"ไทย"คัมแบ็คใส่ชุดน้ำเงินดวล"อุซเบฯ"ลุ้นสร้างประวัติศาสตร์

ทีมชาติไทย คัมแบ็กใส่ชุดเกราะสีน้ำเงินวัดคมอุซเบกิสถาน ศึกเอเชียน คัพ รอบ 16 ทีมเย็นวันนี้ ส่วนอุซเบฯที่ชื่อเป็นทีมเหย้าจะสวมชุดขาว ลุ้น"ช้างศึก"จะสร้างประวัติศาสตร์ได้หรือไม่

ความเคลื่อนไหวของทีมชาติไทย ภายใต้การคุมทีมของ "มาซาทาดะ อิชิอิ"  โดยมี "มาดามแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ เป็นผู้จัดการทีม ที่กำลังเดินหน้าเตรียมพร้อมก่อนลงเตะเกมรอบ 16 ทีมสุดท้าย ในศึกฟุตบอลเอเอฟซี เอเชียน คัพ 2023 รอบสุดท้าย ที่ประเทศกาตาร์ พบกับ อุซเบกิสถาน ในวันอังคารที่ 30 มกราคมที่ผ่านมา

ล่าสุด ทัพนักเตะช้างศึก คัมแบ็กสวมชุดแข่งขันตัวเก่งสีน้ำเงินล้วนอีกครั้ง หลังจากเคยใส่ลงเล่นตั้งแต่เกมนัดเปิดสนามในรอบแบ่งกลุ่มที่เอาชนะ คีร์กีซสถาน 2-0 เมื่อวันที่ 16 มกราคมที่ผ่านมา ก่อนที่ 2 เกมหลังจะใช้สีขาวลงแข่งขันทั้งเกมเสมอ โอมาน 0-0 และเสมอ ซาอุดิอาระเบีย 0-0 ส่วนอุซเบกิสถาน ที่มีชื่อเป็นทีมเหย้าในเกมนี้ ก็จะสวมสีขาวซึ่งเป็นสีหลักลงสนามเช่นกัน

ขณะเดียวกันในส่วนของรายชื่อ 11 ตัวจริงทัพ "ช้างศึก" ที่โรเตชั่นเปลี่ยนยกชุดในเกมที่แล้ว จะกลับมาใช้ขุมกำลังชุดใหญ่อีกครั้งในระบบ 4-2-3-1 ประกอบด้วย ปฏิวัติ คำไหม (ผู้รักษาประตู), เอเลียส ดอเลาะ, พรรษา เหมวิบูลย์, นิโคลัส มิคเกลสัน, ธีราทร บุญมาทัน, พีรดนย์ ฉ่ำรัศมี, วีระเทพ ป้อมพันธุ์, สุภโชค สารชาติ, บดินทร์ ผาลา(สารัช อยู่เย็น), ศุภณัฏฐ์ เหมือนตา, ศุภชัย ใจเด็ด

ทั้งนี้ หากทีมชาติไทยฝ่าด่านเอาชนะ อุซเบกิสถานได้ จะเป็นการสร้างประวัติศาสตร์ลิ่วรอบ 8 ทีมสุดท้ายเป็นครั้งแรกในระบบ 24 ทีมเข้าร่วมรอบสุดท้ายทันที แม้ว่าทัพ “ช้างศึก เคยคว้าอันดับ 3 มาแล้วในรายการนี้เมื่อปี 1972 ทว่าครั้งนั้นมีเพียง 6 ชาติร่วมการแข่งขันในรูปแบบ แบ่งเป็น 2 กลุ่ม ๆละ 3 ทีม นำอันดับ 1 และอันดับ 2 เข้ารอบ 4 ทีมสุดท้าย

สำหรับโปรแกรมรอบ 16 ทีมสุดท้าย ทีมชาติไทย จะลงสนามพบกับ อุซเบกิสถาน ทีมอันดับ 68 ของโลก ที่ผ่านเข้ารอบในฐานะเป็นรองแชมป์จากกลุ่ม บี ในวันอังคารที่ 30 มกราคม 2567 ที่สนามอัล ยานูบ สเตเดี้ยม เวลา 18.30 น. ถ่ายทอดสดทางช่อง PPTV HD หมายเลข 36 และช่อง T Sport 7