สบายตัว ! คุยหลังเกมหงส์ถลกหนังหัวหมาป่า 4-0
เรียกได้ว่างานง่ายสบายตัวกว่าที่คิดสำหรับการฟาด3แต้มของลิเวอร์พูล หลังเปิดสนามแอนฟิลด์ถลกหนังหัวผู้มาเยือน วูลฟ์แฮมป์ตัน วันเดอเรอร์ส แบบไม่ระบมหัวแม่เท้า4-0 แก้ตัวจากนัดที่แล้วที่ดวงแตกเสมอกับไบร์ทตัน1-1เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาจากVARเจ้ากรรมทำพิษ
โมฮาเหม็ด ซาลาห์ – จอร์จินโย่ ไวจ์นัลดุม – โจแอล มาติป ดาหน้าใส่สกอร์บอร์ดให้ทีมหงส์แดง ก่อนปิดท้ายด้วยลูกส้มหล่นสงเคราะห์ทำเข้าประตูตัวเองของ เนลสัน เซเมโด้ การฟาด3คะแนนดังกล่าวของทีมเครื่องจักรสีแดง ส่งผลให้พวกเขามี24แต้มเท่ากับสเปอร์สทีมจ่าฝูง แต่ทว่ายังเป็นรองที่ลูกได้เสีย
แม้ว่าคีย์แมนคนสำคัญในทีมตอนนี้อย่าง อลิสซง เบคเกอร์ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ที่เจ็บหนัก ผลงานที่ผ่านมาของลิเวอร์พูลก็ไม่ได้ตกลงอย่างน่าเกลียดแต่อย่างใด การขาดปราการหลังชาวดัตช์ทำให้หงส์แดงเล่นเกมรับด้วยความละเอียดรอบครอบระมัดระวังกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ แถมนายด่านโกลดาวรุ่งอย่าง ควีวิน เคลเลเฮอร์ ก็โชว์ฟอร์มได้ค่อนข้างหนึบ ไว้ใจได้กว่าอาเดรียนเสียอีก
ด้านทีมหมาป่าผู้มาเยือนกุนซืออย่าง นูโน่ เอสปิริโต้ ก็คงจะต้องทำการบ้านกองเท่าหัว หลังจากดาวยิงคนสำคัญของทีมอย่าง ราอูล ฮิมิเนซ ได้รับบาดเจ็บทางศรีษะและทำท่าว่าจะต้องพักยาว(จากเกมกับอาร์เซน่อล) ส่งผลให้การเชื่อมบอลต่อบอลในพื้นที่อันตรายสุดท้ายขาดหายไม่สมูทไปเลยทันที ครั้นจะใช้หอกดาวรุ่งวัย18ปี ฟาบิโอ ซิลวา ก็ยังคงดิบเกินไปสำหรับเวทีสมรภูมิที่เชี่ยวกราก หรือการโยกตัดต่อพันธุกรรมให้ ดาเนี่ยล โพแดนซ์ มายืนเป็นหอกตัวตัวเป้าก็ดูจะไม่เวิร์คเท่าที่ควร
สลัดความกดดัน
ก่อนเกมเมื่อคืนลิเวอร์พูลถือว่ามีความกดดันอยู่เล็กน้อย เพราะคู่แข่งลุ้นแชมป์อันดับเบียดกันอย่าง สเปอร์ส เซลซี ต่างคว้า3แต้มกวาดชัยชนะได้ทั้งหมด ประกอบกับผลการแข่งขันเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาสะดุดเสมอไบร์ทตันอย่างน่าเจ็บใจ1-1 น่าจะทำให้หงส์แดงมีระแวงกับความเพี้ยนของ VAR อยู่ไม่น้อย
