บอลเอ้าท์คลาส ! บราซิล โชว์เพลงแข้ง อัดเกาหลี ยับ 4-1 เนย์มาร์ คัมแบ็ค
หลังจากส่งตัวสำรองลงในนัดส่งท้ายในรอบแบ่งกลุ่ม แล้วโดน แคเมอรูน พลิกชนะมา1-0 บราซิลก็กลับมาโชว์ฟอร์มดุสมราคาเต็งแชมป์จริงๆ เมื่อพวกเขาโชว์ชั้นบอลแบบเอ้าท์คลาส ต้อนเอาชนะเกาหลีใต้ ในรอบ16ทีมสุดท้ายไปได้ 4-1 ชนิดที่รูปเกมทีมแดนกาแฟเหนือกว่าทุกกระบวนท่า ซึ่งถ้าหากบราซิลเอง ไม่ผ่อนเกม อาจได้เห็นสกอร์ไหลมากกว่านี้ก็เป็นได้
บราซิล ทีมแชมป์กลุ่มจี ต้องมาดวลกับทีมจอมฟิตอย่าง เกาหลีใต้ ที่เอาชนะทีมยักษ์ใหญ่อย่าง โปรตุเกสได้ 2-1 ในนัดสุดท้ายรอบแบ่งกลุ่ม จนผ่านเข้ารอบ16ทีมสุดท้าย ด้วยการเป็นอันดับ2ของกลุ่ม เอช
ขุนพลแซมบ้าดูจะเป็นต่อมากๆอยู่แล้วก่อนเกมดังกล่าว ด้วยชื่อชั้นนักเตะ ทักษะความสามารถ ซึ่งรูปเกมก็ออกมาเป็นอย่างที่คาดไว้จริงๆ ขุนพล " เซเลเซา " ดาหน้าบุกตั้งแต่เสียงนกหวีดดังยำใหญ่ใส่เกาหลีใต้ จนทำอะไรไม่ถูก ตั้งตัวแย่งบอลไม่ได้
45นาทีแรกเป็นบราซิล ที่บุกเข้าใส่อย่างสนุกสนาน เต็มเปี่ยมไปด้วย คุณภาพ ทีมเวิร์ค และความสวยงาม ฉีกหนีเป็น 4-0 จากการยิงไม่ซ้ำหน้ากันของ วินิซิอุส จูเนียร์ น.7 - เนย์มาร์ (จุดโทษ) น.11 -ริชาร์ลิซอน น. 31 และ ลูคัส ปาเกต้า น.36
ครึ่งหลังบราซิลเหมือนจะผ่อนเกมลงไปมากๆ เพื่อเก็บแรงในรอบต่อไป รวมถึงบางจังหวะพวกเขาพยายามจะปั้นเพื่อนร่วมทีมอย่าง ราฟินญ่า มากเกินไป จนทำให้ชวดโอกาสประตู ถ้าดูจากรูปเกมในครึ่งหลัง ทีมแดนกาแฟ ควรที่จะมีเพิ่มอีก2เม็ดด้วยซ้ำ
ด้วยทีมของ ตีเต้ ที่ผ่อนเกมลง ทำให้ เกาหลีใต้ ที่จัดว่าเป็นทีมพลังโสม ไม่ยอมแพ้อยู่แล้ว โหมอย่างหนัก เพื่อหวังเอาประตูคืนปลอบใจแฟนบอล และก็ไล่คืนมาได้ 1-4 จริงๆ จากลูกยิงแฉลบโชคช่วยของ เพค-ซึงโฮ น.76
ทีมแชมป์โลก 5สมัย ที่ในรอบแบ่งกลุ่ม โชว์ฟอร์มได้น่าประทับใจพอสมควร แต่ติดตรงที่พวกเขา ใช้โอกาสจบสกอร์สิ้นเปลืองมากไปหน่อย ซัดไปได้แค่ 3เม็ด จาก3นัด ทั้งที่มีโอกาสลุ้นทำประตูรวมกันถึง 43 หน แต่ทว่าเมื่อคืน เหมือนจะเป็นการปลดล็อคของบราซิลได้เลยกับ4ตุงที่เกิดขึ้น
