5นักเตะเรือใบ โคตรไม่คุ้ม ยุคท่านชีค
กว่าจะมาถึงวันนี้ได้ เรียกว่าลองผิดลองถูกกันมาเยอะพอสมควรสำหรับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในยุคตกถังน้ำมันจากกลุ่มทุน อาบูดาบี สหรัฐ อาหรับ เอมิเรต ที่เข้ามาเนรมิตทีมเรือใบสีฟ้า ด้วยจำนวนเม็ดเงินมหาศาล เมื่อปี2008
ท่าน ชีค มานซูร์ ชื่อนี้คือบุคคลที่เข้ามาเปลี่ยนประวัติศาสตร์ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ อย่างแท้จริง จากทีมที่ขึ้นๆลงๆ พรีเมียร์ลีก กับ เดอะ แชมเปี้ยนส์ชิพ กลายมาเป็นหนึ่งในมหาอำนาจของวงการลูกหนังฟุตบอลอังกฤษในปัจจุบัน ทีมผู้พังทลายคำว่าท็อปโฟร์ ให้กลายเป็นบิ๊กซิกซ์
เปลี่ยนจากทีมที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขนานนามปรามาสว่าเป็นเพื่อนบ้านผู้น่ารำคาญ เป็นทีมที่คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกมากกว่าพวกเขาเองเมื่อ10ปีหลังสุด ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่านับตั้งแต่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน วางมือจากอ่างทองคำเมื่อปี 2013 ทีมปีศาจแเดงไม่เคยจบอันดับในพรีเมียร์ลีก เหนือกว่าทีมเรือใบอีกเลย
เงินที่ว่าซื้อความสำเร็จไม่ได้ แต่ทว่าในวงการฟุตบอลแล้ว เงินซื้อความสะดวกสบาย ซื้อผู้เล่นที่มีคุณภาพได้ เราจึงได้เห็นนักเตะระดับท็อปหลายรายตบเท้าเข้ามายังถิ่น เอติฮัด สเตเดี้ยม แถมยังจากไปพร้อมกับการเป็นตำนานสโมสรทั้ง แว็งซอง กองปานี - ดาบิด ซิลบา - ยาย่า ตูเร่ รวมไปจนถึง เซร์คิโอ อเกวโร่ กุน นี่ยังไม่นับแข้งฝีเท้าพระกาฬในทีมตอนนี้อีกหลายคน โดยเฉพาะอย่าง เควิน เดอ บรอยน์
รวมไปจนถึงผู้จัดการทีมมากหน้าหลายตาที่เข้ามาเพิ่มสีสัน หรือไปจนถึงยกระดับการเล่นให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จาก สเวน โกรัน อิริคสัน ( เฮียเถิก ) มาจนถึง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า รวมถึงกุนซือระหว่างทางที่ผ่านมาอย่าง มาร์ค ฮิวจ์ - โรแบร์โต้ มันชินี่ และ มานูเอล เปเยกรินี่
ถ้ามองในเรื่องของธุรกิจแล้ว แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดยท่านชีค มานซูร์ ถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เพราะได้ทั้งความสำเร็จ ชื่อเสียง แบรนด์ ที่ดูเหมือนจะติดตลาดมาบ้างดูดีกว่าจากแต่ก่อนในอดีต แต่ทว่าทุกการลงทุนย่อมมีความเสี่ยงเสมอ ในเรื่องของฟุตบอลก็เช่นกัน
กว่าที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จะลงตัวในเรื่องของการซื้อตัวนักเตะผู้เล่นในปัจจุบัน (ไม่ค่อยพลาด) พวกเขาก็เคยซื้อดีลที่ล้มเหลวมานับไม่ถ้วน หรือเรียกได้ว่าเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำกันไปหลายครกมาก่อน เรามาไล่ดูกันว่า 5แข้งคนไหน คือการเซ็นสัญญาสุดแย่ในยุคของ ท่านชีค กัน
เอเลียควิม มองกาล่า 42 ล้านปอนด์ ( ปอร์โต้ 2014)
