เสมอยุติธรรม ! ผี เจ๊า สิงห์ 1-1 ไกเซโด้ ซัดงามหยดนอกกรอบ เซฟแต้ม
แม้ว่าจะเป็นเกม คาราบาว คัพ และ คู่แข่งเป็นทีมที่อื่นชั้นกว่า อย่าง เลสเตอร์ ซิตี้ ซึ่ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็เอาชนะไปได้ 5-2 สำหรับการคุมทีมนัดแรกของ รุด ฟาน นิสเตลรอย แต่ทว่านัดต่อมาในพรีเมียร์ลีก พลพรรคปีศาจแดงต้องเจอศึกหนักพอสมควร เพราะต้องดวลกับเซลซี ที่ดีขึ้นมากๆในยุคกุนซือคนใหม่ เอ็นโซ่ มาเรสก้า กลายเป็นทีมที่มีลุ้นกลับไปเล่น แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกครั้ง ก่อนสุดท้ายจะเจ๊ากันไปแบบยุติธรรม 1-1
รุด ฟาน นิสเตลรอย กุนซือรักษาการ คุมทัพปีศาจแดงนัดที่สอง ด้วยการเปิดบ้านดวลกับทีมลุ้นโควตา ยูซีแอล อย่าง เซลซี การจัดทัพ " พี่ม้า " ไม่ได้ทำอะไรแปลกพิศดารมาก จัดทัพได้ค่อนข้างเข้าตาแฟนบอล
ระบบ 4-2-3-1 มีการปรับเปลี่ยนตัวผู้เล่นในนัดกลางสัปดาห์กับ เลสเตอร์ ซิตี้ เพียง2ตำแหน่งเท่านั้น นุสแซร์ มาซราวี กับ ราสมุส ฮอยลุนด์ ได้เล่นแทน วิคเตอร์ ลินเดอเลิฟ และ โจชัว เซิร์กซี คู่กลางเป็น กาเซมิโร่ กับ มานูเอล อูกาเต้ เพลย์เมคเกอร์ บรูโน่ แฟร์นันเดซ
ปีกสองข้างเป็น มาร์คัส แรชชฟอร์ด และ อเลฮานโดร การ์นาโช่ ทางฟากของเซลซีของผู้จัดการทีม เอ็นโซ่ มาเรสก้า มาในระบบเก่ง 4-2-3-1 มีเซอร์ไพรส์เล็กน้อยตรงที่ รีซ เจมส์ ได้ลงเล่นเป็นแบ็กซ้าย(อีกครั้ง) แบ็กขวา มาโล กุสโต้ คู่เซ็นเตอร์ ลีวาย โควิลล์ กับ เวสลี่ย์ โฟฟาน่า
คู่กลาง มอยเซส ไกเซโด้ ผนึกกำลังกันกับ โรเมโอ ลาเวีย ส่วน เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ นั่งสำรองไปก่อน แดนหน้ามากันครบทั้ง โคล พาลเมอร์ - โนนี่ มาดูเอเก้ - เปโดร เนโต้ และ นิโคลาส แจ็คสัน ส่วน เจดอน ซานโช่ อดเจอทีมเก่าเพราะมีอาการบาดเจ็บ
เริ่มเกมมาช่วง20นาทีแรก กลายเป็นทีมเยือนที่เหนือกว่า และเกือบขึ้นนำไปก่อนจากลูกเตะมุม มาดูเอเก้ ได้โขก ไปชนเสาอย่างจัง แดนกลางของเซลซี ที่ดูสดและคล่องกว่า ทำให้การคอนโทรลเกมเป็นของพวกเขา แต่ทว่าแนวรับเจ้าบ้านก็ไม่ได้แสดงความผิดพลาดอะไรออกมา
ก่อนที่ปีศาจแดงจะค่อยๆรูปเกมกระเตื้องมาช่วง ตั้งแต่ น.30 เป็นต้นไป มีโอกาสจากบอลสวนกลับจากทั้ง การ์นาโช่ และ ลูกยิงแบบไม่ต้องจับของ แรชฟอร์ด ที่ไปชนสามเหลี่ยมออกหลังไป จบ45นาทีแรกด้วยสกอร์ 0-0
