เมื่อเรือใบ(สีฟ้า)แล่นออกจากฝั่ง
หลังสิ้นเสียงนกหวีดยาว90นาทีจาก อังเดร์ มาร์ริเนอร์ ที่กูดิสัน ปาร์ค เมื่อคืน ผลลัพธ์คู่ระหว่าง เจ้าบ้านเอฟเวอร์ตัน กับ จ่าฝูงแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็ลงเลยแบบตามคาดที่หลายๆคนคาดเดาเอาไว้
ฟิล โฟเด้น , ริยาด มาห์เรซ , แบร์นาโด้ ซิลวา ดาหน้ากันส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่ายของทีมทอฟฟี่สีน้ำเงินคนละตุง ควัก3แต้ม กลับเมืองแมนเชสเตอร์ ด้วยสกอร์3-1
แม้เกมนี้พวกเขาจะไม่มี จอห์น สโตนส์ ,อิลคาย กุนโดกัน รวมไปจนถึงบรรดาคีย์แมนหลักของทีมมาโดยตลอดช่วง ที่ผ่านมาอย่าง เควิน เดอ บรอยน์ , เซร์คิโอ อเกวโร่ กุน
การขาดหายไปของแข้งพระกาฬเหล่านี้ไม่เป็นปัญหาสำหรับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เลย
ระบบทีมที่ซับซ้อน รวมถึงแท็กติกการฝึกซ้อมอย่างเข้าอกเข้าใจกันอย่างถึงพริกถึงขิง มองตารู้ใจที่
เป๊ปปลูกฝังให้ทีมสีฟ้าเมืองแมนเชสเตอร์ เล่นกันอย่างเป็นสอดประสานกลมกลืนเป็นทองเนื้อแผ่นเดียวกัน การขาดนักเตะคนใดคนหนึ่งไปนั้น ไม่ใช่สิ่งที่น่ากังวลใจเลยแม้แต่น้อย
ลูกทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า แสดงให้คู่แข่งที่คิดจะโผล่หน้ามาแย่งแชมป์โทรฟี่พรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ รวมถึงทั้ง19ทีมในลีกสูงสุดเมืองผู้ดีว่าของจริงเขาเล่นแบบไหนกัน
12 นัดรวดชัยชนะติดต่อกันในพรีเมียร์ลีก
10 คะแนนห่างจากรองจ่าฝูง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
9 คลีนชีต จาก12นัดหลังสุดในพรีเมียร์ลีก
3 คือจำนวนประตูที่เสียจาก 12นัดหลังสุด
นี่คือสถิติอันน่าสยดสยองบางส่วนของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในฤดูกาลนี้ นอกจากนี้รายละเอียดระหว่างเกมของ ซิตี้ ยังถือว่าเฉียบขาดไม่น้อย เพราะพวกเขาเอาชนะคู่แข่งได้อย่างเอกฉันท์ ทั้งในเรื่องของฟอร์มการเล่น และสถิติต่างๆระหว่างเกม
หยิบตัวอย่างขึ้นมาเกมล่าสุดสดๆร้อนๆกับ เอฟเวอร์ตัน ลูกทีมของเป๊ป ครองบอลได้มากกว่าถึง 72/28 เปอร์เซ็นต์ ยิงเข้ากรอบ 9/2 ครั้ง เตะมุม 10/0ครั้ง
นี่คือสถิติตัวเลขคร่าวๆบางส่วนระหว่างเกม ที่แสดงให้เห็นว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โขยกทีมเจ้าบ้านอย่างเมามันอยู่ฝ่ายเดียว
อะไรคือสาเหตุที่ทำให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กำลังติดเทอร์โบ เข้าฝักชนะรัวๆ จนค่อยๆทิ้งห่างคู่แข่งลุ้นแชมป์แบบไม่เห็นฝุ่น และกำลังจะเป็นการขึ้นจ่าฝูงแบบม้วนเดียวจบ
