พลังแห่งรถบัส ! ผี รวมใจสู้ ยัน หงส์อยู่ 0-0 ไล่ ดาโลต์ ช่วงทดเจ็บ
ก่อนเกมแดงเดือดยกแรกที่แอนฟิลด์ ประจำฤดูกาล 2023-2024 จะเริ่มขึ้น ต้องบอกว่าไม่ว่ามองเหลี่ยมไหน มุมใด ฟอร์มการเล่น สภาพทีม สถิติของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่มาเยือน ลิเวอร์พูล ระยะหลังต้องบอกว่า มีแต่โดนกับโดน แพ้ขาดเป็นว่าเล่น มองไม่ออกจริงๆว่า ขุนพลปีศาจแดงที่ขาดตัวหลักยกชุด จะกลับออกมาโดยที่ไม่แพ้
ก่อนเกมจะเริ่มขึ้น เอริก เทน ฮาก มีปํญหามากๆในการจัดทัพ เพราะมีรายชื่อนักเตะเดี้ยงยาวเป็นหางว่าว แต่ทว่าโชคดีที่ในแผงรับได้ ราฟาแอล วาราน กลับมาช่วยทีม มิดฟิลด์ ETH เลือกส่งลงพร้อมกัน3คนนั่นก็คือ โซฟียาน อัมราบัต - ค็อบบี้ ไมนู และ สก็อตต์ แม็คโทมิเน่ย์ ที่อาจหาญถึงขนาดได้สวมปลอกแขนกัปตันทีม
ส่วนแดนหน้าเป็น แอนโทนี่ - อเลฮานโดร การ์นาโช่ และ ราสมุส ฮอยลุนด์ สำหรับลิเวอร์พูล เจ้าบ้านที่ฟอร์มร้อนแรงกระฉูดแตกมากๆในระยะหลัง ก็มาในชุดที่ดีที่สุด ขาดเพียงแค่แบ็กซ้ายที่เจ็บมาก่อนหน้านั้นอย่าง แอนดรูว์ โรเบิร์ตสัน และที่พึ่งเดี้ยงไปอย่าง อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์
ทำให้ผู้ที่ได้ทำหน้าที่แทนเป็น คอสตาส ซิมิกาส และ วาตารุ เอ็นโด ออกสตาร์ทเกมมา ก็ต้องบอกว่าเป็นลูกทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่ดีกว่าตามที่คาดไว้ ครองเกมได้เหนือกว่า หรือเวลาที่เสียบอลก็บีบเร็วแย่งคืนจากผู้เล่นปีศาจแดงได้อย่างง่ายดาย
แต่ทว่าอย่างไรก็ตามโอกาสเหน่งของลิเวอร์พูล แทบจะไม่มีให้เห็นเลย เพราะว่าผู้มาเยือน ตั้งใจเล่นแผนรถบัส ซึ่งก็ทำได้ดีเสียด้วยในการปิดพื้นที่สุดท้าย โดยเฉพาะในรายของ ราฟาแอล วาราน ที่ต้องบอกว่าฟอร์มเทพโคตรๆ สกัดเอาอยู่ได้หมด จบครึ่งแรกไปด้วยสกอร์ 0-0
45นาทีหลังเกมก็ยังเป็นแบบวันเวย์ ลิเวอร์พูล ฝ่ายเดียว แต่ทว่าปีศาจแดง เริ่มมีจังหวะได้สวนมาบ้าง ดาร์วิน นูนเญซ ที่วันนี้ไม่รู้เป็นอะไร จังหวะขาดๆเกินๆตลอด แถมยังชอบทำตัวให้ล้ำหน้าอีกด้วย ส่วน โดนินิค โซบอสไล ที่ไม่รู้ว่าตื่นเต้นเพราะเป็นแดงเดือดครั้งแรกเปล่า ทำให้ฟอร์มตกจากมาตรฐานมากๆ โดยเฉพาะในเรื่องของการจ่ายบอล
