เคน บอดโทษ ! ตราไก่ เฉือน 2-1 เขี่ยสิงโตตกรอบ ชิรูด์ โขกชัย
ฟุตบอลไม่ได้คัมมิ่งโฮม อีกแล้ว สำหรับทีมชาติอังกฤษ เมื่อเป็นอีกครั้งและอีกครั้ง ที่พวกเขาไปไม่ถึงฝั่งฝันแชมป์ในรายการทัวร์นาเม้นต์ใหญ่ หลังเมื่อคืนที่ผ่านมา แพ้ให้กับฝรั่งเศส ไป1-2 ทั้งที่รูปเกมพลพรรคสิงโตคำราม ไม่ได้เป็นรองมาก แต่ทว่าทีเด็ดทีขาด รายละเอียดเล็กๆน้อยๆ เป็นทางฝั่งของลูกทีม ดิดิเย่ร์ เดชองส์ ที่งานเนี๊ยบกว่าแม้จะมีช็อตผิดพลาดบ้างก็ตาม
รอบ8ทีมสุดท้าย ระหว่าง อังกฤษกับฝรั่งเศส รูปเกมต้องบอกว่า สิงโตคำราม ไม่ได้เป็นรองเลย ครองบอล และหาโอกาสทำประตูได้มากกว่า แต่ทว่าด้วยความเผลอเรอประกบห่างเพียงแค่เสี้ยววินาที มิดฟิลด์อย่าง โอเรเลียง ชูอาเมนี่ ได้ตะบันไกลระยะ25หลา บอลพุ่งเป็นจรวดเสียบตาข่ายมุมซ้าย ให้ตราไก่ขึ้นนำ1-0 น.17
แม้จะโดนนำ อังกฤษก็ยังพยายามเรื่อยๆในการทวงประตูตีเสมอ ก่อนจะมาทำสำเร็จใน 45นาทีหลัง เมื่อ ผู้ทำประตูอย่าง ชูอาเมนี่ ไปพลาดท่าสกัด บูกาโย่ ซาก้า ในเขตโทษ ผู้ตัดสิน วิลตัน ซัมเปาโอ ที่จ้องอยู่เป่าเป็นจุดโทษทันที และก็เป็น แฮร์รี่ เคน สังหารเข้าไป น.54
หลังจากนั้นลูกทีมของ แกเร็ธ เซาธ์เกต ดูเหมือนจะมีกำลังใจขึ้นมามากๆ พยายามสร้างเกมบุกตลอด แต่ทว่าอยู่ดีๆก็เป็น ทัพ เลส์ เบลอส์ ที่ชิงขึ้นนำ2-1 อีกครั้ง เมื่อ อองตวน กรีซมันน์ เปิดเข้ามาให้ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ โขกแฉลบ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ เข้าไปดื้อๆ น.78
ทว่าอย่างไรก็ดี ทีมชาติฝรั่งเศสชุดนี้ที่มีความผิดพลาดในแนวรับให้เห็นตลอด เมื่อ เตโอ แอร์กน็องเดซ ไปกระแทกจากด้านหลัง ตัวสำรองอย่าง เมสัน เม้าท์ แบบไม่จำเป็น ผู้จัดติดเช็ก VAR ย้อนหลัง เป่าให้เป็นจุดโทษทันที
แต่ถึงกระนั้นแล้ว แฮร์รี่ เคน ที่ไม่มีปัญหากับการซัดจุดโทษเม็ดแรก ต้องมากดดันสุดๆกับการสังหารครั้งที่สอง เพราะผู้รักษาประตูที่อยู่ตรงหน้าคือ ฮูโก้ โยริส เพื่อนร่วมทีมที่รู้ไส้กันอย่างดีที่ ท็อตแน่ม ฮ็อต สเปอร์ส
