ตีตั๋วรอบ16ทีม ! บรูโน่ โชว์หล่อ กดเบิ้ล พาฝอยทอง ดับ อุรุกวัย 2-0
กลายเป็นทีมที่ 3ต่อจาก ฝรั่งเศสและบราซิลที่สามารถ คว้าชัย2นัดรวดในรอบแบ่งกลุ่ม ตีตั๋วไปรอในรอบ16ทีมสุดท้ายเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ โปรตุเกส เพราะเมื่อคืนพวกเขาโชว์ฟอร์มสวยหรู เอาชนะเพื่อนร่วมกลุ่มเอชสุดแกร่งอย่าง อุรุกวัย ไปได้ 2-0 ซึ่งฮีโร่ของทัพฝอยทองคราวนี้ ไม่ใช่ขาประจำอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ แต่ทว่าเป็น บรูโน่ แฟร์นันเดซ
เกมนัดที่2กลุ่มเอช ที่สนาม ลูเซล ไอคอนิค สเตเดี้ยม ระหว่าง โปรตุเกส ที่นัดแรกเฉือนเอาชนะ กาน่ามาแบบหืดจับ 3-2 ดวลกับ อุรุกวัย ที่เกมแรกเสมอกับ เกาหลีใต้ มาแบบทื่อๆ 0-0 ซึ่งก่อนที่เกมการแข่งขันจะเริ่มขึ้นเป็นทางฝั่งทีมแชมป์ยูโร 2016 ดูเป็นต่ออยู่หน่อย
ท้ายที่สุดแล้ว90นาที เป็นทางฝั่งของโปรตุเกส เอาชนะไปได้เหมือนจะสบายๆ 2-0 จากการเหมาทำคนเดียว2ประตู ของ บรูโน่ แฟร์นันเดซ น.54 และจุดโทษช่วงทดเวลาบาดเจ็บ น.90+3
ถ้าดูจากสกอร์ไม่ได้ดูเกมการแข่งขัน ดูเหมือนจะเป็นชัยชนะง่ายๆของโปรตุเกส แต่ทว่ารายละเอียดระหว่างเกม มีบางช่วงเหมือนกันที่อุรุกวัย เปิดเกมบุกเต็มสูบใส่ แต่ทว่าพื้นที่สุดท้ายในแดนหน้าพวกเขาทำได้ไม่ดีพอ โดยเฉพาะ ดาร์วิน นูนเญซ ที่ทำตัวผิดหวังมา2นัดติดแล้ว
ครั้นจะให้ไปหวังกับ 2ดาวยิงวัยชราอย่าง เอดิสัน คาวานี่ และ หลุยส์ ซัวเรซ ที่วัย35 ทั้งคู่ ก็คงจะไม่ใช่ สิ่งหนึ่งที่อุรุกวัย แสดงให้เราเห็นเกมเมื่อคืนนั่นก็คือพวกเขาเหมาะสมกับฉายาทีม" จอมโหด " จริงๆ เพราะจังหวะเข้าบอลแย่งบอล มีช็อตแถมช็อตฟาวล์ ถึงลูกถึงคนตลอด
ส่วนโปรตุเกสนี่เป็นอีกเกมที่ถือว่าภาพรวมพวกเขาโชว์ฟอร์มน่าประทับใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเกมรับที่ต่างทำหน้าที่ได้ดี ไม่พลาดหมูหกง่ายๆเหมือนนัดกับกาน่า ชูเอา กานเชโล่ ขึ้นสุดลงสุดอยู่แล้ว รวมไปจนถึง เพื่อนร่วมทีมเซ็นเตอร์อย่าง รูเบน ดิอ๊าซ ที่คุมเกมรับได้นิ่ง ไม่สมาธิหลุดเหมือนก่อนหน้านั้น