กองหลังผิวหมึกร่างใหญ่รายนี้ ถูกซื้อเข้ามาในยุคของ มานูเอล เปเยกรินี่ เพื่อที่จะมาเป็นตัวแทนของ โจลีออน เลสค็อต ที่ย้ายอกจากทีมไป เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน เมื่อปี 2014 ซึ่งตอนนั้นดีกรีของ เอเลียควิม มองกาล่า ไม่เบาเลย เป็นกองหลังเนื้อหอมของยุโรป และเป็นผู้เล่นกำลังหลักสำคัญของ เอฟซี ปอร์โต้
แต่ทว่าอย่างไรก็ตามชีวิตการค้าแข้งยังเวทีลีกเมืองผู้ดี มองกาล่า แปรสภาพตัวเองจากกองหลังชั้นยอด มาเป็นกองหลังชั้นแย่ ในการมาเล่นที่พรีเมียร์ลีกอังกฤษ
ภาพที่เห็นจนชินตาสำหรับกองหลังชาวฝรั่งเศสรายนี้ก็คือ การสปีดวิ่งกวดไล่ตามแนวรุกฝั่งตรงข้าม รวมถึงการทำฟาวล์โง่ๆ หรือก่อความผิดพลาดจนเป็นเหตุทำให้ทีมเสียประตูหลายครั้ง
เผลอๆ มองกาล่า เองจะฉุดให้คู่เซ็นเตอร์ฮาร์ฟในตอนนั้นอย่าง แว็งซอง กอมปานี สับสนอลหม่านไปด้วย กองหลังเจ้าของค่าตัว42ล้านปอนด์ รายนี้ ถูกกูรูลูกหนังวิจารณ์อย่างหนักหน่วง ในช่วงปี 2014-2016 โดยเจ้าตัวได้ลงเล่นในพรีเมียร์ลีกไปทั้งสิ้น 57นัด
จนในท้ายที่สุด ซิตี้ ก็ปล่อย เอเลียควิม มองกาล่า ให้กับ บาเลนเซียในลาลีก้าสเปน รวมถึงเอฟเวอร์ตัน ยืมตัวใช้งาน ก่อนในท้ายที่สุดจะยอมปล่อยให้ ทีมเจ้าค้างคาว ซื้อขาดแบบถาวรแบบไม่มีค่าตัว ในฐานะแข้งนักเตะฟรีเอเย่นต์ นั่นเท่ากับว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยอมเสียเงินไปเปล่าๆ 42ล้านปอนด์ เลยทีเดียว
แจ็ค ร็อดเวลล์ 12 -15 ล้านปอนด์ (เอฟเวอร์ตัน 2012)
ณ ชั่วโมงนั้น แจ็ค ร็อดเวลล์ คือหนึ่งในนักเตะในตำแหน่งมิดฟิลด์ที่ได้รับการจับตามองมากที่สุดคนหนึ่ง ด้วยสไตล์การเล่นแบบอังกฤษขนานแท้ กล้าแลก กล้าลุย ทุ่มเท ในทุกจังหวะ สมบทหัวใจสิงห์ไม่ยอมแม้ต่ออะไรง่ายๆ ค่าตัวของกองกลางชาวอังกฤษรายนี้เคยถูกตีไว้สูงถึง 30ล้านปอนด์ เลยทีเดียว
เซลซี และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คือเหล่าบรรดาทีมสโมสรยักษ์ใหญ่ ที่ตกเป็นข่าวกับ แจ็ค ร็อดเวลล์ อย่างสม่ำเสมอ แต่ทว่าด้วยการเลือกตัดสินใจของเจ้าตัวเอง ทำให้ตอบตกลงและโอเค ที่จะย้ายมาร่วมชายคาถิ่น เอติฮัด สเตเดี้ยม
แต่ทว่าด้วยการย้ายมายังทีมที่มีมาตรฐานการเล่นสูงขึ้น ทำให้ช่วงที่อยู่กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ร็อดเวลล์ ก็แปลงสถานะตัวเองให้กลายเป็นแข้งตัวสำรองอย่างเต็มรูปแบบ เพราะมิดฟิลด์ของทีมเรือใบ ในยุคของกุนซือ โรแบร์โต้ มันชินี่ ตอนนั้นมีทั้ง ยาย่า ตูเร่ - แกเร็ธ แบร์รี่ รวมไปจนถึง ดาบิด ซิลบา ขวางทางอยู่
และที่เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดที่ทำให้เจ้าตัวไม่ก้าวไปไหนสักทีนั่นก็คืออาการบาดเจ็บที่คอยหลอกหลอน เปรียบเสมือนเงาตามตัว เดี้ยงแล้ว เดี้ยงอีก นอนโรงหมอไม่รู้กี่รอบ นี่คือสิ่งที่ แจ็ค ร็อดเวลล์ ไม่เคยสลัดออกไปได้ 2ปีกับทีมเรือใบ เจ้าตัวได้ลงสนามในพรีเมียร์ลีกเพียงแค่16นัดเท่านั้น
