สุดยอดแห่งเกมรับ ! เรือ หืด ไล่ตามเจ๊า ปืน10ตัว 2-2 สโตนส์ ซัดทดเจ็บ น.90+8
เป็นทั้งเกมที่ได้ในเรื่องของคุณภาพสู้กันในเรื่องของแท็กติกชิงไหวชิงพริบ แถมยังมีเรื่องของอัตราความเมามันดราม่า จากการตัดสินของกรรมการในสนามเข้ามาเสริมเพิ่มอีกด้วย สำหรับพรีเมียร์ลีก คู่บิ๊กแมตช์ประจำสัปดาห์ที่5อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ อาร์เซน่อล ที่เหลือ10ตัว ตั้งแต่ท้ายครึ่งแรก ก่อนที่เกมจะจบลงด้วยสกอร์ 2-2 แชร์แต้มกันไป
เกมพรีเมียร์ลีกคู่สุดท้ายประจำสัปดาห์นี้ ที่สนาม เอติฮัด สเตเดี้ยม เป็นการพบกันระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ อาร์เซน่อล ศึกที่มีจ่าฝูงเป็นเดิมพัน โดยการจัดตัวผู้เล่นฝั่งเจ้าบ้าน ต้องไร้เงา เควิน เดอ บรอยน์ เพลย์เมคเกอร์คนสำคัญ และ ฟิล โฟเด้น มีชื่อเพียงแค่ตัวสำรองเท่านั้น
แต่ทว่าตรงกลางก็ได้ โรดรี้ คืนสนาม ลงเล่นตัวจริงนัดแรกในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ แนวรุกมากันครบมือทั้ง อิลคาย กุนโดกัน - แบร์นาร์โด้ ซิลวา ปีกสองข้าง ซาวินโญ่ - เฌเรมี่ โดกู และหน้าเป้าจอมทำลายล้าง เออร์ลิง ฮาลันด์
ทางฟากอาร์เซน่อล ที่มีสถิติไม่สู้ดีนักเวลามาเยือนสนามแห่งนี้ มิเคล อาร์เตต้า มาในระบบ 4-2-3-1 เบน ไวท์ ที่ไม่ฟิตเท่าไหร่ เป็นหน้าที่ของ เจอร์เรียน ทิมเบอร์ แทน แบ็กซ้าย ริคาร์โด้ คาลาฟิออรี่ ส่วนตำแหน่งของ มาร์ติน โอเดการ์ด เป็นหน้าที่ของ ไค ฮาแวร์ตช์ และ เลอันโดร ทรอสซาร์ ที่สลับกันขึ้นลงเล่น
เริ่มเกมมาได้เพียง8นาที ซิตี้ ก็มาได้ประตูขึ้นนำ1-0 จาก ซาวินโญ่ ที่จ่ายบอลไปตรงที่ว่างระหว่างเซ็นเตอร์ ให้ เออร์ลิง ฮาลันด์ หลุดเดี่ยว เข้าไปซัดบอลผ่านตัว ดาบิด ราย่า เข้าไป หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจ เจ้าบ้านก็ต้องมาเสีย โรดรี้ ที่มีอาการบาดเจ็บ เป็น มัตเตโอ โควาซิซ ที่ได้ลงมาบู๊แทน น.21
อย่างไรก็ตามอาร์เซน่อล ที่เหมือนจะเกมเป๋ไป ก็มาได้ประตูตีเสมอ 1-1 น.22 จากจังหวะเล่นเร็ว กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ จ่ายบอลให้นอกกรอบเขตโทษ เป็น คาลาฟิออรี่ ที่วิ่งเข้ามาปั่นด้วยซ้ายบอลเสียบมุมสุดสวยชนิด 10เต็ม10 เอแดร์ซอน หมดสิทธิเซฟด้วยประการทั้งปวง
" เดอะ กันเนอร์ส " เหมือนได้ใจ และก็มาเล่นงาน เรือใบสีฟ้า ได้อีกครั้ง จากลูกเตะมุมที่เป็นเหมือนอาวุธลับของพวกเขา กาเบรียล มาร์กัลเญส โขกลูกเตะมุมสูตรของ บูกาโย่ ซาก้า เข้าไป น.45+1 ขึ้นนำ 2-1 แต่ทว่าอย่างไรก็ตามช่วงทดเวลาบาดเจ็บ 45+8 ทรอสซาร์ ก็ไปเสียค่าโง่ เตะบอลถ่วงเวลา จนโดนใบเหลืองแดงไล่ออกจากสนาม ก่อนจบ45นาทีแรก ไปด้วยสกอร์ดังกล่าว