ครึ่งหลังสิงห์บูลส์มีการปรับหมาก เอา มาร์ค กูกูเรย่า ลงมาแทน กุสโต้ แล้วขยับ รีซ เจมส์ ไปแล้วแบ็กขวาที่ถนัด 45นาทีหลังกลายเป็นว่าเกมสวนกลับของ แมนฯยูไนเต็ด ที่น่ากลัวมากๆ มีโอกาสทั้ง แรชฟอร์ด และ การ์นาโช่ โดยในรายของดาวร่งเลือดฟ้า-ขาว เมื่อคืนทำตัวน่าหงุดหงิดมาก ทั้งยิงไม่คม ไม่จ่าย มุ่งหน้าจะเลี้ยงลูกเดียว
จนท้ายที่สุด ปีศาจแดงก็มาได้จุดโทษ โกล โรเบิร์ต ซานเชส ไปตะปบเท้า ฮอยลุนด์ ผู้ตัดสิน โรเบิร์ต โจนส์ ไม่ลังเลเลยที่จะเป่าเป็นจุดโทษ และ บรูโน่ แฟร์นันเดซ สังหารเข้าไป น.70 เป็นประตูแรกในพรีเมียร์ลีกของเจ้าตัวฤดูกาลนี้ด้วย
แต่ทว่าอย่างไรก็ตามปีศาจแดง ก็ยังคงเป็นปีศาจแดง ในเรื่องของทีมที่เสียสมาธิง่าย และหลังจากนั้นเพียงแค่4นาที พวกเขาก็มาโดนตีเสมอ 1-1 น.74 จากลูกยิงผีจับยัดนอกกรอบเขตโทษ ของ มอสเซส ไกเซโด้ ที่บอลพุ่งเป็นจวรดเสียบเสาเข้าไป
หลังจากนั้นช่วงท้ายเกม ทั้งเจ้าบ้านและทีมเยือนก็มีโอกาสช่วงท้ายเกมทั้งคู่ แต่ทว่าก็ทำหมูหกกันไปเองกับโอกาสที่ได้รับทั้ง เอ็นโซ่ เฟร์นันเดซ และ อเลฮานโดร การ์นาโช่ จบเกมจึงเสมอกันแบบถ้อยทีถ้อยอาศัย 1-1
การ์นาโช่ เอาบอลกลับไปเล่นที่บ้านคนเดียวไหม
ช่วงออกสตาร์ทฤดูกาลใหม่1เดือนแรก มีสถานะส่วนใหญ่เป็นตัวสำรอง และเมื่อลงมาก็ทำผลงานได้ดีเสียด้วย แต่ทว่าเมื่อได้ลงเล่นเป็นตัวจริงฟอร์มกลับสาละวันเตี้ยลงซะงั้นสำหรับ อเลฮานโดร การ์นาโช่ ที่อยากเป็น " นิว โรนัลโด้ " แต่ทว่าพอเล่นไปเล่นมาจะกลายเป็น " นิว แรชฟอร์ด " มากกว่า
การ์นาโช่ เริ่มต้นได้เล่นทางด้านริมเส้นฝั่งซ้าย และมีโอกาสก่อนใครเพื่อนเล่น จังหวะโต้กลับ ได้ง้างไกล แต่ทว่าไปตรงตัว โรเบิร์ต ซานเชส พอหลังจากช็อตนั้นทุกๆอย่างของแข้งเบอร์17รายนี้ ก็เข้าขั้นจังหวะนรกแตกหมดเลย
ทุกครั้งที่ อเลฮานโดร การ์นาโช่ ได้บอลสิ่งแรกที่เจ้าตัวต้องทำนั่นก็คือ การก้มหน้าก้มตามุดเลี้ยงไปก่อน แทนที่จะคิดก่อนว่าเพลย์ดังกล่าวควรจ่ายหรีอไม่ สิ่งที่จะทำให้เจ้าหนูรายนี้จ่ายบอลได้นั่นก็คือ ต้องหมดมุม หรือรู้ตัวว่าไปไม่รอดเลย จึงจะส่งย้อนกลับมา
มีหลายจังหวะเหมือนกันที่ปีศาจแดงได้สวนจังหวะดีๆ หลุดมามีทั้งพื้นที่และเวลา แต่บอลกลับไปอยู่ที่ การ์นาโช่ นานไปหน่อย หรือเมื่อพอจะจ่ายก็เป็นจังหวะทีเพื่อนร่วมทีมไม่ได้เปรียบหรือล้ำหน้าเสียจังหวะไปแล้ว
