แนวรับแจกโชค ! ไบร์ทตัน ไล่ตีเจ๊าหงส์สุดมัน 3-3 ทรอสซาร์ ร่างทองแฮตทริก
ยังไม่มีทีท่าจะกลับเข้าฝั่งได้สักทีสำหรับลิเวอร์พูล กับ ผลงานในพรีเมียร์ลีก หลังจากที่ก่อนหน้านั้น6นัด ลูกทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ เอาชนะไปได้เพียงแค่2 เสมอ3 แพ้1 ทั้งที่มองตามโปรแกรม พลพรรคหงส์แดงน่าจะเก็บคะแนนไปได้มากกว่านี้ หลังจากที่พักไปนานโปรแกรมการแข่งขันที่ถูกเลื่อนไป ลิเวอร์พูล จะได้เล่นในบ้านดวลกับ ไบร์ทตัน บอลเปลี่ยนโค้ช
แม้จะได้เล่นที่บ้านแอนฟิลด์ แต่ทว่าออกสตาร์ทเกมมาก็ถือว่าเป็นเรื่องน่าช็อคอยู่ไม่น้อย เมื่อทีมนกนางนวลได้ประตูขึ้นนำและหนีห่างไปได้ก่อนถึง 2-0 จากการเหมาซัดคนเดียว2ดอกของ เลอันโดร ทรอสซาร์ น.4 และ 17
แต่ทว่าหลังจากนั้นลูกทีมของ โรแบร์โต้ เด แซร์บี้ ก็เหมือoจะแผ่วไปเองดื้อๆ ปล่อยให้ เจ้าบ้านค่อยๆครองเกมและบุกโหมกระหน่ำเข้าใส่ จนมาตีเสมอ 2-2 ได้สำเร็จ จากการเบิ้ล2ของ โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ น.33 และ54
ท้ายที่สุดพลังสปิริตนักสู้ของทีมเครื่องจักรสีแดง ก็มาแซงนำ 3-2 จนได้ จากจังหวะเตะมุมของ เทรนต์ อเล็กซานดอร์ อาร์โนลด์ แล้ว โรเบิร์ต ซานเชส ออกมาชกบอลวืด บอลเลยไปโดน อดัม เว็บสเตอร์ เด้งเข้าประตูตัวเองไป น.63
เกมดูเหมือนจะลงเอยด้วย3แต้มสำคัญของลิเวอร์พูล แต่ทว่าท้ายที่สุดแล้วก็เป็น เลอันโดร ทรอสซาร์ โชว์ร่างทองซุปเปอร์ไซย่า ตะบันแฮตทริกได้สำเร็จ น.83 พานกนางนวลบินกลับแดนใต้ ด้วย1แต้มอันล้ำค่า
สำหรับลิเวอร์พูลแล้ว สิ่งหนึ่งที่ไม่พูดไม่ได้เลยกับการชวดคว้า3แต้มหนนี้ก็คือ แนวรับที่รั่วไหลเป็นกระแสน้ำ ไม่ใช่เพียงแค่ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ที่ก่อความผิดพลาดอย่างเข้าตา คู่เซ็นเตอร์อย่าง เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ และ โฌแอล มาติป กลับเช็กไลน์ และยืนตำแหน่งกันได้ไม่ดีเหมือนแต่ก่อน
ถ้าหากว่า ไม่ได้ อลิสซง เบ็คเกอร์ ช่วยเซฟ ลิเวอร์พูล อาจโดนล่อตาข่ายไปมากก็นี้ก็เป็นได้ โดยโกลแดนแซมบ้าเป็นอีกหนึ่งผู้เล่นที่โดดเด่นของเจ้าบ้านไม่กี่คนเมื่อคืนร่วมกับ โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่
ทางฝั่งของผู้มาเยือนไบร์ทตัน แม้ว่าจะต้องเสีย เกรแฮม พ็อตเตอร์ ไป แต่ทว่ารูปทรงและสไตล์ของพวกเขาภายใต้กุนซือชาวอิตาเลี่ยนคนใหม่ โรแบร์โต้ เด แซร์บี้ ก็ไม่ได้เปลี่ยนหรือเป๋ไปแม้แต่น้อย " เดอะ ซีกัลล์ " ยังเป็นทีมที่ต่อบอลเท้าต่อเท้า เร็วแม่นยำ หากพวกเขามีทีเด็ดทีขาดมากกว่านี้ อาจจะลวงตาข่ายลิเวอร์พูล ได้มากกว่า3เม็ดก็เป็นได้
