ชาก้าแจกส้มหล่น ! ปืน สะดุดอีกเบิร์นลี่ย์ไล่แบ่งแต้ม 1-1
ทำท่าว่าน่าจะได้โมเม้นต์ตัมดีๆกลับมาลุ้นโควตา ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก อีกครั้งสำหรับอาร์เซน่อล เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ลูกทีมของ มิเคล อาร์เตต้า บุกไปเอาชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ ถึง คิง พาวเวอร์ สเตเดี้ยม 3-1
แต่ทว่าสัปดาห์นี้ที่โปรแกรมเบากว่าเดิมทีมปืนใหญ่กลับทำได้เพียงแค่บุกไปเสมอทีมท้ายตารางอย่าง เบิร์นลี่ย์ 1-1 เท่านั้น
ทั้งที่ช่วงที่ขึ้นนำไปก่อนอาร์เซน่อล มีโอกาสส่องประตูทิ้งห่างเป็น 2-0 หลายหน แต่ก็ชวดพลาดโอกาสทองดังกล่าวไปหมด
ก่อนที่ทัพ " เดอะ คราเร็ต " จะได้ประตูตีเสมอ พวกเขาไม่มีวี่แววจะส่งบอลไปซุกก้นตาข่ายผ่านมือ แบรนด์ เลโน่ ได้เลย ด้วยรูปเกมที่้เป็นรองสุดกู่ รวมถึงเกมบุกที่ไม่ประติดประต่อลื่นไหลของทีมเจ้าบ้าน ไม่มีใครคาดคิดว่าเบิร์นลี่ย์จะได้ประตูตีเสมอ
แต่ทว่าด้วยความผิดพลาดแทบเหลือเชื่อตาแทบถลนของ กรานิต ชาก้า ก็ทำให้เบิร์นลี่ย์ ซัดประตูตีเสมอได้สำเร็จ
กองกลางชาวสวิตเซอร์แลนด์ ทำในสิ่งที่หลายๆคนไม่คาดคิดเมื่อคืน เมื่อตักบอลในกรอบเขตโทษตัวเอง ไปโดน คริส วู้ด เข้าประตูไปดื้อๆ
หลังจากได้ประตูตีเสมอ ลูกทีมของ ฌอน ไดซ์ ก็เหมือนได้กลับมาเกิดใหม่อีกครั้ง นั่นเพราะทำให้ทีมเจ้าบ้านเล่นด้วยความมั่นใจมากขึ้น แถมยังมีโอกาสพลิกแซงทีมปืนใหญ่ด้วยซ้ำ แต่ทว่าพวกเขาไม่มีความเฉียบคมมากพอ
และนี่ก็ยังเป็นอีกหนึ่งนัดทีประเด็นการถกเถียงกันของ VAR เมื่อมีจังหวะที่บอลไปโดนแขนของ เอริค ปีเตอร์ส แบ็กซ้ายเบิร์นลี่ย์ในเขตโทษ แต่ทว่าผู้ตัดสินในสนามอย่าง อังเดร มาริเนอร์ กลับไม่เป่าให้จุดโทษ
เกมเกือบจะมีแอนตี้ไคลแมกซ์ อีกครั้งเมื่อ มาร์ริเนอร์ เจ้าเดิมเป่าให้จุดโทษพร้อมควักใบแดงไล่ เอริค ปีเตอร์ ออกจากสนามเมื่อมองว่าแบ็กชาวดัตช์เจตนาใช้แขนบล็อคลูกยิงของ นิโคลัส เปเป้
แต่ทว่าเมื่อดูภาพรีเพลย์ก็ชัดเจนว่าบอลจังหวะดังกล่าวไปโดนหัวไหล่ จึงเปลี่ยนคำตัดสินพร้อมยกเลิกใบแดงในที่สุด
กรานิต ชาก้า พลาดไม่แบบไม่น่าเชื่อ
หลังจากที่ ปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมย็อง ซัดประตูมุมแคบให้อาร์เซน่อลขึ้นนำตั้งแต่นาทีที่6 หลังจากนั้นเกมก็เป็นของ ทัพ เดอะ กันเนอร์ส ที่ครอบครองบอลและปูพรมบุกใส่ทีมเจ้าบ้านอยู่ฝ่ายเดียว แต่ทว่าเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น
