อลิสซงแจกของขวัญ ! เรือใบยำใหญ่บุกถล่มหงส์ยับ 4-1
เรียกได้ว่าฟอร์มของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในตอนนี้เอาเช้าทั้งโขลงมาฉุดก็คงจะเอาไม่อยู่จริงๆ และคำว่าว่าที่ แชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2020-2021 คงไม่ไกลเกินเอื้อมจริงๆ
เมื่อล่าสุดโชว์ฟอร์ม นี่แหละแชมป์เปี้ยน บุกไปถลุงเอาชนะ แชมป์เก่าอย่างลิเวอร์พูล แบบไม่ไว้หน้าและระบบหัวแม่เท้าที่แอนฟิลด์ 4-1
นอกจากสกอร์ที่ขาดลอยแล้ว ภาพรวมรูปเกมในสนาม ลูกทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็กำราบทีมหงส์แดงแทบจะในทุกแง่มุม
อิลกาย กุนโดกัน ซัดเบิ้ล ราฮีม สเตอร์ลิง โขกจ่อๆ ฟีล โฟเด้น ยิงแสกหน้า อลิสซง แบบไม่ปราณี นี่คือเหล่าขุนพลที่ส่งบอลไปซุกตาข่ายลิเวอร์พูลได้เมื่อคืน
นอกจากนี้แล้ว แนวรับก็ยังแกร่งเป็นหินผา ทั้ง จอห์น สโตนส์ และ รูเบน ดิอ๊าซ ชูเอา กานเชโล่
แม้กองหลังชาวโปรตุเกสจะมีพลาดไปเตะ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จนเป็นเหตุให้ทีมเสียจุดโทษ และเสียประตูก็ตาม
ถึงมิดฟิลด์ชาวเยอรมันจะซัด2ประตูในเกมนี้ แต่ทว่าหากจะเลือกผู้เล่นทีมเรือใบสีฟ้าที่โดดเด่นโคตรๆ หลายคนคงเลือกชี้ยกมือไปที่ ฟิล โฟเด้น ที่เฉิดฉาย เซ้นบอลเยี่ยมเกินอายุ ก่อนจบเกม90นาที ด้วยผลงาน 1ประตู 1แอสซิสต์
ส่วนที่ไม่พูดถึงก็คงไม่ได้ สำหรับ ช็อตทำรถขนส้มหล่นหน้าเขตโทษตัวเอง อลิสซง เบ็คเกอร์ ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นแค่หนเดียว แต่ยังฉายพลาดซ้ำอีกครั้งในเวลาที่ห่างกันเพียงแค่3นาที
ฝันร้ายของอลิสซง
นานๆทีเราจะเห็นผู้รักษาประตูระดับโลกอย่าง อลิสซง เบ็คเกอร์ พลาดแบบไม่น่าให้อภัยแบบนี้
เกมกับซิตี้ ต้องบอกได้เลยว่า 2ประตูที่หงส์แดงเสียไป ต้องโทษในความประมาท และความไม่ละเอียดของนายด่านชาวบราซิลรายนี้เต็มๆ
การโดนผู้เล่นในแนวรุกของทีมเรือใบสีฟ้า เข้าเพรสซิ่งกดดันตั้งแต่ในหน้าเขตโทษเล่นเอา อลิสซง เหวอจนจ่ายบอลพลาดไปเข้าเท้านักเตะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทั้งสองหน และโดนลงโทษแบบไม่ให้แก้ตัวด้วยสำหรับทั้ง2ช็อตดังกล่าว
ครั้งสุดท้ายที่เราเห็นนายด่านเจ้าของค่าตัว65ล้านปอนด์ พลาดในการออกบอลจากเท้า จนเป็นเหตุที่ทำให้ลิเวอร์พูล เสียประตู