ครึ่งหลังอาร์เซน่อล ที่ต้องเล่น10คนตลอดทั้งครึ่ง มิเคล อาร์เตต้า ก็เปลี่ยนตัวด้วยการถอด ซาก้าออก แล้วให้ เบน ไวท์ ลงมาเล่นแทน แน่นอนว่าการเหลือผู้เล่นเพียงแค่10คน เกมต้องเป็นแบบวันเวย์ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แน่
และก็เป็นแบบนั้นจริงๆทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ขึงเกมเข้าใส่ผู้มาเยือนแบบ100% ครองบอลรวมทั้งเกมเกือบ 80% ต่อ 20% แต่ทว่าเกมรับของปืนใหญ่ เรียกได้ว่าโคตรมหาอุด สไตล์อิตาเลี่ยน คาเตนัชโช่ ของแท้ ซิตี้ ที่ถ่ายบอลไปมาหน้ากรอบเขตโทษ ไม่มีโอกาสได้ยิงเหน่งๆเลย บังคับเป็นให้ต้องยิงไกลมากกว่า ซึ่งคนที่ยิงเป็น รูเบน ดิอาซ ที่ไม่ถนัดเรื่องนี้อยู่แล้ว บอลจึงมีทั้งหลุดกรอบและข้ามคานแบบไม่ได้ลุ้น
แถม ดาบิด ราย่า ที่กำลังอยู่ในช่วงฟอร์มหนึบขึ้นหม้อสุดๆ ก็ช่วยเซฟจังหวะซัด2ครั้ง2คราของ ยอสโก้ กวาร์ดิโอล ไว้ได้ เกมทำท่าว่าทำนบเกมรับของปืนใหญ่จะได้เป็นฮีโร่แล้ว แต่ทว่าความพยายามครั้งสุดท้ายของ ซิตี้ ก็บรรลุผล ลูกยิงของ โควาซิซ ในเขตโทษไปติดบล็อกผู้เล่นอาร์เซน่อล กลายเป็นตัวสำรอง จอห์น สโตนส์ ตามซ้ำเข้าไป ตีเสมอ 2-2 นาทีบาปของนาทีบาปสุดๆ 90+8 และจบเกมด้วยสกอร์ดังกล่าว แบ่งแต้มกันไป
2ประตูจากทีเด็ดแนวรับปืน กาเบรียล & คาลาฟิออรี่
อาจจะด้วยยังซ้อมกับเพื่อนร่วมทีมน้อยไปหน่อย นั่นทำให้ ริคาร์โด้ คาลาฟิออรี่ เล่นให้กับอาร์เซน่อล ในเกมพรีเมียร์ลีก ไปเพียงแค่2นัด และก็เป็นในบทบาทตัวสำรองเสียด้วย ซึ่งกว่าจะได้ลงตัวจริงอดีตกองหลังโบโลญญ่า ก็ต้องรอแมตช์ที่5 ซึ่งเป็นศึกใหญ่ดวลกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เลย
คาลาฟิออรี่ เริ่มต้นด้วยการต้องรับมือกับปีกชาวบราซิลอย่าง ซาวินโญ่ ซึ่งต้องบอกว่า มีหลายช็อตเหมือนกันที่แนวรับแดนมะกะโรนี เอาไม่อยู่ โดนความเร็วหลอกกระชาก ก่อนจะค่อยๆดีขึ้น เมื่อมี มาร์ติเนลลี่ มาช่วยซ้อนอีกแรง
เอาจริงๆครึ่งแรก เกมรับไม่ใช่ส่วนที่เจ้าตัวทำได้ดีเท่าไหร่ แต่ในเรื่องของเกมรุก ต้องบอกว่าประตูตีเสมอ1-1ของ คาลาฟิออรี่ งามหยดเหลือเกิน เมื่อปั่นด้วยซ้ายนอกกรอบเขตโทษ บอลหนีมือเสียบมุม ชนิดที่ เอแดร์ซอน หมดสิทธิเซฟจริงๆ
ส่วน กาเบรียล ต้องบอกว่านี่คือกองหลังจอมโขกประตูขนานแท้ ซึ่งลูกตั้งเตะของปืนโตเล่นงานคู่แข่งมานับไม่ถ้วน นั่นก็คือใช้ผู้เล่น 3-4คน สกรีนขวางทางโกล ซิตี้ และก็เป็น กาเบรียล มาร์กัลเญส ที่อ้อมมาโขกเสียบเสาเข้าไป
