เสียวท้ายเกม ! เรือ หืด เฉือนฟูแล่ม 3-2 โควาซิซ กดอัลติ ยิงเบิ้ล
ด้วยความที่ก่อนแข่ง คู่แข่งในการลุ้นแชมป์อย่างลิเวอร์พูล บุกไปเฉือนเอาชนะ คริสตัล พาเลซ ไปแล้ว 1-0 ช่องว่างคะแนนกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขยับถ่างออกเป็น4แต้ม นั่นจึงทำให้เกมกับฟูแล่ม เรือใบสีฟ้าต้องคว้าชัยชนะให้ได้สถานเดียวเพื่อลงช่องว่างให้เหลือ1 ก่อนที่จะพักเบรกทีมชาติ โดยทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ได้เล่นในบ้าน ต้อนรับอีกหนึ่งทีมที่เคี้ยวยากอย่าง ฟูแล่ม ก่อนที่ท้ายที่สุด ซิตี้ จะมาเสียวท้ายเกม เอาชนะไป 3-2
หลังจากที่สะดุดมา2นัดติดในพรีเมียร์ลีก ทั้ง อาร์เซน่อล ( 2-2) และ นิวคาสเซิ่ล 1-1 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้กลับมาเล่นที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม ต้อนรับการมาเยือนของฟูแล่ม การจัดทัพ ในตำแหน่งของ โรดรี้ ที่ต้องปิดเทอมยาว แน่นอนอยู่แล้วว่า เป็นหน้าที่ ของ มัตเตโอ โควาซิช
แบ็กขวาให้โอกาสเป็นดาวร่ง ริโก้ ลูอิส ก่อน ไคล์ วอล์คเกอร์ ปีกซ้ายขวาใช้เป็น แจ็ค กรีลิช และ ฟิล โฟเด้น หน้าเป้าเป็น เออร์ลิง ฮาลันด์ ฟากผู้มาเยือน ฟูแล่ม ที่ถือว่าฟอร์มใช้ได้เลย 6นัด ชนะ3 - เสมอ 2 แพ้1
การจัดทัพ กุนซือ มาร์โก้ ซิลวา มาในระบบ 4-2-3-1 แต่ทว่าเน้นให้มิดฟิลด์ตรงกลางเป็นเชิงรับ ทำให้ เอมิล สมิธ -โรล ต้องโดนดร็อป อันเดรส เปเรยร่า ยืนสูงเป็นเพลย์เมคเกอร์ ปีกสองข้าง อเล็กซ์ อิโวบี้ และ อดาม่า ตราโอเร่ หน้าเป้า ราอูล ฮิมิเนซ
เริ่มเกมมาก็เป็น ซิตี้ ที่เหนือกว่าชัดเจน มีโอกาสได้จบ 2-3ครั้งจาก อิลคาย กุนโดกัน และ เออร์ลิง ฮาแลนด์ แต่ทว่ายังไม่สามารถใส่สกอร์ได้ แต่ทว่ากลายเป็นทัพเจ้าสัวน้อยที่สร้างเซอร์ไพรส์บุกมาขึ้นนำไปก่อน1-0 จากจังหวะตอกส้นเหนือชั้นของ ฮิมิเนซ แล้วเป็น เปเรย์ร่า จิ้มเข้าไปง่ายๆ น.26
อย่างไรก็ตาม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็พยายามเร่งเครื่องสุดๆเพื่อไม่ให้ตามหลังใน45นาทีแรก ก็มาตามตีเสมอ1-1ได้จาก ลูกยิงแฉลบของ มัตเตโอ โควาซิช น.32 ก่อนได้ลุ้นอีกหลายครั้งจากทั้ง แบร์นาร์โด้ ซิลวา และ ยอสโก้ กวาร์ดิโอล แต่พลาดไป จบครึ่งแรกด้วยสกอร์ 1-1
