ซุปเปอร์ไซย่ากุนโดกัน ! เรือโคตรดุถลกหนังไก่ 3-0
ส่อแววว่าจะม้วนเดียวจบจริงๆสำหรับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ณ เวลานี้ หลังล่าสุดโชว์ฟอร์มแน่นปึ๊กทั่วแผ่น ระเบิดฟอร์มซุปเปอร์ไซย่า เปิดบ้านเอาชนะ ท็อตแน่ม ฮ็อต สเปอร์ส ไปแบบสบายๆเท้า3-0
โรดรี้ สังหารจุดโทษ น.23 ก่อนที่ อิลคาย กุนโดกัน จะมาซัดเบิ้ลในครึ่งหลัง น.50 และ 66 การคว้า3แต้มดังกล่าว ถือว่าเป็นชัยชนะนัดที่11รวดเข้าให้แล้วในเวทีพรีเมียร์ลีกของทัพเรือใบสีฟ้า
กุนโดกัน อดีตกองกลางทีมเสือเหลือง กำลังอยู่ในช่วงที่พีคที่สุดในอาชีพการค้าแข้งนักฟุตบอล ด้วยบทบาทใหม่ที่ทำให้เจ้าตัวต้องขยับยืนสูงขึ้น ผลงานประจักษ์ออกมาให้เห็นด้วยการกดไปถึง11ประตูในพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้
ไม่เว้นแม้กระทั่งผู้รักษาประตูอย่าง เอแอร์ซอน ก็ยังอุตส่าห์ทำแอสซิสต์ได้ จากลูกเปิดบอลยาวให้กุนโดกัน
ส่วนแนวรับเมื่อตัดสินใจพัก รูเบน ดิอาส ผู้ที่มารับหน้าที่แทนอย่าง เอเมอริค ลาป๊อร์กส์ ก็ทำหน้าที่สวมบทบาทแทนได้ดียอดเยี่ยมไร้ที่ติ
นอกจาก3แต้มสำคัญดังกล่าวแล้วลูกทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยังคงสานต่อความยอดเยี่ยมในแนวรับเช่นเดิมเมื่อเก็บคลีนชีตได้อีกนัด
ส่งผลให้11นัดหลังสุดในพรีเมียร์ลีก ซิตี้ เก็บคลีนชีตไป9นัด และเสียไปเพียงแค่2ประตูเท่านั้น
ฟากผู้แพ้อย่าง สเปอร์ส พวกเขาก็แสดงให้เห็นอีกครั้งว่า ทีมไก่เดือยทองกลายเป็นทีมที่ท่าดีทีเหลวอีกครั้ง เมื่อทุกๆครั้งที่พวกเขาก้าวขึ้นไปเป็นทีมลุ้นแชมป์ พลพรรคพญาโต้งมักจะสมาธิหลุดสติแตก ฟอร์มแผ่วลงไปดื้อๆ
ทั้งที่เมื่อช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน หลังจากที่เอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2-0 พวกเขาเคยขึ้นไปถึงตำแหน่งจ่าฝูงเลยทีเดียว
แต่ในปัจจุบันทีมของ โชเซ่ มูรินโญ่ กลับสถานการณ์กลับตาลปัตร หล่นลงมาอยู่อันดับ9ของตารางคะแนนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แง่ดีแง่งามของ สเปอร์ส ในนัดนี้ที่พอจะคุ้ยเขี่ยหาเจอนั่นก็คือ ฟอร์มการเล่นและความตั้งใจอยากพิสูจน์ตัวเองของตัวสำรองอย่าง แกเร็ธ เบล
ซุปเปอร์ไซย่า อิลคาย กุนโดกัน
ก่อนฤดูกาลใครจะเชื่อว่า มิดฟิลด์ที่เล่นในเชิงรับอย่าง อิลคาย กุนโดดัน จะสถาปนาตัวเองขึ้นมาเป็นกองกลางเครื่องจักรถล่มประตูในซีซั่นนี้