แต่ทว่า90นาทีเมื่อคืน กลายเป็นงานง่ายราบรื่นกว่าที่คิด อาจเพราะด้วยการเล่นที่ผิดพลาดของวูลฟ์ด้วยส่วนหนึ่ง แต่ก็ต้องไม่ลืมให้เครดิตกับ แรงกระหายของลิเวอร์พูลด้วย ที่อยากพิสูจน์ตัวเองตอบสนองต่อความผิดหวังจากผลการแข่งขันนัดก่อนหน้า แปรเปลี่ยนมาเป็นพลังทำลายตาข่ายคู่แข่ง ไม่มีการผ่อนเกมเมื่อออกนำ มิหนำซ้ำยังจู่โจมหมายเอาประตูต่อๆไป เหมือนฉลามได้กลิ่นคาวเลือดของเหยื่อ
แม้ว่าจะมีปัญหาผู้เล่นคีย์แมนคนสำคัญในแต่ละตำแหน่ง ทยอยเดี้ยงสลับกันบาดเจ็บ แต่ลิเวอร์พูล ภายใต้มันสมองของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็ยังคงเป็นทีมแต้มเท่าจ่าฝูงอย่างสเปอร์ส(เป็นรองเพียงแค่ลูกได้เสียเท่านั้น) เหลือบไปดูโปรแกรมนัดต่อไป ที่ต้องออกไปเยือนน้องใหม่ฟูแล่ม น่าจะเป็นอีกเกมที่พลพรรคหงส์แดงกวาด3แต้มได้นิ่มๆอีกนัด
เทรนด์คัมแบ็ก
หลังจากใช้เวลาไปร่วม1เดือนกับการรักษาอาการบาดเจ็บ เทรนด์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ก็สลัดอาการเดี้ยงดังกล่าว กลับมาวาดลวดลายให้แฟนบอลได้เห็นอีกครั้ง หลังถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรอง น.68 แทนที่เจ้าหนู เนโก วิลเลี่ยมส์
ช่วงที่เทรนด์หายหน้าหายตาไปไม่ได้ลงสนาม เนโก วิลเลี่ยมส์ ก็ทำผลงานได้ไม่ได้ย่ำแย่อะไรมาก ภาพรวมถือว่าอยู่ในเกณฑ์น่าประทับใจ แต่ก็ยังมีหลายจุดที่ต้องแก้ไข ทั้งในเรื่องของการตัดสินใจจังหวะสำคัญๆ รวมถึงการเข้าบอลที่ต้องละเอียดเนี๊ยบกว่านี้อีกมากโข
TAA ใช้เวลาไม่กี่นาทีที่มีโอกาสในสนาม แต่ทว่าเจ้าตัวยังมีพิษสงรอบด้าน เมื่อได้แสดงเครื่องหมายการค้าด้วยการเปิดครอสบอลจากด้านข้างกดดันแนวรับผู้มาเยือน จนนำไปสู่ประตูตอกฝาโรง4-0
นาบิ เกอิต้า กลับมามีชื่อบนม้านั่งสำรองหลังจากเดี้ยงหายจากทีมไปนาน ส่วน ติอาโก้ อัลกันตาร่า รวมถึง อเล็กซ์ อ็อกซ์เลด – แชมเบอร์เลน ก็มีสัญญาณที่ดีในการพร้อมสลัดเดี้ยงกลับมาคืนสนามอีกครั้ง ขุมกำลังในเชิงลึกที่ค่อยๆทยอยกลับมาสู่ทีม สิ่งนี้ น่าจะทำให้ เจอร์เก้น คล็อปป์ พอเบาใจและโรเตชั่นนักเตะได้ในช่วงโปรแกรมถี่ยิบคริสต์มาสที่จะถึงได้
ค่ำคืนอันฝันร้ายของ คอนเนอร์ โคดี้
