รับน้อง เทน ฮาก ! ไบร์ทตัน บุกยิงมีคาบ้าน 2-1 แม็คเฟร็ด คู่หูนรกแตก
เปิดสนามมานัดแรกในศึกพรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2022-2023 ก็สร้างผลงานสุดงามไส้เสียแล้วสำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในยุคของ เอริก เทน ฮาก ทั้งที่ได้เล่นใน โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เจอทีมที่อ่อนชั้นกว่าอย่าง ไบร์ทตัน ที่พึ่งเสียแบ็กซ้ายคนสำคัญอย่าง มาร์ค กูกูเรย่า และ อีฟส์ บิสซูม่าไป แต่ทว่ากลับโดนทีมนักนางนวลบุกมายิงฝังคาบ้าน 2-1
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มาในระบบ 4-2-3-1 โดยมีแข้งนักเตะหน้าใหม่ได้ประเดิมสนามเลยอย่าง คริสเตียน อิริคเซ่น และ ลิซานโดร มาร์ติเนซ ช่วงออกสตาร์ทเกม ดาวเตะชาวเดนมาร์ก ได้เล่นเป็นกองหน้าตัวหลอก ฟอลส์ ไนน์ ก่อนที่จะถอยต่ำมาเล่นไปตัวออกบอลภายหลัง
ช่วง45นาทีแรก เราเหมือนกับได้ดูหลังฟิล์ม ม้วนเก่าที่มี ราล์ฟ รังนิก มาเป็นกุนซือ หรือช่วงท้ายที่ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา คุมทีม เพราะรูปแบบการเล่น สไตล์ ความเอื่ยเฉื่อยของนักเตะแทบจะไม่ต่างจากเดิมเลย ห่วยยังไงก็อย่างนั้น
บอลระบบของไบร์ทตัน บุกมาขึ้นนำ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้2-0 ใน45นาทีแรก จาก ดาวเตะที่ค่อนข้างถูกโฉลกกับการยิงทีมปีศาจแดง อย่าง ปาสกาล กรอสส์ น.30 และ 39 ครึ่งหลังยูไนเต็ด พยายามโหมเครื่องบุกหนัก แต่ไล่คืนมาได้ลูกเดียว1-2 จากการทำเข้าประตูตัวเองของ อเล็กซิส แม็คอัลลิสเตอร์ น.68
ผลลัพธ์ที่ออกมา การพ่ายคาบ้าน เราได้เห็นภาพซ้ำๆเดิมๆ อีกครั้ง ของผู้เล่นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ก่อความผิดพลาดสมาธิหลุดเป็นเรื่องปรกติ ไม่ว่าจะเป็นแบ็กซ้ายขวาอย่าง ลุค ชอว์ และ ดิโอโก้ ดาโลต์ โดยเฉพาะ " เจ้ชอว์ " ที่ยืนสูงไม่ลงมาช่วยเพื่อนลูก 0-2
และที่เข้าตา เป็นขยะทองคำที่สุดคงหนีไม่พ้น คู่หูนรกแตก ที่เมื่อแฟนผีได้ยินชื่อคราใด มีอันต้องส่ายหน้าหนีนั่นก็คือ สก็อต แม็คโทมิเน่ย์ กับ เฟร็ด โดนคอมบิเนชั่น " แม็คเฟร็ด " สร้างผลงานได้งามไส้สุดๆ ทั้งในเรื่องของ การครองบอล - แย่งบอล - จ่ายบอลขึ้นหน้า - ยืนตำแหน่ง หรือกำหนดจังหวะจะโคนเกม
