เมื่อสิงโต (ไม่) คำราม
จากทีมที่เคยเป็นตัวเต็งต้นๆที่จะคว้าแชมป์บอลโลก 2022 แต่ทว่าผลงานในระยะหลังก็เล่นแผ่วเอาดื้อๆซะงั้นสำหรับทีมชาติอังกฤษของ แกเร็ธ เซาธ์เกต โดยเฉพาะในรายการ เนชั่นส์ ลีก ที่พลพรรค " ทรี ไลออนส์ " จมเป็นอันดับบ๊วยของกลุ่ม เอ3 ด้วยผลงาน6นัด ไม่ชนะใครเลย ทำให้ต้องตกชั้นลงไปเล่น ลีก บี แทน
ผลงานที่รูดลงอย่างต่อเนื่องทั้งที่ เคยคว้าอันดับ4บอลโลก 2018 และรองแชมป์ยูโร 2020 คนที่ถูกตั้งคำถามไม่น้อยอยู่แล้วนั่นก็คือตัวของกุนซือ แกเร็ธ เซาธ์เกต ถูกปรามาสฝีมือพอสมควร ตั้งแต่ก่อนเข้ามารับตำแหน่ง เพราะนายใหญ่วัย49ปีรายนี้ ดูจะสับสนอลหม่านอยู่ไม่น้อย กับการคัดสรรเลือกตัวผู้เล่น
ซึ่งต้องยอมรับว่าทีมชาติอังกฤษ ณ วินาทีนี้ เต็มไปด้วยทรัพยากรตัวผู้เล่นให้เลือกใช้มากมาย แทบจะทุกตำแหน่ง ทั้งนักเตะจากเหล่าบรรดาทีมบิ๊กซิก หรือรวมไปจนถึงทีมกลางตารางไล่ไปจนถึงทีมเล็ก ล้วนมีนักเตะที่ฉายแสงออกมา
แต่ทว่า เซาธ์เกต เอง ก็เหมือนจะรีดศักยภาพ หรือใช้นักเตะมากความสามารถเหล่านี้ ได้ไม่เต็มที่ในยามที่ต้องสวมเครื่องแบบทีมชาติอังกฤษ หรืออาจจะรวมไปถึง วิธีการคิด หรือรูปแบบแท็กติกการเล่น ที่ดูเป็นการลดทอนศักยภาพและสไตล์นักเตะเลือดผู้ดีมากเกินไปหน่อย
อย่างไรก็ตามหากจะชี้นิ้วพุ่งเป้าไปที่ กุนซืออย่างเดียวก็คงไม่แฟร์นัก เพราะนักเตะตัวหลักหลายรายในยูโร 2020 ก็ฟอร์มเป๋ฟอร์มแผ่วไปดื้อๆเหมือนกัน โดยเฉพาะ2ผู้เล่นจากค่าย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่าง ลุค ชอว์ และ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ก็มีสถานะเป็นเพียงผู้เล่นตัวสำรองเท่านั้น
โดยเฉพาะ แม็คไกวร์ กองหลังจอมคอนเท้นต์ นอกจากจะเป็นสำรองแล้ว ยังสร้างคอนเทนต์ ก่อความวายป่วงอยู่ไม่เลิก เมื่อได้ลงสนาม ล่าสุดก็พึ่งทำเสียจุดโทษ เกมที่เสมอกับ เยอรมัน 3-3 ฝั่งของ คัลวิน ฟิลลิปส์ ที่นับตั้งแต่ย้ายไป แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็แทบไม่ได้ลงสนามแถมยังมีอาการบาดเจ็บรบกวนตลอดด้วย
แบ็กขวาเป็นอีกตำแหน่งที่จะแย่งกันอีรุงตังนัง ทั้ง ไคล วอล์คเกอร์ - รีซ เจมส์ - คีแรน ทริปเปียร์ และ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ ซึ่งแบ็กคนเก่งของลิเวอร์พูลรายนี้ ว่ากันว่าน่าจะเป็นตัวเลือกลำดับท้ายๆเลย โอเค แม้เกมรุกจะยังดูอันตราย แต่ทว่าเกมรับ TAA ยังแสดงความผิดพลาดแจกส้มให้คู่แข่งหลายหนในซีซั่น 2022-2023 นี้
