มูไปแล้วใครมา ! 5ว่าที่กุนซือ(ถาวร)คนใหม่คลับไก่
เรียกได้ว่าอายุการใช้งานสั้นไปหน่อยเลยก็ว่าได้สำหรับการรับหน้าที่เป็นกุนซือทัพไก่เดือยทองของ โชเซ่ มูรินโญ่ เมื่อล่าสุดวันจันทร์ที่ 19 เมษายน ที่ผ่านมา ผู้จัดการทีมจอมโอหังชาวโปรตุเกส โดน ท็อตแน่ม ฮ็อต สเปอร์ส เด้งฟ้าผ่าออกจากตำแหน่ง
สิริรวมแล้ว เฮียมู มีระยะเวลาในการคุมบังเหียนสเปอร์สเพียงแค่ 17เดือนเท่านั้น จากพฤศจิกายน 2019 ถึง เมษายน 2021 ยิ่งหากฟุตบอลไม่เจอมรสุมจากไวรัส โควิด-19 อายุงานของ มูรินโญ่ เมื่อตีออกมาเป็นตัวเลขอาจสั้นกว่านี้ก็เป็นได้
สิ่งหนึ่งที่ โชเซ่ มูรินโญ่ ยังยึดถือยึดมั่นและไม่เปลี่ยนแปลงเลยก็คือ สไตล์และรูปแบบการเล่น โอเคการเล่นแบบรัดกุมเสียยาก มันอาจเป็นแท็กติกที่เวิร์คได้ผลเมื่อรับมือกับทีมที่มีขนาดใหญ่ อาทิ เช่นช่วงต้นฤดูกาลที่ พวกเขาแปลงสภาพตัวเองเป็นพญาโต้ง ตีปีกตะปป แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-0
ทุกอย่างในเกมกับทัพเรือใบสีฟ้า สเปอร์สเป็นรองแทบทั้งหมด ทั้งเปอร์เซ็นต์การครองบอล โอกาสการส่องประตู ที่เหนือกว่าอย่างเดียวนั้นก็คือประตูที่ทำได้นั่นแหละ การเล่นรัดกุมแบบดังกล่าว เชื่อว่าไม่มีใครต่อว่าครหาแน่ แต่่ในทางกลับกันเมื่อเจอคู่แข่งที่อ่อนชั้นหรือศักดินาต่ำกว่า คลับไก่ ไม่จำเป็นต้องเล่นเกมรับอุดรถบัสเลย
อาทิในเกมที่พวกเขาบุกไปแพ้ไบร์ทตัน 1-0 เมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา ด้วยชื่อชั้นนักเตะที่มีอย่าง แฮร์รี่ เคน / ซน ฮึง-มิน / แกเร็ธ เบล ไม่จำเป็นต้องกลัวแนวรุกของทีมนกนางนวลอย่างพวก นีล โมเปย์ - เลอันโดร ทรอสซาร์ด หรือ อดัม ลัลลาน่า อะไรเหล่านั้นเลย
อีกหนึ่งสาเหตุที่ว่ากันว่าทำให้ โชเซ่ มูรินโญ่ สิ้นสุดเส้นทางกลับสเปอร์ส นั่นก็คือความสัมพันธ์และการให้เกียรติลูกทีม บางนัดที่ทีมแพ้ไม่ได้ผลการแข่งขันที่ต้องการกุนซือวัย58ปีรายนี้ มีการประชดประชันฟาดงวงฟาดงาลูกทีม ที่หนักสุดคงเป็นเกม ยูโรป้าลีกรอบ 16ทีมสุดท้าย ที่สเปอร์สแพ้พลิกล็อคในนัดที่สองให้กับ ดินาโม ซาเกร็บ 0-3
หลังจบเกมดังกล่าวเจ้าตัวเข้าไปจับมือแสดงความยินดีกับ มิสลาฟ ออร์ซิช หัวหอกทีมเจ้าบ้านที่กดแฮตทริกใส่สเปอร์ส ซะดื้อๆ เหมือนเป็นการประชดลูกทีมทางอ้อม พฤติกรรมการแสดงออกหลายๆอย่าง ทำให้ มูรินโญ่ ไม่สามารถซื้อใจนักเตะคลับไก่แบบเต็มร้อยได้
และที่ชัดเจนที่สุดสำหรับเหตุผลหลักที่ทำให้บอร์ดบริหารสเปอร์สรวมถึง เฮียเหม่ง แดเนี่ยล เลวี่ ปลด กุนซือแดนฝอยทองรายนี้ออกจากตำแหน่งนั่นก็คือผลงาน ในพรีเมียร์ลีก ทีมไก่เดือยทอง (ก่อนเกมกับเซาแธมป์ตัน) รั้งอยู่อันดับ8ของตาราง ตามหลังอันดับ4 พื้นที่สุดท้ายโควตาแชมเปี้ยนส์ลีกอย่าง เซลซีถึง5แต้ม