กรานิต ชาต้า ที่พยายามตักบอลในกรอบเขตโทษตัวเองไปให้กับเพื่อนร่วมทีมที่อยู่ด้านขวาอย่าง ดาวิด ลุยซ์ แต่ทว่ากองกลางชาวสวิตตักบอลไม่ผ่าน คริส วู้ด ที่ตัวใหญ่เบ้อเร่อ 191 ซม.บอลจึงกระเด้งไปโดนหอกชาวนิวซีแลนด์ เข้าประตูไปง่ายๆ
เกมนี้ก่อนเสียประตูตีเสมอ ชาก้า จับคู่ในตำแหน่งมิดฟิลด์ร่วมกับ โธมัส ปาเตย์ ได้ค่อนข้างดีครองเกมในแดนกลางเหนือเบิร์นลี่ย์ได้อย่างหมด เรียกได้ว่าเปอร์เซ็นต์การครองบอลอาร์เซน่อลเหนือกว่ามากๆ
แต่ทว่าพอมาพลาดโดนลูกตีเสมอแบบสุดช็อก รูปเกมของอาร์เซน่อลก็ช็อตเปลี่ยนไปดื้อๆเหมือนมีคนแอบเอาน้ำเปล่าๆไปหยอดใส่ถังน้ำมันรถยนต์ ส่วนชาก้าเองก็เหมือนจะเสียความมั่นใจพอสมควรหลังจากนั้น
บทบาทของอดีตกองกลาง ชาลเก้ 04 ถูกตั้งคำถามเป็นอย่างมากในยุคของ มิเคล อาร์เตต้า กับโปรเจคระยะยาว ทั้งเรื่องการสวมในการสมปลอกแขนกับตันทีมในบางนัด
ไม่นับความผิดพลาดเรื่องการควบคุมอารมณ์ที่เจ้าตัวเคยโดนใบแดงไล่ออกจากสนามอีกด้วย
สถิตินับตั้งแต่ที่เจ้าตัวย้ายมายังถิ่น เอมิเรต สเตเดี้ยม เมื่อฤดูกาล 2016-2017
ผลปรากฎว่าไม่มีนักเตะคนไหน ( ยกเว้นผู้รักษาประตู) ในพรีเมียร์ลีกอีกแล้วที่ก่อความผิดพลาดจนเป็นเหตุทำให้ทีมโดนเจาะตาข่ายมากกว่า กรานิต ชาก้า ที่สร้างช็อตเออเร่อ มากถึง8ครั้ง ด้วยกัน
โอบารักเบิร์นลี่ย์ แต่...
เวลาเล่นที่ เทิร์ฟ มัวร์ เบิร์นลี่ย์จะกลายเป็นเหมือนทีมที่มีพลังพิเศษเยอะขึ้นมาโดยอัตโนมัติ พวกเขาเหนียวแน่น และยากแก่การถูกคู่แข่งสอยตาข่าย แต่นั่นไม่มีผลอะไรต่อ ปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมยอง เลย
หอกชาวกาบองใช้เวลาเพียงแค่6นาที หลอกล่อกองหลังทีมเจ้าบ้านแล้วส่งบอลไปซุกก้นตาข่ายผ่านจอมหนึบอย่าง นิค โป๊ป ได้สำเร็จ
7เกมที่ต้องลงดวลแข้งกับเบิร์นลี่ย์ ปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมยอง ซัดไปได้ถึง8ประตูด้วยกัน สถิติจำนวนตัวเลขดังกล่าวบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าดาวยิงกัปตันทีมปืนใหญ่ถูกโฉลกกับเบิร์นลี่ย์แค่ไหน
แต่ถ้ามองไปยังรายละเอียดต่างๆในเกมเมื่อคืนแม้ โอบาเมยอง จะมีชื่อบนสกอร์บอร์ดให้ทีมได้แต่ ทว่าหลังจากนั้น ดาวยิงวัย31ปี ก็เงียบเชียบไม่มีบทบาทกับเกมรุกของทีมเลยทั้งที่เล่นในตำแหน่งหน้าเป้า
โอบาเมยอง มีโอกาสยิง4ครั้งในเกมนี้ เข้ากรอบ1ครั้ง ( นั่นก็คือครั้งที่เป็นประตู ) โดยทั้งผู้เล่น11ตัวจริงของอาร์เซน่อลเมื่อคืน