สำหรับ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ แม้จะไม่ได้มีชื่อบนสกอร์บอร์ด และไม่ได้เล่นจนครบ90นาที (อีกนัด) แต่ทว่าก็ต้องให้เครดิต CR7 ด้วยสำหรับประตูแรกที่ไปรบกวนสมาธิพยายามขึ้นโขกแต่ไม่โดน จากลูกเปิดของ บรูโน่ จนผู้รักษาประตูอย่าง เซร์คิโอ โรเชต์ เสียจังหวะปล่อยบอลเข้าประตูไป นอกจากนี้การเคลื่อนที่แบบไม่มีบอลของ " เฮียโด้ " ยังสามารถขู่และรบกวนแนวรับของอุรุกวัย ได้อีกด้วย
สถานการณ์ของกลุ่มเอช การที่โปรตุเกส ผ่านเข้ารอบไปแล้ว และค่อนข้างการันตี อันดับ1ของกลุ่ม ( หากไม่พลิกล็อกแพ้ ขาดๆนัดสุดท้าย ) ทำให้เหมือนจะเป็นโชคดีของ เกาหลีใต้ เลยก็ว่าได้ ที่จะได้ดวลกับทัพฝอยทอง ที่อาจไม่เน้นมากนัก ส่วนอีกคู่อุรุกวัย กับ กาน่า ก็ต้องลุ้นต้องฟัดกันมันสุดฤทธิ เช่นกัน
บรูโน่ ฟอร์มพระเอก
จะว่าไป1-2ปีที่ผ่านมา ถือว่าเจ้าตัวฟอร์มหล่นกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปพอสมควรนะ แต่อาจจะเพราะตำแหน่งการยืนที่ต่ำลงมากว่าแต่ก่อนด้วยทำให้ สถิติประตูและแอสซิสต์ของ " พี่ถั่วงอก " ลดน้อยถอยลงไป จากเพลย์เมคเกอร์หมายเลข10 มาเป็นกองกลางสไตล์หมายเลข8ในระบบ 3มิดฟิลด์
เมื่อคืน บรูโน่ แฟร์นันเดซ ตามฟอร์เมชั่น ยืนเป็นตัวรุกฝั่งขวาของ3ตัวบน แต่ทว่าในรายละเอียดการเล่น เจ้าตัวก็หุบเข้ามาตรงกลางหลายครั้ง เชื่อมเกมประสานงาน โฮลบอล กับ พวก แบร์นาโด้ ซิลวา และด้วยความขยันนี่แหละเราจึงทำให้ได้เห็นเจ้าตัววิ่งไปทั่วในแดนกลาง
2ประตูของ บรูโน่ ลูกแรกถือว่าเป็นจังหวะที่มีเฮงเข้าช่วยเต็มๆ เพราะจังหวะที่เจ้าตัวเปิดบอลหมายจะให้ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ขวิด แต่ทว่าบอลเจ้ากรรมกับไม่โดนใครเลย กลับกลายเป็นดีที่ทำให้ โกลอุรุกวัย เสียจังหวะปล่อยบอลไหลเข้าไปซุกตาข่าย
ส่วนลูกที่สองมาจากจุดโทษ และบรูโน่ เป็นคนเรียกมาได้ด้วยตัวเองด้วย เมื่อแตะบอลลอดขา โฮเซ่ คิเมเนซ แต่ทว่าแนวรับจากอุรุกวัยล้มลงกลายเป็นแฮนบอลด์ ผู้ตัดสินเช็กVAR ย้อนหลัง เป่าเป็นจุดโทษแล้ว บรูโน่ แฟร์นันเดซ ก็ยิงแบบท่ากระโดดจิงโจ้ที่ถนัด หลอกทางโกลเข้าไป
ดาวเตะจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีสถิติที่ดีทั้ง แย่งบอลกลับมาได้8ครั้ง / โอกาสยิง6 / ผ่านบอลเข้าพื้นที่สุดท้าย 5ครั้ง / สัมผัสบอลในเขตโทษคู่แข่ง 5 / เอาชนะการดวล3ครั้ง / โดยบอลโลกผ่านมา2นัด บรูโน่ ฝากผลงานไว้อย่างยอดเยี่ยมด้วย 2ประตู 2แอสซิสต์
