คว้าแชมป์กลุ่ม ! เวลส์ โชว์หมู สิงโตขย้ำง่าย 3-0 ดร.แรชฟอร์ด 2เม็ด
นัดสุดท้ายของกลุ่มบี คู่ระหว่าง เวลส์ กับ อังกฤษ ก่อนเกมดังกล่าวทีมมังกรแดง มีลุ้นเข้ารอบเล็กๆ หรือเรียกว่าแทบจะไม่มีเลยดีกว่า ประการแรกนั่นก็คือพวกเขาต้องเอาชนะ สิงโตคำราม ด้วยระยะห่างมากกว่า3ประตู สเต็ปที่สองนั่นก็คือต้องภาวนาให้อีกคู่ในกลุ่มเดียวกันอย่าง สหรัฐ อเมริกา กับ อิหร่าน ห้ามมีผลแพ้ชนะ ซึ่งดูจากเงื่อนไขดังกล่าว เรียกว่า เวลส์ จองตั๋วตกรอบไปแล้วก็ว่าได้
เกมที่สนาม อาห์หมัด บิน อาลี สเตเดี้ยม ระหว่าง เวลส์ กับ อังกฤษ ผลก็จบลงตามคาดด้วยชัยชนะของ สิงโตคำราม แบบสบายๆ 3-0 ชนิดที่ไม่ต้องลุ้นให้เหนื่อยหนักเลย อาจจะมีเสียวหน่อยตรงที่กว่าเม็ดแรกจะมาก็ต้องรอไปจนถึง 45นาทีหลัง
นัดนี้ กุนซือ แกเร็ธ เซาธ์เกต เปลี่ยนแปลงผู้เล่นหลายตำแหน่ง (คล้ายโรเตชั่น) ดร็อป ผู้เล่นตัวจริงขาประจำก่อนหน้านั้นอย่าง บูกาโย่ ซาก้า - เมสัน เม้าท์ - คีแรน ทริปเปียร์ และ ราฮีม สเตอร์ลิง ปล่อยให้เป็นโอกาสของ มาร์คัส แรชฟอร์ด - ฟิล โฟเด้น - จอร์แดน เฮนเดอร์สัน และ ไค วอล์คเกอร์ แทน
เริ่มเกมมาก็เป็นทางฝั่งลูกทีมของ แกเร็ธ เซาธ์เกต ที่เหนือกว่าอย่างชัดเจนอยู่แล้ว ทั้งในเรื่องการครองบอล ต่อบอล สร้างสรรค์โอกาส แต่ทว่าจังหวะสุดท้ายกลับไม่เฉียบคมพอ โดยเฉพาะ มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่ดูใช้โอกาสเปลืองมากจังหวะไปหน่อย
อย่างไรก็ดี45นาทีหลัง พลพรรค " ทรี ไลออนส์ " ก็มาปลดล็อค1-0 จนได้ จากลูกฟรีคิกสุดสวยย้อนทางเสาแรกของ มาร์คัส แรชฟอร์ด น.50 หลังจากนั้นเพียงแค่2นาที น.52 อังกฤษก็มาได้ลูก 2-0 จากการเข้าฮอสของ ฟิล โฟเด้น ที่มาจากลูกจ่ายคมเป็นใบมีด ของ แฮร์รี่ เคน
ก่อนที่ ดร.แรช จะมาเหมาอีกเม็ดซัดปิดท้าย 3-0 น.68 เก็บ3แต้ม คว้าแชมป์กลุ่มบี ได้สำเร็จ และไขว้สายในรอบ16ทีม ไปเจอกับเซเนกัล อันดับ2กลุ่มบี ส่วนทัพมังกรแดง ก็ตกรอบไปตามระเบียบ มีเพียง1แต้ม จาก3นัด เป็นบ๊วยของกลุ่ม
มากกว่าชัยชนะในนัดนี้ของทีมชาติอังกฤษนั่นก็คือ การได้พักโรเตชั่นนักเตะหลายคนของ แกเร็ธ เซาธ์เกต ซึ่งไม่แน่ว่าในรอบน็อกเอ้าท์ มาร์คัส แรชฟอร์ด อาจจองสัมปทานเป็น11ตัวจริงก็เป็นได้ รวมไปจนถึง ฟิล โฟเด้น ที่แฟนๆเรียกร้องก็โชว์ผลงานได้น่าประทับใจ กับการออกสตาร์ทตัวจริง และมี1ประตูมาฝาก
ส่วน แฮร์รี่ เคน ผ่านมา3นัดในรอบแบ่งกลุ่ม แม้จะยังไม่มีสกอร์มาฝาก แต่ดาวยิงกัปตันทีมสเปอร์สรายนี้ ก็ยังทำรวมไปได้ถึง3แอสซิสต์ ลูกจ่ายแต่ละครั้งคมกริบทั้งนั้น แม้จะเป็นศูนย์หน้า แต่วิธีการเล่นก็เหมือนทำให้อังกฤษมีเพลย์เมคเกอร์ อยู่ในทีมอีกคนได้เลย