นั่นจึงทำให้ เจเค เลือกถอด "โซโบ้ " ออกจากสนามตั้งแต่ น.61 ให้ โจ โกเมซ มาเล่นแทน พร้อมขยับ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ มาเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว ลิเวอร์พูลก็เจาะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่เข้าหรือหาโอกาสใกล้เคียงในการทำประตูไม่ได้เลย จบ90นาทีจึงเสมอกันไป 0-0
1แต้มดังกล่าวส่งผลให้ลิเวอร์พูล เสียตำแหน่งจ่าฝูงไปให้ กับ อาร์เซน่อล และหยุดสถิติชนะรวดที่แอนฟิลด์ฤดูกาลนี้ไว้ที่ 11นัด ทางฝั่งของปีศาจแดง ถือว่าเป็น1แต้มที่สำคัญมากๆในสภาพทีมที่พิการขนาดนี้ แต่ผล 0-0 นั่นก็เท่ากับว่านี่คือ ฤดูกาลที่5ติดต่อกันที่พวกเขา ไม่สามารถบุกมายิงประตูที่แอนฟิลด์ได้
วาราน กำแพงเหล็ก โชว์คลาสระดับโลก
ดูเหมือนจะหมดอนาคตกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปแล้ว สำหรับ ราฟาแอล วาราน หลังจากที่มีข่าวว่าไปทะเลาะกับ เอริก เทน ฮาก และกลายเป็นตัวเลือกลำดับสุดท้ายในตำแหน่งเซ็นเตอร์ รองจาก แฮร์รี่ แม็คไกวร์ - วิคเตอร์ ลินเดอเลิฟ และ จอห์นนี่ อีแวนส์ เสียอีก รวมไปจนถึงประเด็นที่ ETH มองว่า วาราน เล่นเซ็นเตอร์ฝั่งซ้ายไม่ดีอีกด้วย
แต่ทว่าด้วยความที่สถานการณ์จำเป็น วิคเตอร์ ลินเดอเลิฟ เจ็บ ทำให้ เทน ฮาก จำเป็นต้องให้อดีตเซ็นเตอร์ เรอัล มาดริด ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง ผนึกกำลังกับ อีแวนส์ และก็ต้องบอกว่า ที่คือฟอร์มเวิลด์คลาสระดับโลกของ วาราน ได้เลย
ราฟาแอล วาราน นิ่งและออแกไนซ์ เกมรับได้ดีมากๆ ไม่มีหลุดสักช็อต แถมยังเคลียร์บอลจังหวะสุดท้ายได้แบบน่าปรบมือใต้ตลอด โดยเฉพาะในรายของ ดาร์วิน นูนเญซ ที่ถูกเก็บเข้ากระเป๋า ทำอะไรไม่ถนัดไปเลย
คงไม่มีข้อโต้แย้งอะไรเลยสำหรับตำแหน่ง MOTM ของเซ็นเตอร์ชาวฝรั่งเศสรายนี้ เพราะสถิติหลังเกมออกมายอดเยี่ยมทั้ง เคลียร์บอลมากถึง15ครั้ง -ตัดบอล 3ครั้ง - แย่งบอลกลับคืนมาได้ 2ครั้ง -บล็อคลูกยิง2ครั้ง - และเอาชนะลูกกลางอากาศได้ 4หน
อย่างไรก็ดีต้องชมแผงแบ็กโฟร์คนอื่นๆด้วยที่ทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีเหมือนกัน ทั้ง อีแวนส์ ในวัย35ปี ที่เหลือเชื่อมากๆว่าจะนิ่ง ไม้เข้าบอลโฉ่งฉ่าง ดิโอโก้ ดาโล่ต์ ใช้ความขยันปิดเกมด้านข้างของ หลุยส์ ดิอาซ ได้เป็นอย่างดี
