หงส์อยู่ข้างหลังคุณ ! เรือ ฝืด เจ๊า พาเลซ 0-0 เป๊ป มาแปลกไม่เปลี่ยนตัวแก้เกม
ไม่รู้ว่าเพราะว่าเริ่มเจอความกดดันจากที่ต้องแข่งทีหลังลิเวอร์พูลบ้างรึเปล่าสำหรับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อ1-2เดือนที่ผ่านมาพวกเขาทำแต้มหกเรี่ยราดในพรีเมียร์ลีกเยอะเหลือเกิน โดยนัดล่าสุดพลพรรคเรือใบสีฟ้า ก็ต้องมาดร็อปแต้มอีกครั้งด้วยการบุกไปทำได้เพียงแค่เจ๊ากับ คริสตัล พาเลซ อย่างจืดชืด0-0 เมื่อคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา
หลังจากที่ลิเวอร์พูลบุกไปทุบเอาชนะ ไบร์ทตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน แบบสบายเท้า 2-0 นั่นก็ดูเหมือนจะทำให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กังวลอยู่ไม่น้อยกับการโดนทีมเครื่องจักรสีแดงจี้แต้มไล่เข้ามาอีก ส่งผลให้ เกม มันเดย์ ไนท์ ที่ต้องบุกไปเยือน คริสตัล พาเลซ ซิตี้ ทำได้แค่ควักผลเจ๊าออกมา
การบุกไปเยือนถิ่น เซลเฮิร์ด ปาร์ค แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ยังคงเป็นทีมที่จ่ายบอลจากเท้าสู่เท้าแม่นยำ ครองเกม ครองบอลเสียเป็นส่วนใหญ่ โดยในครึ่งแรกพวกเขามีโอกาสเหน่งๆจะๆที่จะขึ้นนำถึง3ครั้ง
จากทั้งลูกยิงไกลระยะกว่า30หลาของ ชูเอา กานเชโล่ ที่ไปชนเสาอย่างจัง เด้งต่อเนื่องมาเข้าทาง เอมเมอริค ลาปอร์กต์ ซ้ำโล่งๆออกไปอย่างน่าเหลือเชื่อ รวมไปจนถึงจังหวะที่ เควิน เดอ บรอยน์ ได้ซัดระยะ18หลา บิเซนเต้ ไกวต้า รับบอลกระฉอกมาเข้าทาง แบร์นาโด้ ที่ได้ส้มหล่นเต็มๆ แต่ทว่าน่าเสียดายที่ดาวเตะชาวโปรตุเกสรายนี้ แตะบอลยาวออกหลังไปดื้อๆ
ใน45นาทีหลัง KDB ก็มีโอกาสอีกครั้งแต่ทว่าก็ยิงไปตรงเสาอย่างเต็มดอก ริยาด มาห์เรซ ได้ซ้ำต่อเนื่องจากช็อตดังกล่าว แต่ทว่า ไกวต้า ก็ปลัดออกหลังไปได้ด้วยปลายมือ
โดยยิ่งเวลาเหลือน้อยลงเท่าไหร่ เราก็ได้เห็นพลพรรคเรือใบสีฟ้าที่กดดันตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่ไม่เคยเห็นก็ได้เห็นนั่นก็คือ ซิตี้ จ่ายบอลเสียบ่อยมากในช่วง10นาทีสุดท้าย ทั้งที่เป็นหนึ่งในทีมที่จ่ายบอลแม่นยำในพื้นที่แคบๆ หรือเวลาที่ถูกไล่บอล ได้มากที่สุดทีมหนึ่ง
ซึ่งด้วยสถานการณ์ที่เสมออยู่ 0-0 ทีมต้องการประตูชัย เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ไม่รู้เกิดอาการติสต์แตกอะไรเข้าสิง กุนซือชาวสเปนรายนี้มาเหนือเมฆ