ฟอร์มของบราซิล เมื่อคืน นี่คือบราซิลที่เราคุ้นตากันดี นั่นก็คือทักษะความสามารถนักเตะอันแพรวพราว หาคนหยุดยาก ในแนวรุกก็ทั้ง เนย์มาร์ - วินิซิอุส จูเนียร์ - ราฟินญ่า หรือแข้งที่โดนปรามาส มากๆอย่าง ริชาร์ลิซอน ก็ได้ทำให้เห็นว่าตัวเองคู่ควรขนาดไหนกับการ ถูกเรียกมาร่วมทีมในบอลโลกที่กาตาร์หนนี้
ทางฝั่งของเกาหลีใต้ แม้จะแพ้ไปด้วยสกอร์ที่ขาดลอย 1-4 แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าอายสำหรับพวกเขาเลย เพราะทีมแดนกิมจิ ผ่านเข้ามาเล่นรอบ16ทีมสุดท้าย จากกลุ่มที่หินพอควรเพราะมีทั้ง โปรตุเกส -กาน่า และอุรุกวัย
ริชาร์ลิซอน ลบคำครหา ได้มาลุยบอลโลก2022
มาบอลโลก2022 ด้วยคำครหาและเต็มไปด้วยความสงสัยเหมือนกัน สำหรับดาวเตะตัวตึงอย่าง ริชาร์ลิซอน ที่ปัจจุบันมีสถานะในนามสโมสรเป็นตัวสำรองของ ท็อตแน่ม ฮ็อต สเปอร์ส เอาแค่ในพรีเมียร์ลีก10นัด ทั้งในบทบาทตัวจริงและตัวสำรอง เจ้าตัวยังไม่สามารถทำประตูได้เลย
แต่ทว่าในบอลโลกที่กาตาร์ ริชาร์ลิซอน คือ11ผู้เล่นตัวจริงของทีม ได้ออกสตาร์ทก่อน กาเบรียล เซซุส (2เกมแรก) เสียอีก แถมในเกมที่ชนะ เซอร์เบีย แข้งวัย25ปี ยังมีประตูสุดสวยกระโดดฟาดปานตระกร้อให้เห็นมาแล้ว
เกมกับเกาหลีใต้ ก็เช่นกัน ทักษะความสามารถของ ริชาร์ลิซอน ปั่นป่วนสร้างความปวดหัวให้ทีมจากเอเชียได้เป็นอย่างดี เพราะมีทั้งความเร็วความแข็งแกร่ง มีจังหวะโชว์เหนือเดาะบอลด้วยหัวเรียกจุดโทษให้กับทีมได้ จอง ยู-วอน เสียเหลี่ยมไปสกัดล้มในเขตโทษ และเป็นเนย์มาร์ ที่สังหารเข้าไปนิ่มๆ
ริชาร์ลิซอน มี1ประตู มาฝากในเกมนี้ หลังรับบอลเบิ้ลจาก กาเซมิโร่ หลุดกับดักล้ำหน้าไปยิงสวนตัวผ่าน โกลเกาหลีใต้เข้าไป และเป็นลูกที่3แล้วที่แข้งจากไก่เดือยทองทำได้ในบอลโลกหนนี้ ขึ้นนำเป็นดาวซัลโวของทีม
ในเรื่องการประสานงานกับแนวรุกคนอื่น ริชาร์ลิสัน ทำได้กลมเกลียวและเป็นเนื้อเดียวกันมากๆกับ ราฟินญ่า -เนย์มาร์ และ วินิซิอุส จูเนียร์ นอกจากนี้แล้วอดีตแข้งเอฟเวอร์ตัน ยังมีออปชั่นเสริมในเรื่องของการขยันเพรสซิ่ง ในแดนหน้า
เนย์มาร์ คัมแบ็ก / วินิซิอุส นิ่งเกินอายุ