สำหรับทีมชาติเวลส์ ก็ต้องบอกว่าเป็นทัวร์นาเม้นต์ ที่พวกเขาทำตัวได้น่าผิดหวังสุดๆ ทั้ง3นัด ขุนพลมังกรแดง เป็นรองคู่แข่งทั้งสิ้น เล่นเหมือนรอเวลาว่าจะโดนตอนไหนแค่นั้น กองหลังสะเปะสะปะ กองกลางต่อบอลไม่ได้ แดนหน้าทื่อ บอลไปไม่ค่อยถึง แกเร็ธ เบล
หรือเมื่อไปถึง "โปรเบล " ก็ทำอะไรไม่ได้เช่นกัน เพราะด้วยอายุที่มากขึ้น ฟอร์มความคมความแข็งแกร่งต่างๆ ก็หายโรยราไปตามเวลา เบลที่มักจะเป็นร่างทอง เวลาเล่นให้ทีมชาติเวลส์ ก็ไม่ได้เป็นแบบนั้นอีกแล้ว
แข้งผีเด่นในบอลโลก ! แรชฟอร์ด อาจยึดตัวจริง
ไปๆมาๆนี่เป็นทัวร์นาเม้นต์ที่นักเตะจากค่าย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โชว์ฟอร์มกันได้ดีถ้วนหน้าหลายคน ไม่ว่าจะเป็น แฮร์รี่ แม็คไกวร์ หรือที่ได้รับรางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในก่อนหน้านั้นอย่าง คาเซมิโร่ และ บรูโน่ แฟร์นันเดซ ซึ่งคราวนี้มาเป็นทีของ มาร์คัส แรชฟอร์ด บ้าง
แรชฟอร์ด ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในบอลโลก 2022 หนแรก และ " แรชชี่ " ก็ไม่ทำให้ผิดหวังเลยกับผลงานกระทุ้ง2เม็ด จากฟรีคิกตะบันสุดเหนี่ยวเสียบเราแรก และลูกลากตัดเข้ามายิงลอดหว่างขา แดนนี่ วอร์ด
โดยฟรีคิกของ แรชฟอร์ด ที่ทำได้ นี่คือฟรีคิกประตูแรกของบอลโลก2022นี้อีกด้วย ซึ่งที่จริงดาวเตะเบอร์10ของปีศาจแดงรายนี้ น่าจะกดแฮตทริกได้ด้วยซ้ำ เมื่อจังหวะหลุดเดี่ยวของเจ้าตัว ยกไม่ผ่านโกลของเวลส์
แข้งวัย25ปี แม้จะมีจังหวะการเล่นบางช็อตที่ดูขัดหูขัดตาไปหน่อย แต่ทว่าภาพรวมนี่คือเกมที่ยอดเยี่ยมของเจ้าตัวเลยกับผลงาน2ประตู ความเร็วและความแข็งแกร่ง สามารถป่วนแนวรับเวลส์ ที่เล่นกันเหมือนกับทีมในระดับ แชมเปี้ยน ชิพ ปานนั้น
ดร.แรชฟอร์ด มีสถิติ สัมผัสบอล50ครั้ง / สัมผัสบอลในเขตโทษ8ครั้ง / โอกาสยิง6ครั้ง (มากที่สุด) / ชนะการดวล5ครั้ง / แย่งบอลกลับคืนมาได้ 4ครั้ง / เลี้ยงบอลผ่าน3ครั้ง (มากที่สุด) ยอดรวม3ประตู ยังทำให้แรชฟอร์ด ขึ้นนำเป็นดาวซัลโวบอลโลก2022ร่วมกับ คิลิยัน เอ็มปั๊ปเป้ - โคดี้ กักโป และ เอแนร์ วาเลนเซีย ของเอกวาดอร์ ที่ตกรอบไปแล้ว
นอกจากนี้แล้ว มาร์คัส แรชฟอร์ด ยังทำสถิติเป็นแข้งจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ทำประตูในทัวร์นาเเม้นต์ใหญ่ ให้ทีมชาติอังกฤษถึง3ประตู ได้เป็นหนแรก นับตั้งแต่ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน (3ประตู) ทำได้ในบอลโลก 1966
เคน ยังไม่ยิง...แล้วไง ?
