แกะของขวัญโหด ! เรือใบ เหี้ยม ยิง จิ้งจอกไส้แตก 6-3 ราฮีม กดเบิ้ล
ยิงกันได้สนุกเอนเตอร์เทนจริงๆสำหรับ คู่แรกของบ็อกซิ่งเดย์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ ระหว่างเจ้าบ้านและจ่าฝูง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พบกับ ทีมที่บุกมาทำแสบใส่พวกเขาเมื่อฤดูกาลที่แล้วอย่าง เลสเตอร์ ซิตี้ และผลลัพธ์90นาที ก็ลงเอยตามที่ทุกคนคาด
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยังคงยิงยาวตำแหน่งจ่าฝูงพรีเมียร์ลีกในช่วงคริสต์มาสนี้ ด้วยการเปิดบ้านต้อนถล่มผู้มาเยือน อย่างเลสเตอร์ ซิตี้่ ที่ในซีซั่นนี้ดร็อปลงไปอย่างชัดเจน โดยเฉพาะแผงหลังของพวกเขาที่อ่อนปวกเปียกพร้อมที่จะโดนคู่แข่งกระซวกตาข่ายเสมอไป และพ่ายขาดลอยเหมือนสกอร์ เทนนิส 6-3
เพียงแค่25นาทีแรก ลูกทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็ฉีกร่างทีมสุนัขจิ้งจอกเป็นชิ้นๆขึ้นนำไปก่อน 4-0 ยิงไม่ซ้ำหน้ากันจาก เควิน เดอ บรอยน์ น.5 จุดโทษของ ราฮีม สเตอร์ลิง และ ริยาด มาห์เรซ น.14 -25 อิลคาย กุนโดกัน น.21
ด้วยสกอร์ที่ทิ้งห่างขาดลอยไปหน่อยก็เหมือนจะทำให้ พลพรรคเรือใบสีฟ้าติดประมาท โดน ลูกทีมของ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ไล่คืนมาเป็น 4-3 แบบเสียวๆ
เริ่มจาก เจมส์ แม็ดดิสัน น.55 อโดโมล่า ลุคแมน น.59 และ เคเลชิ อิเฮียนาโช่ น.65 โดยหลังโดนไล่มากระชั้นขนาดนี้ ถึงกับทำให้ เป๊ป ต้องคอยออกมากระตุ้นลูกทีมเป็นการใหญ่
ท้ายที่สุดแล้ว แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็มาดับความหวังแบ่งแต้มออกจากถิ่น เอติฮัด สเตเดี้ยม ของทัพจิ้งจอกสยาม ด้วยการมายิงอีกสองลูกของ อายเมอริค ลาป๊อกร์ต น.69 และ ราฮีม สเตอร์ลิง จะมากดเบิ้ลให้ตัวเอง น.87
ชัยชนะนัดนี้ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ส่งผลให้พวกเขาฉีกหนีลิเวอร์พูล รองจ่าฝูงที่แข่งน้อยกว่า1นัด อยู่6แต้ม และเป็นการเข้าเบรคชนะคู่แข่ง 9นัดรวดในพรีเมียร์ลีกเข้าให้แล้ว
ส่วนปัญหาไม่มีศูนย์หน้าตัวเป้าโดยธรรมชาติ ก็เหมือนได้รับการแก้ไขเรียบร้อยแล้ว เพราะตอนนี้ กดไปได้ถึง50ประตู จาก19นัดในลีก
ทางฝั่งของ เดอะ ฟ๊อกส์ นี่เป็นซีซั่นที่ต่ำกว่ามาตรฐานของพวกเขาอยู่ไม่น้อย เพราะปรกติจะมีลุ้นจบอันดับ4ไปเล่น ยูซีแอล แต่ทว่าตอนนี้เลสเตอร์ ซิตี้ จมอยู่อันดับ10ของตาราง
ตามหลังทีมอันดับ4อย่างอาร์เซน่อลถึง13แต้ม แม้ว่าจะแข่งน้อยกว่า 2นัดก็ตาม ดูเหมือนที่ผ่านมาข่าวการได้รับความสนใจจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะรบกวนสมาธิของ ร็อดเจอร์ส อยู่พอสมควร
ราฮีม เริ่มกลับมามีอนาคต
นับตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้วลากยาวมาจนถึงฤดูกาลนี้ นี่คือหนึ่งในนักเตะในแนวรุกที่ดูเหมือนจะหมดอนาคตกับทีมจริงๆสำหรับ ราฮีม สเตอร์ลิง ทั้งการทะลุขึ้นมาเล่นทีมชุดใหญ่แบบเต็มตัวของ ฟิล โฟเด้น และ การย้ายเข้ามาด้วยค่าตัว100ล้านปอนด์ของ แจ็ค กรีลิช
แต่ทว่าอย่างไรก็ตามฟอร์มในฟุตบอลยูโร 2020 ทำให้ ดาวเตะก้นงอนรายนี้ ได้พลังพิเศษโอกาสลงเล่นกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อยู่เรื่อยๆ ท่ามกลางข่าวย้ายทีมไปยังแดนสเปนกับ บาร์เซโลน่า
เกมถลุงเลสเตอร์ ซิตี้ ยับ6-3 เมื่อคืน ด้วยความเกเรผิดวินัยของสองแข้งอย่าง ฟิล โฟเด้น และ แจ็ค กรีลิช ที่โดน เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ลงโทษให้เป็นผู้เล่นบนม้านั่งสำรอง นั่นทำให้ ราฮีม ได้ออกสตาร์ทตัวจริงในเกมพรีเมียร์ลีกเป็นนัดที่ 7ใน8นัดหลังสุดเข้าให้แล้ว
แม้จะมีจังหวะการเล่นที่ดูขัดหูขัดตาอยู่บ้าง เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้เล่นแนวรุกของทีมเรือใบสีฟ้าที่มักจะทำบอลเสียสะดุดอยู่บ่อยครั้ง แต่สิ่งที่ สเตอร์ลิง ไม่เคยละเลย เลยนั่นก็คือประตูหรือแอสซิสต์ ที่มีมาฝาก สาวก ซิตี้ เซ้นส์ อยู่เสมอ เกมเมื่อคืนกับเลสเตอร์ แข้งวัย27ปีรายนี้ ก็เหมาทำคนเดียวไป2ประตู
ราฮีม จัดได้ว่าเป็นนักเตะอีกหนึ่งคนที่อยู่ถูกที่ถูกเวลาเสมอของซิตี้ เรียกจุดโทษและลุกขึ้นมาสังหารจุดโทษเอง มิหนำซ้ำยังทำให้แบ็กขวาทีมเยือนอย่าง มาร์ค อัลไบร์ทตัน ต้องเจอกับงานที่ยากลำบากตลอดทั้งเกม
สเตอร์ลิง เลี้ยงบอลผ่านผู้เล่นเลสเตอร์มากถึง 5ครั้ง โดย7นัดหลังสุดที่ได้ออกสตาร์ทเป็น11ตัวจริงในเวทีพรีเมียร์ลีก ราฮีม กดไปได้ถึง6ประตูเข้าให้แล้ว
อายเมอริค ลาป๊อกร์ต โขกตุง แต่ก็มีสิ่งที่ต้องแก้ไข
กลับมายึดตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาร์ฟตัวจริงได้อีกครั้งในฤดูกาลนี้สำหรับ อายเมอริค ลาป๊อกร์ต หลังซีซั่นที่แล้ว โดนความร้อนแรงแข็งแกร่งของ จอห์น สโตนส์ ที่เบียดเป็นคู่เซ็นเตอร์ตัวจริงกับ รูเบน ดิอ๊าซ ได้สำเร็จ
แต่ทว่าในฤดูกาล 2021-2022 นี้กลับแตกต่างออกไป แนวรับทีมชาติสเปนกลับมาครองตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาร์ฟของ ซิตี้ ได้สำเร็จ เกมกับเลสเตอร์ ซิตี้ แม้จะโขกทำสกอร์ให้กับทีมได้ แต่อดีตแนวรับ แอธเลติก บิลเบา รายนี้ ก็หละหลวมในเกมรับอยู่ไม่น้อย
ลาป๊อกร์ต เติมขึ้นมาเรียกจุดโทษให้กับทีมได้หลังโดน ยูริ ตีเลอมันส์ เหนี่ยวล้มในกรอบเขตโทษ รวมไปจนถึง โขกลูกสุดสวย (5-3) จากลูกเตะมุมของ ริยาด มาห์เรซ แต่สำหรับเกมรับแล้ว 2ใน3 ประตูที่โดนเจาะตาข่ายเจ้าตัวก็มีส่วนต้องรับผิดชอบเช่นกัน
ประตู 4-1 ลาป๊อกร์ต ไปลื่นล้มในจังหวะสวนกลับของเลสเตอร์ จนเพื่อนร่วมทีมโคฟเวอร์ไม่ทัน ทำให้ทีมสุนัขจิ้งจอก จ่ายบอลจี้ตามช่องว่างตำแหน่งที่ขาดหายไป ลงโทษได้สำเร็จ