เมื่อคืน การ์นาโช่ มีโอกาสได้ยิงมากถึง4ครั้ง โอกาสที่ใกล้เคียงสุดๆนั่นก็คือ การดึงจังหวะแล้วถวายพานมาให้ของ บรูโน่ แต่ทว่า การ์นาโช่ ที่ได้ยิงโล่งๆในโขตโทษกลับเตะแป๊กไปเข้าซอง ซานเชส แบบเสียราคาและน่าเขกกะโหลกสุดๆ
โดยเจ้าหนูวัย20ปี แย่ถึงขนาดทีทำเอาดาวเตะรุ่นพี่ กาเซมิโร่ ปี๊ดแตก เพราะต้องมาแก้ไขบอลที่ทำเสียของ การ์นาโช่ ที่ไม่ยอมลงมาไล่ จนตัวเองต้องยอมทำฟาวล์โดนใบเหลืองไป ถ้ายังเล่นแบบนี้ สำหรับ การ์นาโช่ ไม่ต้องเป็น " นิวโรนัลโด้ " หรอก เอาแค่เป็น " นิวนานี่ " ยังไม่ได้ครึ่งเลย
มาซราวี พลังงานเหลือล้น
ขนาดได้เล่นในตำแหน่งที่ตัวเองไม่ถนัด เพราะทางตำแหน่งแบ็กขวาต้องให้ ดิโอโก้ ดาโล่ต์ เล่น แต่ทว่าผลงานเมื่อคืนของ นุสแซร์ มาซราวี เข้าตามากๆเลย เรียกได้ว่าคือหนึ่งในผู้เล่นที่โดดเด่นที่สุดของทัพปีศาจแดง ในวันที่ทีมไม่ได้เล่นดีอะไร
เกมรับการรับมือกับ มาดูเอเก้ เป็นงานขนมกรุบของแบ็กชาวโมร็อกโกรายนี้ รวมไปจนถึง กุสโต สิ่งที่เราได้เห็นตลอด90นาทีของ มาซราวี นั่นก็คือพลังงานที่ไม่มีวันหมด ใจสู้ทุกจังหวะ เวลาปั๊มบอลแย่งบอล
ซัพพอร์ทตัวรุกอย่าง แรชฟอร์ด ได้ดี มาซราวี มีสถิติหลายอย่างหลังจบเกมที่น่าซูฮกทั้ง ผ่านบอลเข้าเป้า 33 จาก36ครั้ง / แท็กเกิ้ล6ครั้ง / ผ่านบอลเข้าพื้นที่สุดท้าย6ครั้ง เลี้ยงบอลผ่านผู้เล่นเซลซีมากถึง 5หน
เอาชนะการครองบอล 4ครั้ง รวมถึง เคลียร์บอลและตัดบอลได้อย่างละ2หน ทั้งที่ไม่ใช่ตำแหน่งประจำที่ดเจ้าตัวถนัดแต่อย่างใด ฟอร์มแบบนี้ ถึงแม้ว่าประวัติที่ผ่านมา ปัญหาอาการบาดเจ็บจะเป็นเรื่องที่น่ากังวล
แต่ทว่าด้วยแนวทางการเล่นของกุนซือคนใหม่ ที่เล่นระบบ หลัง3 ตำแหน่งวิงแบ็กฝั่งขวา น่าจะเป็นอดีตแข้งบาเยิร์น มิวนิครายนี้แหละที่จองสัมปทานไปแล้ว1 ด้วยสไตล์การเล่นพละกำลังแพสชั่นต่างๆ บวกกับเมื่อเทียบกับ ดาโล่ต์ ในตำแหน่งแบ็กขวาต้องบอกว่า มาซราวี ดีกว่าหลายมิติจริงๆ
ครบเรื่องรับรุก แถมยังซัดฉลองวันเกิด ไกเซโด้
ค่อยๆดีขึ้นมากับเซลซีตั้งแต่ช่วงปลายฤดูกาลที่แล้ว สำหรับห้องเครื่องอย่าง มอยเซส ไกเซโด้ มาจนถึงในยุคกุนซือคนใหม่ เอ็นโซ่ มาเรสก้า ไกเซโด้ โดดเด่นกว่า เอ็นโซ่ เฟอร์นันเดซ เสียอีก เมื่อคืนเจ้าตัวได้ผนึกกำลังในแดนกลางร่วมกับ โรเมโอ ลาเวีย