คู่หูกองกลางชาวบราซิลและสก็อตแลนด์ ทำให้ห้องเครื่องของ ไบร์ทตัน อย่าง มอยเซ่ เซไซโด้ ในวัยเพียงแค่20ปี โดดเด่นขึ้นมาทันที เก็บกินพื้นที่ตรงกลางสนาม ชะลอเกมบุกทีมเจ้าบ้าน สกัดกั้นเอาชนะการดวลได้หลายหน
3แต้มดังกล่าวของ ไบร์ทตัน ทำให้ เกรแฮม พ็อตเตอร์ กลายเป็นผู้จัดการทีมของทัพ " เดอะ ซีกัลล์ " คนแรกในประวัติศาสตร์ ที่พาทีมบุกมาเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้
ส่วน เอริก เทน ฮาก เอง ก็สร้างสถิติที่ไม่ดีนั่นคือ การเป็นผู้จัดการทีมคนที่ 2 ต่อจาก หลุยส์ ฟานกัล (2014) ที่คุมทีมอย่างเป็นทางการนัดแรกแล้วลงเอยด้วยความพ่ายแพ้นัดแรก นับตั้งแต่หมดยุค เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
แม็คเฟร็ด ชิ้นเนื้อเน่าที่ยังอยู่
เชื่อว่าเป็นปัญหาที่แฟนบอลปีศาจแดง และคนนอกรู้มาตลอดนั่นก็คือ เครื่องยนต์ตัวขับเคลื่อนในแดนกลางของทีมมีปัญหาสุดๆ นั่นก็คือ คู่หูนรกแตกอย่าง เฟร็ด และ สก็อตต์ แม็คโทมิเน่ย์ ที่แม้จะทั่งในยุค ราล์ฟ รังนิก หรือ โอเล่ ก็ยังคงเป็นคู่นี้เสมอ
นัดออกสตาร์ทเกมอย่างเป็นทางการของ เอริก เทน ฮาก ก็เช่นกัน ไล่เป็นรายตัว แม็คโทมิเน่ย์ ที่ช่วงปรี-ซีซั่น อัพรูปเข้ายิมฟิตซ้อมร่างกายเป็นอย่างดี รูปร่างกำยำขึ้น แต่ทว่าฟอร์มของเจ้าตัวก็ยังเข้าขั้นดาดๆ เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
กองกลาวชาวสก็อตต์ ผิดพลาดทุกอย่างในฐานะกองกลาง ไม่ว่าจะเป็น การออกบอลที่แข็งทื่อยัดใส่ตัวเพื่อนร่วมทีม การยืนตำแหน่งที่มั่วจัด แถมยังชอบขึ้นสูงไปเติมเกมบุก แล้วลงมาช่วยเฟร็ดไม่ทัน เวลาเจอบอลแทงจากตรงกลาง ถือว่าโชคดีไม่น้อย ที่ไม่โดนใบแดง จังหวะเข้าบอลช้าใส่ เซไซโด้
จังหวะเสียประตูแรก จุดเริ่มต้นก็มาจาก การทำบอลเสียของ "เจ้าหนูแม็คทอม " นี่แหละ ส่วน เฟร็ด ก็แทบไม่แตกต่างกันมาก มิหนำซ้ำยังเจองานหนักกว่าด้วยเพราะ แม็คโทมิเน่ย์ ที่ยืนตำแหน่งแหน่งพลาดทำให้ เฟร็ด ต้องเจอกับสถานการณ์ที่ยากลำบากหลายครั้ง
ไม่นับในเรืองของการเข้าประทะ ที่อดีตแข้งชัคตาร์ โดเน็ตส์ รายนี้แพ้คู่แข่งตลอด เฟร็ด มีเปอร์เซ็นต์ความแม่นยำในการจ่ายบอลเพียงแค่ 80% เท่านั้น ซึ่งถือว่าน้อยมากๆสำหรับนักเตะที่เล่นเป็นกองกลาง