น่าเสียดายเหมือนกันที่ บรูโน่ พลาดแฮตทริก เพราะท้ายเกมที่ทั้งจังหวะยิง5หลาไปติดเซฟ เซร์คิโอ โรเชต์ และจังหวะปั่นราวๆ 18หลา ส่งบอลไปจูบเสาเข้าอย่างจัง
คอสต้า มีช็อตเหนียวหนึบ แต่ก็น่าหวาดเสียว
ในปี2022เป็นต้นมา กุนซือ แฟร์นันโดร ซานโตส เลือกที่จะใช้บริการ โกลดาวรุ่ง(วัย23ปี) อย่าง ดิโอโก้ คอสต้า เฝ้าเสาเป็นตัวจริงไปถึง7นัด เพราะด้วยฟอร์มที่พุ่งขึ้นมากับ เอฟซี ปอร์โต้ นั่นเอง ทำให้ ตัวเก๋าอย่าง หลุยซ์ ปาทริซิโอ และ โซเซ่ ซาร์ กลายเป็นมือ2และ3ในบอลโลกครั้งนี้ไป
นัดแรกกับกาน่าถือว่า คอสต้า ไม่ได้มีอะไรผิดพลาดจนน่าเกลียด แต่ทว่าก็มีช็อตที่เกือบปล่อยเหวอช็อกโลกเหมือนกัน ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เพราะไปปล่อยบอลลงกับพื้น โดยที่ไม่สังเกตุว่ามีนักเตะกาน่าแอบเป็นนินจาอยู่ข้างหลัง โชคดีที่จังหวะแย่งบอลมาได้ก่อนจะยิง ออสมาน บูการี่ ไปลื่นล้มก่อนดื้อๆซะงั้น
ส่วนเมื่อคืนกับโปรตุเกส ดิโอโก้ คอสต้า ยังได้รับความไว้วางใจให้ได้เฝ้าเสาต่อ แต่ทว่าโกลวัย23ปีรายนี้ ก็มีจังหวะเสียวๆ ลุกลี้ลุกลนพิกล จังหวะเกือบปล่อยไก่ ทำเข้าประตูตัวเองจากการที่โดน เฟเดริโก้ วัลเวร์เด้ วิ่งเข้ามากดกัน
อย่างไรก็ดี คอสต้า ก็มีแก้ตัวจากช็อตออกมาเซฟ ลูกยิงแหวก3ของ โรดีโก้ เบนตากูร์ หรือท้ายเกมกับจังหวะหลุดกับดักล้ำหน้าของ จอร์เจียน เด อาร์ราสกาเอต้า (ที่ยิงได้ไม่ดีด้วย) ถึงกระนั้นหากมองในภาพรวมถือว่า ดิโอโก้ คอสต้า เรื่องของการเซฟถือว่าเหนีวหนึบใช้ได้คะแนนความสามารถเจ้าตัวอยู่ที่ราวๆมาตรฐาน7คะแนน เลยทีเดียว
สิ่งที่นายด่านวัย23ปี ต้องปรับนั่นก็คือ ความกังวล สมาธิ กับความผิดพลาดเพราะประหม่าเล็กๆน้อย โอเค แม้2นัดแรกจะไม่โดนลงโทษ แต่ทว่าหากผ่านเข้ารอบลึกๆ เจอคู่แข่งที่เขี้ยวลากดินขึ้น อาจโดนลงโทษอย่างสาสมจนตกรอบได้
เบนตานกูร์ ยังร้อนแรงต่อเนื่องมาจากสเปอร์ส
ก่อนมาบอลโลก2022หนนี้ ถือว่าเป็นช่วงที่ฟอร์มขึ้นหม้อสุดๆของ โรดริโก้ เบนตานกูร์ เลยก็ว่าได้ เพราะกับสเปอร์ส มิดฟิลด์วัย25ปี คือตัวจริง อีฟส์ บิสซูม่า ที่ซื้อมาใหม่แพงๆ ยังทำได้เพียงแค่เป็นตัวสำรอง รวมถึงในฤดูกาลนี้ยังกดไปได้ถึง 5ประตู ด้วยกัน ทั้งที่ปรกติ เบนตานกูร์ ไม่ใช่กองกลางประเภทยิงประตูแต่อย่างใด