ช่วงราวๆ30นาทีแรก ต้องบอกว่าแดนกลางของทีมสิงห์น้ำเงิน เหนือกว่าเจ้าบ้านชัดเจนมากๆ ทั้ง ลาเวีย และ ไกเซโด้ ดูทักษะดีและคล่องกว่าคู่ของปีศาจแดงอย่าง อูกาเต้ และ กาเซมิโร่ ที่ไม่ใช้มิดฟิลด์ประเภทชั้นเชิงเท่าไหร่
เราจึงได้เห็นความคล่องตัว การเอาตัวรอดเวลาโดนรุมของแดนกลางเซลซี ได้บ่อยครั้งใน45นาทีแรก โดยเฉพาะในรายของ ไกเซโด้ นั้นโดดเด่นสุดๆเลยทั้งรับและรุก จนมีช่วงหนึ่งเจ้าตัวได้ถูกขนานนามว่า มีทั้งส่วนผสมของ ปอล ป็อกบา และ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ในตัวเลยทีเดียว
เจ้าของค่าตัว115ล้านปอนด์ เป็นพลังงานขับเคลื่อนทั้งรับรุก ขึ้นลง แม้ว่าจะไม่ใช่ตัวรุก แต่ ไกเซโด้ ก็เลี้ยงบอลผ่านผู้เล่นเจ้าบ้านมากถึง3ครั้ง แท็กเกิ้ลและเรียกฟาวล์ได้อย่างละ3หน และที่สำคัญโดดเด่นสุดๆคือการเอาชนะการดวลได้ถึง9ครั้ง
และที่จะไม่ถูกพูดถึงไม่ได้เลย นั่นก็คือจังหวะซัดไกลสุดเฉียบของเจ้าตัว ที่วอลเล่ย์นอกกรอบเขตแบบไม่ต้องตกพื้น จากจังหวะโหม่งเคลียร์ลูกเตะมุมของ กาเซมิโร่ เสียบเสาแรกเข้าไปแบบสุดเฉียบ 10เต็ม10
เจมส์ แบ็กซ้ายดูขัดๆ ครึ่งหลังดีขึ้นเพราะกลับมาเล่นแบ็กขวา
กลับมาลงสนามได้เป็นครั้งแรก ในนัดที่บุกไปแพ้ลิเวอร์พูล 1-2 เมื่อวันที่ 20 ตุลาคม สำหรับ รีซ เจมส์ โดยนี่พึ่งจะเป็นการลงเล่นนัดที่3ในพรีเมียร์ลีก ฤดูกาลนี้ของเจ้าตัว และเป็นนัดที่2ติดต่อกันที่ได้เล่นในตำแหน่งแบ็กซ้าย ทั้งที่ปรกติถนัดแบ็กขวา
เกมรับเอาจริงๆ เจมส์ ก็ยังทำได้ดีอยู่นะในเรื่องของการเล่นเกมรับดวลกับปีกปีศาจแดง อย่าง แรชฟอร์ด และ การ์นาโช่ อาจเนื่องด้วยทั้งคู่ไม่ได้มีพิษสงอะไรมากด้วย แต่ทว่าเกมรุกนี่แหละคือสิ่งที่ แบ็กลูกหม้อเซลซีรายนี้หายไป
การเล่นแบ็กซ้ายทั้งที่ถนัดขวา แน่นอนว่าธรรมชาติในการเติมเกมรุกย่อมหายไปอยู่แล้ว เพราะจะเลี้ยงหรือจะเปิดต้องหักเข้าเท้าข้างถนัดเสียก่อน 45นาทีแรก เราจึงไม่ได้เห็น เจมส์ มีส่วนร่วมกับเกมรุกเยอะเท่าไหร่
แต่ทว่าพอ45นาทีหลัง เจมส์ ได้กลับไปเล่นฝั่งขวา ดูมีชีวิตชีวาขึ้น วางบอลยาว5ครั้ง ผ่านบอลเข้าพื้นที่สุดท้าย13ครั้ง แถมยังเอาชนะลูกกลางอากาศ 5จาก 6ครั้ง การดวลกับ การ์นาโช่ ก็ไม่ใช่ปัญหาเท่าไหร่ เพราะใช่แค่ความแข็งแกร่งร่างกายก็เอาชนะได้แบบชิลๆแล้ว