ครึ่งหลังเริ่มเกมมาได้เพียง2นาที โควาซิช เจ้าเก่าใช้อกพักบอลลงหน้ากรอบเขตโทษก่อนปั่นด้วยขวาหนีมือ แบรนด์ เลโน่ เข้าไปสุดสวย ขึ้นนำ 2-1 น.47 หลังจากนั้น ซิตี้ ก็มาได้ประตูหนีห่าง 3-1 จาก เฌเรมี่ โดกู โยกตัดเข้าในแล้วตะบันจากนอกกรอบบอลพุ่งแรงเสียบตาข่าย น.82
เกมทำท่าว่าจะจบลงด้วยชัยชนะสบายๆของ เรือใบสีฟ้าแล้ว แต่ทว่าแนวรับของเจ้าบ้านที่ดูเหม่อๆและประกบห่างทำให้ เจ้าสัว ไล่ตีไข่แตกมาได้ 2-3 จากตัวสำรอง โรดริโก้ มูนิซ น.88 หลังจากที่โดนไล่จี้มา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็เล่นระวังขึ้น เน้นครองบอลไว้กับตัวมากกว่าจะเปิดเกมบุกหมายเอาเม็ดที่4
ก่อนที่จะสิ้นเสียงนกหวีดยาวจาก ปีเตอร์ แบงค์ส แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จึงเฉือนเอาชนะฟูแล่มไปได้ 3-2 ตามหลังจ่าฝูงลิเวอร์พูล แค่1แต้ม โดยมีหลายจุดเหมือนกันที่ ทีมของ เป๊ป ต้องปรับเปลี่ยนแก้ไข โดยเฉพาะแนวรับที่ยืนประกบห่างคู่แข่งเหลือเกิน ดีที่โกลอย่าง เอแดร์ซอน ช่วยเซฟจังหวะจังๆได้ถึง2ครั้ง2ครา
โควาซิช นานๆทียิง กดเบิ้ลซะเลย
การที่ โรดรี้ ต้องปิดเทอมยาวซีซั่น 2024-2025 นี้แน่นอนแล้ว นั่นเท่ากับว่า บทบาทหน้าที่การคุมทัพในแดนกลางดังกล่าว ต้องตกเป็นของ มัตเตโอ โควาซิช อย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งก่อนหน้านั้น มิดฟิลด์ชาวโครแอต ก็ได้ลงตัวจริงตลอดตอนที่ โรดรี้ ไม่พร้อม
ในเรื่องของเกมรับและการคุมเกม เอาตรงๆคือ โควาซิช ยังทำได้ไม่เทียบเท่ากับ โรดรี้ แต่ก็ไม่ได้แย่ขนาดทำให้รูปเกมเสีย หรือตกเป็นรองคู่แข่ง อดีตกองกลางเซลซีรายนี้ ยังคงมีมาตรฐานเป็นของตัวเองไม่ได้ตกถอยไปไหน
เมื่อคืน โควาซิช ผ่านบอลไปมากถึง 87ครั้ง แต่ทว่าเจ้าตัวไม่ได้ทำอะไรที่เข้าตามากนักในบทบาทเกมรับ กลายเป็นเกมรุกมากกว่าที่ มัตเตโอ โควาซิซ โดดเด่น โอกาสยิง4ครั้งเมื่อคืน กองกลางวัย30ปี แปรเปลี่ยนเป็น2ประตู
ลูกแรกถือว่ามีโชคไม่น้อย เพราะลูกยิงของเจ้าตัวไปแฉลบ โยอาคิม แอนเดอร์เซ่น เปลี่ยนทางเข้าประตูไป ส่วนเม็ด2นี่งามหยดเลย พักบอลด้วยอกจากลูกจ่ายของ แบร์นาร์โด้ ก่อนเอี้ยวตัวยิงด้วยขวา บริเวณนอกรอบเขตโทษราวๆ 18หลา บอลปั่นหนีมือ เลโน่ เข้าไปสุดสวย
2เม็ดเมื่อคืน นี่คือประตูที่3ของ โควาวิซ ในฤดูกาลนี้ในพรีเมียร์ลีก ซึ่ง3ฤดูกาลกับเซลซี 142นัดในพรีเมียร์ลีก เจ้าตัวยิงไปเพียงแค่4ประตูเท่านั้น โควาซิช ไม่ใช่กองกลางประเภททำประตู