ก่อนที่ท้ายที่สุดแล้ว เคน จะทนความกดดันไม่ไหวอัดเต็มแรง ส่งบอลข้ามคานแบบไม่ได้ลุ้นอะไรเลย แม้ว่าช่วงท้ายเกมที่มีการทดเวลากันยาวนานถึง8นาที พลพรรค " ทรี ไลออนส์ " จะพยายามอย่างหนักในการทวงประตีเสมอ ก็ไม่ได้มีโอกาสใกล้เคียงหรือสร้างความกดดันให้ฝรั่งเศสเลย
จบ90นาที ไม่ต้องไปลุ้นต่อในการต่อเวลาพิเศษ เป็นฝรั่งเศสที่เอาชนะไปได้ 2-1 ผ่านเข้าไปเล่นรอบรองชนะเลิศ ดวลกับทีมจอมเซอร์ไพรส์ โมร็อกโก ที่รอบที่ผ่านๆมา คว่ำทั้ง สเปน และ โปรตุเกส มาได้ ส่วนอังกฤษ Football is Coming Home สโลแกนที่ใฝ่ฝันก็ยังไม่ได้เกิดขึ้นจริง แต่กลับกลายเป็น England is Coming Home แทน
อย่าปล่อยให้ ชิรูด์ ได้เล่นลูกกลางอากาศ
บอลโลกฉบับ รัสเซีย เมื่อปี 2018 ที่ทีมชาติฝรั่งเศสคว้าแชมป์ได้ ถือว่าเป็นเรื่องตลกร้ายเหมือนกันที่ ดาวยิงตัวหลักอย่าง โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ เป้าสะอาดทำประตูไม่ได้แม้แต่ลูกเดียว แต่ทว่าในบอลโลก2022นี้ นั้นแตกต่างออกไป
ก่อนเกมกับอังกฤษ ชิรูด์ กดไปแล้ว3เม็ด แถมยังได้บัพทำสถิติเป็นดาวยิงสูงสุดทีมชาติฝรั่งเศสคนใหม่แทนที่ เธียร์รี่ อองรี ด้วยหลังกดไปได้ 52ประตู เมื่อคืนกองหน้าเจ้าเวหารายนี้ ก็มาโขกอีก1ตุง เพิ่มสถิติเข้าไปอีก
การที่ คาริม เบนเซม่า บาดเจ็บไม่ได้มาฟุตบอลโลก ทำให้ ดิดิเย่ร์ เดชองส์ เลือกไว้วางใจ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ ในวัย36ปี ให้เป็นศูนย์หน้าตัวจริง และในหลายๆนัดดาวยิงจากมิลาน ไม่ทำให้ผิดหวังเลย เล่นกันได้เข้าขากับตัวรุกรายอื่นๆอย่าง อองตวน กรีซมันน์ - อุสมาน เดมเบเล่ และ คิลิยัน เอ็มปั๊ปเป้
ประตูชัย 2-1 เป็น ชิรูด์ ที่หาช่องว่างระหว่างคู่เซ็นเตอร์ จอห์น สโตนส์ และ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ได้เป็นอย่างยอดเยี่ยม โขกเต็มแรงบอลไปแฉลบ แม็คไกวร์ ไม่ทันที่ จอร์แดน พิคฟอร์ด จะพุ่งเซฟ ซึ่งการเล่นลูกกลางอากาศที่มีประสิทธิภาพดังกล่าว ก็เป็นภาพซ้ำของ ชิรูด์ ที่ทำให้เห็นมานักต่อนักแล้ว
เมื่อคืนแนวรับสิงโตคำรามค่อนข้างแน่นและไม่ก่อความผิดพลาดอะไร แต่ ชิรูด์ ยังหาโอกาสลุ้นยิงได้ถึง4ครั้งด้วยกัน เอาชนะลูกกลางอากาศ 4หน ลงมาช่วยเคลียร์บอลได้ 2ครั้ง เกมรอบรองชนะเลิศกับโมร็อกโก ที่แนวรับเหนียวแน่น เสียไปเพียงแค่1ประตูในทัวร์นาเม้นต์