เมื่อคืนที่ดวลกับโปรตุเกส ทั้ง วัลเวร์เด้ และ เบนตานกูร์ ถือว่าทำได้ดีมากในแดนกลาง เรียกว่าเด่นกว่าบรรดาห้องเครื่องของทัพ ฝอยทองอย่าง รูเบน เนเวส และ วิลเลี่ยม คาร์วัลโญ่ ที่ดูดร็อปๆลงไปใน45นาทีหลัง
เบนตากูร์ ทำได้ดีทั้งในเรื่องของ การเก็บบอล คุมจังหวะ โฮลบอล ประสานงานกันได้ลงตัวกับ วัลเวร์เด้ แต่น่าเสียดายที่ผู้เล่นในแดนกลางหรือแนวรุกคนอื่นๆคลาสบอลไม่ถึงหรือไม่ทันกันทั้ง มาธีอัส โอลิเวร่า - มัตธิอัส เวซิโน่
ที่ไม่พูดถึงก็คงไม่ได้สำหรับ เบนตานกูร์ นั่นก็คือจังหวะกระชากโซโล่ หลบ3ผู้เล่นโปรตุเกส แบบเหนือๆ แต่ทว่าน่าเสียดายที่จังหวะสุดท้ายไปติดเซฟ ดิโอโก้ คอสต้า อย่างไรก็ตาม เบนตานกูร์ บทบาทเหมือนจะดร็อปลงไปในครึ่งหลัง
บอลส่วนใหญ่ของ อุรุกวัย มาจากการขึ้นแจกจ่ายมาของกองกลางจากสเปอร์สรายนี้ ผ่านบอล60ครั้ง /จ่ายคีย์พาสได้ 1ครั้ง / แท็กเกิ้ล 2ครั้ง / ตัดบอล3หน นี่เป็นผู้เล่นที่โดดเด่นที่สุดของทีมจอมโหดเมื่อคืนอย่างไม่ต้องสงสัย
คิเมเนซ โชคร้าย อุรุกวัย สมฉายาจอมโหด
จังหวะที่อุรุกวัยโดนจุดโทษประตูตอกฝาโลงช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ที่ บรูโน่ แฟร์นันเดซ พยายามแตะลอดขา โฮเซ่ คิเมเนซ ทำให้แนวรับจาดแอตเลติโก มาดริด รายนี้ตัดสินใจล้มขวาง แต่ทว่าโชคร้ายบอลไปโดนมือ หยุดวิธีบอลซะอย่างนั้น
โดยผู้ตัดสินจากอิหร่าน อาลีเรซ่า ฟากานี ลังเลอยู่นาน จนสุดท้ายตัดสินใจไปเช็ก VAR ก่อนที่จะให้เป็นจุดโทษของทัพฝอยทองในที่สุด โอเคจังหวะนี้เป็นการแฮนบอลด์ สมควรจะเป็นจุดโทษ แม้จะไม่ตั้งใจ แต่หลายครั้งเราก็เห็นเหมือนกันว่าเหตุการณ์แบบนี้ ผู้ตัดสินบางรายไม่เป่าให้เป็นจุดโทษมาแล้วก็มี
ส่วนตัวของ คิมิเนซ เอง นี่เป็นฟอร์มการเล่นที่ไม่ค่อยโสภาสักเท่าไหร่ของเจ้าตัว เพราะโดนผู้เล่นริมเส้นของโปรตุเกส ใช้ความเร็วลากออกจากตำแหน่งหลายครั้ง จังหวะวางบอลยาวของแนวรับตราหมีรายนี้ก็ไม่แม่น รวมไปจนถึงหลังเกมมีสถิติออกมว่า คิมิเนซ ทำบอลเสียมากถึง14ครั้ง
สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย สำหรับอุรุกวัย ในทุกยุคทุกสมัยนั่นก็คือการเล่นที่สมฉายาทีม " จอมโหด " เมื่อคืน แม้พวกเขาจะได้ใบเหลืองเพียงแค่2ใบ แต่ก็มีจังหวะทำฟาวล์มากถึง16ครั้ง เวลาโปรตุเกสได้บอล มีจังหวะเข้าหนัก จังหวะตอดแถมตลอด
จังหวะตุกติกเล็กน้อยๆ ลูกทีมของ ดิเอโก้ อลอนโซ่ ก็จัดให้เห็น โดยเฉพาะตอนที่เสียจุดโทษ ผู้เล่นโปรตุเกส เหมือนรู้ทัน มายืมล้อมจุดที่ยิงจุดโทษ เพราะกลัวว่านักเตะอุรุกวัย จะมาเขี่ยหรือเตะพื้นสนามตรงนั้น ให้ บรูโน่ ลื่นหรือเสียจังหวะในการยิงกับพื้นสนามที่ไม่เรียบ
นูนเญซ ยังน่าผิดหวังเฟิร์สทัชแย่
การมาบอลโลก2022หนนี้ เชื่อว่าความหวังในแนวรุกของ อุรุกวัย ต้องฝากไว้กับ ดาร์วิน นูนเญซ อยู่แล้ว เพราะครั้นจะให้ไปหวังพึ่ง2ดางยิงลายครามวัย 35ปีอย่าง เอดิสัน คาวานี่ และ หลุยส์ ซัวเรซ ก็คงจะไม่ไหว แต่ทว่า2เกมผ่านไป ศูนย์หน้าเจ้าของค่าตัว100ล้านยูโร รายนี้ ยังไม่น่าประทับใจเลย
นูนเญซ ช่วงฟอร์มบู่ที่เราคุ้นชินกับภาพการจับบอลเฟิร์สทัช ไม่แม่น ก็ยังตามหลอกหลอนมาในนามทีมชาติอีก จังหวะจับบอลของดาวยิงลิเวอร์พูล ไม่เนียนตาหรือนิ่งเลย ทำให้การจะเล่นในช็อตถัดไปกลายเป็นเรื่องยากทั้งต่อตัวเองและเพื่อนร่วมทีมทันที
ยังไม่นับการประสานงานกับผู้เล่นเกมรุกคนอื่นๆที่ ดาร์วิน ยังดูติดๆขัดๆอีกด้วย 2เกมที่ผ่านมา ทั้งกับเกาหลีใต้ และ โปรตุเกส (เมื่อคืน) หัวหอกวัย23ปี มีโอกาสยิงรวมกันเพียงแค่2ครั้งเท่านั้น แถมยังมีส่วนร่วมกับเกมค่อนข้างน้อยอีกด้วย ผ่านบอลรวมไปเพียงแค่ 36หน
ส่วน เอดิสัน คาวานี่ แม้จะมีความพยายามที่ดีมากๆ แต่ด้วยอายุอานามทำให้เจ้าของฉายา " เอล มาทาดอร์ " ความคมไม่เหมือนเดิม และที่หนักสุดๆเห็นทีจะเป็น หลุยส์ ซัวเรซ ที่ดูจะช้าและขาดความปราดเปรียวลงไปเยอะ บางเกมแทบจะไม่วิ่งด้วยซ้ำ แถมเมื่อคืนกับ โปรตุเกส ที่ลงมาเป็นตัวสำรองก็สร้างความแตกต่างไม่ได้
ครั้นจะให้ไปพึ่ง ฟากุนโด้ เปยิสตรี้ สำรองดาวรุ่งที่ไม่ได้ลงสนามกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ดูจะเป็นเรื่องที่ยากหน่อย แนวรุกที่ติดๆขัดๆ ดูแล้วฝืดเคือง ความไม่เข้าขากัน 2เกมผ่านไปเราจึงได้เห็นผลลัพธ์ 0ประตู จาก2นัดของ อุรุกวัย นั่นเอง
- คอลัมน์นิสต์
- 229
- 29 พ.ย. 2565 14:20