เป๊ป Can Do ! เรือใบ บุกเชือดสิงห์คาบ้าน 1-0 เชซุส กดประตูชัย
ลบสถิติผลงานอันย่ำแย่ได้แล้วสำหรับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ในการดวลฝีมือกับ โธมัส ทูเคิ่ล ที่อังกฤษ หลังจากที่3นัดก่อนหน้านั้นทีมเรือใบสีฟ้าแพ้ให้กับทีมสิงห์น้ำเงินรวดทั้ง ในเวทีพรีเมียร์ลีก รอบรองชนะเลิศ เอฟเอ คัพ รวมไปจนถึงนัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก สุดสำคัญ
เกมคู่บิ๊กแมตช์ ที่สนามสแตมฟอร์ด บริดจ์ ระหว่างทีมเจ้าบ้านเซลซี พบกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ผลจบลงด้วยชัยชนะของทีมเรือใบสีฟ้า 1-0 โดยผู้มาเยือนได้ประตูชัยจากลูกขลุกขลิกพลิกตัวยิงสุดสวยของ กาเบรียล เชซุส น.53
โดยก่อนเกมจะเริ่มขึ้น เซลซี ถูกมองว่าดูจะเป็นต่ออยู่นิดๆด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยม สะดุดเสมอนัดเดียวในพรีเมียร์ลีก และเกมล่าสุดพวกเขาก็บุกไปถล่ม ท็อตแน่ม ฮ็อต สเปอร์ส อย่างราบคาบ 3-0 ส่วนแนวรับก็แข็งแกร่งเสียไปเพียงแค่ 1ประตู จาก5นัดในพรีเมียร์ลีก
ด้านแมนเชสเตอร์ ซิตี้ สัปดาห์ที่ผ่านมาพึ่งจะทำแต้มหกทำได้เพียงแค่เปิดบ้านเจ๊ากับ เซาแฮมป์ตัน 0-0 โดยหาโอกาสยิงจะแจ้งตรงกรอบแทบไม่ได้ มิหนำซ้ำยังโชคดีที่ไม่โดน VAR แจกจุดโทษกับจังหวะฟาวล์ชัดเจนของ ไคล์ วอล์คเกอร์
ส่วนสิ่งที่น่าเซอร์ไพรส์ของเกมเมื่อคืนนั่นก็คือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่มาเยือนสแตมฟอร์ด บริดจ์ แต่ทว่าพวกเขาเปิดเกมบุกเข้าใส่ตั้งแต่ออกสตาร์ทเกม ซึ่งคาดว่าตัวของกุนซืออย่าง โธมัส ทูเคิ่ล ไม่คาดคิดเช่นกันว่าลูกทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จะมาแบบกล้าดีเดือดขนาดนี้ กดทีมเจ้าบ้านได้อย่างอยู่หมัด
เซลซี ก็มาแบบน่าประหลาดใจเช่นกันกับอินฟอร์เมชั่น 3-5-2 จากปรกติที่พวกเขาเคยเล่น 3-4-2-1 โดยทูเคิ่ล เลือกที่จะยัดมิดฟิลด์เชิงรับไปถึงสามคนพร้อมๆกันอย่าง เอ็นโกโล่ กองเต้ -มัตเตโอ โควาซิช -จอร์จินโญ่ นั่นทำให้เกมจากแดนกลางไปหน้า จังหวะจ่ายบอลทะลุทะลวง แทบจะไม่มีให้เห็น
ทีมสิงห์น้ำเงินที่เลือกเล่นแท็กติกเน้นกองกลางเป็นพิเศษ แต่จุดยุทธศาสตร์ดังกล่าวพวกเขาเป็นรอง ซิตี้ อย่างชัดเจน เมื่อทีมเรือใบสีฟ้าครองเกมได้อย่างอยู่หมัด เหล่าผู้เล่นอย่าง โรดรี้ -แบร์นาโด ซิลวา รวมถึง เควิน เดอ บรอยน์ ความสามารถเฉพาะตัวเหนือกว่ากองกลางเซลซีอย่างชัดเจน
ชัยชนะ3แต้มของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในนัดนี้นั้นสำคัญมากๆ เพราะเป็นการตัดแต้มคู่แข่งลุ้นแชมป์โดยตรงอย่างเซลซี รวมถึงทีมลุ้นแชมป์อื่นๆอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ลิเวอร์พูล ต่างสะดุดทั้งคู่