ยังไม่รวมถึงรูปแบบการจัดตัวผู้เล่นที่ โชเซ่ มูรินโญ่ เองเหมือนจะหา11ตัวจริงชุดที่ดีที่สุดของทีมไม่ได้สักที ผลงานในบอลด้วย ยูโรป้าลีกก็ตกรอบ 16ทีมสุดท้ายอย่างสุดช็อค
เอฟเอ คัพ ก็ตกรอบ5 หลังดวลจุดโทษพ่ายให้กับเอฟเวอร์ตัน มีเพียงถ้วย คาราบาวคัพ เท่านั้น ที่ฝ่าด่านเข้าไปถึงนัดชิงชนะเลิศรอพบกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ วันอาทิตย์ นี้
ผลงานกับสเปอร์สถือได้ว่าเป็นครั้งแรกที่ เฮียมู พาทีมที่ตัวเองคุมทัพพ่ายถึง10นัดในเกมลีก และมีเปอร์เซ็นต์การเก็บชัยที่ต่ำที่สุดในฐานะอาชีพกุนซือของตนเพียงแค่ 51.16 เปอร์เซ็นต์เท่านั้่น
แม้ว่าล่าสุดทีม พญาโต้ง จะสามารถหาตัวกุนซือขัดตราทัพได้แล้วนั่นก็คือ อดีตกองกลางของทีมอย่าง ไรอั้น เมสัน แต่ก็เชื่อเหลือเกินว่า ผู้จัดการทีมวัยเพียงแค่29ปีรายนี้ จะไม่ใช่นายใหญ่ตัวเต็งถาวรในระยะยาวแน่นอน ซึ่งกุนซือ ท็อตแน่ม ฮ็อต สเปอร์ส คนใหม่ฤดูกาลหน้าจะเป็นใคร คงไม่พ้น 5ผู้จัดการทีมฝีมือพระกาฬเหล่านี้
เอ็ดดี้ ฮาว
นี่อาจเป็นแคนดิเดตที่เป็นไปได้น้อยที่สุดของ ท็อตแน่ม ฮ็อต สเปอร์ส สำหรับกุนซือหนุมสไตล์การคุมทีมห้าวๆ อย่าง เอ็ดดี้ ฮาว ที่ตอนนี้กำลังว่างงานอยู่หลังจากที่แยกทางกับ บอร์นมัธ เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา
แม้ว่ากุนซือหนุ่มวัย43ปีรายนี้ จะโดน " เดอะ เชอร์รี่ส์ " ตะเพิดออกจากตำแหน่งหลังทำทีมตกชั้นลงไปเล่นในลีก เดอะ แชมเปี้ยนชิพ หลังจบฤดูกาล 2019-2020
แต่ว่าผลงานของเจ้าตัวกับบอร์นมัธตลอดช่วงเวลาที่โลดแล่นอยู่ในลีกสูงสุด เจ้าตัวคือหนึ่งในกุนซือที่ได้รับเครดิตการยอมรับมากที่สุดคนหนึ่้ง
เอ็ดดี้ ฮาว พาบอร์นมัธ ไต่จากลีกทู ขึ้นมาเล่นยังเวทีสูงสุดพรีเมียร์ลีก โดยใช้ระยะเวลาเพียงแค่5ปีเท่านั้น ด้วยสนามอย่าง ลิเบอร์ตี้ สเตเดี้ยม ที่มีความจุน้อยกว่า 12,000 คน
ฮาว สร้างทีมได้อย่างมีสไตล์ ภายใต้งบประมาณการทำทีมที่ค่อนข้างจำกัดมากๆ ลูกทีมของของเขา วิ่งสู้ฟัด กัดไม่ปล่อยทุกคน
ผู้จัดการทีมหนุ่มไฟแรงรายนี้ สร้างแบรนด์ภาพลักษณ์ให้ทีมจากแดนใต้ เล่นบอลมีเอกลักษณ์และสไตล์เป็นของตัวเอง ผลงานอันดับ 16 / 9 / 12 / 14
ก่อนที่จะมีอันต้องตกชั้น ถือว่ายอดเยี่ยมไม่เบาเลยสำหรับทีมที่มีงบประมาณน้อยนิด และนักเตะโนเนมอย่าง บอร์นมัธ
