โควิดยังแรง!ไทยลีกเลื่อนเปิดฤดูกาลรอบสองเริ่ม3กย.
บริษัทไทยลีกประชุมสโมสรสมาชิก มีบทสรุปให้เลื่อนการแข่งขันไทยลีก รอบที่สอง เริ่มเตะ3กันยายน หลังสถานการณ์โควิด-19 ยังระบาดหนักในประเทศ
เมื่อช่วงสายของวันศุกร์ที่ 23 กรกฏาคม 64 บริษัท ไทยลีก จำกัด และสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ได้เรียกตัวแทนสโมสรต่างๆ เข้าร่วมประชุมผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ เพื่อร่วมกันหาแนวทางในการจัดฟุตบอลไทยลีก ฤดูกาล 2021-22 จากกำหนดเดิมที่จะเริ่มเตะในวันที่ 13 ส.ค.64 ทว่าศบค. สั่งปิดเพิ่ม 10 สถานที่ ในพื้นสีแดง รวมถึงงดการบิน และเดินรถโดยสารเดินทางระหว่างจังหวัด ตามข้อกำหนดฉบับที่ 28 โดยหนึ่งในนั้นมีการปิดสนามกีฬาทุกประเภทรวมอยู่ด้วย
ล่าสุด ธิติกร อาจวาริน เลขานุการสโมสรชลบุรี เอฟซี ได้ออกมาสรุปการประชุมเมื่อช่วงสายออกมาแล้วว่า ศึกไทยลีก 1 ซีซั่น 2021-22 ได้มีการเลื่อนการแข่งขันเป็นครั้งที่ 2 แน่นอนแล้วไปเป็นวันที่ 3 ก.ย.64 จากสถานการณ์เชื้อไวรัสโควิด-19 ที่ยังคงระบาดอย่างหนักและมียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นทุกวันในประเทศไทย
โดยข้อสรุปจากที่ประชุมมีดังนี้
1. เลื่อนการเปิดสนามแข่งขันไทยลีก 1 เป็น 3 ก.ย.64
2. สมาคมฟุตบอลฯ ยินดีมอบเวลาฟีฟ่าเดย์ 3 ช่วงให้จัดการแข่งขันไทยลีก (ก.ย. / ต.ค. / พ.ย.)
3. มีเกมกลางสัปดาห์แค่ 2 ครั้ง จบเลกแรกภายใน พ.ย. เหมือนเดิม
4. หยุดทีมชาติ (เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020) 5 ธ.ค.64 ถึง 1 ม.ค.65
5. ตลาดซื้อขายนักฟุตบอล 8 ธ.ค.64 ถึง 4 ม.ค.65 เหมือนเดิม
6. จบฤดูกาลแข่งขัน 21 พ.ค.65 หมือนเดิม
7. จัดตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อพิจารณาแนวทางและมาตรการการจัดการแข่งขันร่วมกันกับไทยลีก
8. ทีมใน 13 จังหวัด พื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด ให้หาสนามสำรอง (ในพื้นที่อื่น) เป็นสนามเหย้าในช่วง เดือน ก.ย. และ ต.ค.