ต้องย้อนไปไกลถึงฤดูกาลแรกที่เจ้าตัวย้ายมาร่วมถิ่นแอนฟิลด์ (2018-2019) ในเกมที่ออกไปเยือน เลสเตอร์ ซิตี้ ช่วงต้นฤดูกาล
ก่อนที่ช่วง10นาทีสุดท้ายจะมาโดนลูกยิงแสกหน้าของ ฟิล โฟเด้น ปิดกล่องเข้าไป หากเป็นในสภาวะที่ฟอร์มหรือสภาพจิตใจปรกติ ลูกนี้ไม่น่าจะเหนือบ่ากว่าแรงเกินกว่าเจ้าตัวจะเซฟได้
ยิ่งมาเจอสถิติที่น่าปวดใจ นั่นก็คือ ครั้งสุดท้ายที่ผู้รักษาประตูลิเวอร์พูล ก่อความผิดพลาดจนเป็นเหตุให้ทีมเสียประตูถึง2ลูกในเกมเดียวกัน
นั่นก็คือวีรกรรมงามไส้ของ ลอริส คาริอุส ในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก รอบชิงชนะเลิศปี 2018 ที่แพ้ เรอัล มาดริด 1-3 นั่นเอง
อาการบาดเจ็บบ่อยหนในฤดูกาลนี้ ฟอร์มพลาดแบบไม่น่าให้อภัยในเกมกับ ซิตี้ ณ ตอนนี้ คงไม่ใช่ช่วงเวลาที่ดีนักของ อลิสซง
และเมื่อเหลือบมองไปดูตารางคะแนน ทีมของเป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็ทำแต้มทิ้งห่างลูกทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ เป็น10แต้ม และยังแข่งน้อยกว่าทีมหงส์แดง อีก1นัดด้วย
กุนโดกัน จาก Zeroสู่ Hero
เรียกได้ว่าเปิดหัวไม่ค่อยสวยจริงๆ สำหรับ อิลคาย กุนโดกัน เมื่อคืน ทั้งที่ในช่วง45นาทีแรก มีโอกาสในการซัดจุดโทษให้ทีมขึ้นนำลิเวอร์พูล มาก่อน แต่ทว่าเจ้าตัวดันซัดบอลข้ามคานออกไป
แต่ทว่าในช่วงออกสตาร์ท45นาทีหลัง เราได้เห็นมิดฟิลด์ชาวเยอรมันรายนี้ มีความมุ่งมั่นที่จะแก้ตัวจากความผิดพลาดดังกล่าวอย่างเปี่ยมล้น
ตอนออกมาจากอุโมงค์ กุนโดกัน มีสีหน้าแววตาที่อยากพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งหนึ่ง
ก่อนที่สุดท้ายจะมาตอบแทนด้วยการเหมา2ประตูในช่วงครึ่งหลัง การที่ไม่มี เควิน เดอ บรอยน์ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แทบไม่ได้อ่อนหรือแผ่วลงไปเลยในแผงมิดฟิลด์
ประกอบด้วยว่ากันว่านี่คือช่วงเวลาที่พีคที่สุดในการค้าแข้งอาชีพนักฟุตบอลของ อิลคาย กุนโดกัน
ณ ตอนนี้อดีตกองกลางโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ทำไปแล้วถึง9ประตูในการเล่นเพียงแค่ 17นัดในพรีเมียร์ลีก
ยึดตำแหน่งตัวจริงในแผงมิดฟิลด์ของ ซิตี้ ที่มีการโรเตชั่นบ่อยๆ แบบไม่มีใครข้องใจสงสัยในคุณภาพฝีเท้าอีกแล้ว