หลังจากที่จ่าฝูงพรีเมียร์ลีกในซีซั่นนี้เป็นเหมือนสมบัติผลัดกันชม เพราะก่อนหน้านั้นมีถึง8ทีมที่เคยขึ้นไปเชยชมอากาศบนหัวตาราง
หากย้อนเวลากลับไปตอนต้นฤดูกาล หลายคนคงไม่คาดคิดว่าแมนเชสเตอร์ ซิตี้ จากเรือใบสำเภาผุและเก่าใกล้ถึงคราวอับปาง จะอัพเกรดมาเป็นเรือใบเครื่องจักรกลร้อนแรงหรูพรีเมี่ยมฉุดไม่อยู่ขนาดนี้
เกมที่ทีมมหาเศรษฐีเมืองแมนเชสเตอร์ โดน เลสเตอร์ ซิตี้ บุกมาระเบิดโถส้วมคาบ้าน 2-5 ไม่มีใครคาดคิดหรอกว่า พวกเขาจะกลับมาเป็นทีมที่แล่นติดลมบนปานนี้ จุดเปลี่ยนของพวกเขาเริ่มแรกนั่นคือการหาคู่เซ็นเตอร์ฮาร์ฟที่ลงตัว
คู่เซ็นเตอร์ฮาร์ฟที่ลงตัว
เกมรุกจะทำให้คุณชนะ แต่เกมรับจะทำให้คุณเป็นแชมป์ นี่คือวลีคลาสิกตลอดกาลของวงการฟุตบอล ที่ใช้ได้ในทุกยุกทุกสมัย และนี่คือประโยคที่ใช้อธิบายสิ่งที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นในตอนนี้
พวกเขาพัฒนาเกมรับตัวเองขึ้นมาไกลมากนับตั้งแต่นัดที่เปิดบ้านพ่ายให้กับทีมสุนัขจิ้งจอก 2-5 เกมนั้น ซิตี้ใช้คู่เซ็นเตอร์ฮาร์ฟ เป็น เอริค การ์เซีย และ นาธาน อาเก้
ผลปรากฎว่า ทั้งคู่ทำเสียจุดโทษ รวมถึงแบ็กขวาในนัดนั้นอย่าง ไคล วอล์คเกอร์ ก็ทำเสียจุดโทษซ้ำซากอีกราย
นั่นเท่ากับว่าพวกเขาทำเสียจุดโทษ3ลูกในแมตช์เดียว ซึ่งมาจากกองหลังทั้งหมด นัดดังกล่าว ว่ากันว่าเป็นการดับอนาคตกองหลังดาวรุ่งชาวสเปนไปเลยทีเดียว เพราะความหละหลวมและความผิดพลาดดังกล่าวที่ตัวเขาก่อไว้อย่างน่างามไส้
ซิตี้ มาค้นพบคู่กิ่งทองใบหยกเซ็นเตอร์ฮาร์ฟของตัวเองในฤดูกาลนี้ นั่นก็คือคู่พาร์ทเนอร์ระหว่าง รูเบน ดิอ๊าซ กับ จอห์น สโตนส์ และมีสิทธิสูงมากๆที่ทั้งคู่จะติดทีมยอดเยี่ยมของพรีเมียร์ลีก 2020-2021 หลังจบซีซั่น
กองหลังชื่อหินรายนี้ ทำท่าว่าจะหมดอนาคตยังถิ่น เอติฮัด สเตเดี้ยม ไปแล้ว เนื่องจากการมาของ รูเบน ดิอ๊าซ นี่แหละ
แต่ทว่ากลับกลายเป็นเจ้าตัว ที่เบียดเซ็นเตอร์ฮาร์ฟตัวจริงชุดแชมป์พรีเมียร์ลีก ฤดูกาล2018-2019 อย่าง เอเมอริค ลาป๊อร์กส์ กระเด็นไปเป็นตัวสำรองแทน
สโตนส์ กำลังมีฤดูกาลที่ยอดเยี่ยมที่สุดในอาชีพการค้าแข้งนักฟุตบอล เมื่อเขาโชว์ฟอร์มได้อย่างแข็งแกร่งสมกับชื่อ โดดเด่นทั้งในเรื่องของลูกกลางอากาศและบนพื้นดิน นิ่ง สุขุมเยือกเย็นไม่สมาธิหลุดง่ายๆ
ส่วน รูเบน ดิอ๊าซ กองหลังเจ้าของค่าตัว56.6ล้านปอนด์ ครั้งแรกหลายคนคงสงสัยไม่น้อยกับค่าตัวมหาศาลสำหรับกองหลังที่ยังไม่รู้ภาษีภาษายังเวทีพรีเมียร์ลีก
แต่ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปเรื่อยๆหลายคนคงได้เห็นความแข็งแกร่ง การตัดสินใจเล่นที่ฉลาดเกินอายุ รวมถึงความเป็นผู้นำในแนวรับแม้จะอายุได้เพียงแค่23ปีเท่านั้น