0ประตู จาก3นัดในรอบแบ่งกลุ่มฟุตบอลโลก กับคู่แข่งกรุ๊ปบี ที่ไม่หินนักอย่าง อิหร่าน - สหรัฐ และ เวลส์ บวกกับ9ประตูที่อังกฤษทำได้ในรอบแบ่งกลุ่มโดยที่ไม่มีชื่อ แฮร์รี่ เคน นี่คงเป็นอะไรที่แปลกไม่น้อย แต่อย่างไรก็ดีถ้าวัดกันในเรื่องฟอร์มล้วนๆ เคน นั้นไม่ได้แย่เลย
เมื่อคืน แฮร์รี่ เคน มี1แอสซิสต์ (อีกแล้ว) มาฝาก จากลูกตวัดจ่ายเรียบสุดเฉียบไปให้ ฟิล โฟเด้น เข้าชาร์ตง่ายๆ กับ สเปอร์ส ซน ฮึง-มิน ที่ยิงกระฉูดจนเป็นดาวซัลโวฤดูกาล 2021-2022 ที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะสไตล์การเล่น การปั้นของ เคน
บางครั้งบางคราวรูปแบบการเล่นของ เคน ก็ทำให้เรานึกถึง โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ กับลิเวอร์พูล ที่ยืนเป็นหน้าเป้า แต่ถอยต่ำ ไม่ได้ค้ำอยู่ในเขตโทษ แต่ทว่าคอยเชื่อมบอล ทลายแนวรับคู่แข่ง แจกจ่ายออกซ้ายขวาให้ มาเน่ & ซาล่าห์ เล่นได้สะดวกๆ
กับทีมชาติอังกฤษ แฮร์รี่ เคน ก็เหมือนจะทำบทบาทอย่างนั้น นั้นก็คือถอยต่ำลงมาเป็นคล้ายๆเพลย์เมคเกอร์ คอยดึงตัวกองหลังคู่แข่ง ทำให้เหล่าบรรดาแนวรุกริมเส้นหน่วยล่าสังหารคนอื่นๆเล่นง่ายขึ้น นัดแรกเราได้เห็น สเตอร์ลิง และ ซาก้า โดดเด่น นัดที่สามเราได้เห็น แรชฟอร์ด และ โฟเด้น เฉิดฉาย
บอลโลกฉบับกาตาร์ แฮร์รี่ เคน ทำไปได้3แอสซิสต์ มากกว่าผู้เล่นทุกคน โดยในบอลยูโร2020 กองหน้าจากไก่เดือยทองรายนี้ ก็ไม่ได้ทำประตูในรอบแบ่งกลุ่มเลย ก่อนมาซัดได้3ประตู ในรอบน็อกเอ้าท์ เป็นต้นไป ไม่แน่เราอาจได้เห็น เคน ปลด ล็อกประตูแรกในเกมกับ เซเนกัล วันอาทิตย์ นี้ก็เป็นได้
อังกฤษ คว้าแชมป์กลุ่ม 11ผู้เล่นตัวจริงจะเปลี่ยนไหม
ไม่รู้ว่า แกเร็ธ เซาธ์เกต จะใช้ผู้เล่นตัวจริงในรอบ16ทีมสุดท้าย เหมือนกัน 2แมตช์แรกในรอบแบ่งกลุ่มรึเปล่า เพราะหากอดีตกุนซือโบโร่ ใช้11ผู้เล่นตัวจริงเหมือนกับนัด อิหร่าน และ สหรัฐ อเมริกา นั่นเท่ากับว่าพวกเขาได้พักผู้เล่นตัวหลักเต็มๆ
ตัวหลักก่อนหน้านั้นอย่าง ราฮีม สเตอร์ลิง - บูกาโย่ ซาก้า - เมสัน เมาท์ - และ คีแรน ทริปเปียร์ ได้พัก เหล่าแข้งอย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด - ฟิล โฟเด้น - จอร์แดน เฮนเดอร์สัน รวมไปจนถึง ไคล์ วอล์คเกอร์ ได้ลงทำหน้าที่แทน