รวมไปจนถึงประตู 4-3 ก็เป็นเจ้าตัวนี่แหละที่วิ่งเลยบอลจังหวะที่ เอแดร์ซอน เซฟลูกยิงของ แม็ดดิสัน ไปชนคาน ทำให้ เคเลชิ อิเฮียนาโช่ ได้ซ้ำเข้าไปง่ายๆ
นัดนี้ กองหลังวัย27ปี เอาชนะการดวลลูกกลางอากาศได้1ครั้ง เคลียร์บอลจังหวะอันตรายได้3หน แม้จะมีความผิดพลาดในแนวรับ แต่ทว่าลูกโขกฉีกหนีห่าง 5-3 นั้นสำคัญไม่น้อยเพราะเป็นช่วงที่ โมเมนต์ตัม กำลังเหวี่ยงมาทางทีมเยือนชัดเจน
อย่างไรก็ตามนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ อายเมอริค ลาป๊อกร์ต ก่อความผิดพลาดในแนวรับ เกมที่แพ้ คริสตัล พาเลซ คาบ้านสุดช็อก 0-2 ก็เป็นเจ้าตัวนี่แหละที่โดนใบแดงไล่ออกจากสนาม จนทำให้ทีมต้องเจอกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก
โดยหากก่อความผิดพลาดเข้าตา เป๊ป จังๆอีกครั้ง เราอาจได้เห็น สโตนส์ กลับมายึดตำแหน่งคืนอีกครั้งก็เป็นได้
วันที่ไม่อยากจดจำนักของ ตีเลอมันส์
ในฤดูกาลที่ออกสตาร์ทไม่ค่อยดีนี้ นี่เป็นผู้เล่นเพียงไม่กี่คนของ เลสเตอร์ ซิตี้ ที่โชว์ฟอร์มได้ตามมาตรฐานของตัวเอง ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ ยูริ ตีเลอมันส์ ห้องเครื่องหน้าเด็กชาวเบลเยี่ยม แต่สำหรับเกมเมื่อคืนกับ ซิตี้ นั้นไม่ใช่เลย
ในเรื่องของเกมรุก นั้นแทบไม่ต้องพูดถึง เพราะพลพรรคเรือใบสีฟ้าครองเกมได้เป็นส่วนใหญ่ บอลอยู่ในการครอบครองของพวกเขาอย่างเสร็จสรรพ ตีเลอมันส์ ไม่สามารถผนึกกำลังกับ คีแมน ดิวสบิวรี่ ปั้นเกมครองเกมให้กับเลสเตอร์ได้
นอกจากจะชะลอเกมรุกป้องกัน การโจมตีจากแดนกลางของ ซิตี้ ไม่ได้แล้ว ตีเลอมันส์ ยังแจกของขวัญทำเสียจุดโทษถึง2รอบในช่วงเวลาห่างกัน เพียงแค่ 11นาที (นาทีที่ 14 และ 25)
จังหวะแรกเจ้าตัวไปเหนี่ยว ลาป๊อกร์ต ในเขตโทษ ส่วนจังหวะสองไปเสียเหลี่ยมหวด ราฮีม ที่พร้อมจะทำการทิ้งตัวอยู่แล้ว
นี่คือนักเตะของทีมสุนัขจิ้งจอกได้คะแนนความสามารถเฉลี่ยน้อยที่สุดในทีม 3-4 ทั้งเกมทั้งที่เล่นในตำแหน่งกองกลางแต่อดีตแข้งตูลูสรายนี้ มีโอกาสผ่านบอลเพียงแค่ 28ครั้งเท่านั้น ก่อนที่จะถูกเปลี่ยนตัวออกให้ ฮัมซ่า เชาดูรี่ ลงมาเล่นแทน น.71
โดย ตีเลอมันส์ แม้จะไม่ใช่ มิดฟิลด์จอมถล่มประตูอะไร แต่ทว่านี่คือเกมแรกในพรีเมียร์ลีกรอบ8นัด ที่เจ้าตัวไม่มีโอกาสลุ้นส่องประตูเลยแม้แต่หนเดียว
แม็ดดิสัน On Fire
ช่วงออกสตาร์ทฤดูกาลนี่คือนักเตะที่หายหน้าหายตาออกจากทีม เลสเตอร์ ซิตี้ ไปเลย นั่นเป็นเพราะสาเหตุในเรื่องของการอาการบาดเจ็บ ที่หายดีแล้วแต่ยังไม่ฟิตเต็มถัง รวมไปจนฟอร์มการเล่นของ จอมปั้นเกมหมายเลข10รายนี้ที่่ตกลงไป
กว่าจะได้กลับมาออกสตาร์ทเป็น 11ผู้เล่นตัวจริงอย่างสม่ำเสมอให้ทีมสุนัขจิ้งจอก ต้องรอไปจนถึงช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนเลยทีเดียว
เกมที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม เมื่อคืนก็เป็น แม็ดดิสัน นี่แหละที่ยิงประตูจุดความหวังให้เลสเตอร์ ไล่มาเป็น1-4 ก่อนที่จะมีส่วนร่วมกับลูก 3-4 จากการยิงให้ เอแดร์ซอน ออกแรงบินปัดไปชนคานให้ อิเฮียนาโช่ ซ้ำ
นอกจากจะมีส่วนทั้งทำประตู และยิงให้เพื่อนได้ตามซ้ำแล้ว ในเรื่องสถิติตัวเลข แม็ดดิสัน นั้นยอดเยี่ยมมากๆ ไม่ว่าจะเป็น
ผ่านบอลเข้าเป้า 22จาก23ครั้ง / สร้างโอกาสยิงให้ตัวเอง 6หน / ครอสบอล 3ครั้ง /คีย์พาส 3ครั้ง / เรียกฟาวล์ 3ครั้ง และ เลี้ยงบอลผ่านผู้เล่นเจ้าบ้าน 3ครั้ง
แม็ดดิสัน เป็นผู้เล่นที่จ่ายบอลในจังหวะสวนกลับให้ เลสเตอร์ ซิตี้ โจมตีได้อย่างไหลลื่น ทำให้ เคลชิ อิเฮียนาโช่ และ อเดโมลา ลุคแมน เล่นเข้ากันได้อย่างลงตัวเวลาบอลสวนไม่กี่จังหวะ
หากโกลเมื่อคืนไม่ใช่ เอแดร์ซอน เจมส์ แม็ดดิสัน อาจมีสกอร์มากกว่า 1เม็ดก็เป็นได้ โดย5นัดหลังสุดที่กลับมายึดตำแหน่ง 11ผู้เล่นตัวจริง อดีตดาวเตะ นอริช ซิตี้ รายนี้ กดไปแล้วถึง 5ประตู กับอีก3แอสซิสต์ด้วยกัน
ซิตี้ แก้ปัญหาไม่มีกองหน้า(สำเร็จ) หรือจ่าฝูงจะม้วนเดียวจบ
ช่วงออกสตาร์ทฤดูกาล แม้จะเอาชนะคู่แข่งและเกาะกลุ่มผู้นำได้ แต่เราจะเห็นได้ชัดเจนว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ค่อนข้างมีปัญหาในแนวรุก เพราะพวกเขาไม่มีกองหน้าโป้งปิดบัญชีแบบธรรมชาติ ทำให้กว่าจะทำประตูได้แต่ละลูกก็มาจากจังหวะการเข้าทำตั้งหลายหน
แต่ทว่าเหมือนปัญหานี้จะหมดไปเสียแล้วจากฟอร์มของเรือใบสีฟ้า ในช่วงเดือนธันวาคมที่ผ่านมา เมื่อลูกทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า กลายร่างเป็นเรีอใบโหดพิโรธคลั่ง ฉีกแนวรับคู่แข่งเป็นว่าเล่น
มาจนถึงนัดที่19 ซิตี้ กระซวกตาข่ายคู่แข่งไปได้ถึง 50ลูกเข้าให้แล้ว เอาเพียงแค่3นัดหลัง เหยื่อของเรือใบสีฟ้าสภาพศพไม่สวยทั้งนั้น
ลีดส์ ยูไนเต็ด โดนไป7ดอก - นิวคาสเซิ่ล โดนกระทำชำเราไป 4แผล และล่าสุดสดๆร้อนๆ เลสเตอร์ ซิตี้ โดนระเบิดตาข่ายไป 6ลูก
ในพรีเมียร์ลีก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มีผู้เล่นที่ช่วยกันสังหารประตูคู่แข่งได้ถึง5ประตู กระจายไปได้ถึง4คนทั้ง ราฮีม สเตอร์ลิง และ แบร์นาโด ซิลวา คนละ7 เควิน เดอ บรอยน์ และ ริยาด มาห์เรซ ซัดได้คนละ 5
การคอมโบชนะติดต่อกันนี่ก็เป็นซิกเนเจอร์สิ่งที่ เป๊ป ทำให้เห็นในทุกฤดูกาล ซีซั่นนี้นี่เป็นนัดที่9แล้วที่พวกเขา เข้าเบรกชนะรวด หรือจะเอาซีซั่นที่แล้ว 2020-2021 ก็มีช่วงที่พวกเขากวาด3แต้ม 15เกมรวด
หรือย้อนไปไกลกว่านั้น 2018-2019 เรือใบสีฟ้าก็มาเร่งเครื่องชนะ 14นัดสุดท้ายของฤดูกาล100% คว้าแชมป์ไป ไม่แน่ในฤดูกาลนี้ เราอาจจะได้เห็นทีมสีฟ้าเมืองแมนเชสเตอร์ ติดคอมโบ3แต้มไปเรื่อยๆ เข้าป้ายแบบม้วนเดียวจบอีกครั้งก็ได้
- คอลัมน์นิสต์
- 511
- 27 ธ.ค. 2564 14:31