9. หากสถานการณ์ไม่ดีขึ้น อาจต้องพิจารณาจัดการแข่งขันแบบบับเบิ้ล
โดย คุณกรวีร์ ได้ออกมากล่าวในการแถลงข่าวให้สื่อมวลชนรับทราบสำหรับการขยับปฏิทินการแข่งขันฟุตบอลลีกอาชีพฤดูกาล 2564/65 ว่า “สวัสดีสื่อมวลชนทุกท่านนะครับ นี่เป็นอีกครั้งที่ไทยลีก ซึ่งเป็นฝ่ายจัดการแข่งขัน ได้ร่วมกับสมาคมฯ มาอัพเดตเรื่องสถานการณ์ของการจัดแข่งขันไทยลีกครับ และนี่เป็นเรื่องที่เราจะพยายามสร้างความเข้าใจนะครับ รวมถึงรับฟังข้อเสนอแนะต่างๆ จากสื่อมวลชนครับ”
“ผมทราบดีว่าในช่วงวิกฤตตอนนี้ แฟนบอลเอง สื่อมวลชนเอง ก็ตั้งหน้าตั้งตารอคอยว่าจะกลับมาแข่งได้ไหม หรือเราจะมีมาตรการอย่างไร ซึ่งเราก็ได้มีการประชุมกับสโมสรในไทยลีก 1-2 เมื่อช่วงเช้า เกี่ยวกับสถานการณ์ต่างๆ ที่เป็นประกาศจากศบค. ซึ่งมากระทบการจัดการแข่งขันฟุตบอล โดยตอนแรก เราขยับจากต้นเดือนสิงหาคม มาเป็นช่วงกลางเดือนสิงหาคม”
“แต่จากคำสั่งของศบค. ล่าสุด ที่มีการปิดสนามกีฬา แน่นอนว่าส่งผลกระทบต่อสโมสรในลีกอาชีพของเมืองไทยในทุกระดับ รวมถึงการประกาศห้ามการชุมนุมรวมกันไม่เกิน 5 คน ซึ่งเป็นอุปสรรคสำหรับการจัดแข่งขัน หรือการเตรียมความพร้อมของสโมสรฟุตบอลอีกด้วย แม้ตอนนี้สโมสรจะเริ่มการพรีซีซั่นไปแล้ว”
“สถานการณ์ ณ ปัจจุบัน สื่อมวลชนทุกคนคงทราบดีว่า เรามีพื้นที่สีแดงเข้มถึง 13 จังหวัด พื้นที่ควบคุมสูงสุดอีก 53 จังหวัด ซึงพื้นที่เหล่านี้มีความเกี่ยวข้องกับการแข่งขันฟุตบอลไทยลีกทุกระดับทั้งสิ้น โดยมีถึง 7 สโมสรในไทยลีก 1 และ 6 สโมสรในไทยลีก 2 ที่อยู่ในพื้นที่สีแดงเข้ม และที่เหลือก็อยู่ในพื้นที่สีแดงทั้งหมด เว้นเพียงแค่ แพร่ ยูไนเต็ด และจากที่เราได้บอกไปตอนต้นว่ามันมีผลกระทบต่อเรื่องของสนาม การเตรียมความพร้อม และการจัดการของสโมสร รวมถึงการจัดการลีกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ อีกทั้งเราได้รับหนังสือจากกกท. เมื่อสัปดาห์ก่อน เพื่อขอความร่วมมือในการห้ามการจัดการแข่งขัน หรือเลื่อนการแข่งขันออกไป”
“เมื่อมีหนังสือแจ้งออกมา หากเราจะกลับมาจัดแข่งขัน เราต้องกลับมาทำหนังสือขออนุญาตกกท. รวมถึงศบค. เพื่อกำหนดมาตรการแข่งขัน รวมถึงระยะเวลาที่จะใช้แข่งขัน เพื่อทำให้มั่นใจว่าการแข่งขันฟุตบอลจะไม่เป็นปัญหา และเป็นคลัสเตอร์ที่ทำให้เกิดการแพร่ระบาดเพิ่ม ทางเราเอง ได้ทำงานร่วมกับสมาคมฯ, กรมควบคุมโรค และศบค. อยู่ตลอด เราได้สอบถามศบค. ไปแล้วว่าต้องทำเรื่องหาศบค. อีกหรือไม่ แต่ในวันที่ 21 กรกฎาคมที่ผ่านมา ที่มีประกาศไม่ให้ใช้สนามกีฬา เราจึงจำเป็นต้องพูดคุยกับสโมสรสมาชิกเพื่อทำความเข้าใจ และเพื่อนำมาปรับสำหรับการเตรียมความพร้อมครับ”