ว่ากันว่าการซื้อแนวรับชาวโปรตุเกสรายนี้ เข้ามาร่วมถิ่น เอติฮัด สเตเดี้ยม เปรียบเสมือนดีลแห่งฤดูกาลเทียบเท่าอิมแพคที่ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ย้ายมาลิเวอร์พูล เลยทีเดียว
คีย์แมนสำหลักในเกมรับนี่คือสิ่งที่ ดิอ๊าซ มอบให้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ตอนนี้ และสถิติเสียเพียงแค่15ประตู จากโปรแกรม24นัดในพรีเมียร์ลีก กลายเป็นทีมที่คู่แข่งเจาะตาข่ายได้น้อยที่สุดในลีกตอนนี้
อาวุธลับ ชูเอา กานเชโล่
หลายคนคงสงสัยไม่น้อยเมื่อเห็น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยอมแลกตัว ดานิโล่ กับ ชูเอา กานเชโล่ มิหนำซ้ำยังบวกเงินให้กับยูเวนตุสเพิ่มไปอีก27.4ล้านปอนด์อีกด้วย
ฤดูกาลแรกของแบ็กชาวโปรตุเกสกับลีกเมืองผู้ดีนั่นก็คือการเข้าๆออกๆบนซุ้มม้านัางสำรอง
แต่ทว่าในซีซั่น กานเชโล่ ก้าวขึ้นมาเป็นแบ็กตัวหลักให้กับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ได้สำเร็จ เมื่อได้ออกสตาร์ทเป็น11ผู้เล่นตัวจริงในพรีเมียร์ลีก ถึง18นัด
สามารถเล่นได้ทั้งฝั่งขวาและฝั่งซ้าย เบียดทั้ง ไคล วอล์กเกอร์ และ เบนจามิน เมนดี้ ตกไปเป็นตัวสำรอง
แม้ว่าแบ็กแดนฝอยทองรายนี้ จะเติมขึ้นไปเล่นเกมบุกและทำได้เพียงแค่ 1ประตู กับอีก2แอสซิสต์ ถ้ามองในแง่ของตัวเลขถือว่าไม่ค่อยมีอิมแพคต่อเกมรุกของซิตี้เท่าไร่นัก
แต่ทว่าเมื่อเรามองถึงรูปเกมหรือสิ่งที่ กานเชโล่ มอบให้กับทีมนั้นตอบ โจทย์ ต่อแผนของ เป๊ป กวาร์ ดิโอล่า เป็นอย่างมาก
รุกและรับคือสิ่งที่เจ้าตัวทำได้ตามมาตรฐานกุนซือชาวสเปนต้องการ รักษาสมดุลทั้งสองอย่างได้ ไม่หนักหรือเบาไปด้านใดด้านหนึ่ง
นอกจากนี้แบ็กวัย26ปี ยังมีออปชั่นพิเศษ นั่นก็คือการหุบจากแบ็กมาเล่นเป็นมิดฟิลด์ตรงกลางได้ ทำให้เกมในแดนกลางของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แน่นหนา และยากต่อการที่คู่แข่งจะครอบครองเกม และโจมตีจากแดนกลางได้
รวมถึงทำให้ทีมเซ็ตเช็ตบอลในแดนกลางได้ง่ายกว่าเดิม เพราะมีตัวเลือกในการจ่ายบอลมากขึ้น สิ่งที่กานเชโล่ ทำเรียกว่าบทบาทฟูลแบ็กตัวใน (Interved Fullback )
กุนโดกัน ในร่างซุปเปอร์ไซย่า
ใครจะไปอยากเชื่อสายตาตัวเองว่า มิดฟิลด์เชิงรับอย่าง อิลคาย กุนโดกัน จะกลายร่างเป็นมิดฟิลด์จอมถล่มประตูในตอนนี้
อาจจะด้วยอาการบาดเจ็บของ เควิน เดอ บรอยน์ ในระยะหลัง ทำให้มิดฟิลด์ชาวเยอรมันดันขึ้นสูงขึ้นไปทำประตูได้บ่อยหน และรวมถึงบทบาทของเจ้าตัวที่เปลี่ยนไปในแผนการเล่นของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็มีส่วนเช่นกัน
