เจ้าสัวสู้ขาดใจ ! คุยหลังเกมฟูแล่มเจ๊าแบ่งแต้มหงส์1-1
เป็นสัปดาห์ที่เหล่าบรรดาทีมบิ๊ก6 ทำแต้มกันหล่นหมดเลย สำหรับพรีเมียร์ลีกนัดที่12ของฤดูกาล ทั้ง สเปอร์ส อาร์เซน่อล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เซลซี รวมถึงล่าสุดอย่างลิเวอร์พูล ที่ทำได้เพียงแค่บุกไปแบ่งแต้มกับทีมน้องใหม่ในโซนตกชั้นอย่างฟูแล่ม แบบสะบักสะบอม1-1 พลาดโอกาสขึ้นนำจ่าฝูงแบบเดี่ยวๆอย่างน่าเสียดาย ทั้งที่คู่แข่งสำคัญคั่วแชมป์อย่างทีมไก่เดือยทอง ที่ลงเล่นไปก่อนก็ทำได้แค่เสมอกับพาเลซ1-1
ก่อนเกมกูรูลูกหนังนักวิเคราะห์หลายๆสำนัก ก็เทน้ำหนักไปในทิศทางเดียวกันว่า ทีมหงส์แดง น่าจะกินนิ่มบุกมาควัก3แต้มจากรังกระท่อมน้อยได้ไม่ยาก แต่ทว่า90นาทีที่ คราเวน คอทเท็จ ทีมรองบ่อนอย่างเจ้าบ้านสวมวิญญาณนักสู้ วิ่งในทุกๆจังหวะ แบ่งแต้มกับลิเวอร์พูลได้สำเร็จ
โดยขึ้นนำไปก่อนด้วยซ้ำจาก บ็อบบี้ รีด น.25 แต่ทว่าความเฟอะฟะไม่ละเอียดของ อาบูบาการ์ กามาร่า ทำแฮนด์บอลเสียจุดโทษ แล้ว โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ก็สังหารไปไม่เหลือ น.79
นอกจากการชวด3คะแนนสำคัญแล้ว สิ่งหนึ่งที่ทำให้ เจอร์เก้น คล็อปป์ ปวดหัวอยู่ไม่น้อยสำหรับลิสต์รายชื่อแข้งนักเตะที่ต้องนอนโรงหมอเพิ่มขึ้นมาอีก
ล่าสุดเป็น โจแอล มาติป ที่เจ็บจนต้องเปลี่ยนตัวออกหลังจบ45นาทีแรก และยังไม่มีรายงานความคืบหน้าแต่อย่างไร รวมไปถึง ดิโอโก้ โชต้า ที่เดี้ยงมาจากเกมแชมเปี้ยนส์ลีก และมีรายงานเข้ามาว่าแข้งโปรตุเกสต้องพักยาวราวๆ 6-8สัปดาห์เลยทีเดียว
1แต้มกับลิเวอร์พูลของลูกทีม สก็อต พาร์คเกอร์ น่าจะทำให้ฟูแล่มมีกำลังใจในการดิ้นรนหนีตกชั้นอยู่ไม่น้อย 6นัดหลังสุดเก็บได้ถึง7แต้ม ทั้งที่ช่วงเปิดฤดูกาล6นัดแรก เก็บได้เพียงแค่แต้มเดียว จนปัจจุบันขยับขึ้นมาอยู่ที่อันดับ18 ตามหลังทีมโซนปลอดภัยอันดับ17อย่างเบิร์นลี่ย์เพียงแค่1คะแนน
45นาทีแรกอันมหัศจรรย์ของฟูแล่ม
ถ้าหากมีวิญญาณเพชฌาตที่คมกริบกว่านี้ ลูกทีมของ สก็อต พาร์คเกอร์ น่าจะยิงผู้มาเยือนอย่างลิเวอร์พูลได้มากกว่า1ประตู และสมควรเดินออกจากสนามเป็นผู้ชนะด้วยซ้ำ ช่วง45นาทีแรก ผู้เล่มทีมเจ้าสัวน้อยทำในสิ่งที่ค่อนข้างเหนือความคาดหมายนั่นคือวิ่งไล่ฟัดบอลจากหงส์แดงอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย และมันคล้ายๆกับแท็กติกที่ แอสตัน วิลล่า ใช้ในเกมที่ถลุงทีมเครื่องจักรสีแดงยับ7-2
นักเตะทุกคนของเจ้าบ้านวิ่งสู้ฟัดกัดไม่ปล่อย ไม่มีช่องว่างให้ลิเวอร์พูลได้หายใจหายคอเล่นบอลง่ายๆ เลย กดแบ็กจอมบุกอย่าง แอนดรู โรเบิร์ตสัน และ เทรนด์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ แทบไมได้เติมเกมบุกเลย กว่าผู้มาเยือนจะได้โอกาสยิงครั้งแรกในเกมต้องรอถึงนาทีที่40เลยทีเดียว