เซ็นเตอร์ชาวบราซิล พึ่งจะทำประตูในลักษณะเดียวกันนี้ในเกมกับสเปอร์สเมื่อวีคที่ผ่านมา โดยนับตั้งแต่ย้ายจาก ลีลล์ มาอาร์เซน่อล เมื่อปี 2020 กาเบรียล ทำไปได้มากถึง15ประตู จาก136นัดในพรีเมียร์ลีก มากกว่ากองหลังทุกรายในลีกช่วงเวลาเดียวกัน
ซาวินโญ่ แจ่ม อันตรายและมีประโยชน์กว่า โดกู
เป็นอีกหนึ่งคนที่เล่นดีมากๆของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในฤดูกาลนี้ แต่ทว่าไม่ได้ถูกพูดถึงเท่าไหร่ เพราะจำนวนแอสซิสต์ยังน้อย และยังเบิกประตูแรกให้กับทีมไม่ได้ แต่ทว่ามองในเรื่องของคุณภาพการเล่น การเชื่อมเกมกับเพื่อนได้เข้าขารู้ใจ ต้องบอกว่า ซาวินโญ่ ไฉไลเป็นบ้าเลย
อาจจะด้วยความที่ ฟิล โฟเด้น ยังไม่ฟิตมากพอ นั่นทำให้ ซาวินโญ่ ได้ออกสตาร์ทตัวจริงในเกมสุดสำคัญนี้ไปก่อน และนี่คือการเล่นเป็น11คนแรก ในเกมลีกนัดที่4เข้าให้แล้ว และด้วยตำแหน่งปีกขวา ทำให้เมื่อคืนเจ้าตัวต้องได้ดวลกับ คาลาฟิออรี่
ซาวินโญ่ ไม่มีปัญหาเลยกับการเล่นงาน คาลาฟิออรี่ เผาเครื่องแบ็กซ้ายชาวอิตาเลี่ยนได้เป็นระยะ หรือตีโซนเกมรับของอาร์เซน่อล ให้โล้ไหลตามมา และก็เป็นที่มาของลูกจ่ายสุดเฉียบของเจ้าตัว ที่กลายเป็นแอสซิสต์ให้ ฮาลันด์ ซัดประตูขึ้นนำ 1-0
ปีกแดนกาแฟ สร้างความหนักใจให้พื้นที่ฝั่งซ้ายปืนโตอย่างมาก ถึงขนาดที่ปีกอย่าง มาร์ติเนลลี่ ต้องมาช่วยซ้อนอีกรายถึงคลี่คลายขึ้น 74นาทีในสนาม ซาวินโญ่ เลี้ยงบอลผ่าน3ครั้ง เรียกฟาวล์4หน (เรียกใบเหลือง1ใบ) มีโอกาสยิง2ครั้ง
ส่วนอีกฝั่งอย่าง เฌเรมี่ โดกู เป็นเหมือนการฉายหนังซ้ำ เพราะปีกจอมมุมชาวเบลเยี่ยม เอาแต่ก้มหน้าก้มตามุดๆ โอเคว่าลากเลื้อยตะลุยดี แต่จังหวะสุดท้ายไปตายทำเสียหมดทั้งเปิดทั้งยิง เป็นผู้เล่นที่มีความวูบวาบ แต่หวังผลลัพธ์ไม่ได้เลย
ซึ่งการที่ แจ็ค กรีลิช ได้ลงมาเล่นแทน ต้องบอกว่า " ขุนแจ็ค " ที่ไม่ใช่ปีกสายกระชาก ดีกว่าเห็นๆในเรื่องประโยชน์ต่อทีม และประตูตีเสมอ 2-1 ก็มีจุดเริ่มต้นจากการเล่นเร็วของ กรีลิช นี่แหละ
หลายอารมณ์กับ วอล์คเกอร์
หลังจากที่ 3นัดแรกในลีก แบ็กขวาตัวจริงของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นโอกาสของเจ้าหนูดาวรุ่ง ริโก้ ลูอิส แต่ทว่า2นัดหลังสุด กลายเป็นเจ้าของสัมปทานเดิมอย่าง ไคล วอล์คเกอร์ ที่กลับมายึดตำแหน่งได้อีกครั้ง ซึ่งตลอด78นาทีในสนาม วอล์คเกอร์ มีหลายอารมณ์มากๆ
ประตูแรกที่เสียไปต้องบอกว่าเป็นความซวยของ วอล์คเกอร์ ด้วยก็ได้เพราะ ผู้ตัดสิน ไมเคิ่ล โอลิเวอร์ ไปเรียกกัปตันทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เข้าไปคุยด้วยในจังหวะฟาวล์ แต่ทว่าเมื่อเข้าไปคุยแล้ว กลับปล่อยให้ อาร์เซน่อล เล่นเร็วซะงั้น