อาการบาดเจ็บของ เควิน เดอ บรอยน์ ส่งผลให้ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ให้อิสระในการเล่นต่ออดีตกองกลางทีมเสือเหลืองมากขึ้น และนั่นก็ตอบแทนมาด้วยความเปล่งปลั่งสยดสยองฝันร้ายของคู่แข่งฝั่งตรงข้าม
กุนโดกัน ซัดไปแล้วถึง11ลูกในพรีเมียร์ลีกอังกฤษฤดูกาลนี้ ทั้งที่3ฤดูกาลหลังสุดรวมกันในลีกเจ้าตัวจะซัดไปได้แค่12เม็ดเท่านั้น
สัญชาตญานในกรอบเขตโทษ จังหวะการยิงที่เยือกเย็น ได้หมดทั้งล็อกแปเบาๆ หรือจะเป็นหวดซัดเต็มข้อ กองกลางเยอรมันผู้นี้อาสาจัดให้ได้ทุกรูปแบบ
โดยเฉพาะลูกที่หลอกล่อ ดาวิซอน ซานเชส จนหน้าคะมำ บ่งบอกให้เห็นว่าเจ้าตัวนิ่ง เยือกเย็นมากเพียงใด รวมถึงเฟิร์สทัชที่ดีเยี่ยมในการดึงบอลจังหวะแรกจากการเปิดยาวของ เอแอร์ซอน
ยังไม่นับจุดโทษที่ กุนโดกัน เรียกให้ทีมได้อีกด้วย เมื่อ ปิแอร์ เอมิล ฮอยเบิร์ก ทำฟาวล์เจ้าตัวในกรอบเขตโทษ
ในตอนนี้คงไม่มีใครปฎิเสธอีกแล้วว่า หนึ่งในกองกลางที่ดีที่สุดในพรีเมียร์ลีกหรือแม้กระทั้งในลีกใหญ่ยุโรป อิลคาย กุนโดกัน ควรอยู่ในลิสต์รายชื่อเหล่านั้นแบบไร่ข้อโต้แย้ง
สถิติหลังเกมของ กุนโดกัน
87% ผ่านบอลแม่นยำ
60 สัมผัสบอล
7 สัมผัสบอลในเขตโทษคู่แข่ง
4 โอกาสยิง
2 ประตู
2 เรียกฟาวล์
1 เรียกจุดโทษให้ทีม
ปัญหาของ โยริส ควรถูกพูดขึ้นอย่างจริงจัง
นี่เป็นซีซั่นที่กัปตันทีมอย่าง ฮูโก้ โยริส ฟอร์มการเล่นไม่ค่อยเหนียวแน่นหนึบเท่าเดิม แม้จะลงสนามครบทั้ง23นัดในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้
ทว่าความผิดพลาดระยะหลังๆของนายด่านชาวฝรั่งเศส ก็เป็นเรื่องที่่น่ากังกลไม่น้อย
3ประตูที่โดนทีมเรือใบสีฟ้าส่งบอลไปซุกก้นตาข่าย ถึงแม้ฟุตบอลจะเล่นกันเป็นทีมจะโทษนักเตะเพียงคนใดคนหนึ่งก็คงจะไม่ใช่สิ่งที่แฟร์นัก
แต่ทว่าเมื่อเราวิเคราะห์กันอย่างจริงจัง นายด่านชาวฝรั่งเศสควรที่จะปัดป้องได้กับประตูที่เสียไป
จุดโทษลูกยิงของ โรดรี้ ไม่ได้แรงมาก แต่โยริส ก็ปัดบอลไม่ออก รวมถึง2ลูกที่เสียให้กับกุนโดกัน ลูกยิงของดาวเตะชาวเยอรมันจะว่าไปไม่ได้ห่างตัวนายด่านคนเก่งของทีมไก่เดือยทองเลย
การยืนตำแหน่งที่ผิดพลาด รวมถึงปฎิกิริยาที่รวดเร็วในการป้องกันคือสิ่งที่โยริส สอบตกในนัดนี้
ความผิดพลาดดังกล่าวมันช่างละม้ายคล้ายคลึงกับเมื่อช่วงฤดูกาลที่แล้ว ในนัดที่เจอกับลิเวอร์พูล รวมถึงในเกมเอฟเอ คัพ ล่าสุดที่พ่ายให้กับเอฟเวอร์ตัน 4-5
ประกอบกับฟอร์มของบรรดาผู้เล่นเกมรับที่ห่วยในนัดนี้ทั้ง ดาวิซอน ซานเชส ฟาเจ็ด ทาทังก้า ก็ทำให้การป้องกันเกมรุกจากซิตี้ อลหม่านสบสนไร้ระเบียบแบบแผนเข้าไปใหญ่