แต่ทว่าเมื่อมาอยู่ในมือ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เจ้าตัวเหมือนจะพัฒนาตรงจุดนี้ขึ้นมาเช่นกัน ภาพรวมตลอด90นาที อาจไม่โดดเด่นอะไรมาก แต่2ประตูที่ทำได้ ก็สำคัญเหลือเกินทั้งต่อรูปเกมและโมเมนตัม จึงไม่แปลกใจเท่าไหร่ สำหรับรางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตช์
สไตล์การเล่น (หลังลอย) ซิตี้ ทำให้แนวรับลำบาก
ไม่ว่าจะเป็นฤดูกาลไหนๆ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่แกร่งทั่วแผ่น แต่จุดสลบของพวกเขาในยุคของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่เราเห็นมาตลอดนั่นก็คือ แผงรับที่ลอยสูง ด้วยแท็กติกการเล่นของทีม ทำให้แนวรับต้องยืนแบบนั้น เวลา ซิตี้ เสียประตูหรือหวิดจะเสียประตู มักจะเป็นรูปแบบคล้ายๆกัน
แผงหลัง ซิตี้ ปรกติแล้ว จะเป็น รูเบน ดิอ๊าซ ที่ยืนเป็นตัวหลัก หากว่าไม่เจ็บไม่แบน คู่ขาจะเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ทั้ง มานูเอล อคานยี่ - นาธาน อาเก้ ส่วน จอห์น สโตนส์ เหมือนบทบาทจะเป็นไปในทางมิดฟิลด์มากกว่าระยะหลัง
ประตูแรกที่เสียไปของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เหมือนพวกเขาจะคาดไม่ถึงกับลูกตอกส้นเหนือๆของ ราอูล ฮิมิเนซ กลายเป็น อันเดรส เปเรย์ร่า ได้แหย่เข้าไปง่ายๆ ช็อตดังกล่าว อคานยี่ เหมือนจะเหม่อไปหน่อย เพราะคิดว่า เอแดร์ซอน จะออกมาคว้าบอล
ส่วนประตู 2-3 ของ โรดริโก้ มูนิซ พื้นที่ตรงนั้นมีแนวรับ ซิตี้ ที่ล้อมลอบดาวยิงชาวบราซิลถึง3คนทั้ง ดิอ๊าซ - วอล์คเกอร์ และ สโตนส์ แต่ไม่มีใครประชิดติดตัวเลย จน มูนิซ ได้พลิกยิงง่ายๆ
นี่เป็นอีกนัดที่เรือใบสีฟ้า แนวรับทำหน้าที่กันได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ การยืนประกบตัวที่ห่าง และการยืนลอยสูง ทำให้พวกเขาต้องเจอกับสถานการณ์คับขัน โดยเฉพาะเมื่อต้องเจอกับจรวดทางเรียบสายถึก อดาม่า ตราโอเร่
กรีลิช แผลงฤทธิไม่ออก / โดกู ลูกยิงปืนใหญ่
แนวรุกริมเส้นฝั่งซ้ายของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในฤดูกาลนี้ เหมือนจะผลัดกันเล่นดีแย่จริงๆสำหรับ แจ็ค กรีลิช และ เฌเรมี่ โดกู โดยเมื่อคืนเป็น " ไอ้แจ็ค " ที่ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง และก็ไม่ใช่นัดที่ กรีลิช ทำผลงานได้น่าประทับใจเลย