หอกชาวกาบองกลายเป็นนักเตะที่ผ่านบอลได้จำนวนน้อยครั้งที่สุด (19) ขนาดผู้รักษาประตูของทีมอย่าง แบรนด์ เลโน่ ยังผ่านบอลได้ถึง28ครั้งเลยทีเดียว
การมีส่วนร่วมกับเพื่อนร่วมทีมคือสิ่งที่ ปิแอร์ เอเมอริค โอบาเมยอง สอบตกเป็นอย่างมากสำหรับเกมเมื่อคืนที่ เทิร์ฟ มัวร์ แต่ก็ยังมีแง่ดีที่เจ้าตัวยังมีความเป็นวิญญาณเพชรฆาตส่องประตูให้ทีมได้
เบน มี โดดเด่นเสมอเมื่อเล่นที่ เทิร์ฟ มัวร์
เป็นอันที่เข้าใจกันว่าเบิร์นลี่ย์คือทีมที่มีสถิติเกมรุกห่วยแตกขนาดไหน สิ่งที่ลูกทีมของ ฌอน ไดซ์ พอจะทำได้นั่นก็คือการเล่นเกมรับให้เหนียวแน่น และต้องไม่เสียประตู เพื่อมี1แต้มในมือตุนไว้ก่อน
เกมรุกค่อยไปวัดดวงกับลูกบอมบ์กลางอากาศข้างหน้า
แม้ตลอด90นาที จะมีช่วงที่เบิร์นลี่ย์ เจียนอยู่เจียนไปหลายครั้ง แต่ทว่าด้วยสมาธิในเกมรับของผู้รักษาประตู และแผงแบ็กโฟร์อย่าง ชาร์ลี เทย์เลอร์ - เบน มี - เจมส์ ทาร์คอสสกี้ และ แม็ทธิว ลอว์ตัน ที่ช่วยกันเล่นเกมรับกันอย่างสุดความสามารถ
จังหวะเข้าทำในพื้นทีสุดท้ายของอาร์เซน่อล โดนแนวรับของเบิร์นลี่ย์ ขัดขวางหรือทำลายจังหวะสวยๆแทบตลอด โดยเฉพาะอย่างยิ่งแบ็กซ้ายของตัวสำรองอย่าง เอริค ปีเตอรส์ ที่ช่วยสกัดบอลบนเส้นได้อย่างเฉียดฉิว
แต่ที่โดดเด่นที่สุดคงหนีไม่พ้น แมนออฟ เดอะแมตช์ อย่าง เบน มี ที่โดดเด่นทั้งในเรื่องลูกกลางอากาศ และเคลียร์บอลในจังหวะสำคัญๆ
เกมไหนที่เบิร์นลี่ย์มีแต้มติดไม้ติดมือ ต้องมีความประจบเหมาะกับการที่มีผู้เล่นคนใดคนหนึ่งในแผงรับที่โดดเด่นมากๆ
สถิติ เบน มี หลังเกม
71 สัมผัสบอล
43 ผ่านบอลสำเร็จ
9 แย่งบอล
4 ชนะลูกกลางอากาศ
3 บล็อกลูกยิง
2 ตัดบอล
0 คู่แข่งเลี้ยงบอลผ่าน
เทิร์ฟ มัวร์ ไม่หมูนะ
ถึงแม้ภาพรวมของเบิร์นลี่ย์ในฤดูกาลนี้จะไม่ได้ดีนัก ยังเป็นทีมที่อยู่ในโซนพื้นที่อันตราย บางนัดมีบุกไปโดนทีมใหญ่ถลุงยิงไส้แตก ( สเปอร์ส ) 0-4 ( แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ) 0-5
แต่ทว่าเมื่อได้หลับมาเล่นยังถิ่น เทิร์ฟ มัวร์ ลูกทีมของ ฌอน ไดซ์ ก็กลายเป็นทีมที่แพ้ยากมากๆทีมหนึ่ง ไม่ใช่ใครจะบุกมาเคี้ยวเอา3แต้มกลับไปง่ายๆ
ขนาดแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ช่วงพีคๆที่ขึ้นเป็นจ่าฝูงกว่าจะบุกเอาชนะที่นี่ 1-0 ก็เลือดตาแทบกระเด็นมาแล้ว