“ผมยืนยันกับทุกท่านได้เลยครับว่า ไทยลีก, สมาคมฯ และสโมสรเห็นตรงกันถึงความสำคัญในการทำให้ฟุตบอลกลับมาแข่งขันได้ เพราะหากฟุตบอลลีกแข่งขันไม่ได้ ทุกฝ่ายก็เสียหายหมด นี่จึงเป็นเรื่องที่เราตระหนักอยู่ตลอด รวมถึงทำให้ฟุตบอลกลับมาแข่งขันได้ อย่างไรก็ตาม ผมเชื่อว่าสื่อมวลชนก็เข้าใจว่าเรามีผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มมาตลอด ต่างจากช่วงที่เราแข่งจบฤดูกาลไป”
“เมื่อเช้าเราได้มีการพูดคุยกันหลายเรื่อง และเรื่องที่มีการเปลี่ยนแปลงสำคัญเรื่องแรกคือ เรามีมติร่วมกันในการเลื่อนการแข่งขันเป็นช่วงต้นเดือนกันยายน แต่ช่วงเวลาของการจบเลกแรก หรือการจบฤดูกาลแข่งขันยังคงเหมือนเดิม เรื่องที่สองคือกากรที่เราจะนำฟีฟ่าเดย์มาใช้กับการแข่งขันลีก ส่วนการแข่งขันซูซูกิ คัพ เราได้รับการยืนยันว่ายังมีการจัดแข่งขันเหมือนเดิม ในช่วงวันที่ 5 ธันวาคม - 1 มกราคม 2565 เราจึงยังต้องมีการหยุดลีก”
“เรื่องต่อมา สโมสรใน 13 จังหวัดพื้นที่สีแดงเข้มว่า หากจะกลับมาจัดแข่งขัน สโมสรที่อยู่ในพื้นที่นี่จะไม่มีการจัดการแข่งขัน โดยสโมสรจะต้องหาสนามสำรองเพื่อใช้แข่งขัน และมีการเสนอเข้ามาให้ไทยลีก ซึ่งนี่จะเป็นการใช้แก้ปัญหาในช่วงแรกเท่านั้น เพราะเราคงไม่จัดแข่งแบบนี้ไปตลอดฤดูกาล ซึ่งเราจะดูจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นต่อไป”
“ประเด็นต่อมา เราจะมีการตั้งคณะทำงานจากตัวแทนสโมสรในไทยลีก 1-2 ในการทำงานร่วมกับสมาคมฯ และฝ่ายสิทธิประโยชน์ เพื่อกำหนดแนวทางในการกลับมาจัดการแข่งขัน รวมถึงขออนุญาตกำหนดหลักเกณฑ์ที่จะมาใช้กับทุกสโมสร หากกลับมาแข่งขันได้ นี่เป็นเรื่องสำคัญที่สโมสรจะเข้ามามีส่วนร่วมกำหนดวิธีการแข่งขัน และทิศทางการแข่งขันครับ”
“เรื่องสุดท้าย เราได้มีการพูดคุยกับกรมควบคุมโรค เพื่อคุยเรื่องมาตรฐานสำหรับการจัดแข่งฟุตบอล ซึ่งเราพูดคุยเสร็จสมบูรณ์แล้ว และรอการคุยกับศบค. แต่จากการแพร่ระบาดของไวรัสอย่างหนัก ทำให้เราไม่สามารถเข้าไปพูดคุยกับศบค. ได้ และตอนนี้เรา กับสโมสรได้เห็นตรงกันว่า จะขยับการแข่งขันเป็นช่วงต้นเดือนกันยายน แต่หากสถาณการณ์ยังเลวร้ายกว่าเดิม เราอาต้องมีการพูดคุยอีกครั้งในเรื่องของการแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นการจัดบั้บเบิ้ล หรือการหาสนามกลางครับ หากแผนแรกไม่ได้รับการอนุมุติกับศบค.”
“ทั้งนี้ ผมต้องขอย้ำกับสื่อมวลชนทุกท่านอีกครั้งว่า อำนาจในการตัดสินใจสำหรับการกลับมาแข่งขันนั้นไม่ได้อยู่กับสมาคมฯ แล้ว ตอนนี้อำนาจขึ้นกับภาครัฐที่จะต้องกำหนดมาตรการเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ครับ ซึ่งเราหวังว่าการจัดการแข่งขันเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ ลีก แบบบั้บเบิ้ล ที่ไม่มีการติดเชื้อเลย จะทำให้ศบค. เชื่อมั่น และให้ความมั่นใจในการจัดการแข่งขันแก่เราครับ ขอบคุณครับ”
ทั้งนี้ ไทยลีก เข้าใจในสถานการณ์ความรุนแรงของการแพร่ระบาดครั้งนี้ และมีความจำเป็นต้องปฏิบัติตามคำสั่งของศบค. อย่างเคร่งครัด จึงเรียนมาเพื่อทราบ และต้องขออภัยในความไม่สะดวกแก่ทุกท่าน