ซึ่ง เอ็ดดี้ ฮาว อาจจะเหมาะกับ สเปอร์ส ที่งบในการทุ่มทุนซื้อนักเตะที่ไม่มากนัก เพราะต้องรัดเข็มขัดจาก งบประมาณที่บานปลายเรื่องการสร้างสนามใหม่ แต่ทว่าก็จะดูเสี่ยงมากเกินไปจริงๆสำหรับการก้าวจากทีมเล็กไซต์ขนาดหนีตกชั้นหรือครึ่งค่อนล่างของตาราง ขยับมาคุมทีมระดับบิ๊กซิกซ์
สก็อต ปาร์คเกอร์
เป็นแคนดิเดตเพียงหนึ่งเดียวที่มีสถานะเป็นอดีตแข้งนักเตะ ท็อตแน่ม ฮ็อต สเปอร์ส สก็อต ปาร์คเกอร์ ผู้เกิดในย่านแลมเบธ เคยค้าแข้งกับทีมไก่เดือยทองช่วงระยะเวลาสั้นๆเมื่อปี 2011-2013
อดีตกองกลางขาบู๊รายนี้ลงเล่นให้สเปอร์สไปมากกว่า50นัด แม้จะเข้ามาอยู่กับทีมได้ไม่นาน แต่ก็ได้รับการเลือกจาก กุนซือในตอนนั้นอย่าง แฮร์รี่ เร้ดแนปป์ ให้สวมปลอกแขนเป็นกัปตันทีม รวมถึงเป็นหนึ่งในนักเตะที่บรรดาเหล่า ยิด อาร์มี่ รักโปรดปรานมากๆ
กุนซือวัย40ปีรายนี้ ว่ากันว่าเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ทางฝ่ายบอร์ดบริหารโปรดปรานมากๆ ทั้งในเรื่องของคาแร็กเตอร์และสไตล์การทำทีมที่สวยงามเน้นเกมบุก แต่ทว่าเรื่องประสบการณ์พรรษาในการคุมทีมของอดีตแข้งทีมชาติอังกฤษรายนี้ น่าจะยังคงเป็นคำถามอยู่
แม้ว่าซีซั่นนี้ ฟูแล่ม ทำท่าว่าจะไม่รอดตกชั้นกลับลงไปเล่นยังเวที เดอะ แชมเปี้ยนชิพอีกหนหนึ่ง แต่นั้นไม่มีใครโทษหรือตำหนิ กุนซือผู้ชื่นชอบแต่งตัวหล่อรายนี้เลย เนื่องด้วยเข้าใจถึงคุณภาพนักเตะทีมเจ้าสัว รวมไปจนถึงงบเสริมทัพที่ค่อนข้างจำกัด
การเล่นฟุตบอลอย่างมีสไตล์รวมถึงการให้โอกาสเด็กดาวรุ่งลงไปวาดลวดลายในสนาม นี่อาจเป็นจุดแข็งที่บอร์ดบริหารของทีมคลับไก่ ถูกใจตรงจุดนี้
นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต้
ถือว่าน่าเซอร์ไพรส์ไม่น้อยสำหรับการมีชื่อของ นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต้ อยู่ในแคนดิเคตนายใหญ่คนใหม่ของ สเปอร์ส แม้ว่าผลงานในฤดูกาลนี้ของ วูลฟ์แฮมป์ตัน วันเดอร์เรอร์ส จะไม่ได้ดีเท่ากับมาตรฐานเดิมที่เคยทำไว้
แต่ก็เป็นที่เข้าใจได้เพราะทีมหมาป่า ขาดดาวยิงคนสำคัญของทีมอย่าง ราฮูล ฮิมิเนซ ที่ต้องเข้ารับการรักษาผ่าตัดกะโหลกศีรษะ มิหนำซ้ำคีย์แมนสำคัญของทีมอีกคนอย่าง ดิโอโก้ โชต้า ก็ย้ายทีมเก็บข้าวเก็บของไปอยู่กับลิเวอร์พูล
คงจะเป็นเรี่องที่คลาสสิกไม่น้อยหาก นูโน่ เข้ามารับหน้าที่ผู้จัดการทีมคนใหม่ของสเปอร์ส แทนที่ของ โชเซ่ มูรินโญ่ นั่นเป็นเพราะในอดีตกุนซือหน้าเครารายนี้เคยเป็นลูกทีมของ เฮียมู สมัยที่คุมเอฟซี ปอร์โต้ นั่นเอง
นับตั้งแต่ที่กุนซือวัย47ปี สถาปนาให้หมาป่า ขึ้นมาสั่นสะเทือนทีมบิ๊กซิกซ์ เพราะเป็นทีมที่แพ้ยาก เหนียวแน่น