แต่โชคร้ายที่มาโดนใบเหลืองแดง ภายในเวลาไม่กี่ วินาที ช่วงทดเจ็บ ส่วน ลุค ชอว์ แม้จะมีหลุดบ้าง แต่ก็ทำงานจ็อบเกมรับของตัวเองได้ตามมาตรฐาน
โอนาน่า มีรวน แต่ดึงเกมช้าทำหงส์หงุดหงิด
ก่อนเกมมาเยือน แอนฟิลด์ อังเดร โอนาน่า กับเจ้าของฉายา " ตรงเป็นตุง " มองมุมไหนก็รอดยากมากๆ กับการไม่โดนหงส์แดงที่มีแนวรุกร้อนแรงสุดๆกระซวกตาข่าย ทั้ง ดาร์วิน นูนเญซ - หลุยส์ ดิอาซ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ บวกกับ นายด่านชาวแคเมอรูนเอง ก็มีการเซฟที่ไม่ค่อยชัวร์อีกด้วย
ช่วงแรกเหมือน โอนาน่า จะเหวอและลนอยู่บ้าง ทั้งจังหวะออกมาคว้าบอล จ่ายบอล แต่ทว่าเมื่อหงส์แดง เริ่มเจาะไม่เข้าก็เหมือนทำให้ โกลค่าตัวแพงรายนี้ มีความมั่นใจมากขึ้น ช็อตเซฟที่ยากที่สุดของ อองเดร โอนาน่า เห็นทีจะเป็นลูกโขก ของ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์
สถิติหลังเกมระบุว่า อดีตนายด่าน อินเตอร์ มิลาน มีสถิติเซฟ8ครั้ง แม้จะไม่ใช่ลูกยิงที่หนีตัวนัก แต่ก็ต้องชื่นชมเจ้าตัวด้วยที่ไม่ได้ก่อความผิดพลาดอะไรง่ายๆเหมือนที่ผ่านมา
ด้วยความที่โดนบีบเร็วมากๆ ทำให้หลายครั้งที่โอนาน่า พยายามออกบอลยาว ทำบอลเสียตลอดขาดความแม่นยำ แต่ทว่าในเรื่องของการเล่นบอลด้วยเท้าจ่ายบอลสั้น เจ้าตัวทำได้ดีมากๆ และที่น่าจะเป็นแท็กติกที่ทำใหแฟนบอลยังสนามแอนฟิลด์ หงุดหงิดมากที่สุดนี่นั่นก็คือการถ่วงเวลา
นายด่ายวัย27ปี ออกอาการลำลิเกมากๆ เวลาเล่นลูกตั้งเตะจากบอลที่ออกหลัง เพราะจะดึงบอลช้า ไม่จ่ายไม่เปิดสักที โดยมี วาราน มาช่วยดึงให้เกมช้าไปอีก เวลารับบอลเข้าซองก็ใช้เวลากว่าจะออกบอลนานพอสมควร นอกจากนี้ โอนาน่า ยังมีจังหวะความนิ่งล็อกหลบ นูนเญซ แบบใจหายใจคว่ำอีกด้วย
อัมราบัต จุดอ่อนผี ช้าเป็นเรือเกลือชอบทำบอลเสีย
เริ่มจะห่างไกลจากราคาอวย และฟอร์มในบอลโลก2022ในนามทีมชาติมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว สำหรับ โซฟียาน อัมราบัต ที่ระยะหลังได้ลงสนามให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพราะว่ามิดฟิลด์ของทีมนัดกันเดี้ยงและแบน
อัมราบัต ผนึกกำลังในแดนกลางร่วมกับ เจ้าหนู ค็อบบี้ ไมนู และมีกัปตันทีมจำเป็น สก็อตต์ แม็คโทมิเน่ย์ ที่ในฟอร์เมชั่นยืนสูง แต่ต้องมาช่วยเกมรับตามแท็กติก และตามรูปเกมที่เป็นรอง