แม้จะไม่ใช่กองกลางที่ยืนสูงใกล้กรอบเขตโทษคู่แข่งมากนัก แต่รวมทุกรายการแล้วซีซั่นนี้ กุนโดกัน ก็ทำไปแล้วถึง11ประตู
เป็นครั้งแรกในอาชีพการค้าแข้งที่กองกลางวัย30ปี รายนี้ซัดได้ 10ประตู+ ในซีซั่นเดียว
ไม่มีเดอบรอยน์ แต่เรายังมี กุนโดกัน นี่คงเป็นสิ่งที่ สาวกซิตี้ เซนส์ อยากบอกในตอนนี้
โฟเด้น โดดเด่นเกินวัย
เกมกับลิเวอร์พูล ฟิล โฟเด้น ค่อนข้างเงียบเชียบในช่วง45นาทีแรก เพราะได้ลงไปเล่นในตำแหน่ง ฟอลส์ ไนน์
แต่ทว่าในช่วงครึ่งหลังเมื่อถูกเปลี่ยนบทบาทให้มาเล่นตำแหน่งบริเวณริมเส้นทางกว้างมากขึ้น อะไรก็หยุดดาวเตะวัย20ปีไม่อยู่ในค่ำคืนนี้
ฟิล โฟเด้น จบ90นาทีที่แอนฟิลด์ ด้วย1ประตู กับอีก1แอสซิสต์ แข้งดาวรุ่งชาวอังกฤษปั่นป่วนแนวรับลิเวอร์พูลได้อย่างชัดเจนในช่วงครึ่งหลัง
แม้จะอายุเพียงแค่20ปี แต่โฟเด้น ก็ไม่ให้อายุตัวเลขดังกล่าวมาตีกรอบจำกัดความสามารถของเจ้าตัวเลย
บวกกับการอยู่ภายใต้อุ้งมือการดูแลของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า น่าจะทำให้เจ้าตัวพัฒนาฝีเท้าฟอร์มการเล่น พัฒนาขึ้นไปได้อีกเรื่อยๆ
5 ประตู 5 แอสซิสต์ จากการออกสตาร์ทตัวจริงในพรีเมียร์ลีก12นัด ไม่เลวเลยสำหรับนักเตะดาวรุ่งที่อายุเพียงแค่20ปี และอยู่ในทีมฟุตบอลที่คับคั่งไปด้วยซุปเปอร์สตาร์อย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้
โดยเฉพาะลูกตอกฝาโรง 4-1 ที่ลากตัดเข้ามาซัดบอลแสกหน้า อลิสซง เบ็คเกอร์
นั่นคือการแสดงให้เห็นถึงฝีเท้าความสามารถรวมถึงความมั่นใจที่มีอยู่เต็มเปี่ยมของเจ้าตัวอย่างชัดเจน ตำแหน่ง แมนออฟ เดอะ แมตช์ คู่ควรกับ โฟเด้นจริงๆ
สถิติส่วนตัว ฟิล โฟเด้น นัดดวล ลิเวอร์พูล
49 สัมผัสบอล
10 ชนะการดวล
6 แย่งบอลกลับมาได้
3 การตัดบอล
4 เรียกฟาวล์
2 แท็คเกิ้ล
2 โอกาสยิง
2 เลี้ยงบอลผ่านสำเร็จ
1 ประตู
1 แอสซิสต์
ท่ามกลางความพ่ายแพ้ เคอร์ติส โจนส์ ยังโอเค
หากจะหาสิ่งที่พอจะให้ชื่นหัวใจสำหรับความพ่ายแพ้ขาดลอย 1-4 คาบ้านเมื่อคืนของลิเวอร์พูล สิ่งๆนั้นก็คือ ฟอร์มการเล่นของ กองกลางดาวรุ่งอย่าง เคอร์ติส โจนส์
แม้ว่าทีมจะไม่ได้ผลการแข่งขันที่ต้องการ แม้ว่าจะมีโอกาสได้อยู่ในสนามเพียงแค่ 68นาที แต่สิ่งทีดาวเตะวัย20ปี แสดงให้เห็นบนผืนหญ้าเมื่อคืน ก็น่าชื่นชมอยู่ไม่น้อย
45นาทีแรกเมื่อคืน โจนส์ ยอดเยี่ยมกระเทียมดองมากๆ มีส่วนช่วยทีมในการเล่นเกมรับบางจังหวะเป็นอย่างดี