ฟอร์มการเล่นความเหนียบหนึบที่เคยไว้วางใจได้ นี่คือสิ่งที่ โยริส ทำหล่นหายไปมากๆในระยะหลัง
ด้วยวัยของเข้าตัวมากขึ้นเรื่อยๆ (34ปี) อาจะถึงเวลาแล้วที่สเปอร์ส ควรมองหานายด่านหนุ่มฝีมือดีเผื่อไว้บ้างแล้ว
ไม่มีดิอ๊าซไม่มีปัญหา
ช่วงที่แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เข้าเบรกชนะมา11นัดรวด เป็นเวลาที่ประจวบเหมาะเจาะกับแนวรับที่เล่นกันได้อย่างแข็งแกร่ง เก็บคลีนชีตกันได้่อย่างรัวๆ
ผู้เล่นที่ถูกพูดถึงมากที่สุดคนหนึ่งในการยกระดับแนวรับของทีมเรือใบนั่นก็คือ รูเบน ดิอ๊าซ อดีตกองหลังของเบนฟิก้า จัดได้ว่าเป็นดีลที่แห่งฤดูกาลได้เลย
ก่อนเกมไลน์อัพออกมาปรากฎว่า กองหลังชาวโปรตุเกส ถูกพักสดไว้ข้างสนามในนัดนี้ โดยเป็น เอเมอริค ลาป๊อร์กส์ ได้ทำหน้าที่คู่เซ็นเตอร์ร่วมกับ จอห์น สโตนส์ แทน
แต่ทว่า90นาทีที่ เอติฮัด สเตเดี้ยมเมื่้อคืน แนวรับของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ กลับไม่ได้มีปัญหาหนักอกหนักใจอะไรเลย โดนทีมไก่เดือยทองซัดเข้ากรอบไปเพียงแค่2หน
แถมผู้ลงสนามมาแทนอย่าง ลาป๊อร์กส์ ก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างดีเยี่ยม ไม่ก่อความผิดพลาด
ประกอบด้วยการที่มี โรดรี้ คอยสกรีนเล่นต่ำหน้าคู่เซ็นเตอร์ ทำให้ทั้ง ลาป๊อร์กส์และสโตนส์ เล่นกันได้ง่ายขึ้น บวกกับระบบทีมของ ซิตี้ ที่ดีอยู่แล้วจึงแทบจะไม่มีผลเลยเมื่อ นักเตะคนใดคนหนึ่งหายไป
เอแดร์ซอน อันเดอร์เรต
เป็นหนึ่งในผู้รักษาประตูที่ฟอร์มสม่ำเสมอมาตลอดนับตั้งแต่ ย้ายจากเบนฟิก้า มาร่วมทีม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อซัมเมอร์ปี2017 แต่ทว่ากลับถูกพูดถึงน้อยมาก เมื่อเทียบกับ ดาบิด เด เคอา และ อลิสซง เบคเกอร์
10นัดหลังสุดที่เจ้าตัวเฝ้าเสาให้กับทีม เก็บไปได้ถึง9คลีนชีต แถมยังเสียไปเพียงแค่1ประตูเท่านั้น เมื่อคืนนอกจากจะเซฟลูกยิงตรงกรอบ ของ แกเร็ธ เบล ได้แล้ว
การใช้เท้าผ่านบอลนี่คือสิ่งที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เชื่อใจเอแดร์ซอนมาตลอด โดยเฉพาะจังหวะเตะยาวให้ อิลคาย กุนโดกันกดประตูที่2 จนได้แอสซิสต์
บ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าสิ่งที่กุนซือชาวสเปนเชื่อมั่นเชื่อใจนั้นถูกต้องแค่ไหน
จังหวะแอสซิสต์ของเจ้าตัวนั้นมีเพื่อนร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ เข้าไปโผกอดแสดงความยินดีกับเจ้าตัวด้วยมากมาย