แนวรับหินๆของ โมร็อกโก ผู้คนอาจไปจับจ้องการทะลุทะลวงของโดยการใช้ความเร็วของ คิลิยัน เอ็มปั๊ปเป้ แต่ทว่าอาวุธหนัก ลูกกลางอากาศของ โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์ อาจจะเป็นจุดที่คนคาดไม่ถึงและพาทัพ ตราไก่ ผ่านเข้าไปป้องกันแชมป์ได้อีกครั้ง
ความกดดันที่ถาโถมใส่ เคน
ก่อนเกมกับฝรั่งเศส การมาบอลโลกที่กาตาร์ แม้ว่า แฮร์รี่ เคน จะผลิตสกอร์ไปเพียงแค่1ลูกเท่านั้น แต่ทว่านี่คือผู้เล่นคนสำคัญสุดๆในของแนวรุกทีมชาติอังกฤษมาโดยตลอด ด้วยบทบาทที่ไม่ใช่เพียงแค่ ยืนตีมุ้งรอยิงเพียงอย่างเดียว
เคน พัฒนาตัวเองมาเป็นกองหน้าในเชิงเพลย์เมคเกอร์ ที่ครบเครื่องมากกว่าเดิม ถอยต่ำแจกจ่ายให้ตัวรุกเพื่อนร่วมทีมคนอื่น ได้เล่นกันได้ง่ายขึ้น พิสูจน์จากผลงาน 3แอสซิสต์ ในทัวร์นาเม้นต์นี้
ดาวยิงจาก ท็อตแน่ม ฮ็อต สเปอร์ส คือผู้รับหน้าที่สังหารจุดโทษลูกแรก ผ่านโกลเพื่อนร่วมสโมสรเข้าไปอย่างสุดเฉียบ แต่ทว่าจุดโทษลูกที่2ที่เกิดขึ้นในช่วงท้ายเกม และเป็นวินาทีชี้เป็นชี้ตายของอังกฤษ แถมยังเป็นลูกยิงที่แบกความหวังคนทั้งชาติอีกด้วย
คงเป็นมวลความกดดันบนบ่า แถม โยริส แม้ลูกแรกจะเซฟไม่ได้ แต่ด้วยความที่อยู่สโมสรเดียวกันน่าจะทำให้รู้ไส้รู้พุงมุมการยิงกันเป็นอย่างดี ก่อนที่ท้ายที่สุดแล้ว แฮร์รี่ เคน จะอัดเต็มแรง บอลข้ามคานออกไปชนิดไม่ได้ลุ้นอะไรเลย
ถึงแม้จะพลาดจุดโทษ แต่ทว่าอย่างอื่นๆในสนาม เคน ไม่ได้แย่เลย เมื่อหาโอกาสจบสกอร์ได้5ครั้ง / ชนะลูกกลางอากาศ5หน แถมยังมีช็อตสวยๆพลิกหนี ดาโย่ต์ อูปาเมกาโน่ เข้าไปดีดยิงแต่ทว่า ติดเซฟของ โยริส โดยปัจุจุบัน แฮร์รี่ เคน เป็นดาวซัลโวสูงสุดทีมชาติอังกฤษ 53ประตู เทียบเท่า เวย์น รูนี่ย์
กรีซมันน์ มักร่างทองกับทีมชาติ
ในวงการลูกหนังก็มีนักเตะหลายคนเหมือนกันที่ฟอร์มในนามสโมสรกับทีมชาติสวนทางกันคนละเรื่องเลย อองตวน กรีซมันน์ คือนักเตะประเภทดังกล่าวเช่นกัน ช่วงที่ย้ายไปอยู่บาร์เซโลน่า ถือว่าเจ้าตัวฟอร์มตกพอสมควร แต่ทว่าเมื่อได้ย้ายกลับมาเล่นให้ แอตเลติโก มาดริด " กรีซซี่ " ก็สามารถเรียกฟอร์มเดิมๆกลับมาได้