สิ่งหนึ่งที่ " บังบัต " ทำให้แฟนผีให้เห็นจนชินตา รวมไปจนถึงเกมแดงเดือด เมื่อคืนนั่นก็คือ สปีดที่ช้าเป็นเรือเกลือ กว่าจะพลิกบอล หรือวิ่งไล่ตามคู่แข่ง เห็นเป็นเหมือนภาพสโลว์โมชั่นเลย เรียกได้ว่าเป็นจุดอ่อนของ ยูไนเต็ด ชัดเจนมากๆ
ไมนู ที่อายุเพียงแค่ 18 ปี มีความนิ่งมากกว่า อัมราบัต เสียอีก แต่ถึงอย่างไรก็ดี เจ้าตัวก็ยังอยู่ในสนามครบ90นาที มีเปอร์เซ็นต์ความแม่นยำในการผ่านบอลเพียงแค่ 63.6 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น
ดาวเตะชาวโมร็อกโก ทำตัวเองให้ลำบากในการเล่นมิดฟิลด์ เพราะโดนใบเหลืองแบบไม่จำเป็นตั้งแต่ น.35 อีกสิ่งหนึ่งที่เห็นได้ชัดของ อัมราบัต นั่นก็คือ การเป็นนักเตะที่ต้องใช้มือช่วยเล่นบอลตลอด จังหวะเหนี่ยว จังหวะดึง ช็อตของ ดิอ๊าซ คือเห็นจัดเจน
แม้ว่าจะเป็นระยะเวลาไม่ถึง6เดือน แต่ฟอร์มของ โซฟียาน อัมราบัต ในสีเสื้อปีศาจแดง ต้องบอกว่าน่าผิดหวังมากๆ ขนาด มาเซล ซาบิตเซอร์ ที่ยืมตัวมา เล่นไม่แย่เท่า อัมราบัต ยังถูกส่งคืนเลย ไม่ต้องสงสัยว่าจบฤดูกาลนี้ เจ้าตัวจะไม่ถูกเซ็นขาดและถูกส่งกลับ ฟิออเรนติน่า แน่นอน
วันที่ทำอะไรก็ไม่ดีของ นูนเญซ
ฤดูกาลที่2ในสีเสื้อหงส์แดง เหมือนจะมีสัญญาณอะไรหลายๆอย่างที่ดีขึ้นของ ดาร์วิน นูนเญซ ทำประตูได้ถือว่ามากกว่าเดิม ในช่วงเวลาเดียวกันของฤดูกาลที่แล้ว แต่ทว่าจุดนี่น่าสังเกตของ หอกชาวอุรุกวัยรายนี้ ก็คือ ถ้านัดไหนเล่นไม่ดี ก็จะเล่นไม่ออกทั้งเกมเลย
แดงเดือดจึงเป็นเกมที่ ดาร์วิน หมายมั่นปั้นมือมากๆ ที่จะทะลวงตาข่ายทีมคู่แค้นอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ให้ได้ สังเกตได้จากแพชชั่นและความมุ่งมั่นระหว่างเกม ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมากไปไหมไม่ทราบทำให้เจ้าตัว โดนใบเหลืองแบบไม่จำเป็นเพราะไปเตะบอลทิ้ง บวกไปปรบมือประชดผู้ตัดสิน
สิ่งที่ นูนเญซ ทำได้ไม่ดีนั่นก็คือการกดดันคู่เซ็นเตอร์ปีศาจแดงอย่าง วาราน และ อีแวนส์ จังหวะที่ ซาลาห์ จ่ายบอลให้สวยๆ แต่ทว่าด้วยความลนทำให้ จังหวะต่อมาจับบอลโดนหน้าแข้ง จนโดนผู้เล่นแมนยู วิ่งมาสกัดทันได้แบบฉิวเฉียด
เมื่อคืน นูนเญซ พาตัวเองไปอยู่ในพื้นที่ ที่ไม่ดีมากๆ ดูได้จากสถิติที่ล้ำหน้ามากถึง3ครั้ง ตลอดทั้งเกมได้จ่ายบอลเพียงแค่10ครั้ง การเท้าบอดเมื่อคืนส่งผลให้ ดาร์วิน นูนเญซ คลำเป้าไม่เจอในลีกมาแล้ว 7นัด ติดต่อกัน (ตัวจริง 6 สำรอง1) ลูกสุดท้าย ต้องย้อนไปไกลถึง ปลายเดือนตุลาคม เกมที่ชนะ ฟอเรสต์ 3-0