กรีลิช ต้องดวลกับแบ็กขวาทีมเยือนอย่าง เคนนี้ เตเต้ ดาวเตะค่าตัว100ล้านปอนด์ พยายามจะเลี้ยงบอล แต่ก็ดูไม่คืบไปไหนสักที บทบาทในเกมรุกกลับกลายว่าเป็นแบ็กอย่าง ยอสโก้ กวาร์ดิโอล ที่เติมมาได้น่ากลัวกว่า
ทำให้ท้ายที่สุดแล้ว เจ้าตัวก็ได้อยู่ในสนามเพียงแค่ 62นาที กลายเป็น เฌเรมี่ โดกู ได้ลงมาบู๊แทน ซึ่งก่อนหน้านั้นหลายๆนัด จอมมุดชาวเบลเยี่ยม ก็ไม่ใช่จะผลงานดีเท่าไหร่ เป็นคนที่ทำจังหวะสุดท้ายน่าผิดหวังตลอดไม่ว่าจะยิงหรือจ่าย
แต่ทว่านัดกับฟูแล่ม เหมือนอาวุธของ โดกู จะฉายบ้าง กับลูกยิงส่ายแรงเป็นปืนกลนอกกรอบเขตโทษแหวกตาข่ายเข้าไป การลงมาของ เฌเรมี่ โดกู ทำให้ริมเส้นฝั่งซ้ายของ ซิตี้ คล่อง แนวรับทีมเยือนดูระแวงขึ้น
ประตู 3-1 ของเจ้าตัว ทำให้เรือใบสีฟ้าเล่นสบายขึ้น ก่อนท้ายที่สุดจะโดนไล่มา 2-3 ก็ตาม ซึ่งถือว่าแม้ โดกู จะทำประตูได้ แต่ภาพรวมปีกริมเส้นฝั่งซ้ายของ ซิตี้ ก็ยังดูติดๆขัดๆจริงๆ เพราะผ่าน7นัดในลีก ทั้ง โดกู และ กรีลิช มีผลงานรวมกันเพียงแค่1ประตู 1แอสซิสต์ เท่านั้น
อดาม่า เร็วและถึก แต่จบไม่คมสุดๆ
สมัยที่เล่นให้กับ วูล์ฟแฮมป์ตัน ร่วมกับแนวรุกอย่าง ดิโอโก้ โชต้า และ ราอูล ฮิมิเนซ เป็นหนึ่งในปีกที่น่าจับตามองมากๆเลยสำหรับ อดาม่า ตราโอเร่ จนถูกตั้งค่าหัวไว้แพงระดับ 50-70 ล้านปอนด์ เลยทีเดียวก่อนที่เจ้าตัวจะค่อยๆดร็อปลงมาเรื่อยๆ
กับฟูแล่ม เมื่อคืนนี่คือการได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในพรีเมียร์ลีก 7นัดติดต่อกันเข้าให้แล้วของ ตราโอเร่ ตำแหน่งปีกซ้ายของเจ้าตัวทำได้ได้ดวลกับเจ้าหนู ริโก้ ลูอิส ซึ่งด้วยรูปร่างต้องบอกว่า อดาม่า ได้เปรียบมากๆ
และด้วยแผนการเล่นของ ซิตี้ ที่หลังลอยสูง ทำให้มีพื้นที่จำนวนมากให้ เจ้าตัวได้ใช้ความเร็วกระชากบอลสปีดหนี " เร็ว แรง ทะลุนรก " คือนิยามของ ปีกสายกล้ามรายนี้เลยก็ว่าได้ จริงๆ อดาม่า ตราโอเร่ มีโอกาสได้จบสกอร์ทั้ง3ครั้ง แต่ไม่ดีพอ
จังหวะแรก อดาม่า ทำได้ดีจังหวะสวนกลับเบียดเอาชนะ ริโก้ ลูอิส ได้ยิงแต่ทว่าไปติดขา เอแดร์ซอน และน่าจะยิงประตูหนีห่างให้ทีม 2-0 สุดๆ กับจังหวะที่ เปเรย์ร่า กระชากไหลตบเข้ากลาง อดาม่า ได้ยิงแบบไม่จับข้ามออกไปอย่างน่าเสียดายสุดๆ
หรือในครึ่งหลัง อดาม่า ตราโอเร่ ก็ได้แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งขั้นสุด เพราะเอาชนะ ไคล์ วอล์คเกอร์ ได้ทั้งความเร็วและความแข็งแกร่ง หลุดเข้าไปยิง แต่ยังยิงติดเซฟเอแดร์ซอน เหมือนเดิม ซึ่งหายากมากๆ กับนักเตะที่จะเบียดเอาชนะวอล์คเกอร์ ทั้งในเรี่องความแข็งแกร่งและความเร็ว