แถมจังหวะเข้าทำเวลาโต้กลับก็เปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ ซึ่งน่าจะเข้ากับนักเตะด้านข้างสไตล์ปีกอย่าง พวก ลูคัส มูร่า หรือ ซน ฮึง-มิน ไม่น้อย
วูลฟ์ ภายใต้ขุมกบาลของนูโน่ จบอันดับที่7 (2018-2019) ในฤดูกาลแรกที่โผล่มาเล่นในพรีเมียร์ลีก พร้อมคว้าตัวไปเล่น ยูโรป้าลีกรอบคัดเลือก ฤดูกาลถัดมา (2019-2020) รักษามาตรฐานจบอันกับ7เช่นเดิม
นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต้ สร้างนักเตะโนเนมแทบ ไม่มีใครรู้จักชื่ออย่าง ราอูล ฮิมิเนซ -ดิโอโก้ โชต้า -อดาม่า ตราโอเร่ ให้เขย่าขวัญบรรดากองหลังในพรีเมียร์ลีก และอัพค่าตัวของนักเตะดังกล่าวขึ้นมาได้เป็นเท่าตัว
นี่จึงเป็นกุนซือที่สเปอร์ส น่าลองเสี่ยงไม่น้อย แม้บางคราวจะเล่นน่าอึดอัดไปบ้าง แต่ก็การันตีผลงานในพรีเมียร์ลีก ว่าเคยมีประสบการณ์มาแล้ว และไม่ต้องเสียเวลาปรับจูนกับลีกเมืองผู้ดีมากมาย
เบรนแดน ร็อดเจอร์ส
เป็นกุนซือแคนดิเคตเพียงรายเดียวที่มีประสบการ์ณคุมทีมใหญ่ในพรีเมียร์ลีกมาก่อน ร็อดเจอร์ส ในเวอร์ชั่นปัจจุบัน ไม่ใช่ในเวอร์ชั่นที่เราๆเคยแซวเคลือบแคลงในฝีมือเหมือนตอนที่ทำลิเวอร์พูลชวดแชป์พรีเมียร์ลีก 2013-2014 แต่อย่างใด
บีร็อด ไปสั่งสมเพิ่มประสบการณ์ตัวเองกับลีกแดนขี้เมาอย่าง กลาสโกว เซลติก พาทีมม้าลายเขียว-ขาว กวาดแชมป์ภายในประเทศเป็นว่าเล่น พร้อมทำสถิติแต้มกระจุยกระจาย
เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กลับหวนคือสู่ฟุตบอลอังกฤษอีกครั้งกับเลสเตอร์ซิตี้ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปี 2019 เมื่อเข้ามารับหน้าที่แทน โคล้ด ปูแอล โดยซีซั่นดังกล่าว เจ้าตัวพาทีมสุนัขจิ้งจอกประคองตัวจบที่อันดับ9
ฤดูกาลถัดมากุนซือชาวไอร์แลนด์เหนือ พาทัพจิ้งจอกสนาม โชว์ฟอร์มสวยหรูและไฉไลสุดๆ ด้วยฟอร์มการเล่นอันมีสไตล์ เกมรุกไหลเลื่อน ต่อบอลกันแม่นยำ
เลสเตอร์ เคยฟอร์มดีถึงขนาดชนะ8นัดรวดในพรีเมียร์ลีก ช่วงหนึ่ง ขึ้นมาเป็นทีมลุ้นแชมป์กับ ลิเวอร์พูล
แต่อนิจจาช่วงท้ายฤดูกาล เลสเตอร์ ซิตี้ มาแผ่วอย่างน่าเกลียดจนมาหลุดพื้นที่ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในนัดสุดท้าย มาซีซั่นปัจจุบัน ร็อดเจอร์ส ก็ยังมาทีมบินสูงอีกครั้งเมื่อมาทีมรั้งอยู่อันดับ3ของตารางคะแนน
ในเรื่องของผู้เล่นดาวรุ่ง บีร็อด ก็ไม่ได้ละเลยตรงจุดนั้นเลย เราจึงได้เห็น เจมส์ จัสติน รวมถึง ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ ก้าวขึ้นมาเป็นแกนหลักสำคัญของทีม