หลังจากที่เดี้ยงไปในเกมกับ สวิตเซอร์แลนด์ คาดการกันว่าอาการของ เนย์มาร์ อาจจะหนักถึงขึ้นจะโผล่มาช่วยทีมได้อีกที ต้องรอไปจนถึงรอบ8ทีมสุดท้ายเป็นอย่างต่ำเลยทีเดียว แต่ทว่าอย่างไรก็ตามท้ายที่สุดแล้ว สตาร์จากเปแอชเช ก็ฟิตพร้อมตั้งแต่ในเกมรอบ16ทีมสุดท้ายกับเกาหลี
แม้ว่าในนามทีมชาติ เนย์มาร์ จะไม่ใช่ตัวโชว์ตัวจี๊ดจ๊าดของทีมแล้ว เพราะด้วยบทบาทการเล่นคล้ายๆเพลย์เมคเกอร์ และขยับเข้าตรงกลางมากขึ้น การโชว์ลีลากระชากลากเลื้อย จึงตกเป็นของผู้เล่นตำแหน่งริมเส้นวัยละอ่อนอย่าง วินิซิอุส จูเนียร์ หรือไม่ก็ ราฟินญ่า มากกว่า
เกมนี้เนย์มาร์ ทำไปได้1ประตู จากจุดโทษจังหวะยิงดึงเชิงสุดเหนือ และมี1แอสซิสต์ กับลูกยิงเบิกร่อง 1-0 ของ วินิซิอุส ก่อนที่เนย์มาร์ จะมาแผ่วหรือดร็อปไปในช่วงครึ่งหลัง ด้วยรูปเกมที่นำอยู่และ ถูกเปลี่ยนตัวออกไปพัก น.80 ให้ โรดรีโก้ ลงมาเล่นแทน
อีกคนในแนวรุกที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยเมื่อคืนนั่นก็คือ วินิซิอุส จูเนียร์ ประตูแรกที่เจ้าหนูจากราชันชุดขาวทำได้ ต้องบอกเลยว่านิ่งเกินเด็กอายุ 22ปีจริงๆ ดึงรอหนึ่งจังหวะ ชะงักผู้เล่นเกาหลีใต้ที่กำลังเข้ามาบล็อค ยิงบอลสวนทางหนีบล็อคเข้าไป
นอกจากนี้ วินิซิอุส ยังมีแอสซิสต์ หยอดบอลมาให้น้ำหนักเท้าชั่งทอง ลูคัส ปาเกต้า ซัดเข้าไป ความมั่นใจและทักษะในการเล่นเลี้ยงบอลที่ติดเท้า เป็นอาวุธที่แสนอันตรายของริมเส้นทางฝั่งซ้ายของบราซิล
เกมกับแคเมอรูน ที่เป็น กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ ทำหน้าที่แทน แม้ดาวเตะจากอาร์เซน่อล จะไม่ทำผลงานได้แย่อะไร มีจังหวะซัดประตูหลายครั้ง แต่เมื่อเทียบกับประสิทธิภาพที่หวังผลได้ ก็ยังห่างกับ วินิซิอุส อยู่ระดับหนึ่งเหมือนกัน
ติอาโก้ ซิลวา ขิงแก่ที่แข็งแกร่ง
เซลซี ที่ฟอร์มตกไปสุดในฤดูกาล 2022-2023 ติอาโก้ ซิลวา น่าจะเป็นผู้เล่นเพียงไม่กี่คนที่โชว์ฟอร์มได้ดี และการมาลุยบอลโลกที่กาตาร์ ในวัย38ปี นั่นไม่ใช่อุปสรรคอะไรสำหรับเจ้าตัวเลย เพราะแทบจะการันตีตั้งแต่ก่อนทัวน์นาเม้นต์แล้วว่า เซ็นเตอร์จากสิงห์บูลส์จะได้เป็น11ตัวจริง
โดย2เกมแรกกับ เซอร์เบีย (2-0) และ สวิตเซอร์แลนด์ (1-0) ติอาโก้ ซิลวา ผนึกกำลังกับ มาร์ควินญอส ช่วยให้บราซิล ไม่โดนลูกยิงเข้ากรอบสร้างความอันตรายให้ อลิสซง เบ็คเกอร์ เลยแม้แต่ครั้งเดียว