จุดเด่นของซิตี้ เมื่อฤดูกาลที่แล้วก็ยังคงอยู่นั่นก็คือเกมรับที่แข็งแกร่ง โดยผ่านมา6นัด พวกเขาโดนคู่แข่งเจาะตาข่ายไปเพียงแค่ 1เม็ดเท่านั้น นั่นก็คือในเกมเปิดสนามกับไก่เดือยทอง
ซิตี้เปิดฉากมาเหนือเมฆ
ด้วยความพ่ายแพ้ต่อโธมัส ทูเคิ่ล มา3นัดรวด ก่อนเกมเชื่อว่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า น่าจะมาในรูปแบบที่ระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก เพราะมีบทเรียนมาแล้วหลายครั้ง แต่ทว่าเป่านกหวัดเปิดฉากมา เป็นทีมเรือใบสีฟ้า ที่กดดันใส่เจ้าบ้านอย่างหนัก
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ วิ่งไล่เพรสสูงใส่เซลซี ในแดนหน้าทุกๆจังหวะ ทำให้เกมของเซลซีทำอะไรไม่ถนัดถนี่ เกมแทบจะเป็นของทีมเยือนที่กดเจ้าบ้านแบบโงหัวไม่ขึ้น แม้ว่าในช่วงครึ่งแรกจะหาโอกาสยิงที่จะแจ้งไม่ได้แต่ทว่าลูกทีมของ เป๊ป ก็ครองบอลเหนือกว่าถึง 69 ต่อ31 เปอร์เซ็นต์
ส่วนทีมเจ้าบ้านตลอด90นาที สถิติบอกว่า ไม่มีโอกาสยิงเข้ากรอบแม้แต่ครั้งเดียว ต้องชื่นชมการเล่นของ ซิตี้ ในเรื่องของ แท็กติก ที่เอาชนะ โธมัส ทูเคิ่ล ได้อยู่หมัด ทั้งในเรื่องผลการแข่งขันและสถิติตัวเลขต่างๆหลังเกม
การเพรสซิ่งสูงของ ซิตี้ นั้นได้ผลมากๆ ในช่วงที่ยังสกอร์0-0 เรียกได้ว่าทำแทบจะผู้เล่นทุกคนในสนาม อาจจะยกเว้นเซ็นเตอร์ฮาร์ฟอย่าง รูเบน ดิอ๊าซ - อายเมอริก ลาป๊อร์ก และ โรดรี้ ที่คอยระวังรุมกันกินโต๊ะ โรเมรู ลูกากู และ ติโม แวร์เวอร์ เวลาเล่นเกมสวนกลับ
เกมนี้ต้องยกเครดิตในการเลือกแท็กติกการเล่นของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่จัดการปราบเซลซีได้อย่างเด็ดขาด รวมถึงนักเตะของ ซิตี้ ทุกๆคนที่เล่นด้วยแรงกระหายความในชัยชนะหลังจากที่แพ้ให้กับทีมเจ้าบ้านมา3นัดติดต่อกันรวมทุกรายการ
ฟอลส์ ไนน์ ซิตี้ทำเซลซีปวดหัว
ตามอินฟอร์เมชั่นแผนการเล่น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ใช้ ฟิล โฟเด้น ลงเล่นในตำแหน่ง ฟอลส์ ไนน์ แต่ทว่าเมื่อลงไปเล่นจริงๆแล้ว จะเห็นว่าทีมเรือใบ สับเปลี่ยนผู้เล่นในตำแหน่งกองหน้าตัวหลอกตลอด ไม่ว่าจะเป็น
โฟเด้น - กาเบรียล เชซุส -แจ็ค กรีลิช รวมไปถึงบางครั้งเรายังได้เห็น แบร์นาโด้ ซิลวา แว๊บแอบเข้ามาเล่นอีกด้วย การสับเปลี่ยนดังกล่าวทำให้เซลซี เกิดความสับสนในการเล่นเกมรับอยู่ไม่น้อย เพราะสี่แข้งดังกล่าวล้วนมีสไตล์การเล่นที่แตกต่างกัน
โดยเฉพาะ แบร์นาโด้ ที่แม้จะโดนแฟนบอลวิจารณ์อย่างหนักในช่วงฤดูกาลที่ผ่านมา แต่เกมเมื่อคืน คืออีกหนึ่งนัดที่ยอดเยี่ยมของ แข้งชาวโปรตุเกสรายนี้มาก ทั้งในเรื่องของการวิ่งเพรสซิ่ง การผ่านบอล การเคลื่อนที่อยู่ตลอดเวลา เลือกจ่ายบอลช็อตสำคัญๆได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ
มีสถิติที่ดีในการดวลเอาชนะนักเตะเซลซีได้ถึง8ครั้ง เลี้ยงบอลผ่าน3 ครั้ง แท็กเกิ้ล3ครั้ง ตัดบอลได้1 ครั้ง ส่วนกรีลิช แม้จะไม่มีประตูหรือแอสซิสต์มากฝาก แต่ทว่าก็สร้างความหนักอกหนักใจให้ผู้เล่นเซลซีอย่าง อันเดรียส คริสเตียนเซ่น และ เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า เหลือเกิน
ช่วงท้ายเกมอดีตดาวเตะวิลล่ารายนี้ น่าจะบวกสกอร์ให้ทีมเพิ่มด้วยซ้ำ แต่ทว่าโดนปฎิเสธด้วยความเหนียวหนึบของ เมนดี้
กลางสามคนของเซลซี ไม่สามารถเซ็ตเกมได้
ถือว่าเกมนี้ ทูเคิ่ล มาเหนือความคาดหมายอยู่เหมือนกันสำหรับการเล่นระบบหน้าคู่ ที่ก่อนหน้ามีเสียงเรียกร้องจากแฟนบอลอยู่บ้างเหมือนกันสำหรับสูตรการใช้ ติโม แวร์เนอร์ และ โรเมลู ลูกากู ลงเล่นพร้อมกัน หลังจากเคยเล่นระบบดังกล่าวมาบ้างแล้วในเกมบุกถล่มไก่เดือยทองก่อนหน้านั้น
แต่การเล่นระบบหน้าคู่ดังกล่าว ก็ต้องนำมาด้วย ระบบแท็กติกการเล่นที่กุนซือชาวเยอรมันเลือกอัดกองกลางไป3คนนั่นก็คือ เอ็นโกโล่ กองเต้ - มัตเตโอ โควาซิซ และ จอร์จินโญ่ แต่ทว่าทรีโอ้เหล่านี้ คือสายเกมรับล้วนๆ
จังหวะเซตบอลจากกลางไปหน้าจึงทำได้ยากลำบากมากๆ ด้วยสไตล์การเล่น ที่ไม่มีใครเป็นจอมจ่ายบอลคิลเลอร์พาส แบบเพลย์เมคเกอร์อยู่แล้ว (มีแค่โควาซิซที่ทำได้ดีขึ้นในระยะหลัง )
บวกกับการเจอเกมเพรสซิ่งเร็วของซิตี้ ทำให้เซลซี จ่ายบอลสวยๆกันได้ยากขึ้น ทำอะไรไม่ถนัดเท่าที่ควร โควาซิซ ที่เป็นหนึ่งในคนที่แก้เพรสดีที่สุด ยังไปแทบไม่เป็น
เกมนี้เซลซี ขาดบอลทะลุทะลวงหรือจากผู้เล่นตัวริมเส้นที่มีความเร็ว ความสามารถสูงอย่าง ฮาคิม ซิเย็ค - เมสัน เมาท์ หรือแม้กระทั้ง คริสเตียน พูลิซิซ ส่วน ฮาแวร์ตซ์ ที่ลงมาเป็นตัวสำรองแล้วรูปเกมดีขึ้นส่วนหนึ่งนั้นก็เป็นเพราะ ซิตี้ ปล่อยให้คู่แข่งเล่นเกมบุกใส่มากขึ้นหลังจากที่ขึ้นนำไปแล้ว
อีกคนที่เล่นไม่ได้ตามาตรฐานเลยนั่นก็คือ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ที่ดูจะยังมึนๆกับการเล่นระบบกองกลาง3คน แล้วโดนเพรสซิ่งหนักๆ เป็นเกมที่มิดฟิดล์ชาวฝรั่งเศสรายนี้แทบจะไม่มีบทบาทกับทีม หาบอลไม่เจอ และถูกเปลี่ยนตัวออกในที่สุด
เรียกได้ว่าจุดยุทธศาตร์ในแดนกลางของเซลซี โดนผู้เล่นของซิตี้อย่าง เควิน เดอ บรอยน์ - โรดรี้ - แบร์นาโด้ ซิลวา เก็บกินครอบครองเกมได้อย่างเบ็ดเสร็จ ทั้งจากบอลกลางที่จะขึ้นไปหน้า หรือบอลจากหลังที่จะขึ้นไปกลาง
ไม่มี เมนดี้ สิงห์อาจเละกว่านี้
มองด้วยสายตาที่เฉียบแหลบสุดๆจริงๆสำหรับ ปีเตอร์ เช็ก นายด่านระดับตำนานของเซลซี ที่เป็นแมวมองแนะนำให้ซื้อ เอดูอาร์ เมนดี้ นายด่านโนเนมจากแรนส์ เข้ามาสู่ทีม แบบไม่มีใครรู้จักเชือเสียงเรียงนามมาก่อน