รวมถึงช็อตที่หยุด ฟิล โฟเด้น ได้ที่กลางสนามก่อนที่แข้งวัยละอ่อนของซิตี้จะหลุดเดี่ยวไป
รวมถึงมีโอกาสได้ซัดในเขตโทษช่วงครึ่งหลัง เมื่อปั้มบอลเอาชนะ ชูเอา กานเชโล่ แล้วได้ยิง แต่น่าเสียที่บอลไปแฉลบ รูเบน ดิอ๊าซ หลุดออกนอกกรอบไปนิดเดียว
ผลงานส่วนตัว เคอร์ติส โจน นัดดวล แมนฯซิตี้
92% ผ่านบอลแม่นยำ
65 สัมผัสบอล
6 แย่งบอล
4 ชนะการดวล
4 การตัดบอล
2 แท็คเกิ้ล
2 โอกาสยิง
1 เคลียร์บอล
สิ่งที่หงส์แดงต้องโฟกัสต่อไป
ถ้าจะให้พูดถึงการลุ้นแชมป์เชื่อว่าเด็กหงส์หลายๆคน คงมองว่าเป็นการเพ้อเจ้อเกินไปเสียแล้ว ด้วยฟอร์มตอนนี้รวมถึงสถานการณ์ตารางคะแนน
เป้าหมายหลักในตอนนี้คงเป็นเกาะกลุ่มท็อปโฟร์ และ ไปมุ่งเน้นแบบสุดๆในฟุตบอลถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก
ปัจจุบันลิเวอร์พูลแข่งไป23นัด มีอยู่40แต้ม ส่วนจ่าฝูงอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีอยู่50แต้ม แถมยังแข่งน้อยกว่าที่22นัด
ถ้าทีมเรือใบสีฟ้าเก็บเกมนัดตกค้างกับเอฟเวอร์ตัน ได้จะทำให้พวกเขาฉีกหนีทีมแชมป์เก่าไป13แต้มเลยทีเดียว
แม้ว่าในทางทฏษฎีจะยังพอมีโอกาส แต่ว่าในทางปฎิบัติแล้วเป็นเรื่องยากมากๆ ที่จะตาม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ชุดนี้ที่แกร่งทั่วแผ่น จากหลังยันหน้า เรียกได้ว่าเป็นงานตามช้างเลยก็ว่าได้
นี่ยังไม่นับทีมที่จ่อคอหอยลิเวอร์พูลที่จะแย่ง โควต้ายูซีแอลอย่าง เซลซี - เวสต์แฮม - เอฟเวอร์ตัน - สเปอร์ส รวมถึง แอสตัน วิลล่า
ถ้าฟอร์มกระท่อนกระแท่นแบบนี้ มีโอกาสได้ทุกเมื่อเหมือนกันที่จะโดนคู่แข่งแซงยึดเอาอันดับ4ไปนอนกอดได้
ส่วนสถิติที่น่าตกใจที่แอนฟิลด์นั่นก็คือ ก่อนหน้านั้นลิเวอร์พูลไร้พ่ายที่แอนฟิลด์ในเกมพรีเมียร์ลีกมา 68นัดติดต่อกัน แต่ทว่า3นัดหลังในบ้านลูกทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ปราชัยรวด
และนั่นก็เป็นครั้งแรกในรอบ 58ปี ที่ลิเวอร์พูลแพ้เกมลีกที่แอนฟิลด์ 3นัดติดต่อกัน
21มกราคม / ลิเวอร์พูล 0-1 เบิร์นลี่ย์
3 กุมภาพันธ์ / ลิเวอร์พูล 0-1 ไบร์ทตัน
7 กุมภาพันธ์ / ลิเวอร์พูล 1- 4 แมนเชสเตอร์ ซิตี้
หรือว่าแอนฟิลด์ป้อมปราการที่แข็งแกร่งของลิเวอร์พูล จะสิ้นมนต์ขลังเสียแล้ว
- คอลัมน์นิสต์
- 392
- 08 ก.พ. 2564 14:26