แม้จะลงไปรับทัน แต่ทว่าก็มีช่องให้ มาร์ติเนลลี่ ได้จ่ายให้ คาลาฟิออรี่ ยิงสุดสวย ตีเสมอ1-1 ส่วนการรับมือลูกเตะมุม แบ็กวัย34ปี ตามประกบ กาเบรียล ได้แย่มาก มัวแต่มองบอลไม่มองคน ทำเพียงแค่เตะๆ ไม่คล้องตามประกบ จนกองหลังจอมโขกรายนี้ ขึ้นทำประตูได้สบายๆ
แต่ทว่าอย่างไก็ตาม ครึ่งหลังด้วยความที่อาร์เซน่อล เหลือ10คน ต้องเล่นเกมรับเต็มสูบ ทำให้ วอล์คเกอร์ ไม่ได้โดนบททดสอบอะไรมากนัก มีงานให้ทำส่วนใหญ่นั่นก็คือ การวิ่งกวาดแย่งบอลกับ มาร์ติเนลลี่ และ วอล์คเกอร์ เอง ก็ใช้ความเร็วและความแข็งแกร่งเอาชนะได้ทุกครั้ง
ส่วนเกมบุก วอล์คเกอร์ มีโอกาสได้ยิง4หน แต่ในช่วงที่อาร์เซน่อล เหลือ11คน ต้องบอกว่าน่าหวาดเสียวเหลือเกินสำหรับเจ้าตัว ความเร็วความแข็งแกร่งยังมีให้เห็น แต่ทว่ามิติเกมรุกไอเดียต่างๆ เหมือนเจ้าหนู ริโก้ ลูอิส จะทำได้ดีกว่าไปแล้วหากว่าได้ลงตัวจริง
ที่สุดแห่งเกมรับกำแพงเหล็กอาร์เซน่อล
นี่คือหนึ่งทีมที่มีเกมรับเหนียวแน่นๆสุดๆอยู่แล้วสำหรับ อาร์เซน่อล เพราะ5นัด ในซีซั่นนี้รวมทุกรายการ พวกเขาโดนคู่แข่งกระซวกตาข่ายไปได้เพียง1เม็ดเท่านั้น และนั่นก็เป็นเกมที่พวกเขาต้องเหลือผู้เล่นเพียงแค่10คน นัด ไบร์ทตัน
ส่วนเมื่อคืนเม็ดแรกที่เสียให้ ฮาลันด์ ต้องบอกว่าเป็นการรักษาช่องว่างระยะห่างระหว่างเซ็นเตอร์ที่ไม่ค่อยดีของ กาเบรียล มาร์กัลเญส แต่ทว่าหลังจากนั้นต้องบอกว่าแนวรับป้อมปราการของปืนโตนั้นโคตรแข็งแกร่งเลย โดยเฉพาะช่วงที่เหลือ10คน
การเล่นที่ เอติฮัด โดยที่ต้องเหลือผู้เล่น10คน ตั้งแต่ออกสตาร์ทครึ่งหลัง ต้องบอกว่านี่คืองานที่ยากระดับเข็นครกขึ้นภูเขาเลย เพราะคุณจะโดน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขึงเกมบุกเข้าใส่แบบไม่ได้พักหายใจ ทุกทิศทุกทาง และก็เป็นแบบนั้นจริงๆ เรือใบสีฟ้า ต่อบอลอย่างใจเย็นหน้าเขตโทษของอาร์เซน่อล
แต่ทว่าก็ต้องชมแท็กติกของ อาร์เตต้า และระเบียบวินัยเกมรับของแข้งปืนโตด้วย ที่ไม่แตกแถวเลย เวลาโดนต่อบอลไปมาหน้ากรอบเขตโทษ ซิตี้ โอกาสร่วม20ครั้งของเจ้าบ้านหาช็อตใกล้เคียงได้น้อยมาก เพราะเป็นการถูกบีบให้ยิงไกลมากกว่า และคนยิงก็เป็นกองหลังอย่าง รูเบน ดิอ๊าซ ที่ไม่ได้มีความใกล้เคียง
ผู้เล่นอาร์เซน่อล ทั้ง9คน ยืนเป็น2ชั้น หน้ากรอบเขตโทษและในเขตโทษ พวกเขากล็อกลูกยิงของเรือใบได้มากถึง13ครั้ง วิลเลี่ยม ซาลิบา บัญชาการเกมรับได้เป็นอย่างดี นี่คือปืนโตในเวอร์ชั่น " คาเตนัชโช่ " ขนานแท้เลย ไม่มีช่องว่างใดๆให้เจาะ