ต้องไม่ลืมว่าบอลโลก 2018 กรีซมันน์ คือดาวซัลโวของฝรั่งเศส ร่วมกับ คิลิยัน เอ็มปั๊ปเป้ ที่หวดไปได้4ประตูเท่ากัน โดยใน เวิลด์ คัพ ฉบับกาตาร์ ดาวเตะวัย31ปี เล่นในบทบาทผู้เล่นหมายเลข10 (คล้ายหน้าต่ำ) แต่ทว่าก็ยังกระซวกตาข่ายไม่ได้แม้แต่เม็ดเดียวในทัวร์นาเม้นต์นี้
ส่วนเมื่อคืน กรีซมันน์ มี2แอสซิสต์ ประตูแรกต้องเรียกว่าเป็นความยอดเยี่ยมของ ชูอาเมนี่ ที่ยิงจน กรีซมันน์ ได้แอสซิสต์มากกว่า แต่ทว่าแอสซิสต์ลูกที่สองที่เป็นประตูชัย ต้องปรบมือให้กับดาวเตะตราหมีเลย เนื่องจากอาศัยจังหวะที่นักเตะอังกฤษเหม่อ ครอสไปให้ ชิรูด์ ขวิดอย่างพอดิบพอดี
อองตวน กรีซมันน์ กะจังหวะโคนจ่ายบอลในการเล่นจังหวะสวนกลับได้อย่างดีเยี่ยม น่าเสียดายที่ทางฝั่งขวาอย่าง อุสมาน เดมเบเล่ ทำอะไรผิดพลาดเลอะเทอะไปหน่อย กรีซมันน์ เอาชนะการดวลได้ 6ครั้ง / แย่งบอลกลับมาครองได้5ครั้ง / ครอสบอลได้อีก 5หน
นอกจากนี้แล้วใน4ทัวร์นาเม้นต์ใหญ่ หลังสุดของตราไก่ ( ยูโร 2016 และ 2020 / บอลโลก 2018 และ 2022) อองตวน กรีซมันน์ ยังได้สนามทุกนัดอีกด้วย แถมผลงานยังน่าประทับใจสุดๆ 11ประตู 6แอสซิสต์ จาก23นัด
ฝรั่งเศส ยังมีความผิดพลาดในแนวรับ
แม้จะยอดเยี่ยมผ่านทะลุเข้ามาถึงรอบรองชนะเลิศได้ แต่ทว่าในรายละเอียดต่างๆของเกม ก็ต้องบอกว่าทัพตราไก่ ก็มีความผิดพลาดเล็กๆน้อยๆเกิดขึ้นตลอดเช่นกัน เพราะพวกเขาเสียประตูมาทุกนัด ทั้งกับ ออสเตรเลีย - เดนมาร์ก -ตูนิเซีย รวมไปจนถึงรอบ 16ทีมสุดท้ายกับ โปแลนด์
ซึ่งเกมกับอังกฤษเมื่อคืน ลูกทีมของ ดิดิเยร์ เดชองส์ ก็มีความผิดพลาดเป็นระยะเช่นกัน โดยเฉพาะในเกมรับ แบ็กซ้ายอย่าง เตโอ แอร์กน็องเดซ ที่โดน บูกาโย่ ซาก้า ใช้ความคล่อง ความเร็ว เผาเครื่องเล่นงานอย่างสนุกสนาน
หรือแม้กระทั่งเซ็นเตอร์อย่าง ดาโย่ต์ อูปาเมกาโน่ ก็มีช็อตเหวอ ปล่อยให้ แฮร์รี่ เคน พลิกเข้าไปยิงดื้อ จุดโทษประตูแรกที่เสีย โอเรเลียง ชูอาเมนี่ ก็ทะเล่อทะล่า ไปเตะ ซาก้า แบบไม่มีอะไรให้ต้องเถียงเลย
ส่วนจุดโทษเม็ดที่สอง เตโอ แอร์กน็องเดซ เจ้าเก่าคิดอะไรอยู่ไม่ทราบ เลือกที่จะไปกระแทก เมสัน เมาท์ จากด้านหลังแบบไม่ควรเสี่ยง จนผู้ตัดสินเช็ก VAR ย้อนหลังเป่าให้จุดโทษไป เดชะบุญที่ทัพตราไก่ ยังหนังเหนียว เคน ยิงข้ามคานออกไปไกล