เป๊ป ปรับแต่งพันธุกรรมอดีตกองกลางดอร์ทมุนด์รายนี้ ในบางสถานการณ์ให้ดันขึ้นไปเป็นกองหน้าตัวหลอกหรือที่เราคุ้นหูกันในชื่อฟอลส์นาย
เพราะกุนโดกันแม้ว่าจะไม่ได้เล่นเป็นกองหน้าอาชีพแต่ก็ถือว่าเป็นนักเตะที่มีสัญชาตญาณในการทำประตูที่ดีคนหนึ่ง
11ประตูในพรีเมียร์ลีก นำเป็นดาวซัลโวสูงสุดของทีมนี่คือเครื่องบ่งบอกการันตีคุณภาพของเจ้าตัวได้เป็นอย่างดีนอกจากนี้สไตล์การกระซวกตาข่ายของกุนโดกันก็ยังครบเครื่องทำได้หลากหลายทุกรูปแบบอีกด้วย
มีทั้งสอดเข้าไปยิงเป็น ฟ็อกส์อินเดอะบ็อกในเขตโทษ ตะบันเต็มเหนี่ยวนอกกรอบเขตโทษ หรือจะเป็นการล็อกแปบอลยิงแบบกองหน้าระดับโลกอย่าง โรนัลโด้ (บราซิล) กุนโดกันจัดให้ได้ทุกท่วงท่า
นักเตะยอดเยี่ยมของพรีเมียร์ลีกประจำเดือนมกราคม นั่นคือเครื่องการันตีความยอดเยี่ยมของ อิลคาย กุนโดกัน ได้ส่วนหนึ่งในตอนนี้
แนวรุกสลับกันเด่น
ถ้าจะให้นับจริงๆ อาจะมีแค่ อิลคาย กุนโดกัน ที่แทบจะโดดเด่นแบบนอนมาคนเดียวในแนวรุกของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่ทว่าผู้เล่นรายอื่นๆ ก็สับเปลี่ยนหมุนเวียนกันโชว์ฟอร์มเด่นได้นัดต่อนัด
ฟิล โฟเด้น ซัดไปได้6ประตู ในพรีเมียร์ลีก แม้ว่าช่วงแรกๆจะเข้าๆออกๆบนระหว่างผู้เล่นตัวจริงกับม้านั่งบนตัวสำรอง ไม่ใช่ว่าดาวเตะวัย20ปีผู้นี้ โชว์ฟอร์มย่ำแย่อะไร
แต่เป็นเพราะว่า กุนซืออย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ไม่อยากเร่งการเติบโตของดาวรุ่งชาวอังกฤษรายนี้เร็วเกินไปนัก
ฤดูกาลนี้ โฟเด้น โชว์ฟอร์มได้เด่นสุดๆคงหนีไม่พ้น เกมที่บุกไปถล่มแชมป์เก่าลิเวอร์พูล 4-1 ที่เจ้าตัวกดไปได้1ประตู กับอีก1แอสซิสต์
ราฮีม สเตอร์ลิ่ง แม้จะทำไปได้ถึง8ประตูในพรีเมียร์ลีก แต่ทว่าก็ถือเป็นฤดูกาลที่เจ้าตัวถือว่าโชว์ผลงานได้ตกไปจากมาตรฐาน ที่ผ่านๆมา
ถึงกระนั้นหากเจ้าตัวฟิตเต็มที่ก็ยังคงเป็นตัวเลือกอันกับต้นๆของเกมรุก ทีมเรือใบสีฟ้าเสมอ
ริยาด มาห์เรซ พึ่งจะมากดประตูแรกในรอบ6นัดในพรีเมียร์ลีก เกมกับเอฟเวอร์ตัน เมื่้อคืนวันพุธที่ผ่านมา แถมระยะหลังยังตกเป็นตัวสำรองอยู่บ่อยหน
แต่ทว่าในซีซั่นนี้ดาวเตะชาวแอลจีเรีย ก็ยังสามารถกดแฮตทริกได้ในเกมที่เปิดบ้านเอาชนะ เบิร์นลี่ย์ 5-0 เมื่อช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา
สไตล์การลากเลื้อยที่แตกต่างจากเพื่อนร่วมทีม น่าจะทำให้เจ้าตัวเป็นอาวุธลับสำคัญอีกชิ้นหนึ่งของ เป๊ป ในยามที่แนวรุกดูฝืดเคือง
แบร์นาโด้ ซิลวา แม้จะกดไปได้เพียง2ประตูในพรีเมียร์ลีก เพราะด้วยบทบาทตำแหน่งที่ต้องอยู่ไกลเขตโทษมากขึ้น ทำให้โอกาสในการหาจังหวะเหมาะส่องไกลลดน้อยถอยลงไป
