาพร่างกายที่ดูอ่อนแอ จังหวะวิ่งไล่บอลเบียดเข้าปะทะจะมีล้มเป็นลูกขนุนให้เห็นตลอด แถมยังทำเสียบอลอยู่บ่อยครั้ง การที่ ปอล ป็อกบา ลงสนามมาแทน น.74 ทำให้เกมรุกของ ยูไนเต็ด ดีขึ้นอย่างชัดเจน
อาจจะด้วยพึ่งหายมากจาก โควิด-19ด้วย ทำให้สภาพร่างกายของ กองกลางบราซิลของก็อปรายนี้ ยังไม่เต็มร้อย แต่ทว่าหลายๆนัด มันก็พิสูจน์มาแล้วครั้งแล้วครั้งเล่าว่า การมีคู่กองกลางเป็น สก็อต แม็คโทมิเนย์ กับ เฟร็ด เป็นเรื่องที่ยากลำบากสุดๆกับการครองเกมให้เหนือกว่าคู่แข่ง ในฟุตบอลสมัยใหม่ที่เกมในแดนกลางคือจุดยุทธศาสร์สำคัญ
เอลังก้า ยังดิบเกินไปที่จะได้โอกาส
กลายเป็นแข้งดาวรุ่งที่ได้โอกาสแหลมขึ้นมากว่าใครเพื่อนเลยสำหรับ แอนโธนี่ เอลังก้า โดยนับตั้งแต่ ราล์ฟ รังนิก เข้ามาคุมทีม นักเตะวัย19ปีรายนี้ ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในพรีเมียร์ลีกไปแล้วถึง4หน บางนัดก็เบียด มาร์คัส แรชฟอร์ด บางเกมก็เบียด เจอน ซานโช่
เกมกับ ไบร์ทตัน เมื่อคืน เอลังกา ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในตำแหน่งตัวรุกฝั่งขวา สิ่งหนึ่งที่ดาวรุ่งชาวสวีเดนรายนี้ ทำได้ดีมาตลอดนั่นก็คือ ความกล้าและความมั่นใจในการเล่น เมื่อคืน เอลังก้า ก็มีส่วนสำคัญทำให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เล่นสบายขึ้น เพราะเป็นคนที่เรียกใบแดง จาก ลูอิส ดังค์ ได้สำเร็จ
แต่ทว่าอย่างอื่นๆในเกมแล้ว เด็กปั้นของ " ลุงลาบ " รายนี้ทำตัวได้น่าหงุดหงิด และผิดหวังสุดๆ จังหวะที่ต้องวิ่งหาช่อง อาศัยความเข้าใจกับเพื่อนร่วมทีม เอลังกา สอบตกมากๆ ที่เห็นชัดๆก็คือลูกหักจ่ายของ โรนัลโด้ ในเขตโทษแต่เจ้าตัวกลับไม่ไปหรือขยับไม่ทันตามช่องไลน์ดังกล่าว
เอลังกา แทบไม่ได้มีส่วนร่วมหรืออิทธิพลในเกมรุกกับทีมเลย การดวลกับ แบ็กซ้ายอย่าง มาร์ค กูกูเรย่า ที่ทำได้ดีมากๆในเรื่องของเกมรับ ส่งผลให้แข้งวัย19ปีรายนี้เหมือนโดนล็อกใส่กุญแจมือแผลงฤทธิไม่ออกไปเลย
อย่างไรก็ตามถ้าหากพิจารณาด้วยประสิทธิภาพประสิทธิผล มากกว่าความวูบวาบหวือหวา ถือว่าผลลัพธ์ของแข้งวัยรุ่นเบอร์36ปีรายนี้ น่าผิดหวังอยู่ไม่น้อย 4นัดตัวจริง (กับอีก4ตัวสำรอง) ในพรีเมียร์ลีก 1นัดตัวจริงในยูซีแอล รวมถึงสำรอง3นัดใน ลีกคัพ และ เอฟเอ คัพ
แอนโธนี่ เอลังก้า มีผลงานเป็นรูปธรรมเพียงแค่ 1ประตูเท่านั้นในเกมกับ เบรนท์ฟอร์ด นอกนั้นไม่มีแอสซิสต์อื่นๆมาฝากเลย และด้วยอะไรหลายๆอย่างในสนาม ก็แสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวยังดิบเกินไปที่จะได้เล่นเป็นตัวจริงให้ทีมชุดใหญ่
- คอลัมน์นิสต์
- 439
- 16 ก.พ. 2565 15:21