หลุยส์ ดิอ๊าซ เป็นอีกคนในแนวรุกที่เล่นไม่ออกเท่าไหร่ ทั้งที่มีจุดเด่นในเรืองการกระชากลากเลื้อยกินตัว กลับแผงฤทธิไม่ออกเท่าไหร่ ทำให้หลังเกมปีกชาวโคลอมเบียมีสถิติหลังเกม เลี้ยงบอลผ่าน0ครั้ง เพราะโดนทั้ง ดิโอโก้ ดาโล่ต์ และ แอนโทนี่ ที่ช่วยกันสกัดกั้นได้เป็นอย่างดี
หงส์ เจาะยากโดนคู่แข่งรับลึก นักเตะเล่นผิดฟอร์มหลายราย
ก่อนเกมต้องบอกว่า น่าจะเป็นศึกแดงเดือดที่ มีความห่างกันมากที่สุดในเรื่องของฟอร์มการเล่น และผลงานระยะหลัง เพราะลิเวอร์พูลร้อนแรงเหลือเกิน โดยเฉพาะในยามที่เล่นในถิ่นแอนฟิลด์ พวกเขาดุดันกระซวกไส้แตกมากๆ
11นัดในฤดูกาลนี้ ที่แอนฟิลด์ ลิเวอร์พูล มีสถิติที่น่าเกรงขามมากๆ ชนะรวดทั้ง11นัด เกมรุกดุดันดีนักแล ถลุงไป35ประตู หรือค่าเฉลี่ยมากกว่า 3ประตู/ต่อนัด บวกกับสถิติของแมนฯยู เวลามาเยือนถิ่นแอนฟิลด์ พวกเขาไม่ชนะมาตั้งแต่ปี 2016 และยิงประตูที่นี่ไม่ได้มาตั้งแต่ปี 2018
รูปเกมก็เป็นไปตามคาด ลิเวอร์พูล ครองเกมบุกเข้าใส่ เหนือกว่าทุกอย่าง แต่ทว่าสังเกตดีๆจะเห็นว่า จังหวะเข้าทำพื้นที่สุดท้ายลูกทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ไม่ค่อยมีเหมาะเหม่งเท่าไหร่ เพราะกำแพงมนุษย์ของปีศาจแดง ยืนขวางเป็นรถบัสสองชั้น
เจ้าบ้านมีโอกาสยิง 21ครั้ง (ไม่รวมกับที่ติดบล็อค) เตะมุม12ครั้ง ครองบอลมากกว่า 69 ต่อ 31 เปอร์เซ็นต์ โอเคหลังเกม โอนาน่า จะมีสถิติเซฟ8ครั้ง แต่ไม่มีลูกไหนที่เหนือบ่ากว่าแรง ลิเวอร์พูล เวลาโดนทีมที่ตั้งรับลึก ดูจะมีปัญหาเหลือเกินกับการเข้าทำเจาะตาข่าย
เจาะไปที่รายบุคคคล เป็นแมตช์ที่แข้งหงส์แดง มีหลายรายเหมือนกันที่เล่นกันไม่ออก โดยเฉพาะ โดมินิค โซบอสไล ไม่รู้ว่าเป็นเพราะแดงเดือดหนแรกเปล่าที่ทำให้เจ้าตัว กดดันจ่ายบอลพลาดไปหลายหน
เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ เกมรับทำได้ดีโดยเฉพาะการไปแหย่บอลจังหวะสุดท้ายที่ การ์นาโช หลุดเดี่ยว แต่ทว่าเรื่องของการครอสบอลแม้จะมีจังหวะหลายครั้งแต่ทำได้ไม่ดีเท่าไหร่ แนวรุก นอกจาก ซาลาห์ แล้ว นูนเญซ และ ดิอาซ แผลงฤทธิไม่ออกเลย
- คอลัมน์นิสต์
- 264
- 18 ธ.ค. 2566 14:04