โดยนักเตะกลุ่มหลังกล่าวก็ถือว่าโชว์ได้เข้าตาแทบทุกคน โดยเฉพาะ แรชฟอร์ด ที่กด2ประตู จนได้รับรางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตช์ โฟเด้น ก็มี1ลูกมาฝาก ส่วน เฮนเดอร์สัน ที่ได้ประสานงานในแผงกลางในระบบ 4-3-3 ก็ทำผลงานได้ตามมาตรฐาน ไม่ก่อความผิดพลาดอะไร
" เฮนโด้ " ไม่ได้โดนบทบทสอบมากนักเมื่อคืน แต่ก็โดดเด่นในเรื่องการแย่งบอล เพราะแนวรุกหรือผู้เล่นในแดนกลางของเวลส์ ทำอะไรได้ไม่เป็นชิ้นเป็นอันเลย ไคล วอล์คเกอร์ ก็เช่นกันกับนัดแรกในบอลโลกเพราะไม่ได้โดนเวลส์ เปิดเกมรุกเข้าใส่ ดาเนี่ยล เจมส์ ปีกซ้ายของทัพมังกรแดง ดูจะยังดิบและไร้ประสิทธิภาพเกินไป ในทัวร์นาเม้นต์ใหญ่แบบบอลโลก
เกมกับเซเนกัล ในรอบ16ทีม มีโอกาสสูงมากๆ เช่นกันที่ ทั้ง ฟิล โฟเด้น และ มาร์คัส แรชฟอร์ด จะเบียดขึ้นมาได้ออกสตาร์ทเป็น11ผู้เล่นตัวจริง ส่วน ไคล์ วอล์คเกอร์ และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน น่าจะเป็นสำรองตามเดิม
แต่ทว่าอย่างไรก็ตาม นั่นก็ขึ้นอยู่กับ แกเร็ธ เซาธ์เกต ด้วยว่า จะเล่นด้วยวิธีไหนระบบอะไร 4-3-3 / 4-2-3-1 หรือ เล่นระบบเน้นรับปลอดภัยในรอบลึกๆ 3-4-3 หรือ 3-5-2
เวลส์ เหมือนทีมในระดับ แชมเปี้ยนชิพ
3เกมในบอลโลก 2022 เก็บได้1แต้ม และตกรอบไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ ทีมชาติเวลส์ โดยเป็นการตกรอบที่ไม่มีอะไรน่าเสียดาย ฟอร์มเป็นเอกฉันท์มากๆว่าพวกเขา ไม่ได้เรื่องด้วยประการทั้งปวง
ทั้ง3นัด ลูกทีมของ โรเบิร์ต เพจ รูปเกมเป็นรองคู่แข่งอย่างสุดกู่ทั้งสิ้น เล่นเหมือนว่ารอเวลาที่จะโดนฝั่งตรงข้ามปลิดชีพเมื่อไหร่เท่านั้น เกมกับ สหรัฐ ที่เจ๊ามาได้เรียกว่าเป็นทางฝั่งทีมมะกัน ที่พลาดเองมากกว่ามาทำเสียจุดโทษ แถมยังยิงเม็ดที่2ฝังไม่ได้สักที
เมื่อคืนเกมกับอังกฤษ เข้าใจว่าศักยภาพและทุกๆอย่าง เรื่องฟุตบอลเวลส์เป็นรอง แต่ทว่าด้วยความเป็นคู่อริเพื่อนบ้าน เชื่อกันว่าด้วยความแค้นส่วนตัว น่าจะทำให้พวกเขาฮึดสู้เลือดยิบตาได้ แต่ทว่ารูปเกมตลอด90นาที นั้นไม่ใช่เลย
เวลส์ เป็นรองทัพสิงโตคำราม ทุกกระบวนท่า กองหลังของพวกเขาก่อความผิดพลาดแทบจะทุกคนทั้ง เบน เดวิส กับประตูที่3 โดนแรชฟอร์ด ปั้มแย่งบอลไปได้ แต่ไม่รีบแย่งบอลคืนซะงั้น เป็นเบน เดวิส เวอร์ชั่นแบ็กซ้ายที่อืดอาดสุดๆ