แถมด่านสุดท้ายอย่าง ราย่า ก็เหนียวหนึบสุดๆด้วย ลูกกลางอากาศก็ออกมาคว้าได้อย่างแม่นยำไม่หลุดมือ น่าเสียดายที่จังหวะสุดท้าย ของทดเวลาบาดเจ็บนาทีสุดท้าย 90+8 สมาธิที่หลุดไปนิดเดียว จนทำให้3แต้มหลุดลอยออกไปจากมือพวกเขา
เกมครบทุกรสชาติ โอลิเวอร์ สร้างงานอีกแล้ว
แม้ว่าจะเป็นบิ๊กแมตช์ เพราะนี่คือทีมเต็ง1และเต็ง2 ที่จะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก แต่ทว่าเมื่อมองจากสถิติหลังๆ ก็หวั่นเหมือนกันว่า นี่จะเป็นเกมที่จืดชืด เพราะ2นัดล่าสุดที่ดวลกัน ลงเอยด้วยสกอร์ 0-0 และ 1-0 บวกกับนี่เป็นเพียงแค่ต้นฤดูกาลเท่านั้น ทั้งสองทีมน่าจะยังไม่อยากแพ้กันเท่าไหร่
แต่ทว่าประตูนำเร็ว1-0 ของ ซิตี้ จาก ฮาลันด์ นั่นทำให้เกมเปิดอย่างเต็มรูปแบบ บวกกับการฉวยโอกาสเล่นเร็วของอาร์เซน่อล และแท็กติกการเล่นลูกตั้งเตะอันแยบยล ทำให้ผู้มาเยือนจากลอนดอน แซงขึ้นนำได้สำเร็จ
จริงๆเกมนี้มีหลายรสชาติมากๆ และผู้ตัดสินอย่าง ไมเคิ่ล โอลิเวอร์ ก็เป็นผู้มีส่วนร่วมในการปรุงแต่งด้วย เพราะประตูแรกของอาร์เซน่อล โอลิเวอร์ ไปเรียกกัปตันทีม ไคล วอล์คเกอร์ เข้ามาคุย แต่อยู่ดีๆกลับเป่าให้อาร์เซน่อล ได้เล่นเร็วซะงั้น จน วอล์เกอร์
ประตูที่เสียไปดังกล่าวเล่นเอา เป๊ป กวาร์ดิโอล่า อยากเป็นนักมวยปล้ำ ถีบเก้าอี้ข้างสนามซะเลย นอกจากนี้ เปา โอลิเวอร์ ยังเฮี๊ยบสุดๆด้วยการแจกใบเหลือง-แดง ให้ เลอันโดร ทรอสซาร์ จากการพยายามเตะบอลทิ้ง ทำให้อาร์เซน่อล เหลือ10คน
10คน ทำให้เราได้เห็นโคตรอภิมหาเกมรับของอาร์เซน่อล ที่เหนียวแน่นแข็งแกร่งสุดๆ กับภารกิจที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ มาพลาดนาทีบาปสุดท้ายของสุดท้ายจริงๆ ทั้งเกมมีจังหวะถ่วงเวลาจากปืนโตเป็นระยะๆ สร้างความหงุดหงิดให้เจ้าบ้านเป็นอย่างมาก
ส่วนที่ไม่พูดถึงไม่ได้นั่นก็คือ เออร์ลิง ฮาลันด์ ที่ยิงประตูที่100 ให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จาก 105นัด มีคอนเทนต์เยอะเหมือนกัน เพราะมีจังหวะเดือดดาลกับ กาเบรียล หลายช็อต แถมตอนตีเสมอ 2-2 หอกชาวนอร์เวย์ ก็เอาบอลไปโยนใส่หัวกองหลังแดนแซมบ้าดื้อๆ จบเกมยังมีไปปะทะคารมกับ กาเบรียล เชซุส และ ไมลส์ เลวิส สเคลี่ ด้วยแววตาเอาเรื่องสุดๆ
- คอลัมน์นิสต์
- คอลัมน์บอล วิเคราะห์บอล พรีเมียร์ลีก อาร์เซน่อล แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มิเคล อาร์เตต้า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จอห์น สโตนส์ เลอันโดร ทรอสซาร์
- 198
- 23 ก.ย. 2567 15:39