ด้วยการเลือกที่จะไม่แก้เกมหรีอเปลี่ยนตัวผู้เล่นออกเลยแม้แต่คนเดียว ทั้งที่ข้างสนามมีแข้งผู้เล่นที่สามารถเปลี่ยนเกมได้อย่าง ราฮีม สเตอร์ลิง - อิลคาย กุนโดกัน หรือรวมไปจนถึง กาเรียล เซซุส
ส่วนทีมเจ้าบ้านก็ต้องยกเครดิตให้เช่นกันกับความใจสู้ในทุกๆจังหวะ เล่นกันได้อย่างอดทน ตามแท็กติกที่ตัวกุนซือ ปาทริค วิเอร่า วางไว้ แนวรับที่มีสมาธิตลอดทั้งเกม รวมไปจนถึงดาวเด่นของทีมนอกจาก บิเซนเต้ ไกวต้า แล้วก็ต้องกระแทกฝ่ามือดังๆให้กับ เจ้าหนูดาวรุ่งอย่าง คอร์เนอร์ กัลลาเกอร์ ที่ทำหน้าที่ของตัวเองอย่างหนัก วิ่งพล่านตลอดทั้งเกม
เรือใบน่าจะปิดบัญชีได้ตั้งแต่ครึ่งแรก
เป็นเกม45นาทีแรก ที่อยู่ภายใต้กำมือของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อย่างสิ้นเชิง ทั้งการครองบอล โอกาสการทำประตู เป็นลูกทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่เหนือกว่าอย่างเบ็ดเสร็จ แต่ก็น่าเสียดายที่พวกเขาปิดบัญชีทีมปราสาทเรือนแก้วไม่ลง ทั้งที่มีโอกาสยิงครึ่งแรก 13ครั้ง
ลูกยิงตั้งป้อมระยะ18หลาของ KDB ที่ตะบันไปตรงตัว ไกวต้า แต่ทว่าโกลชาวสเปนรายนี้ซองแตกบอลกระฉอกมาเข้าทาง แบร์นาโด้ ซิลวา แต่ทว่าน่าเสียดายที่ดาวเตะร่างเล็กรายนี้ ทำหมูหกเเตะบอลยาวออกหลังไปเองดื้อๆ
รวมไปจนถึงจังหวะยิงกว่า30หลาของแบ็กซ้ายจอมบุกอย่าง ชูเอา กานเชโล่ ที่ตะบันยิงสุดแรงแต่ทว่าไปชนเสาเข้าอย่างจัง และเด้งต่อเนื่องมาเข้าทาง เอมเมอริค ลาปอร์กต์ ได้ซ้ำโล่งๆแต่ทว่ากองหลังทีมชาติสเปนรายนี้ยิงข้ามคานออกไปน่าเหลือเชื่อ
โดยเกมใน45นาทีหลัง ปาทริค วิเอร่า แก้เกมได้ดีขึ้น ทำให้พลพรรคเรือใบสีฟ้า สร้างโอกาสทำประตูได้น้อยลง ทำได้เพียงแค่เคาะบอลผ่านบอลสั้นกันไปมามากกว่า หรือจังหวะเข้าทำสุดท้ายก็มักจะพลาดกันไปเอง เข้าชาร์ตไม่ถึงบอลจากการเปิดเรียดเข้ามาในเขตโทษ
ซิตี้ เวลาที่เจาะคู่แข่งไม่เข้ารูปเกมตื้อๆ พวกเขามักจะมีไอเดียในการเข้าทำแค่รูปแบบเดียวนั่นก็คือ การทำชิ่งมุดเคาะบอลไปเรื่อยๆ เรามักจะไม่ได้เห็นบอลไดเร็ค ลูกบอมเข้าใส่แบบโบราณๆโจมตีคู่แข่งเลย เราจึงมักจะเห็นภาพซ้ำอยู่เป็นประจำคือ
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มักจะไม่มีแผน2เท่าไหร่ หากทีมเจาะตาข่ายคู่แข่งไม่สำเร็จ เพราะกุนซือชาวสเปนรายนี้อาจจะมองว่า แผนที่ดีที่สุด นั่นก็คือการทำแผนแรกให้สำเร็จ นั่นจึงทำให้เราได้เห็นมาตลอดหลายๆเกมว่า ซิตี้ มักไม่เปลี่ยนวิธีการเล่นสไตล์อื่นเลย แม้ว่าวิธีดังกล่าวจะไม่เวิร์คมาตลอดทั้งเกมนั้นๆก็ตาม
100ล้านปอนด์ของ กรีลิช