คู่เซนเตอร์ฮาร์ฟนี่ยิ่งหนักเลย ระหว่าง โจ โรดอน และ คริส เมเฟม ที่ต่างเล่นกันไปคนละทิศละทาง แถมยังมีความช้าเป็นจุดอ่อนของแถมให้อังกฤษโจมตีอย่างสนุกสนามตลอด เมื่อคืนเรียกได้ว่าแนวรับ เวลส์ ช้าและอืดกว่าคู่แข่งแทบจะทุกจังหวะ
ขยับมาแดนกลาง อารอน แรมซี่ย์ (ที่เหมือนจะเหลือแต่ชื่อแล้ว) - อีธาน เอ็มปาดู และ โจ อัลเลน ไม่สามารถคุมเกมได้อยู่จริงๆ เจอความสดความห้าวของ จู๊ด เบลลิงแฮม และ เดแคลน ไรซ์ บวกความเก๋าของ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน คอนโทรล ได้หมด
เมื่อคืน โอกาสยิงเข้ากรอบ เวลส์ มีเพียงแค่1ครั้งเท่านั้น ครองบอล แค่36% ทัพมังกรแดง ที่เคยไปได้ไกลถึงรอบรองชนะเลิศยูโร 2016 ช่างห่างไกลจากสภาพทีมในตอนนี้เสียเหลือเกิน...
เบล หมดเวลากับ เวลส์ รึยัง ?
เป็นตัวแบกตัวความหวังของทีมชาติเวลส์มาโดยตลอด สำหรับซุปเปอร์สตาร์อย่าง แกเร็ธ เบล ถึงแม้การมาบอลโลกฉบับกาตาร์หนนี้ เจ้าตัวจะอายุปาเข้าไป33ปี และไม่ได้เล่นในลีกดังยุโรปแล้ว ไปค้าแข้งในช่วงบั้นปลายอาชีพ ลอส แองเจลิส เอฟซี
เวลส์ เข้ามาเล่นฟุตบอลโลกได้เป็นครั้งแรกในรอบ 64ปี หรือตั้งแต่ ปี1958 ซึ่งในรอบคัดเลือกบอลโลก 2022 โซนยุโรปพวกเขามาได้ด้วยการเพลย์ออฟ เอาชนะยูเครน ซึ่ง แกเร็ธ เบล เอง ก็ซัดรวมไปได้ถึง6ประตู ในรอบคัดเลือกดังกล่าวเช่นกัน
แต่ถึงกระนั้นนี่ก็เป็นทัวร์นาเม้นต์ ที่น่าผิดหวังมากๆ ของ แกเร็ธ เบล เพราะเจ้าตัวทำไปได้เพียง1ประตู เท่านั้น และก็มาจากจุดโทษในเกมกับ สหรัฐ ส่วนกับอังกฤษเมื่อคืน " โปรเบล" เรียกว่าหายตัวสาปสูญไปจากเกมได้เลย
ในสถานการณ์ที่ เวลส์ ต้องเอาชนะอังกฤษให้ได้ แต่ทว่าใน45นาทีแรก แกเร็ธ เบล มีโอกาสได้สัมผัสบอลเพียงแค่8ครั้งเท่านั้น และ5ใน8ครั้งนั้น ลงเอยด้วยการทำบอลเสีย และ4ครั้ง คือจำนวนการผ่านบอลของเบล แต่เข้าเป้าเพียงแค่1หน
นั่นจึงไม่แปลกใจเลยที่ อดีตแข้งเรอัล มาดริด ถูกเปลี่ยนตัวออกตั้งแต่ออกสตาร์ทครึ่งหลังให้ เบรนแนน จอห์นสัน ลงมาเล่นแทน 3นัดในบอลโลก เบล มีโอกาสลุ้นทำประตูเพียง2ครั้งเท่านั้น (1ในนั้นคือการยิงจุดโทษ) ถึงกระนั้นก็ดีอาจจะต้องโทษบรรดาหน่วยสร้างสรรค์เกมคนอื่นๆด้วยที่ไม่ได้ปั้น หาจังหวะสวยๆให้ แกเร็ธ เบล ในบอลโลกฉบับกาตาร์นี้
- คอลัมน์นิสต์
- 261
- 30 พ.ย. 2565 14:38