เกมกับ ซิตี้ เมื่อคืนถ้าไม่มีจอมหนึบชาวเซเนกัลรายนี้ เซลซี อาจไม่ได้แพ้ด้วยผลห่างประตูเพียงแค่ 0-1 แน่ เมื่อเมนดี้ต้องงัดซุปเปอร์เซฟมาปัดป้องไม่ให้บอลไปซุกก้นตาข่ายหลายครั้ง
ไม่ว่าจะเป็นการเซฟลูกยิงของ แจ็ค กรีลิช ไปถึงสองหน โดนเฉพาะจังหวะที่สตาร์ค่าตัว100ล้านปอนด์ รายนี้หลุดเดี่ยวในช่วงท้ายเกม มีจังหวะออกมาปัดบอลเรียดลูกเปิดของ ชูเอา กานเชโล่ ที่กำลังเข้าจุดนัดพบกับกรีลิชเจ้าเดิม
ยังไม่รวมถึงการออกมาคว้าบอลตัดบอลลูกกลางอากาศลูกเซ็ตพีซที่โกลชาวเซเนกัลรายนี้ ทำได้เป็นอย่างดี แต่ทว่ามีข้อเสียอยู่บ้างในเรื่องของการออกบอลสั้นที่ทำให้เพื่อนในแดนหลังเล่นยาก และต้องคอยแก้ช็อตการเล่นดังกล่าว
เมนดี้ลงเฝ้าเสาให้เซลซี ในฤดูกาลนี้รวมทุกรายการ6นัด เก็บไป4คลีนชีต และเสียไปเพียงแค่ 2ประตูด้วยกัน ส่วนฤดูกาลที่แล้วโกลวัย29ปีรายนี้ เก็บได้ถึง25 คลีนชีต จากการลงเล่น44นัด โดยนอกจากนี้แล้ว ทีมสิงห์น้ำเงินยังมีโกลอีกหนึ่งคนที่กลับมาโชว์ฟอร์มได้ดีอย่าง เกปา อาร์ริซาบาลาก้า ที่กลายเป็นนายด่านจอมเซฟจุดโทษของทีมไปเสียแล้ว
เชซุส ยิง เรือไม่แพ้ และ เป๊ป เรียนรู้ความผิดพลาด
ถือว่าสถิติสวยหรูมากจริงๆ สำหรับ กาเบรียล เชซุส กับการซัดประตูในเวทีพรีเมียร์ลีก เมื่อนี่คือลูกที่ 52ในลีกสูงสุดเมืองผู้ดีแล้วของเจ้าตัว นับตั้งแต่ย้ายมาร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อฤดูกาล2016-2017
โดยประตูที่ศูนย์หน้าชาวบราซิลเลี่ยนรายนี้ยิงได้ ส่วนหนึ่งต้องยอมรับว่ามีโชคบวกเฮงด้วยเมื่อบอลไปแฉลบจอร์จินโญ่ เปลี่ยนทางเสียบเข้ามุมไป แต่ทว่าก็ต้องชมเจ้าตัวเช่นกันที่พลิกหาจังหวะยิงได้เป็นอย่างดี
โดย เซซุส น่าจะยิงซัดเบิ้ลด้วยซ้ำหากจังหวะพักบอลด้วยอกจากลูกเปิดของ โฟเด้น เจ้าตัวไม่ยิงแป๊กหลุดออกไปเองแบบน่าเขกกะโหลก
เซซุส มีสถิติที่ดีอยู่ไม่น้อยกับทีมเรือใบสีฟ้า นั่นก็คือ เมื่อยามที่ดาวยิงวัย24ปีรายนี้ซัดประตูในพรีเมียร์ลีก ซิตี้ ไม่เคยแพ้เลย 43นัดที่ทำประตูได้ในลีก พาทีมคว้าชัยชนะไปได้ถึง 41นัด และหลุดเสมอไปเพียงแค่2นัด
ซีซั่นนี้ เป๊ป พยายามใช้ กาเบรียล เซซุส ให้หลากหลายมากขึ้น ทั้งในตำแหน่งกองหน้าเป้า / หน้าแบบฟอลส์ ไนน์ รวมไปจนถึงริมเส้นฝั่งขวา โดยเจ้าตัวทำไปแล้ว 4ประตู จากการลงเล่น 8นัดในฤดูกาลนี้
ส่วน เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เชื่อว่านี่คือนัดที่เจ้าตัวอยากแก้มือมากๆอยู่แล้วเพราะพ่ายในการดวลกับทูเคิ่ล 3หนติดต่อกันโดยเฉพาะในนัดชิงแชมป์เปี้ยนส์ลีก
สิ่งที่ยอดโค้ชชาวสเปนแก้ไขจากนัดชิงดำยูซีแอลนั่นก็คือ การส่งมิดฟิลด์ตัวรับอย่าง โรดรี้ ลงสนาม ไม่ปล่อยให้ทีมเล่นโดยที่ไม่มีกลางรับเหมือนนัดชิงที่พ่ายให้กับสิงห์บูลส์ และไม่ดันทุรังใช้ เควิด เดอ บรอยน์ เล่นในตำแหน่ง ฟอลส์ ไนน์
- คอลัมน์นิสต์
- 474
- 26 ก.ย. 2564 14:14