จนในที่สุดเมื่อไม่เห็นทางสว่างที่จะเดินต่อได้ ทีมดังเมือง แมนเชสเตอร์ จึงขายเจ้าตัวให้กับ ซันเดอร์แลนด์ ที่ราคา10ล้านปอนด์ มาถึงปัจจุบันหลายๆคนคงลืมไปแล้วว่า แจ็ค ร็อดเวลล์ เมื่อซีซั่นที่พึ่งจบไปเจ้าตัวเป็นนักเตะของ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด แต่ทว่าไม่ได้ลงสนามให้ทีม ดาบคู่ เลยแม้แต่นัดเดียว
วิลเฟร็ด โบนี่ 25 ล้านปอนด์ ( สวอนซี 2015)
นี่คืออีกหนึ่งดาวยิงที่ถูกซื้อเข้ามาเพื่อหวังจะแบ่งเบาภาวะหน้าที่การทำประตูของ เซร์คิโอ อเกวโร่ กุน ก่อนย้ายมาร่วมถิ่น เอติฮัด สเตเดี้ยม วิลเฟร็ด โบนี่ ถือเป็นอีกหนึ่งดาวยิงที่สถิติถล่มประตูไม่ได้ขี่เหร่เลย
2ฤดูกาลกับ สวอนซี หอกชาวไอวอรรี่โคสต์ รายนี้ กดไปได้ถึง 25ประตู จาก54นัดในพรีเมียร์ลีก นั่นจึงเป็นอีกเหตุผลทีทำให้ เมาริโอ เปเยกรินี่ ยอมวอดวาด 25ล้านปอนด์ เพื่อซื้อดาวยิงของทีมหงส์ขาวมาร่วมทีม
โดยในปีปฎิทิน 2014 โบนี่ เคยเป็นผู้เล่นที่ทำประตูได้สูงสุดในพรีเมียร์ลีกด้วยซ้ำ ในช่วงแรกที่ดาวยิงร่างตันรายนี้ย้ายมาร่วมทีมเรือใบเจ้าตัวไม่สามารถลงเล่นให้กับทีมได้โดยทันที เพราะต้องไปทำภารกิจทีมชาติ แอฟริกัน เนชั่นคัพ ทำให้ซีซั่นแรก โบนี่ ได้เล่นกับทีมเพียงแค่12นัดเท่านั้น
ซีซั่นถัดมา 2015-2016 ก็เหมือนจะกระเตื้องขึ้นเล็กน้อย เพราะดาวยิงผิวหมึกรายนี้ ได้ลงเล่นในเวทีพรีเมียร์ลีกไป 26นัด แต่ทว่าก็ทำไปได้เพียงแค่4 ประตู บวกกับสไตล์การเล่นที่เชื่องช้า ทำให้ โบนี่ ดูไม่ค่อยเข้ากับเพื่อนร่วมทีม และกองหน้าตัวสำรองของซิตี้ อีกคนในตอนนั้นอย่าง เคเลชิ อิเฮียนาโช่ ก็ดูจะโชว์ฟอร์มได้ดีกว่า โบนี่ ด้วยซ้ำ
นั่นจึงทำให้จบฤดูกาล 2015-2016 ซิตี้ ตัดสินใจปล่อยดาวยิงผิวหมึกรายนี้ให้ สโต๊ค ซิตี้ ยืมตัวใช้งาน ก่อนที่จะขายขาดแบบขายทุนให้กับต้นสังกัดเก่าของเจ้าตัวอย่าง สวอนซี ในราคา 12ล้านปอนด์ เมื่อปี 2017
เคลาดิโอ บราโว 17 ล้านปอนด์ ( บาร์เซโลน่า 2016 )
ว่ากันว่านี่คือดีลที่ทำให้ โจ อาร์ท เป๋หาทางกลับฝั่งไม่ถูกมาจนถึงปัจจุบันนี้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เข้ามารับหน้าที่คุมบังเหียน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อปี2016 ด้วยปรัชญาการเล่นบอลสู่เท้าที่แม่นยำ ฉับไวเหมือนกับช่วงที่เจ้าตัวคุมทีม บาร์เซโลน่า
เพราะฉะนั้น ผู้รักษาประตูในอุดมคติของ กุนซือชาวสแปนิชรายนี้ จึงต้องเล่นบอลกับเท้าได้ดีด้วย ทำให้ โจ ฮาร์ท ต้องตกที่นั่งลำบาก ไม่ได่เล่นในพรีเมียร์ลีกแม้แต่นัดเดียวในซีซั่น 2016-2017 กลายเป็น เคลาดิโอ บราโว ที่พ่วงสอยติดมือมาจาก เป๊ป ได้ทำหน้าที่เฝ้าเสาแทน
แต่ทว่านายด่ายชาวชิลีรายนี้ ไม่ได้ตอบแทนความเหนียวหนึบคุ้มค่าเงิน 17ล้านปอนด์ ที่ทุ่มหว่านลงไปเลย ปฎิกิริยา ที่ดูเชื่องช้า การตัดสินใจที่ไม่เด็ดขาด นี่คือสิ่งที่ บราโว่ ทำได้น่าผิดหวังมากๆ ฉายา " ตรงเป็นตุง " นี่คือคำนิยามคุณภาพของอดีตโกลเจ้าบุญทุ่มรายนี้