ยังไม่นับรวมตัวรุกฝั่งขวาอย่าง อุสมาน เดมเบเล่ ที่เลี้ยงติดทำเสียออกไปเองอย่างน่าเกลียด อย่างไรก็ตามแม้ ทัพ " เลส์ เบลอส์ " จะฟอร์มไม่โสภามาก แต่พวกเขายังทะลุมาถึงรอบตัดเชือกได้ ไม่แน่ลูกทีมของ ดิดิเย่ร์ เดชองส์ อาจค่อยๆไปพีคสุดขีดในนัดชิง ก้าวไปป้องกันแชมป์ก็เป็นได้
England is Coming Home
ในเวทีทัวร์นาเม้นต์ใหญ่ๆที่ทีมชาติอังกฤษ เข้าร่วมการแข่งขัน เรามักจะได้ยินเพลงหรือวลีคุ้นหนูอย่าง " Football is Coming Home เสมอ เพราะมันเนิ่นนานมาแล้วมากๆที่ ทัพ " ทรี ไลออนส์ " ไม่สามารถพาถ้วยแชมป์ บอลโลกหรือบอลยูโร กลับประเทศที่ว่าเป็นต้นกำเนิดของฟุตบอลได้
หนสุดท้ายที่อังกฤษ คว้าแชมป์ในรายการเมเจอร์ ต้องย้อนไปไกลถึงปี 1996 (ฟุตบอลโลก) หลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่ใกล้เคียงกับความสำเร็จมาตลอด สำหรับ เวิลด์ คัพ เฉียดที่สุดของพวกเขาก็คืออันดับ4ในฟุตบอลโลก 2018
ในฟุตบอลโลก สิงโตคำราม มักจะยุติเส้นทางของตัวเองในรอบ8ทีมสุดท้ายเสมอ และเมื่อคืนการปราชัยต่อฝรั่งเศส นี่เป็นการตกรอบ8ทีมฟุตบอลโลก หนที่7เข้าให้แล้ว มากกว่าทุกทีมในประวัติศาสตร์ลูกหนัง
เรื่องจุดโทษ ยังคงเป็นสิ่งที่ตามหลอกหลอน ทีมชาติอังกฤษในทัวร์นาเม้นต์ใหญ่อีกครั้ง ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่สะท้อนว่า สภาพจิตใจของนักเตะพวกเขา แบกรับความกดทันที่หนักอึ้งได้ไม่ดีเท่าชาติอื่นๆ
นอกจากนี้แล้วการไปไม่ถึงฝั่งฝันของอังกฤษก็มักจะมีคอนเท้นต์ให้พูดถึงเสมอทั้ง ปี1998 ใบแดงของ เดวิด เบ็คแฮม / 2002 ลูกยิง โรนัลดินโญ่ หลอกข้ามหัว เดวิด ซีแมน / 2006 ใบแดงของ เวย์น รูนี่ย์ และดวลเป้าแพ้ โปรตุเกส / 2010 ลูกยิงข้ามเส้น ของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ที่ไม่เป็นประตู เกมรอบ16ทีมที่พ่าย เยอรมัน 1-4
2014 ก็ตกรอบแบ่งกลุ่ม หลังผ่านไปเพียงแค่ 2นัด ปีนี้ 2022 อังกฤษ ที่ว่าเป็นยุคที่นักเตะเบ่งบานมากที่สุดช่วงหนึ่ง ก็ไปได้ไกลเพียงแค่รอบ8ทีมเท่านั้น ซึ่งการตกรอบของสิงโตคำราม คำถามจะพุ่งตรงไปที่ แกเร็ธ เซาธ์เกต แน่นอนว่า เจ้าตัวยังจะได้โอกาสคุมทีมต่อในยูโร 2024 หรือไม่
- คอลัมน์นิสต์ ผลบอล
- 866
- 11 ธ.ค. 2565 15:44