ฮือฮาเขย่าเกาะอังกฤษจริงๆสำหรับการเป็นนักเตะเลือดผู้ดีที่ค่าตัวแพงที่สุดในประวัติศาสตร์สำหรับ แจ็ค กรีลิช เมื่อย้ายจาก แอสตัน วิลล่า มายังถิ่น เอติฮัด สเตเดี้ยม เมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา ด้วยค่าตัวมหาศาล100ล้านปอนด์
แต่ทว่าเหลือเวลาไม่ถึง3เดือนสุดท้ายของซีซั่น 2021-2022 " ไอ้แจ็ค " ยังตอบแทนผลงานได้ไม่คุ้มค่าที่เม็ดเงินทีมดังเมืองแมนเชสเตอร์ หว่านลงไปเลย ซึ่งแตกต่างจากฟอร์มของ เจ้าตัว สมัยที่อยู่ แอสตัน วิลล่า ที่สามารถบันดาลเสกสิ่งมหัศจรรย์ได้เสมอ
กรีลิช ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงให้กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อคืน ในบทบาทตัวรุกริมเส้นฝั่งซ้า ตามที่ถนัด และเกือบจะทำแอสซิสต์ได้ถึง2ครั้ง2ครา แต่ทว่า แบร์นาโด้ ก็วืดไปหมดทั้งยิงบอลแป๊ก และเข้าชาร์ตหน้ากรอบเขตโทษไม่โดน
แข้งน่องโตรายนี้เหมือนจะขาดอะไรเล็กๆน้อยๆตลอดในเพลย์การเล่นสุดท้าย แต่ทว่าก็ดูมีความมั่นใจมากขึ้นหลังจากช่วงที่ติดโควิด-19 และหายออกจากทีมไป ความกดดันในช่วงท้ายเกมยังทำให้ กรีลิช มีลนลานจ่ายบอลพลาดหรือจับบอลเสียง่ายๆให้เห็น
แจ็ค กรีลิช จ่ายบอลจังหวะคีย์พาสได้3ครั้ง และเลี้ยงบอลผ่านผู้เล่นทีมเจ้าบ้านได้3หน โดยแบ็กขวาของ พาเลซ อย่าง นาธาเนียล ไคลน์ ก็ดูจะมีปัญหาอยู่พอสมควรเหมือนกันกับการรับมือแข้งเบอร์10รายนี้
แต่ทว่าอย่างไรก็ตาม ประสิทธิภาพและประสิทธิพลของ กรีลิช ถือว่าสอบตกอยู่ไม่น้อย เมื่อ17นัดที่ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในลีก เจ้าตัวซัดไปได้เพียงแค่ 2ประตู กับอีก2แอสซิสต์ เท่านั้น
ประตูสุดท้ายในพรีเมียร์ลีก ของดาวเตะค่าตัว100ล้านปอนด์รายนี้ ต้องย้อนไปไกลถึงเดือนกลางเดือนธันวาคม เกมที่เอาชนะ ลีดส์ 7-0 เลยทีเดียว
กัลลาเกอร์ 1ในดีลที่ดีที่สุดของฤดูกาล
เป็นแข้งดาวรุ่งที่แจ้งเกิดได้อย่างเต็มตัวจริงๆสำหรับ มิดฟิลด์อย่าง เจ้าหนู คอร์เนอร์ กัลลาเกอร์ หลังจากที่เซลซีปล่อยให้เจ้าตัวหาประสบการณ์ต่อเนื่อง ด้วยส่งให้ คริสตัล พาเลซ ยืมตัว ต่อจากซีซั่นที่แล้วที่เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน ยืมตัวใช้งาน
กัลลาเกอร์ ยึด11ผู้เล่นตัวจริงในยุคของกุนซือ ปาทริค วิเอร่า อย่างไร้ข้อโต้แย้ง เรียกได้ว่า ถ้าไม่เจ็บไม่ป่วย เจ้าหนูดาวรุ่งของเซลซี รายนี้จะได้ออกสตาร์ทเป็น11ผู้เล่นตัวจริงแน่นอน