ในฤดูกาลนี้กองหลังกัปตันทีมหมาป่ามีช่วงเวลาที่น่าประทับใจทั้งในนามทีมชาติและสโมสร แต่ค่ำคืนที่แอนฟิลด์วันนี้น่าจะเป็นช่วงเวลาที่เจ้าตัวไม่อยากจดจำมันเอาเสียเลย โคดี้ ทำพลาดมหันต์ในลูกแรกหลังพยายามหยุดลูกวางยาวของ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน แต่ทว่าด้วยความประสงค์ดีดังกล่าวของเจ้าตัวกลับกลายเป็นผลร้าย เมื่อบอลที่โคดี้พยายามพัก บอลด้วยหน้าอก แต่กลับกลายเป็นกระฉอกเข้าทางหลุดไปให้ โม ซาลาห์ ซัดประตูออกนำ1-0
จังหวะโดนนำ2-0 คอนเนอร์ โคดี้ ก็มีส่วนรับผิดชอบเหมือนกันเมื่อยืนประกบ ไวจ์นัลดุม ห่างเกินไป จนกลายเป็นเปิดโอกาสให้มิดฟิลด์ชาวดัตช์ได้ตั้งป้อมยิงอย่างถนัดถนี่
แถมเซ็นเตอร์ฮาร์ฟวัย27ปี ยังมีฉากตบตารางวัลออสการ์อีกด้วย เมื่อเจ้าตัวพุ่งล้มในกรอบเขตโทษ ทำเสมือนโดน ซาดิโอ มาเน่ หวดเข้าอย่างจัง ผู้ตัดสินพ่นลมนกหวีดให้จุดโทษในทันที แต่ทว่าเมื่อเช็คVARแล้ว เคร็ก พอว์สัน ก็เปลี่ยนคำตัดสินไม่ให้เป็นจุดโทษ เพราะมองว่าเป็นการพุ่งล้มแทน แถมถือว่าเป็นโชคดีด้วยซ้ำที่ไม่โดนใบเหลือง แอนฟิลด์คงไม่ใช่สถานที่ที่ โคดี้ อยากจดจำอะไรมากสักเท่าไหร่นักสำหรับแมตช์เมื่อคืน
ควีวิน เคลเลเฮอร์ นายด่านวัยละอ่อนอนาคตไกล
โกลละอ่อนวัย22ปี ได้รับโอกาสลงเฝ้าเสาแทน อลิสซง เบ็คเกอร์ ที่มีอาการบาดเจ็บ เกมเมื่อคืนเคลเลเฮอร์ แทบไม่ได้แสดงความผิดพลาดอะไรออกมาเลย แถมยังมีช็อตเซฟสวยๆมาฝากอีกด้วย เป็นอีกนัดรักษาฟอร์มหนึบได้อย่างต่อเนื่องตั้งแต่เกมกลางสัปดาห์ในเวที แชมเปี้ยนส์ลีก กับอาแจ๊กซ์
แม้ว่าในเกมกับวูลฟ์ นายด่านชาวไอริช จะไม่ได้มีช็อตเซฟมหัศจจรย์อะไรมากมาย แต่ก็ต้องยืนชมซูฮกยกนิ้วโป้งให้กับการยืนตำแหน่งที่ดี รวมถึงการออกมาคว้าลูกโยนครอสจากด้านข้างอันตรายๆของทีมเยือนได้หลายหน
ความผิดพลาดแบบหมูหกของอาเดรียนหลายครั้งในฤดูกาลนี้ พอนำมาเปรียบเทียบกับ ควีวิน เคลเลเฮอร์ ก็จะเห็นได้ชัดเจนว่าโกลรุ่นน้องมีผลงานที่น่าไว้วางใจกว่าอย่างชัดเจน แม้พึ่งจะได้รับโอกาสลงเฝ้าเสาแค่2นัดก็ตาม แต่2นัดดังกล่าวก็ลงเอยด้วยการเก็บคลีนชีท ตำแหน่งโกลมือสองของทีม เคลเลเฮอร์ ก็ดูมีภาษีที่ดีกว่าอาเดรียนในสายตาของกุนซืออย่างคล็อปป์เสียแล้ว
- คอลัมน์นิสต์
- ข่าวบอลนอก คอลัมน์ลิเวอร์พูล คอลัมน์นิสต์
- 408
- 07 ธ.ค. 2563 13:29