3จังหวะเหน่งๆ ของ " พี่กล้าม " น่าจะแปรเปลี่ยนเป็นสกอร์ได้อย่างน้อย1เม็ด ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่ เพราะ อดาม่า ตราโอเร่ เป็นแบบนี้มานานแล้ว เรื่องความเฉียบคมจังหวะสุดท้าย เพราะตลอด198นัดในพรีเมียร์ลีก เจ้าตัวยิงไปได้เพียง 13ประตูเท่านั้น
เป๊ป ยึดกลุ่มลุ้นแชมป์ ก่อนพักเบรกทีมชาติ
แม้ว่าจะไม่ได้ขึ้นนำเป็นจ่าฝูง แต่ทว่าการตามหลังจ่าฝูงลิเวอร์พูล เพียงแค่1แต้ม ถือว่าเป็นมาตรฐานที่สูงเหมือนเดิมสำหรับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับผลงาน ชนะ 5 เสมอ2 จาก 7นัดแรก แต่ถึงกระนั้นก็ดี เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยังมีจุดที่ต้องแก้ไขเช่นกัน
การขาดหายไปของ โรดรี้ ที่ปิดเทอมยาวซีซั่นนี้ไปแล้ว ตัวแทนอย่าง มัตเตโอ โควาซิช ก็ไม่ได้ทำให้ทีมเครื่องสะดุดแต่อย่างใด แต่ทว่าในเรื่องของการดักบอล คุมเกม โฮลบอล ห้องเครื่องชาวโครแอต ยังไม่ได้เทพมากนัก
ซึ่งต้องมาดูระยะยาวว่า จุดนี้จะส่งผลกระทบต่อเรื่อใบช่วงท้ายฤดูกาลไหม หรือ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จะแก้ปัญหาดังกล่าวเมื่อตลาดนักเตะหน้าหนาวเลย คนที่เริ่มมีข่าวด้วยบางๆนั่นคือ มาร์ติน ซูบิเมนดี้ ของ เรอัล โซเซียดาด
เกมรับเป็นอีกจุดที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีช่องโหว่เยอะมาก เพราะเสียไปแล้วถึง 8ประตู จาก7นัด แม้ว่าจะไม่มากเท่าไหร่ แต่ทว่าเมื่อเทียบกับทีมที่จะลุ้นแชมป์ ถือว่าเยอะพอควร การยืนลอยสูง ทำให้เรือใบสีฟ้า ส่งผลให้ปีกคู่แข่งมีพื้นที่ได้กระชากสร้างความอันตรายเสมอ
ทางด้านเกมรุก ในยามที่ไร้เงา เควิน เดอ บรอยน์ บอลคิลเลอร์พาส หรือการเข้าทำจากพื้นที่ตรงกลางประสิทธิภาพลดน้อยถอยลงฮวบฮาบ อิลคาย กุนโดกัน ที่กลับเข้าสู่ทีมรอบสอง ยังไม่พีคเหมือนรอบแรก เมื่อคืนกับฟูแล่ม มีโอกาสได้จบเหน่งๆ2ครั้ง แต่พลาดไปหมด
- คอลัมน์นิสต์
- คอลัมน์บอล วิเคราะห์บอล พรีเมียร์ลีก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ฟูแล่ม เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มัตเตโอ โควาซิช อดาม่า ตราโอเร่ เฌเรมี่ โดกู
- 168
- 06 ต.ค. 2567 14:52