รอบ16ทีมกับเกาหลีใต้ เมื่อคืน เรียกได้ว่าเป็นงานขนมกรุบของเซ็นเตอร์วัยเก๋ารายนี้เลยก็ว่าได้ เพราะแนวรุกของทีมโสมขาว นอกจาก ซน ฮึง-มิน แล้ว รายอื่นๆก็ถือว่ายังด้อยประสบการณ์ในเวทีใหญ่ๆ
ติอาโก้ ซิลวา โชว์ความเก๋า ความนิ่ง เหลี่ยมบอลที่ดี เก็บกินจังหวะสำคัญๆได้หมด มิหนำซ้ำยังเติมสูงขึ้นไปทำแอสซิสต์ให้ ริชาร์ซอน กับประตู 3-0ได้ด้วย สถิติหลังเกมของเจ้าตัวก็ออกมาเยี่ยมด้วยเช่นกันไม่ว่าจะเป็น
ผ่านบอลแม่นยำ 94% / วางบอลยาว9ครั้ง / ผ่านบอลเข้าพื้นที่สุดท้าย3ครั้ง / ชนะการดวล3ครั้ง /ตัดบอล 2ครั้ง / แย่งบอลกลับคืนมาได้ 2 ครั้ง / แถมยังไม่มีจังหวะทำฟาวล์และปล่อยให้คู่แข่งเลี้ยงบอลผ่านได้เลยแม้แต่หนเดียว
นอกจากนี้แล้ว ติอาโก้ ซิลวา ยังทำสถิติเป็นผู้เล่นที่อายุมากที่สุดอันดับ2ที่ทำแอสซิสต์ในฟุตบอลโลกได้ ในวัย38ปี74วัน ส่วนอันดับหนึ่งสถิติเดิมของ โรเจอร์ มิลล่า ของทีมชาติแคเมอรูน ที่ทำไว้ในปี 1990ในวัย 38ปี 42วัน
สปิริตแซมบ้า มา26คน ได้ลงครบ26คน
สิ่งหนึ่งที่เราได้เห็นมากจริงๆกับทีมชาติบราซิลชุดนี้คือสปิริตและความกลมเกลียว เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันมาตั้งแต่ก่อนทัวน์นาเม้นต์ รวมไปจนถึงต้องไม่ลืมว่า ตีเต้ อยู่ดูแลคุมบังเหียนทัพแซมบ้า มาตั้งแต่ปี 2016 แล้ว เรื่องเข้าขารู้ใจนักเตะไม่ต้องพูดถึงเลย
ก่อนเกมรอบ16ทีมสุดท้ายจะเริ่มขึ้น บราซิล ใช้ผู้เล่นไปแล้วถึง25คน จากที่เรียกมาเต็มโควตา 26คน ซึ่งผู้เล่นเพียงรายเดียวที่ยังไม่ได้ลงไปสัมผัสสนามกับบอลโลกฉบับกาตาร์นี้ นั่นก็คือ แวแวร์ตอน นายด่านจากสโมสร พัลไมรัส
อย่างไรก็ตามท้ายที่สุดแล้ว แวแวร์ตอน ก็เป็นผู้เล่นคนสุดท้ายของทัพแซมบ้าชุดนี้ ถูกส่งลงสนาม เมื่อ ตีเต้ เปลี่ยนเจ้าตัวลงไปเฝ้าเสาแทน อลิสซง เบ็คเกอร์ น.80 ซึ่งนั่นทำให้บราซิล กลายเป็นทีมแรกในประวัติศาสตร์ ที่ส่งนักเตะลงสนามครบทุกคนในฟุตบอลโลก
สปิริตอีกหนึ่งอย่างของทีมชาติบราซิลชุดนี้นั่นก็คือ แม้จะดูเป็นเรื่องที่เล็กน้อย นั่นก็คือการเฉลิมฉลองประตู เรื่องนักเตะภายในทีมเต้นถือว่าเป็นของปรกติอยู่แล้ว แต่ในเกมกับเกาหลีใต้ ตีเต้ ในวัย61ปี ก็เกิดนึกสนุกครึกครื้น ออกมาแด๊นซ์ ลืมวัยฉลองประตูกับลูกทีมซะงั้น