โดยเฉพาะสองผึ้งงานในแดนกลาง อย่าง มาริโอ เลิอมิน่า และ อังเดร-ฟร้องค์ ซัมโบ อองกิสซ่า ที่ทำหน้าที่ผึ้งงานคอยปัดกวาดเช็ดถู สกรีนบอลก่อนที่จะผ่านไปถึงเขตพื้นที่อันตรายได้อย่างไร้ที่ติ
รวมถึงการมาคอยป่วย โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ ที่พยายามลงต่ำมาเล่นบอลเองไม่ให้เล่นได้อย่างถนัดถนี่ การมาสกัดรบกวนสมาธิการเล่นของดาวเตะชาวบราซิล ที่เป็นเหมือนจุดศูนย์กลางในการเล่นขึ้นเกมบุกของหงส์แดงในนัดนี้ คือสิ่งที่สองมิดฟิลด์ชาวกาบองและแคเมอรูนทำได้อย่างน่ากระแทกฝ่ามือให้
ลิสต์แข้งหงส์เดี้ยงยาวเป็นหางว่าว
นอกจากจะชวดการคว้า3แต้มอย่างน่าเสียดายแล้ว ปัญหาที่ยังตามหลอกหลอนลิเวอร์พูลอย่างไม่หยุดหย่อนในซีซั่นนี้ก็คือลิสต์รายชื่อแข้งที่ได้รับบาดเจ็บอย่างต่อเนื่อง ก่อนเกมคล็อปป์ได้ออกมายืนยันว่า 2นักเตะหน้าใหม่ของทีมอย่าง ดิโอโก้ โชต้า และ คอสตาส ซิมิคาส มีอาการบาดเจ็บและต้องพักรักษาตัว
มิหนำซ้ำในช่วงเริ่มเกม45นาทีหลัง เซ็นเตอร์ฮาร์ฟอย่าง โจแอล มาติป ก็ต้องมีอันล้มหมอนนอนเสื่อไปอีกราย ทำให้ ทาคุมิ มินามิโนะ ถูกส่งลงสนามมาแทน แล้วขยับกัปตันทีมอย่าง จอร์แดน เฮนเดอร์สัน มาเล่นขัดตราทัพในตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาร์ฟแทน
นั่นเท่ากับว่าเซ็นเตอร์ฮาร์ฟโดยธรรมชาติตัวหลักของทีมหงส์แดง เดี้ยงไปแล้วถึง3คนทั้ง เฟอร์จิล ฟาน ไคด์ โจ โกเมซ และโจแอล มาติป การใช้ผู้เล่นดาวรุ่งเด็กปั้นของสโมสรขึ้นมาเล่นก็เป็นเรื่องที่ค่อนข้างเสี่ยงพอสมควร ตลาดนักเตะหน้าหนาวที่จะถึงนี้ กุนซือชาวเยอรมัน จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องกระโจนเข้าช็อปปิ้งหาปราการหลังตัวกลางมาอุดรอยรั่วความไม่มีเสถียรตรงนี้ให้ได้
พี่หมีคัมแบ็กโคตรเหนียว
ก่อนเกมถือว่าเซอร์ไพรส์สาวก เดอะ ค็อป ไม่น้อยเมื่อนายด่านมือ1ของทีมอย่าง อลิสซง เบ็คเกอร์ คัมแบ็กกลับมาเฝ้าเสาให้ทีมได้สำเร็จ หลังก่อนหน้านั้นยังมีอาการบาดเจ็บอยู่ การกลับมาครั้งนี้ของจอมหนึบชาวบราซิล ก็ไม่ได้ทำให้แฟนบอลผิดหวังเลย
ว่ากันว่าหากไม่มี อลิสซง นัดนี้ทีมหงส์แดงอาจตามหลังฟูแล่มมากกว่า 1-0 ด้วยซ้ำเมื่อจบ45นาทีแรก ทั้งเกมอดีตนายด่านโรม่า เซฟลูกยิงเข้ากรอบของแข้งทีมเจ้าสัวน้อยได้ถึง5ครั้ง โดยเฉพาะช็อตสต็อปเปอร์ลูกยิงของ อีวาน คาวาเลยโร่ 2ครั้ง รวมถึงปฎิกริยาอันสุดยอดป้องกันลูกจ่อๆของ โทซิน อดาราบิโอโย่ ได้อย่างน่าเหลือเชื่อแม้จะถูกเป่าภายหลังว่าเป็นจังหวะล้ำหน้าก็ตาม