เห็นได้ชัดสุดคือเกมในฤดูกาลดังกล่าว 20216-2017 ที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เปิดบ้านแพ้ เซลซี 1-3 ทั้ง3ลูกที่ทีมสิงห์บูลส์ทำได้ ไม่ได้หนีมือของบราโว่ มากเลย จนในที่สุด เป๊ป ต้องยอมกลืนน้ำลายตัวเองมอบมือ1ให้กับโกลตัวสำรองอย่าง วิลลี่ กาบาเยโร่ ทำหน้าที่แทน
ฤดูกาลแรก บราโว่ ได้ลงเฝ้าเสาในพรีเมียร์ลีกไป22นัด แต่ทว่าในอีก3ฤดูกาลต่อมา พร้อมการเข้ามาของโกลจอมหนึบชาวบราซิลอย่าง เอแดร์ซอน นายด่านวัย38ปีรายนี้ ได้ลงเล่นในเกมลีกไปอีกเพียง7นัดเท่านั้น ก่อนที่สุดท้ายจะย้ายไปเล่นเฝ้าเสาให้กับ เรอัล เบติส แบบไม่มีค่าตัวเมื่อปี 2020
โรบินโญ่ 32.5 ล้านปอนด์ ( เรอัล มาดริด 2008 )
จะว่านี่คือดีลที่ล้มเหลวของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็คงจะพูดได้ไม่เต็มปากนัก เพราะหากเราวิเคราะห์กันอย่างละเอียดแล้วดีลนี้แม้จะแย่ตรงผลงานในสนาม แต่ทว่าในเรื่องของการตลาดแล้วดีลนี้ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งยวด
โรบินโญ่ ย้ายมา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แบบฮือฮา ไม่น้อยเพราะตอนนั้นสถานะของทีมเรือใบสีฟ้า เปรียบเสมือนทีมร่ำรวยแต่ยังไร้ซึ่งทิศทาง สตาร์ชาวบราซิลรายนี้ ย้ายออกจาก เรอัล มาดริด มายังทีมสีฟ้าเมือง แมนเชสเตอร์ เมื่อปี 2018 ด้วยค่าตัว 32.5 ล้านปอนด์
แข้งชาวบราซิลถ่ายรูปพร้อมเสื้อหมายเลข10 กับ ผู้จัดการทีมในตอนนั้นอย่าง มาร์ค ฮิวจ์ส การมาของเจ้าตัวถือว่าเป็นกระแสเขย่าฟุตบอลอังกฤษมากๆ โรบินโญ่ ประเดิมสกอร์แรกให้กับทีมในเกมที่พ่ายให้กับ เซลซี คาบ้าน 1-3
ฤดูกาลนั้น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จบอันดับ 10ของตารางคะแนน เก็บได้เพียงแค่ 50แต้ม โรบินโญ่ ถือว่าเป็นกำลังหลักของทีมเลยก็ว่าได้ เพราะเป็นดาวซัลโวของทีม กดไป15ประตู รวมทุกรายการ แต่ทว่าซีซั่นต่อมา เจ้าตัวก็เริ่มออกลายไม่ดีให้เห็น
ด้วยความเป็นนักเตะบราซิลที่ชอบปาร์ตี้ วินัยหย่อนยาน รวมไปจนถึงอาการบาดเจ็บที่รบกวน ทำให้3เดือนแรกของฤดูกาล 2009-2010 โรบินโญ่ พลาดลงสนามให้กับทีม มิหนำซ้ำใจของแข้งแดนกาแฟรายนี้ก็ไม่ได้อยู่ที่อังกฤษเสียแล้ว
ฤดูกาล 2009-2010โรบินโญ่ เล่นให้กับทีมไปได้เพียงแค่ 12นัด ก่อนถูกปล่อยให้ ซานโตส ยืมตัวช่วงตลาดนักเตะหน้าหนาวปี 2009 ก่อนที่สุดท้ายจะยอมขายขาดให้กับเอซี มิลาน ในปี2010 ด้วยค่าตัวแค่ 15ล้านปอนด์
แม้ในแง่ผลงานจะไม่ได้เป็นที่จดจำมากเท่าไหร่นัก แต่ถ้ามองในเรื่องของธุรกิจการตลาดนี่คือดีลที่เปรียบเสมือนการปลดล็อคครั้งใหญ่ให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในการซื้อตัวผู้เล่นระดับดาวดังให้มาค้าแข้งกับ ทีมเรือใบสีฟ้า มาจนถึงปัจจุบันนี้
- คอลัมน์นิสต์
- 401
- 31 พ.ค. 2564 16:34