อย่างไรก็ตามช่วงครึ่งหลัง บราซิล ที่เริ่มผ่อนเกม เร่งน้อยลง พวกเขาน่าจะยิงเพิ่มได้อีก1-2ประตูด้วยซ้ำ แต่ทว่าเพื่อนร่วมทีมเหมือนพยายามจะปั้น ราฟินญ่า ที่ยังประเดิมเม็ดแรกไม่ได้ มากเกินไปหน่อย จนทำให้พลาดโอกาสดีๆที่จะยิงเพิ่มไปหลายครั้ง
โสมเกาหลีสู้สุดใจแล้ว / ทีมเอเชียตกรอบเกลี้ยง
การที่เล่นรอบ16ทีมสุดท้าย และโดนคู่แข่งกระซวกไส้แตก ขึ้นนำไปถึง 4-0 ในเวลาเพียงแค่36นาที ยิ่งทีมที่ว่าคือเต็ง1แชมป์โลก นั่นเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากเหลือเกิน ที่จะกลับเข้ามาสู่เกมได้ หรือสถานการณ์ ณ ตอนนั้นแทบไม่มีมุมให้หวังพลิกล็อคเลย
สิ่งที่นักเตะพลังโสมขาว เป็นรองทีมแซมบ้า เป็นอย่างมากนั่นก็คือ ทักษะความสามารถความคล่องตัวของนักเตะ เมื่อคืนช่วง45นาทีแรก ลูกทีมของ เปาโล เบนโต้ แทบจะแย่งบอลกลับมาไม่ได้เลย เมื่อบราซิลครองบอล
โดยจังหวะส่วนใหญ่พวกเขาจะได้บอลเมื่อนักเตะบราซิลจ่ายบอลเสียเองมากกว่า แต่ทว่าอย่างไรก็ตามใน45นาทีหลัง ด้วยความที่ทีมแชมป์โลก5สมัย ผ่อนเกมเพื่อถนอมตัว ทำให้เกาหลีใต้ ได้พยายามสร้างเกมบุกเต็มที่ แต่ก็โดนความเหนียวหนึบของ อลิสซง หยุดไว้ได้
จนแล้วจนรอดโสมขาว ก็มาได้ประตูตีไข่แตก1-4 ในที่สุดจากลูกยิงแฉลบของ เพค-ซึงโฮ น.76 โอเค แม้ลึกๆนักเตะเกาหลีจะรู้ตัวว่าพวกเขาตกรอบไปแล้วแน่ๆ แต่ทว่าก็พยายามสู้เพื่อแฟนบอล เพื่อศักดิ์ศรี เอาประตูปลอบใจกลับมาให้ได้
ความปราชัยในนัดนี้ ทำให้เกาหลีใต้ มีสถิติที่ไม่ค่อยโสภานักในการเจอกับบราซิล 8นัด ซึ่ง7นัดลงเอยด้วยความพ่ายแพ้ พวกเขาเอาชนะทีมแดนกาแฟได้แค่นัดเดียว ในเกมอุ่นเครื่องปี 1999 (ชนะ1-0)
ส่วนหลังรอบ16ทีมสุดท้ายเสร็จสิ้น 3ทีมจากเอเชีย ที่ผ่านเข้ามาอย่าง ญี่ปุ่น (แพ้จุดโทษโครเอเชีย 1-3) ออสเตรเลีย (แพ้ อาร์เจนติน่า 1-2) รวมถึง เกาหลีใต้ ก็ตกรอบกันหมดแล้ว นั่นเท่ากับนับตั้งแต่ปี 2002 เป็นต้นมา ไม่เคยมีทีมไหนจากเอเชีย ที่ไปได้ไกลถึงรอบ8ทีมเลย
- คอลัมน์นิสต์
- 271
- 06 ธ.ค. 2565 15:41