ปฎิกริยาอันรวดเร็ว รวมถึงการยืนตำแหน่งที่ดีเลิศของ อลิสซง ทำให้ลิเวอร์พูล ไม่เพี้ยงพล้ำไปกว่านี้ และยังรักษาโมเมนต์ตัมไม่ให้สกอร์ฉีกเป็น2-0 จนหงส์แดงกลับมาสู่เกมได้ แมน ออฟ เดอะ แมตช์ หรือชายแห่งเกมของทีมเครื่องจักรสีแดงต้องยกให้ อลิสซง แบบไม่มีใครค้านได้เลย 1คะแนนสำคัญออกจากรังกระท่อมน้อย ต้องให้เครดิตเจ้าตัวไปเลยเต็มๆ
เคอร์ติส โจนส์ เริ่มเฉิดฉาย
เป็นหนึ่งในผู้เล่นไม่กี่คนที่โชว์ฟอร์มได้น่าประทับใจของทีมหงส์แดง แม้ว่าช่วงแรกที่ถูกดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ เคอร์ติส โจนส์ จะมีจังหวะการเล่นที่เห็นแล้วน่าหงุดหงิดอยู่ไม่น้อย ทั้งการติดแอค พยายามพาบอลไปกับตัวเองมากเกินไป ลูกที่ควรจะจ่ายกลับยิง ลูกที่ควรยิงกลับจ่าย
แต่ในเกมนัดนี้โจนส์ โชว์ฟอร์มได้น่าประทับใจและพัฒนาไปอีกขั้นหนึ่ง ความแข็งแกร่ง ความมุ่งมั่น พละกำลังอันเปี่ยมล้น และมีบทบาทในเกมรุกมากขึ้น เมื่อ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ถูกดึงต่ำไปเล่นเป็นเซ็นเตอร์ฮาร์ฟ จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม ก็เล่นต่ำเหมือนเป็นมิดฟิลด์ตัวสุดท้าย ครั้นจะให้หวังพึ่งเกมบุกจาก ทาคุมิ มินามิโนะ ก็คงจะไม่ไหว
นัดนี้กองกลางวัย19ปี เกือบสร้างช็อตมหัศจรรย์ด้วยซ้ำเมื่อเลี้ยงฝ่าวงล้อมนักเตะฟูแล่มถึง3คน แต่ทว่ากลับยิงไปติดเซฟของ อัลฟ็องเซ่ อเรโอล่า อย่างน่าเสียดาย การผ่านบอลโจนส์ทำได้ยอดเยี่ยมมากๆ เพราะมีเปอร์เซ็นต์ผ่านเข้าเป้าสูงถึง 95 % เลี้ยงบอลผ่านสำเร็จถึง3ครั้ง ในทีมมีเพียงแค่ ซาดิโอ มาเน่ ที่ทำได้ดีกว่า(4ครั้ง)
ลุคแมน ขอแก้ตัว
ภาพยิงจุดโทษแบบปาเนก้าพลาดแบบน่าเขกกะโหลก ในเกมเจอเวสต์แฮม น่าจะตามมาหลอกหลอน อดาม่า ลุคแมน อยู่ไม่น้อย แต่ทว่าหลังจากนั้นดาวเตะความเร็วสูงวัย23ปี ค่อยๆปรับจูนวิธีการเล่นของตัวเองให้มีประโยชน์ดีขึ้นอยู่เรื่อยๆ จังหวะแอสซิสต์ให้ บ็อบบี้ รีด กดประตูขึ้นนำ1-0 ต้องให้เครดิตเจ้าตัวด้วยที่จ่ายเพื่อระยะอย่างเหมาะเหม่งให้เพื่อนร่วมทีมได้ตะบันถนัดๆ
ความเร็วและความคล่องของลุคแมน คุกคามทำให้แนวรับของผู้มาเยือนปวดหัวอยู่ไม่น้อย ตลอด90นาทีเมื่อคืน อดีตแข้งเอฟเวอรตัน วิ่งขยันอย่างไม่หยุดหย่อนช่วยทั้งเกมรับและรุก หากทีมเจ้าสัวน้อยไม่อยากตกชั้นชั้นลงไปเล่น เดอะแชมเปี้ยนชิพอีกรอบ ความวูบวาบอันตรายของลุคแมนน่าจะช่วยได้ไม่น้อย
2ประตู 2 แอสซิสต์ กับ12 นัดในพรีเมียร์ลีก ถือว่าเป็นการเริ่มต้นได้ไม่เลวเลยทีเดียว สำหรับ อดาม่า ลุคแมน
- คอลัมน์นิสต์
- 305
- 14 ธ.ค. 2563 16:19