ส่วนการซื้อนักเตะก็สามารถค้นพบเพชรเม็ดงามอย่าง ชักลาร์ โซยุนชู รวมถึง เวสลี่ย์ โฟฟาน่า ที่แทบไม่มีใครรู้จักมาเป็นนักเตะที่อยู่ในแสงสปอร์ตไลท์ได้
การขยับจาก เลสเตอร์ ซิตี้ ไปยัง สเปอร์ส ก็ถือว่าจะเป็นหนึ่งในความก้าวหน้าอาชีพผู้จัดการทีมอย่างของ ร็อดเจอร์ส อยู่ไม่น้อย
แต่ก็อาจจะติดตรงที่ สัญญาของเจ้าตัวที่มียังถิ่น คิง พาวเวอร์ สเตเดี้ยม นั้นยาวไปจนถึงปี2025 ค่าฉีกสัญญาดังกล่าว บอร์ดบริหารของทีมไก่เดือยทองต้องจ่ายกระอักเลือดแน่ๆ
ยูเลี่ยน นาเกิลส์มันน์
ว่ากันว่าที่คือกุนซือหนุ่มที่ร้อนแรงและน่าจับตามองที่สุดของฟุตบอลยุโรป ณ เวลานี้ ตามราคาบ่อนพนันถูกกฎหมายของเมืองผู้ดียกให้ ยูเลี่ยน นาเกิลส์มันน์ คือตัวจริงเสียงจริงหมายเลข1สำหรับ ผู้จัดการทีมคนใหม่ของ สเปอร์ส
ปัจจุบันคุมทัพ แอร์เบ ไลป์ซิก ของบุนเดสลีก้าเยอรมันอยู่ กุนซือหนุ่มวัยเพียงแค่33ปีรายนี้ เปรียบเสมือนของขึ้นห้างแบรนด์แนมสำหรับผู้จัดการทีมเคลื่อนลูกใหม่เลยก็กว่าได้
ด้วยสไตล์การทำทีมที่เป็นเอกลักษณ์ตั้งแต่สมัยที่คุม ฮอฟฟ์เฟ่นไฮม์ นาเกิลส์มันน์ เป็นกุนซือที่ใส่ใจในรายละเอียดการเล่นต่างๆของทีมเป็นอย่างมาก และยังให้ความสำคัญและส่งเสริมโอกาสในการเล่นของนักเตะระดับเยาวชนอีกด้วย
การเล่นเกมรุกแบบ เคาน์เตอร์ แอทแทค รวดเร็วสวยงาม รวมถึงการเพรสซิ่งสูง ( ตัวอย่างในเกมที่เอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3-2) ซึ่งมีบางส่วนที่คล้ายๆกับกุนซือคนเก่าอย่าง เมาริซิโอ โปเซ็ตติโน่
เทคโนโลยีในการฝึกซ้อม นี่คือสิ่งที่ ยูเลี่ยน นาเกิลส์มันน์ ให้ความสำคัญมากๆ ตั้งแต่ในสมัยที่คุม ฮอฟฟ์เฟ่นไฮม์ เจ้าตัวใช้ เทคโนโลยี Footbonaut มาช่วยในการฝึกซ้อม เพื่อให้นักเตะจับบอลและคอนโทรลบอลได้เนียนขึ้น
นอกจากนี้กุนซือหนุ่มไฟแรงยังมีการใช้โดรนในการมองภาพมุมบนร่วมกับการฝึกซ้อม รวมถึงมี video wall ขนาดมหึมายังกลางสนามซ้อม สิ่งต่างๆเหล่านี้บอกถึงความละเอียดและวิสัยทัศน์ของโค้ชหนุ่มวัยนี้ได้เป็นอย่างดี
แฟนไก่เดือยองน่าจะรู้จัก นาเกิลส์มันน์ เป็นอย่างดีเพราะเคยพา แอร์เบ ไลป์ซิก เขี่ยสเปอร์สตกรอบ 16ทีมสุดท้าย ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกฤดูกาลที่แล้ว
โดยสัญญาปัจจุบันของเจ้าตัวกับทีมกระทิงหนุ่มมีอยู่ถึงปี 2023เท่านั้น เชื่อว่าค่าฉีกสัญญาน่าจะไม่ใช่ปัญหาเลยที่สเปอร์สจะจ่ายได้
แต่สิ่งที่ต้องระวังของสเปอร์สนั่นก็คือ บาเยิร์น มิวนิค มหาอำนาจแห่งลีกเมืองเบียร์ ที่กำลังหาตัวกุนซือคนใหม่เข้ามาแทนที่ ฮันซี่ ฟลิก ที่ประกาศอำลาทีมหลังจบฤดูกาลนี้
- คอลัมน์นิสต์
- 685
- 22 เม.ย. 2564 15:35