โดยแบ็กขวาตอนแรกที่เป็น มาโล กุสโต ทำได้ดีในการวิ่งเข้าไปเติมเกมรุก แต่ทว่าจังหวะสุดท้ายยังขาดทีเด็ดทีขาดไปหน่อย รวมถึงเกมรับก็ยังมีรั่วหรือจ่ายบอลพลาด ซึ่งท้ายที่สุดแล้ว ก็โดนเปลี่ยนตัวออกตั้งแต่พักครึ่งให้ กูกูเรย่า ลงมาแทน
พี่ม้า ทำผีมีชีวิตชีวา แต่ปัญหาเดิมยังเห็น
เกมเดบิวต์ที่ถล่มเอาชนะ เลสเตอร์ ซิตี้ ไป 5-2 ใน คาราบาว คัพ อาจจะพูดอะไรได้ไม่มากนัก เพราะเจอกับทีมที่อ่อนชั้นกว่า แถมทีมเยือนยังโรเตชั่นนักเตะกันเกินครึ่งทีมด้วย แต่ทว่าสิ่งที่ดูเจริญหูเจริญตามากขึ้นของปีศาจแดง นั่นก็คือกล้าเล่นเกมรุกและนักเตะมีชีวิตชีวา
กับเซลซี ออกสตาร์ทมารูปเกมค่อนข้างเป็นรองก่อนจะมาตั้งลำได้หลังเข็มนาฬิกาผ่าน 30นาที แนวรุกยังหวังโจมตีด้วยโอกาสฉาบฉวยเหมือนเดิม แต่ทว่ากล้าเอาบอลไปข้างหน้ามากขึ้น แนวรับก็ดูแน่นหนาขึ้น
จังหวะจบสกอร์ที่ไร้ความเฉียบคม คือปัญหาเดิมของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โดยเฉพาะกับการ์นาโช่ นอกจากนี้พวกเขายังหาโอกาสจบสกอร์เหน่งๆยังไม่ได้ ยังใช้จังหวะสวนกลับเป็นอาวุธหลักอยู่ เพราะ3ประสานแดนหน้า ต่อกันไม่ติด หรือไม่ประสานงานกันเลย ทั้ง ฮอยลุนด์ - การ์นาโช่ และ แรชฟอร์ด
การเข้ามาแก้ลำของ รุด ฟาน นิสเตลรอย ด้วยเวลาที่น้อยนิดทำให้ยังแก้ไขอะไรไม่ได้มาก ยังต้องเล่นตามแท็กติกของ เอริก เทน ฮาก จะว่าไป " พี่ม้า " ก็โปรแกรมเป็นใจเหมือนกันนะ กับการคุม2นัดที่เหลือเพราะได้เล่นใน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด หมดทั้ง
ยูโรป้า ลีก กับ พีเอโคเค (กรีซ) และ เลสเตอร์ อีกรอบในพรีเมียร์ลีก ก่อนจะวางไม้ให้ รูเบน อโมริม มาทำต่อ มีโอกาสสูงเหลือเกินที่ รุด จะจากไปแบบหล่อๆ เมื่อคืนที่ บรูโน่ กดจุดโทษขึ้นนำ ฟาน นิสเตลรอย ที่ฉลองเหมือนกับตอนที่ยังเป็นนักเตะเป๊ะๆ
ส่วนผลเสมอกับเซลซี 1-1 นั่นเท่ากับว่า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่แพ้สิงห์น้ำเงิน ใน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด มาแล้ว 12นัด ชนะ5 และหนักไปทางเสมอถึง 7นัด
- คอลัมน์นิสต์
- คอลัมน์บอล วิเคราะห์บอล พรีเมียร์ลีก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เซลซี อเลฮานโดร การ์นาโช่ รุด ฟาน นิสเตลรอย มอยเซส ไคเซโด้ บรูโน่ แฟร์นันเดซ
- 43
- 04 พ.ย. 2567 15:07