สุดท้ายแล้วการลงเอยด้วย1แต้มของลิเวอร์พูล เจอร์เก้น คล็อปป์ ก็ถูกตั้งคำถามไม่น้อยถึงการเลือกตัวผู้เล่นลงสนาม ทั้งในตำแหน่งของ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน - ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ รวมไปจนถึง แบ็กจอมรั่วในระยะหลังอย่าง เทรนท์ ยังไม่นับการรีบเปลี่ยน ฟิร์มิโน่ ออกจากสนาม ในขณะที่นำอยู่เพียงลูกเดียวอีกด้วย
เห็นรายชื่อ11ตัวจริง คล็อปป์ จัดตัวงง
หลังจากที่ห่างหายไปนานจากโปรแกรมที่ถูกเลื่อน จากการสวรรค์คตของ สมเด็จพระราชินี อลิซาเบธที่2 นั่นเท่ากับว่าตั้งแต่วันที่ 3กันยายน เป็นต้นมา ที่เสมอเอฟเวอร์ตัน 0-0 ลิเวอร์พูล ไม่ได้ลงฟาดแข้งในพรีเมียร์ลีกเลย
นั่นทำให้แม้จะเจอทีมที่ฟอร์มดีวันดีคืนอย่างไบร์ทตัน แต่ทว่าพวกเขาก็มุ่งมั่นที่จะเก็บ3แต้มให้ได้ในเกมนี้ เพื่อทำอันดับขึ้นไปกลุ่มบนของตาราง แต่ทว่าเมื่อเห็นรายชื่อ11ตัวจริง ก็น่าจะทำให้ สาวก เดอะ ค็อปป เสียวสันหลังอยู่ไม่น้อย
อันดับแรกคือเจ้าหนู ฟาบิโอ คาร์วัลโญ่ ที่ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงครั้งที่2ในพรีเมียร์ลีก กับลิเวอร์พูล จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่โรยราเป็นอย่างมาก และผลลัพธ์ในช่วง45นาทีแรก ก็สะท้อนให้เห็นว่า เจเค ตัดสินใจผิดพลาดจริง
คาร์วัลโญ่ ไร้ตัวตน เป็นวิญญาณ ไร้ความหมายในครึ่งแรก ไม่มีส่วนร่วมกับเกมบุก ไม่เห็นการประสานงานกับ โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ เจ้าหนูวัย20ปี ไร้โอกาสยิงไร้การเลี้ยงผ่านคู่แข่ง
สัมผัสบอลไปเพียงแค่ 23ครั้ง เท่านั้น ก่อนถูกเปลี่ยนตัวออกในช่วงออกสตาร์ทครึ่งหลังให้ หลุยส์ ดิอาซ มากระชากลากเลื้อยแทน ซึ่งรูปเกมของลิเวอร์พูล ดีขึ้นมาอย่างชัดเจน จากปีกชาวโคลัมเบีย
อีกหนึ่งช็อตการตัดสินใจที่ดูจะผิดพลาดของ คล็อปป์ ก็คือการเลือกถอด ฟิร์มิโน่ ออกจากสนาม น.75 ให้ ดิโอโก้ โชต้า มาเล่นแทน ทั้งที่รูปเกมยังไม่ขาด (นำ3-2)และ "บ๊อบบี้ " ยังดูกระเหี้ยนกระหือรือ ที่จะทำแฮตทริก จนสุดท้ายโดนตีเสมอ 3-3 ท้ายเกม และเร่งไม่ขึ้นในที่สุด
เทรนท์ ยังไม่มีทีท่าว่าจะกลับฝั่ง
เป็น1ใน2นักเตะชาวอังกฤษที่โดนวิจารณ์หนักเหมือนกันสำหรับ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ และ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ โดยแบ็กเบอร์66รายนี้ ถูก แกเร็ธ เซาธ์เกต ตัดชื่อออกจากทีมในเกมที่อังกฤษ เสมอกับ เยอรมัน 3-3
เกมกับ ไบร์ทตัน TAA ยังได้ออกสตาร์ทเป็นแบ็กขวาตัวจริงเหมือนเดิม เพราะไม่มีคู่แข่งมาคอยกดดัน ครั้นจะใช้บริการ โจ โกเมซ ขัดตราทัพมายืนแบ็กขวาตอนนี้ ก็ดูจะทำให้รั่วไหลกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำ
สำหรับ เทรนท์ แล้ว เป็นอีกนัดที่เจ้าตัวก่อความผิดพลาดในแนวรับ ประตูแรกที่เสียก็เป็นเจ้าตัวนี่แหละที่เป็นจุดเริ่มต้นด้วยการโหม่งเคลียร์บอลไม่ดี แถมยังประกบ ทรอสซาร์ ห่างจนเตะชาวเบลเยี่ยมพลิกหลอกไปยิงง่ายๆ ทำได้แค่ป้องกันด้วยสายตาอีกด้วย
นอกจากนี้ยังมีหลายจังหวะที่ ไบร์ทตัน ทำเกมขึ้นโจมตีริมเส้นฝั่งขวาของลิเวอร์พูลได้อย่างง่ายดาย เพราะ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ยืนสูงหรือไม่ก็หุบเข้าไปเล่นตรงกลางแทน
ขนาดตัวสำรองวิงแบ็กฝั่งซ้ายของทีมเยือนอย่าง คาโอรุ มิโตมะ ปีกทีมชาติญี่ปุ่นซึ่งหน้าใหม่มากๆในพรีเมียร์ลีก ยังเผาเครื่อง เทรนท์ ได้หลายหนเลย ซึ่งประตูที่3แบ็กขวาวัย23ปีรายนี้ ก็ต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วยเช่นกัน
เห็นที เจเค อาจจะต้องเลือกดร็อป เทรนท์ บ้างก็ได้ หรือไม่ก็เสริมทัพในช่วงตลาดหน้าหนาว เพื่อเข้ามากดดันให้เกิดการแข่งขันในตำแหน่งแบ็กขวา โดยฟอร์มของเจ้าตัวในนัดนี้ก็สะท้อนให้เห็นว่า เซาธ์เกต คิดถูกที่ไม่ส่ง TAA ลงในเกมกับเยอรมัน และทำเป็นเล่นไปเราอาจไม่ได้เห็นแบ็กขวาคนเก่งของหงส์แดงรายนี้ ได้ไปบอลโลก2022 ก็เป็นได้
ฟิร์มิโน่ มั่นใจและขาขึ้น
ตอนที่ทีมไปสอย ดาร์วิน นูนเญซ มาในราคา100ล้านยูโร อนาคตของ โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ ดูจะมืดมนลงไปทุกขณะ บวกกับในตำแหน่งกองหน้ายังมี ดิโอโก้ โชต้า ที่เป็นตัวเลือกที่เหนือกว่าด้วยจากผลงาน 1-2ปีหลัง
แต่ทว่าอย่างไรก็ตามช่วงที่ นูนเญซ โดนโทษแบน โชต้า ยังไม่ฟิตเต็มร้อย นั่นทำให้ " บ๊อบบี้ " ได้โอกาสพิสูจน์ตัวเองเต็มๆอีกครั้งหนึ่ง และแข้งชาวแซมบ้ารายนี้ ก็ไม่ทำให้ผิดหวังเลย เกมกับนกนางนวลเมื่อคืนด้วยผลงาน2ประตู
ลูกแรกเป็นการตามไปยิงลูกตวัดจ่ายของ โม ซาลาห์ จะว่าง่ายก็ง่ายจะว่ายากก็ยาก เพราะมีผู้เล่นอย่าง ลูอิส ดังค์ พุ่งเข้ามาขวาง ส่วนประตูที่สอง ต้องชมความนิ่งและความเยือกเย็นของเจ้าตัวเลย เพราะแม้จะมีเซ็นเตอร์ไบร์ทตัน ถึง3คนในเขตโทษ
แต่ทว่า ฟิร์มิโน่ ก็หาจังหวะล็อก1จังหวะแบบเนียนๆ ยิงหักมุมผ่าน โรเบิร์ต ซานเชซ เข้าไป สิ่งที่อดีตแข้งฮอฟเฟ่นไฮม์ ทำได้ดีกว่า นูนเญซ นั่นก็คือการประสานงานกับตัวรุกฝั่งซ้ายขวา ทำให้แนวรุกคนอื่นเล่นได้ง่ายขึ้น
น่าเสียดายเหมือนกันที่เจ้าตัวถูกเปลี่ยนตัวออกจาสนาม น.75 ให้โชต้าลงมาแทน ทั้งที่ทีมยังต้องการทำประตูเพิ่มเพื่อหนีห่าง และ ฟิร์มิโน่ เองก็ยังมีลุ้นแฮตทริก 5ประตู 3แอสซิสต์ จาก5นัดตัวจริงในพรีเมียร์ลีก คู่ควรอย่างยิ่งกับการได้ออกสตาร์ทเป็น11ผู้เล่นตัวจริงก่อน นูนเญซ
เร็ว แม่นยำ บอลเท้าสู่เท้าของ ไบร์ทตัน
แม้จะเปลี่ยนกุนซือ แต่สไตล์การเล่น และแผนการเล่นก็ยังติดจากในยุคของ เกรแฮม พ็อตเตอร์ นะ สำหรับ ไบร์ทตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน ภายใต้การดูแลของนายใหญ่คนใหม่อิมพอร์ตจากอิตาลี อย่าง โรแบร์โต้ เด แซร์บี้