ครึ่งแรก มิดฟิลด์วัย22ปีรายนี้ไม่ค่อยมีบทบาทกับทีมเท่าไหร่ แต่ทว่าด้วยการแก้เกมของ ปาทริค วิเอร่า ที่กำชับให้ลูกทีมเข้าเพรสซิ่งสูงจากแดนสองมากขึ้น กดดันคู่เซ็นเตอร์ของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ นั่นทำให้ กัลลาเกอร์ กลับมาโดดเด่นขึ้นอย่างชัดเจน
แข้งลูกหม้อของเซลซีรายนี้ เฉิดฉายในเรื่องของ วิ่งไล่เพรสซิ่งบอลจากแดนบน ทำลายเกมของ แมนฯซิตี้ ได้อย่างโดดเด่น มีส่วนกับเพลย์การเล่นสวนกลับของทีมทั้ง วิ่งไล่บอลตัดบอล แถมยังขยันวิ่งไล่บอลกดดัน จนทำให้ ลาปอร์กต์ ก่อความผิดพลาด
ซึ่งน่าเสียดายที่จังหวะดังกล่าว กัลลาเกอร์ เลือกที่จะยิงเองมุมแคบ มากกว่าที่จะเปิดข้ามมาให้ วิลเฟร็ด ซาฮา ที่อยู่ในพิกัดทำการที่ได้ลุ้นมากกว่า อย่างไรก็ตามเจ้าหนูผู้สวมเสื้อหมายเลข23รายนี้ มีสถิติตัวเลขหลังเกมที่ดีทั้ง
ชนะการดวล 8ครั้ง - เลี้ยงบอลผ่านผู้เล่นซิตี้ 4ครั้ง รวมไปจนถึงเรียกฟาวล์ได้ 3หน และเรียก1ใบเหลืองจาก แจ็ค กรีลิช ได้
เป๊ป ติสต์แตกไม่เปลี่ยนตัว
ในขณะที่สกอร์ยังตรึงอยู่ที่ 0-0 สถานการณ์ที่ทีมต้องการประตูชัยอย่างยิ่งยวด ปรกติของฟุตบอล เราก็มักจะเห็นผู้จัดการทีมเปลี่ยนตัวผู้เล่นบนม้านั่งสำรองมาเปลี่ยนเกม คว้าชัยชนะกันทั้งนั้น แต่ทว่าไม่ใช่กับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เมื่อคืน
อดีตกุนซือบาร์เซโลน่ารายนี้ เคยสร้างแท็กติกและแผนการเล่นที่มาเหนือเมฆมากมายทั้ง แท็กติก ฟอลส์ไนน์ การหุบเอาแบ็กมาเล่นเป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ระหว่างเกม หรือแผนซับซ้อนซ่อนเงื่อนต่างๆเวลาอยู่ในสนาม
เมื่อคืนนอกจาก เควิน เดอ บรอยน์ แล้ว เหล่าบรรดาผู้เล่นในเกมรุกของทีมเรือใบสีฟ้าหลายราย ต่างโชว์ฟอร์มกันได้ต่ำกว่ามาตรฐานทั้ง แจ็ค กรีลิช - ฟิล โฟเด้น - ริยาด มาห์เรซ โดยเฉพาะ แบร์นาโด้ ซิลบา ที่วันนี้ดูผิดฟอร์ดไปอย่างน่าเกลียด
สกอร์ที่ เซลเฮิร์ด ปาร์ค ยังตรึงอยู่ที่ 0-0 นาทีที่ 60ก็แล้ว 70ก็แล้ว 80ก็แล้ว แต่ทว่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เกิดอาการติสต์แตกยังไงไม่ทราบ เพราะเจ้าตัวเลือกที่จะไม่เปลี่ยนตัวแก้เกมเลย ทั้งที่บนม้านั่งสำรอง มีผู้เล่นในเกมรุก ที่สามารถลงมาสร้างความแตกต่างได้ทั้ง อิลคาย กุนโดกัน - ราฮีม สเตอร์ลิง และ กาเบรียล เซซุส
ซึ่งหลังจบเกม ผู้จัดการทีมวัย51ปีรายนี้ ก็ได้ให้เหตุผลถึงการไม่เปลี่ยนตัวผู้เล่นเลยทั้งที่ทีมต้องการประตูแบบงงๆว่า เป็นเพราะ นักเตะทุกคนในสนามเล่นได้ดีอยู่แล้ว และพอใจกับผลงานและวิธีการเล่นของ11ตัวจริงทีมชุดนี้...