ก่อนเกมกับปืนใหญ่ เบิร์นลี่ย์ เก็บ17แต้ม จากเกม14นัดในบ้านฤดูกาลนี้ (แพ้5) และเสียไปเพียงแค่16ประตูเท่านั้น ด้วยสนามที่ไม่ค่อยยาว+กว้างเท่าไหร่
รวมถึงสไตล์การเล่นแบบโบราณฟุตบอลอังกฤษขนานแท้ จึงทำให้คู่แข่งที่มาเยือนเจอความยุ่งยากลำบากพอสมควร
5นัดหลังสุดที่ เทิร์ฟ มัวร์ ของเบิร์นลี่ย์ ลงเอยด้วยผลเสมอทั้งหมด ซึ่งหากจะย้อนไปนัดที่พวกเขาเก็บ3แต้มที่บ้านได้ต้องย้อนไปไกลถึงช่วงปลายเดือนมกราคม กับนัดที่เอาชนะ แอสตัล วิลล่า 3-2 เลยทีเดียว
แม้ว่าในระยะหลังๆ จะยังไม่สามารถคว้าชัยชนะในบ้านได้ แต่การไม่แพ้ทีมใหญ่อย่าง เลสเตอร์ ซิตี้ และ อาร์เซน่อล ก็น่าจะทำให้ทีม " เดอะ คาเร็ตส์ " เพิ่มความมั่นใจขึ้นมาอีกไม่มากก็น้อยเลยทีเดียว
อันดับ15 มีอยู่30แต้ม หลังแข่งไป28นัด ทิ้งห่างทีมอันดับ18 โซนตกชั้นอย่างฟูแล่ม7แต้ม แม้เบิร์นลี่ย์เองจะแข่งมากกว่าทีมเจ้าสัว1นัด
แต่แค่นี้ก็เป็นสถานการณ์ที่จะทำให้พวกเขามีโอกาสอยู่รอดปลอดภัยในพรีเมียร์ลีกอีก1ซีซั่นอยู่มากโขเลยทีเดียว
VAR นรกแตก (อีกแล้ว)
เถียงกันได้ทุกวันจริงๆสำหรับมาตรฐานดุลยวินิจคำตัดสินของกรรมการในสนามต่อการพิจารณาจังหวะที่ต้องใช้ VAR ประกอบคำตัดสิน
คู่ระหว่างเบิร์นลี่ย์กับอาร์เซน่อลก็เป็นอีกครั้งหนึ่งที่คำตัดสิน VAR ค้านสายตามากๆกับจังหวะในนาทีที่75 ที นิโคลัส เปเป้ พยายามจะกระดกบอลเข้าไปเล่นในเขตโทษแต่ทว่าบอลเจ้ากรรมไปโดนแขน แบ็กซ้ายตัวสำรองอย่าง เอริค ปีเตอร์ส ในรูปแบบที่ผิดธรรมชาติ
แต่ทว่าด้วยเหตุผลดลใจอะไรไม่รู้ทำให้ทีมงานVARในห้องส่ง รวมถึง อังเดร มาร์ริเนอร์ ไม่ยอมเป่าให้จุดโทษแก่ทีมปืนใหญ่ในจังหวะดังกล่าว
ซึ่งถ้าเอาตามมาตรฐานการแฮนด์บอลในกรอบเขตโทษของฤดูกาลนี้ ช็อตดังกล่าวก็ชัดเจนมากพอ ที่จะเป่าให้เป็นจุดโทษเลยทันที
ในทางกลับกับจังหวะที่เจ้าเดิมอย่าง เอริค ปีเตอร์ส ที่สกัดบอลบนเส้นแบบเส้นยาแดงผ่าแปด (น.85) กลับถูกผู้ตัดสิน อังเดร มาร์ริเนอร์ ไม่ลังเลให้จุดโทษกับทีมปืนใหญ่ พร้อมควักใบแดงไล่แบ็กชาวฮอลแลนด์ออกจากสนามทันที
แต่ทว่าเพื่อพิจารณาจากภาพช้า VAR รวมถึงกรรมการที่อยู่ในห้องส่ง ก็ตัดสินใจเปลี่ยนคำตัดสินยกเลิกใบแดง ยกเลิกจุดโทษในที่สุด เมื่อภาพช้าแสดงให้เห็นว่าบอลโดนที่หัวไหล่ไม่ใช่แขนแต่อย่างใด
นั่นเกือบทำให้เปาวัย50ปี เป่าผิดพลาดจังหวะสำคัญครั้งที่สองติดต่อกัน ทั้งที่เจ้าตัวแสดงความมั่นใจเต็มประดาในการพ่นลมนกหวีดจังหวะสำคัญนั้น
- คอลัมน์นิสต์
- 423
- 07 ม.ค. 2564 17:01