นกนางนวลยังมาในระบบเดิมที่คุ้นเคย 3-5-2 (3-4-2-1) โดยมีผู้เล่นในแดนหน้าเป็น เลอันโดร ทรอสซาร์ ผสานงานกับ แดนนี่ เวลเบ็ค แม้จะมาเล่นที่แอนฟิลด์ แต่ทว่า ไบร์ทตัน ไม่ได้มีอาการขาสั่นหรือกดดันเลย
พวกเขายังต่อบอลจังหวะเดียวกันได้อย่างแม่นยำ รวดเร็ว ลิเวอร์พูล ที่ว่า เกเก้นเพรสซิ่ง ยังไม่สามารถสร้างความกดดัน หรือแย่งบอลคืนมาได้ 3เซ็นเตอร์อย่าง โยเอล เฟลท์มัน - ลูอิส ดังค์ - อดัม เว็บสเตอร์ จ่ายบอลหน้าเขตโทษอย่างสบายใจฉิบ ไม่มีสาดเคลียร์มั่วซั่ว
ส่วนมิดฟิลด์อย่าง อเล็กซิส แม็คอัลลิสเตอร์ - มอยเสส ไกเซโด้ ก็จัดการ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ได้อย่างอยู่หมัด ทำให้ ฟาบินโญ่ ต้องเจองานหนักเลยทีเดียว เมื่อเจอบอลจ่ายทะลุขึ้นมาตรงกลาง โดยทั้ง3ประตู ที่พวกเขาทำได้ ก็เป็นการประสานงานทีมเวิร์คกันอย่างยอดเยี่ยมทั้งสิ้น
น่าเสียดายเหมือนกันที่ หลังจากที่ขึ้นนำ2-0 ลูกทีมของ เด แซร์บี้ กลับเหมือนเล่นไม่เป็นตัวเอง ผ่อนเกมไปดื้อๆ หรือหาก แดนนี่ เวลเบ็ค จบสกอร์คมกว่านี้ เราอาจได้เห็นทีมดังแดนใต้ปิดเกมไปแล้ว จนลิเวอร์พูล ฮึดกลับมาไม่ทันก็เป็นได้
ทรอสซาร์ ร่างทองกับแฮตทริกที่แอนฟิลด์
ถ้าจะหาพระเอกสักคนในการมาแชร์1แต้มจากแอนฟิลด์ นัดนี้ ชูมือยกแขนเป็นเอกฉันท์ได้เลย สำหรับ เลอันโดร ทรอสซาร์ กับผลงาน แฮตทริก 3ลูกยิงสุดสวย ความคล่องแคล่ว และความเฉียบคมนี่คือสิ่งที่ ดาวเตะชาวเบลเยี่ยมร่ายมนต์เมื่อคืน
ประตูแรก มาจากการพลิกบอลด้วยซ้าย หนี อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ยิงเสียบมุมเข้าไป ลูกที่สองนอกจากจะยังยิงสวยแล้วต้องชมเจ้าตัว ด้วยที่เลี้ยงไลน์ จากลูกจ่ายของ ซอลลี่ มาร์ช ได้เป็นอย่างดี ประตูแฮตทริก ก็ซัดบอลเด้งพื้นอย่างเหมาะเจาะผ่าน อลิสซง เข้าไป
ทรอสซาร์ มีโอกาสยิงทั้งหมด4ครั้งแปรเปลี่ยนเป็น3ประตู ฤดูกาลใหม่นี้แข้งวัย27ปี ทำไปแล้ว5ประตู 1แอสซิสต์ ในลีก อีกเพียงแค่3เม็ด จะทำได้เทียบเท่ากับซีซั่นที่แล้ว 2021-2022 ที่กดไปได้8ประตูด้วยกัน
สำหรับ3ประตูที่ เลอันโดร ทรอสซาร์ ทำได้เมื่อคืน ส่งผลให้เจ้าตัวกลายเป็นนักเตะรายที่3ในพรีเมียร์ลีก ที่บุกมาซัดแฮตทริกถึงแอนฟิลด์ได้ต่อจาก ปีเตอร์ เอ็นเลิฟ ของ โคเวนทรี ปี 1995 และ อังเดร อาร์ชาวิน ของอาร์เซน่อล ปี 2009 ที่อุกอาจถึงขนาดกดคนเดียว4ตุง
ทรอสซาร์ นับตั้งแต่ย้ายมาจาก เกงค์ เมื่อปี 2019 ยังไม่มีซีซั่นไหนเลย ที่เจ้าตัวกดได้ถึง10ตุงในลีก ซึ่งฤดูกาลนี้ ผ่านไป7นัด กดไปแล้ว5ประตู มีโอกาสเช่นกันที่จะเป็นหนแรกที่แข้งชาวเบลเยี่ยม ยิงทะลุสองหลัก
- คอลัมน์นิสต์
- 268
- 02 ต.ค. 2565 13:26