ต้องปรับตัว!ซูซูกิคัพไม่มีVARช่วยตัดสิน-รอบชิงเตะ2นัด
ศึกฟุตบอล เอเอฟเอฟ ซูซูกิ คัพ 2020 ที่ประเทศสิงคโปร์ จะไม่มีการใช้เทคโนโลยีช่วยตัดสิน (VAR) เพราะขาดบุคลากร โดยเฉพาะผู้ตัดสินที่เตรียมมาทำหน้าที่นี้
นายพาทิศ ศุุุภะพงษ์ เลขาธิการสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ กล่าวว่า "ผมต้องขอยืนยันว่าจะไม่มีการใช้วีเออาร์ ในการแข่งขันครั้งนี้แน่นอน ต้องเรียนว่าวีเออาร์ ไม่ใช่ว่าแค่เอาเครื่องมาตั้งและสามารถเสียบและใช้ได้เลย ต้องมีเรื่องของไลเซนต์ เรื่องของใบอนุญาติการใช้งานอีกด้วย"
"นอกจากนี้ยังรวมถึงผู้ตัดสินที่ต้องอยู่ในห้องควบคุมวีเออาร์ และผู้ตัดสินเป่าที่รู้ระเบียบการใช้ขั้นตอนของวีเออาร์ ในลีกอาเซียนต้องยอมรับว่ายังมีผู้ตัดสินไม่มากที่มีระบบวีเออาร์ใช้ โดยผู้ตัดสินที่ต้องมาทำหน้าที่ในซูซูกิ คัพ ครั้งนี้ ก็ต้องยอมรับว่ายังไม่พร้อม และทางเจ้าภาพสิงคโปร์ยังไม่ใช้วีเออาร์"
"อย่างไรก็ตามถ้าถามว่าเป็นเรื่องที่น่ากังวลหรือไม่กับการที่ไม่มีวีเออาร์ในการช่วยตัดสินคราวนี้ ผมคิดว่าแฟนบอลไทยอาจจะคุ้นชินแล้วกับการที่มีวีเออาร์ใช้ในบ้านเรา ทั้งการเทิร์นผลการตัดสิน หรือว่าการริบประตูคืน รวมทั้งการตรวจสอบเพิ่มเติม ตรงนี้ก็เป็นสิ่งที่เราก็ต้องกลับไปในจุดเดิมในแบบที่ไม่มีวีเออาร์ แม้จะไม่คุ้นชินบ้างเพราะลีกเรามีการใช้วีเออาร์ก็ตาม”
ส่วน กติกา อื่นๆ ที่น่าสนใจ มีดังนี้
– ส่งชื่อ 30 คน ภายในวันที่ 24 พฤศจิกายน
– แต่ละนัดส่งชื่อ 23 คน และเปลี่ยนชื่อได้ทุกนัด โดยหยิบจาก 30 คน
– ในแต่ละเกมเปลี่ยนตัวสำรอง 5 คน ไม่เกิน 3 ครั้ง โดยรอบน็อกเอาท์ ถ้ามีต่อเวลา เปลี่ยนเพิ่มอีก 1 คน
– จำนวนแมตช์เท่าเดิม รอบแรกเตะพบกันหมด ถ้าคะแนนเท่ากัน ดูเฮดทูเฮดก่อน
– รอบรองฯ และรอบชิงฯ ยังคงเล่นรอบละ 2 นัด แม้ไปจัดที่สิงคโปร์ชาติเดียวก็ตาม
สำหรับ ทีมชาติไทย อยู่ในกลุ่ม เอ ร่วมกับ เมียนมา , ฟิลิปปินส์ , สิงคโปร์ และ ติมอร์ เลสเต โดยจะประเดิมพบกับ ติมอร์ เลสเต วันที่ 5 ธันวาคม 2564 เวลา 16.30 น. ตามเวลาประเทศไทย
- ข่าวบอลไทย
- 216
- 17 พ.ย. 2564 16:14