ในอนาคตอาจจะมีบางนัดที่คู่หู คู่นี้เล่นดีขึ้นมา แต่ทว่าเชื่อเถอะ พวกเขาจะกลับมาฟอร์มออกอ่าวออกทะเลอีกครั้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่มีทางจะประสบความสำเร็จ หรือไปเล่น ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้ หากว่า ยังมีคู่มิดฟิลด์ที่ชื่อว่า " แม็คเฟร็ด "
การประเดิมของ ลิซานโดร
ถือว่าเสี่ยงเหมือนกันนะสำหรับ เอริก เทน ฮาก ที่เลือกส่งกองหลังคนใหม่อย่าง ลิซานโดร มาร์ติเนซ ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงทันที ทั้งที่เซ็นเตอร์ชาวอาร์เจนไตน์รายนี้ พึ่งได้เล่นกับทีมนัดเดียวในเกมอุ่นเครื่อง และอาจจะต้องกังวลกับเรื่อง แมตช์ฟิตเนส
กองหลังค่าตัว57ล้านปอนด์ (รวมแอดออน) ได้ เดบิวต์เวทีพรีเมียร์ลีก ด้วยการจับคู่กับ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ การขาดเกมอย่างเป็นทางการกับเพื่อนร่วมทีมใหม่ ทำให้ ลิซานโดร ดูจะมีปัญหาอยู่เหมือนกัน กับการเล่นจูนกับผู้เล่นในสนาม
อดีตกองหลังอาแจ็กซ์ ดูครองบอลได้ดี และมีความเร็ว แต่ทว่าก็มีจังหวะเล่นหวาดเสียวหลายครั้ง โดย เอริก เทน ฮาก ได้เลือกให้เจ้าตัวเป็นผู้เล่นเซ็ตบอลจากแดนหลัง ลิซานโดร มาร์ติเนซ เสียตำแหน่งให้เห็นจะๆถึง2ครั้ง
ซึ่งถือว่าโชคดีไม่น้อย กับจังหวะที่เจ้าตัวไปทำฟาวล์ แดนนี่ เวลเบ็ค ผู้ตัดสิน พอล เทียร์นี่ ไม่ได้มองว่าเป็นจุดโทษ หากว่าเดบิวต์ทั้งด้วยความพ่ายแพ้และทำทีมเสียจุดโทษ คงจะเป็นการประเดิมในเวทีลูกหนังอังกฤษที่ฝันร้ายไม่น้อย
อาจจะต้องให้เวลาหน่อย สำหรับ ลิซานโดร มาร์ติเนซ กับการปรับตัวให้เข้ากับเพื่อนร่วมทีมใหม่ ระบบใหม่ เกมเมื่อคืนเจ้าตัวมีโอกาสยิงมากถึง3ครั้งด้วยกัน - เคลียร์บอลได้4หน และบล็อคลูกยิงได้2ครั้ง แต่ทว่าภาพรวมการเล่นแล้วทำให้แนวรับทีมแน่นหนาขึ้น กองหลังค่าตัวแพงรายนี้ยังทำได้ไม่ดีเท่าไหร่ (ในเกมนี้)
เซไซโด้ อัดกองกลางแมนยูหมอบ
ตอนแรกคาดการณ์กันว่า ไบร์ทตัน น่าจะมีขุมกำลังในแดนกลางที่ยวบลงไปไม่น้อย กับการขาย อิฟส์ บิสซูม่า ไปให้กับ ท็อตแน่ม ฮ็อต สเปอร์ส ทำให้คู่กลางในนัดนี้ กุนซือ เกรแฮม พ็อตเตอร์ เลือกใช้บริการเป็น อเล็กซิส แม็คอัลลิสเตอร์ กับ มอยเซ่ เซไซโด้
โดยเฉพาะเจ้าหนูวัย20ปี มอยเซ่ เซไซโด้ ที่ฤดูกาลที่แล้ว ไบร์ทตัน ยังปล่อยให้ทีมในลีกเบลเยี่ยมยืมตัวอยู่เลย โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยม ปัด กวาด เช็ด ถู ทำงานสรกปก ในแดนกลาง เล่นเอาเกมของทีมเจ้าบ้านขับเคลื่อนไปแดนหน้าไม่ได้