จาก 11เหลือแค่ 4 แถมหงส์แข่งน้อยกว่า1นัด
ใครจะไปเชื่อว่าช่องว่าง 11แต้ม ของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่มีต่อลิเวอร์พูล ในช่วงปีใหม่ ตอนนี้จะลดลงเหลือ4แต้ม และมีโอกาสที่จะกระชั้นชิดใกล้กันเพียงแค่ 1แต้ม หากว่าในวันพุธนี้ ลูกทีมของ เจอร์เก้น คล็อปป์ สามารถบุกไปหักกระบอกปืนคารังได้
8นัดหลังสุดในพรีเมียร์ลีก ซิตี้ สะดุดไปถึง3 นั่นก็คือแพ้ สเปอร์ส และเสมอกับ เซาธ์แฮมป์ตัน - คริสตัล พาเลซ ในขณะที่ทีมเครื่องจักรสีแดง ช่วงเวลาเดียวกัน เร่งเครื่อง120แรงม้า เอาชนะได้8นัดรวดในเกมลีก
จากสถิติที่ผ่านมา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่เคยนำลิเวอร์พูลม้วนเดียวจบในฤดูกาล 2018-2019 และ 2020-2021 แต่ทว่าหนนี้ชักจะไม่แน่เสียแล้ว เพราะทีมเรือใบสีฟ้าออกอาการเกร็งอย่างชัดเจน ไม่ใช่แค่นัดที่ทำแต้มหก
เกมเมื่อคืน เราจะเห็นได้ว่าผู้เล่นของ ซิตี้ จ่ายบอลเสีย รับส่งบอลพลาดง่ายๆในช่วง10นาทีสุดท้ายกันหลายครั้ง เพราะทนความกดดันกับสถานการณ์ที่บีบบังคับที่ต้องได้ประตูไม่ไหว
โดยนี่นับเป็นหนแรกนับตั้งแต่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมทัพเรือใบสีฟ้านับตั้งแต่ปี 2016 ที่ ซิตี้ เองมีผลลัพธ์สกอร์ 0-0 สองนัดติด (ก่อนหน้า เจ๊า สปอร์ติ้ง ลิสบอน 0-0)
บางทีการไม่มีกองหน้าแบบธรรมชาติหมายเลข9 ในเกมที่ต้องการจุดเปลี่ยนหรือวิธีการเล่นใหม่ๆ นัดที่เจาะคู่แข่งด้วยวิธีเดิมๆไม่เข้า อาจเป็นจุดหักเหสำคัญในช่วงท้ายฤดูกาลที่ทำให้ ทีมเรือใบสีฟ้าทำถ้วยพรีเมียร์ลีกหลุดออกจากมือไปก็เป็นได้
- คอลัมน์นิสต์
- 317
- 15 ม.ค. 2565 14:53