แข้งชาวโปรตุเกสถูกดันให้ไปเล่นยังบทบาทตำแหน่งแหน่งเดิมของ ดาบิด ซิลบา ที่เป็นตัวเชื่อมเกมจากแดนกลางไปยังแดนหน้า แรกๆแม้จะทำได้ไม่ค่อยดี แถมยังตกเป็นตัวสำรองบ่อยครั้ง
แต่ทว่าเมื่อเจ้าตัวตีโจทย์บทบาทหน้าที่ของตัวเองแตกฉาน ก็ทำได้ทีมฟอร์มดีขึ้นอย่างทันตาเห็น ชัยชนะ12นัดรวมในพรีเมียร์ลีกของ ซิตี้ แบร์นาโด้ คือผู้เล่น11ตัวจริงทุกนัด
เป๊ป กวาร์ดิโอล่า
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ทั้งดูไฉไลและไร้เทียมทาน อันตรายเป็นมหันตภัยเงียบในตอนนี้ นี่คือทุกสิ่งจากมันสมองของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า มอบใส่ไปให้กับทีมเรือใบสีฟ้า
ฤดูกาลที่แล้วหลังจบซีซั่นหลายคนคงปรามาสว่า นี่น่าจะใกล้จะหมดเวลาของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ยังเวทีพรีเมียร์ลีกแล้ว ด้วยความอิ่มตัว และความล้มเหลวที่โดนลิเวอร์พูลทิ้งห่างแบบไม่เห็นฝุ่น
แต่ทว่าปีนี้กุนซือหัวเหม่งชาวสเปนได้ โมดิฟาย ให้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กลายเป็นทีมที่เกมรับเหนียวแน่น แกร่งเป็นภูผามากขึ้น แก้ตัวจากซีซั่นก่อนที่โดนกดในเกมลีก35ประตู จาก38นัด ซึ่งถือว่ามากเกินไปสำหรับทีมมาตรฐานลุ้นแชมป์
มิหนำซ้ำอดีตกุนซือบาร์เซโลน่ารายนี้ ยังมีแผนการเล่นที่ล้ำลึกพิศดาร แต่แฝงเต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพคับแก้ว ยากแก่การโดนคู่แข่งจับทางได้
อาทิเกมกับเอฟเวอร์ตัน กวาร์ดิโอล่า แม้ใน Information จะเป็นระบบ 4-3-3 แต่ทว่าเมื่อลงสนามไปเล่นจริงกลับเป็นระบบที่ใครก็ไม่เคยเห็นผ่านตามาก่อนนั่นคือ ระบบ 3-2-2-3 ที่โคตรจะเปี่ยมไปด้วยประสิทธิภาพ แฝงไปด้วยความแปลกแต่ลึกซึ้งด้วยวิธีการเล่น
ด้วยฟอร์มการเล่นที่ติดลมบนขนาดนี้ ด้วยคะแนนที่ทิ้งห่างรองจ่าฝูงอย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด10แต้ม ประกอบกับผู้ท้าชิงรายที่เหลือฟอร์มไม่อยู่กับร่องกับรอย พากันสะดุดหัวคะมำทำแต้มหล่นตลอด
14นัดกับอีก กับอีก42แต้ม ให้ผู้ท้าชิงไล่กวดตาม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แม้ในทางทฎษฎีจะยังพอมองเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ แต่ในทางปฎิบัติแล้ว ยากเหมือนเข็นครกขึ้นภูเขา
พรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้แชมป์อาจจบและได้บทสรุปไปแล้วก็เป็นได้ " มันจบแล้วครบนาย " นี่คือประโยคที่บ่งบอกสื่อความหมายได้ดีที่สุดสำหรับสถานการณ์พรีเมียร์ลีกตอนนี้ เมื่อทีมเรือใบสีฟ้าแล่นออกจากฝั่งไปไกลลิบ
- คอลัมน์นิสต์
- 454
- 18 ก.พ. 2564 18:00