ไซไซโด้ ทำให้ เฟร็ด กับ สก็อต แม็คโทมิเน่ย์ นั้นดูแย่มากเข้าไปอีก กองกลางทีมชาติเอกวาดอร์ ฉายผลงานได้อย่างน่าปรบมือให้ แม้ว่านี่จะเป็นเพียงเกมที่9ในพรีเมียร์ลีกของเจ้าตัวก็ตาม
ชนะการดวล 1ต่อ1 (มากที่สุด) 9 ครั้ง - แท็กเกิ้ล (มากที่สุด) 4ครั้ง - ตัดบอล (มากที่สุด) 3ครั้ง - สร้างสรรค์โอกาส (มากที่สุด3ครั้ง) แถมยังเกือบเรียกใบแดงจาก แม็คโทมิเน่ย์ ได้ด้วยจังหวะที่เข้าพรวด
สวนคู่ขาในแดนกลางของ เซไซโด้ อย่าง อเล็กซิส แม็คอัลลิสเตอร์ ก็ถือว่าทำหน้าที่ของตัวเองได้ตามปรกติ แต่ทว่าโชคร้ายเหมือนกันที่เจ้าตัวมีชื่อบนสกอร์บอร์ด ในฐานะนักเตะที่ทำเข้าประตูตัวเอง เพราะไปขวางทางการปัดบอลของ โรเบิร์ต ซานเชซ จนบอลเปลี่ยนทางเข้าประตูไป
ปาสกาล กรอสส์ ถูกโฉลกกับปีศาจแดง เวลเบ็ค จอมป่วน
โอเคแม้จะมีผู้เล่นไบร์ทตัน ที่โดดเด่นเหมือนกันในเกมที่บุกยิงปีศาจแดงคาบ้าน แต่ทว่าคนที่สำคัญและโดดเด่นจริงๆแบบปฎิเสธไม่ได้ด้วยผลงานนั่นก็คือ ผู้ทำ2ประตูอย่าง ปาสกาล กรอสส์ ดาวเตะชาวเยอรมัน
กรอสส์ ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง ปั้นเกมร่วมกับ อดัม ลัลลาน่า อยู่ข้างหลังศูนย์หน้าอย่าง แดนนี่ เวลเบ็ค โดย2เม็ดที่ ปาสกาล กรอสส์ ทำให้ ต้องชื่นชมในจังหวะการสอดขึ้นมาและอยู่ถูกที่ถูกเวลาTiming ของเจ้าตัวด้วย แต่นั่นก็เป็นเพราะ แนวรับของ ยูไนเต็ด จัดระเบียบกันได้ห่วยแตกเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม กรอสส์ มีสถิติที่น่าแปลกใจไม่น้อย เมื่อยามดวลกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เพราะนับตั้งแต่ย้ายมาจาก อิงโกลสตั๊ด เมื่อปี 2017 พลพรรคปีศาจแดงกลายเป็นทีมที่ ปาสกาล กรอสส์ ทำประตูใส่ได้มากที่สุด 6ลูก รองลงมาเป็น เวสต์แฮม 3ลูก
แข้งวัย31ปี เล่นกันได้อย่างเข้าอกเข้าใจไหลลื่นกันกับ ผู้เล่นในแดนหน้าอย่าง แดนนี่ เวลเบ็ค และ ตัวทำเกมอีกคนอย่าง อดัม ลัลลาน่า กรอสส์ มีโอกาสยิง3ครั้ง และจ่ายบอลคีย์พาสได้1หน
อีกคนหนึ่งที่แม้จะไม่มีสกอร์มาฝาก แต่ทว่าก็มี1แอสซิสต์ นั่นก็คือ เวลเบ็ค โดยท่าน " มหาเทพ " ปั่นป่วนแนวนับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มากๆ ได้สัมผัสบอลในเขตโทษแมนยู มากถึง10ครั้ง - ชนะการดวล 9ครั้ง - มีโอกาสยิงประตู5หน - เลี้ยงบอลผ่าน และสร้างสรรค์โอกาส อย่างละ3ครั้ง