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เป๊ป เคยได้ออกมาให้สัมภาษณ์ติดตลกว่า บางครั้งตนอาจเลือก นายด่านวัย27ปีรายนี้ เป็นผู้รับหน้าที่เพชรฆาตรสังหารจุดโทษก็เป็นได้เพราะซ้อมได้เป็นอย่างดี น่าเสียดายที่นัดนี้เป็น โรดรี้ ที่รับหน้าที่แทน
สมมุติเป็น เอแดร์ซอน รับหน้าที่ดังกล่าวแล้วส่งบอลผ่าน ฮูโก้ โยริส เข้าไป จะทำให้เจ้าตัวเป็นผู้รักษาประตูประวัติศาสตร์พรีเมียร์ลีก ที่ทั้งยิงและแอสซิสต์ได้ ในเกมเดียวกัน
โดยสื่อเมืองผู้ดีก็ได้ไปคุ้ยสถิติที่น่าแสบสันและน่าในใจไม่น้อยเลยทีเดียวถึงจำนวนแอสซิสต์ที่ เอแดร์ซอน ทำได้เมื่อไปเปรียบเทียบกับ จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม
แอสซิสต์ตั้งแต่เริ่มต้นปี 2018
เอแดร์ซอน : 2 แอสซิสต์ จาก110นัด
จอร์จินโญ่ ไวจ์นัลดุม : 1 แอสซิสต์ จาก 111นัด
มูรินโญ่จะได้ไปต่อไหม
ตอนแรกก็เหมือนจะเสกทำให้สเปอร์สกลับไปเป็นพญาโต้งอีกครั้งหนึ่ง แต่ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆ ก็กลับกลายเป็นเจ้าลูกเจี๊ยบซะงั้น
ย้อนไปช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนที่สเปอร์สเปิดบ้านเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปได้2-0 และขึ้นมาเป็นจ่าฝูงจองพรีเมียร์ลีก จนหลายๆกูรูมองว่า นี่อาจเป็นปีทองของทีมไก่เดือยทองเลยก็ว่าได้
อนิจจาเวลาผ่านไปแค่3เดือน สเปอร์ส ของ โชเซ่ มูรินโญ่ หล่นตุ๊บตั๊บมาอยู่ที่อันดับ9ของตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก
12นัดหลังสุดในพรีเมียร์ลีกเก็บได้เพียงแค่12แต้มเท่านั้น ซึ่งนับคะแนนที่12นัดหลังสุด สเปอร์สจะอยู่ต่ำถึงอันกับ14เลยทีเดียว
แผนรถบัส รับให้แน่น แล้วเล่นเกมฉาบฉวยสวนกลับที่เคยได้ผล ตอนนี้กลับกลายเป็นแผนรถบัสไม่ทำงาน แถมยังโดนเจาะจนยางแตกอยู่บ่อยครั้งอีกด้วย
สิ่งหนึ่งที่น่าตำหนิกุนซือชาวโปรตุกีสนั่นคือเวลาเจอทีมที่ขนาดไซต์เล็กกว่า ไม่มีความจำเป็นเลยที่จะต้องเล่นเกมรับเลย อาทิเช่นเกมที่บุกไปแพ้ไบร์ทตัน 0-1 เมื่อปลายเดือนมกราคมที่ผ่านมา
แนวรุกของสเปอร์สมีผู้เล่นระดับพระกาฬ อานุภาพทำลายล้ายสูงส่งอย่าง แฮร์รี่ เคน และ ซน เฮือง-มิน
ไม่มีความจำเป็นเลยที่ทีมดังแห่งกรุงลอนดอนต้องกลัวคู่แข่งที่มีขนาดทีมเล็กกว่าเลย
ว่ากันว่าชะตากรรมของ มูรินโญ่ น่าจะถูกตัดสินด้วยตำแหน่งท็อปโฟร์ รวมถึงนัดชิงชนะเลิศ คาราบาว คัพ ในเดือนเมษายน กับ แมนเชสตอร์ ซิตี้
ซึ่งถ้าหากทำไม่สำเร็จ ผู้จัดการทีมจอมโอหังผู้นี้ก็มีแววที่จะโดนตะเพิดออกจากตำแหน่ง รวมถึงโดนตราหน้าว่าเป็นกุนซือตกยุคไปแล้วอย่างสมบูรณ์แบบ
- คอลัมน์นิสต์
- 464
- 14 ก.พ. 2564 13:19