เรียกว่าโดดเด่นมากกว่า คริสเตียนโน่ โรนัลโด้ เมื่อคืน สำหรับ แดนนี่ เวลเบ็ค ไม่แปลกใจเลยที่ในระยะหลังเจ้าตัวจะแย่งตำแหน่งตัวจริงจาก นีล โมเปย์ ได้
หายนะที่อาจรอ เทน ฮาก อยู่
เค้าแววฟอร์มเดิมจากฤดูกาลที่แล้ว ก็ส่อเค้ามีให้เห็นตั้งแต่เกมอุ่นเครื่อง 3นัดหลังสุดสำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ตั้งแต่เกมที่ เสมอ แอสตัน วิลล่า 2-2 แพ้ แอตเลติโก มาดริด 0-1 และ เสมอกับ ราโย บาเยกาโน่ 1-1
ความปราชัยคาบ้านเมื่อคืน ก็ได้เปิดหลายแผลให้ เอริก เทน ฮาก ได้เห็นเต็มตา ไม่ว่าจะเป็นคู่มิดฟิลด์ตัวกลาง ที่หากยังใช้คู่คุณภาพบัดซบอย่าง สก็อต แม็คโทมิเน่ย์ กับ เฟร็ด บอกได้คำเดียวเลยว่าหายนะรออยู่แน่นอน เพราะ " แม็คเฟร็ด " ได้พิสูจน์คุณภาพความอ่อนชั้นของตัวเอง มาแล้วผ่านกุนซือถึง3ราย
อย่างไรก็ตาม ก็อาจจะต้องตำหนิ เทน ฮาก ด้วยที่ ไม่ยอมมองเป้าหมายอื่น ที่ไม่ใช่ แฟรงกี้ เดอ ยอง เพราะในตลาดนักเตะ ก็มีกองกลางที่ดีและพอสู้ราคาได้ อย่างใกล้ตัวที่สุดและไม่น่าจะคว้ายากอย่าง รูเบน เนเวส ของ วูล์ฟแฮมป์ตัน
ส่วนแบ็กซ้าย ลุค ชอว์ ก็ไม่ใช่คนเดิมที่เคยรู้จัก กับฟอร์มพีคในซีซั่น 2020-2021 กลายเป็น " เจ๊ชอว์ " ที่ยืนผิดตำแหน่งบ่อยและไม่ลงมาช่วยเพื่อนเวลาดันสูง ส่วนทางขวา ดิโอโก้ ดาโล่ต์ ก็ก่อความผิดพลาดออกลูกเหวอบ่อยครั้ง แถมการเปิดบอลก็ไม่ได้แม่นกว่า อารอน วานบิส -ซาก้า เลย
ส่วนปีกอย่าง เจดอน ซานโช่ นี่ก็เข้าสู่ปีที่2แล้ว แต่เจ้าตัวก็ยังดูไม่ค่อยกล้าเล่นกระชากลากเลื้อยเท่าที่ควร ผิดกลับ มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่กล้าเล่นมากเกินไป จนทำจังหวะเกมบุกเสียบ่อยครั้ง แถมเมื่อมีจังหวะซัดประตู ก็ไม่เฉียบขาดอีก การเล่นดูขัดหูขัดตาไปเสียหมด
นี่ยังไม่นับปัญหาการอยากย้ายออกจากทีมของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ไม่รู้จะลงเอยแบบไหน รวมไปจนถึง อองโตนี่ มาร์กซิยาล ที่เจ็บแฮมสตริง ส่อแววพักตลอดเดือนสิงหาคม การเริ่มต้นขวบปีแรกกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ดูจะเป็นงานที่สาหัสจริงๆสำหรับ เอริก เทน ฮาก
- คอลัมน์นิสต์
- 364
- 08 ส.ค. 2565 13:24