ส่วนผู้เล่นที่ดูจะรักษามาตรฐานฟอร์มการเล่น ของตัวเอง ไว้เป็นอย่างดี เห็นทีจะเป็นตัวหลักที่อดีตกุนซือโบโร่ ชอบใช้งานเป็นทุนเดิมอยู่แล้วอย่าง แฮร์รี่ เคน - ราฮีม สเตอร์ลิง - เดแคลน ไรซ์ - จอร์แดน พิคฟอร์ด (ที่ตอนนี้มีอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่)
สำหรับผู้เล่นดาวรุ่งที่น่าจับตามองที่สุดของ ทัพ " ทรี ไลออนส์ " ในบอลโลกที่กาตาร์ คงหนีไม่พ้น เจ้าหนู จู๊ด เบลลิงแฮม ในวัย19ปี ที่ก้าวขึ้นมายึดตำแหน่ง11ตัวจริงในแผงมิดฟิลด์ได้แล้ว
ในบอลโลก2022นี้ ทีมชาติอังกฤษจัดให้เป็นทีมวางในกลุ่ม บี ซึ่งถือว่าเป็นกรุ๊ปที่ไม่หนักมาก ร่วมกับ เวลส์ - สหรัฐ อเมริกา และ อิหร่าน ถึงแม้จะดูหมูขนมกรุบแต่ก็ประมาท ทีมเหล่านี้ไม่ได้เช่นกัน เพราะผลงานระยะหลัง สิงโตเหมือนจะไม่คำรามเสียแล้ว
โปรแกรมบอลอังกฤษถี่ นักเตะล้า
เป็นสิ่งที่อยู่เป็นเหมือนประเพณีไปแล้วสำหรับฟุตบอลอังกฤษ ที่มีโปรแกรมเตะกันถี่ช่วงปีใหม่ 3นัดในรอบ7วัด ( แม้จะมีการปรับให้ใหม่ล่าสุด) -ของลูกหนังเมืองผู้ดี มีฟุตบอลถ้วยถึง 2รายการ นั่นก็คือ เอฟเอ คัพ และ คาราบาวคัพ
นักเตะบางรายเมื่อสโมสรเข้าไปรอบลึกๆทั้งบอลถ้วยในยุโรป และ บอลถ้วยภายในประเทศ พวกเขาจะต้องกรำศึกหนักทะลุ 60นัดต่อฤดูกาล ทั้งในนามทีมชาติและสโมสรได้เลย ตัวอย่างก็เช่นผู้เล่นจากทีมหงส์แดง อย่าง เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์
ลิเวอร์พูล ที่ได้ลุ้น4แชมป์ จนถึงนัดสุดท้าย แบ็กหมายเลข66 ต้องลงเล่นมากถึง 47นัดรวมทุกรายการ ในซีซั่น 2021-2022 ที่ผ่านมา หรือทางฝั่งเซลซี เมสัน เมาท์ ที่ต้องไปเล่นรายการ ฟีฟ่า คลับ เวิลด์ คัพ ก็ได้ลงบู๊ไปมากถึง53นัด
แม้กระทั้งทีมที่โรเตชั่น นักเตะบ่อยๆอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ฟิล โฟเด้น ที่อายุเพียง22ปี ต้องลงเล่นไปมากถึง45นัด ทีมลีกอื่นๆทั้ง บุนเดสลีก้า - กัลโช่ เซเรีย อา - ลาลีก้า รวมไปจนถึงลีก เอิง นักเตะในลีกประเทศเหล่านี้ ก็ลงฟาดแข้งเยอะเช่นกัน แต่ทว่าพวกเขามีเวลาพักเบรกหนีหนาวที่ยาวนานกว่า
เห็นได้ชัดที่สุด น่าจะเป็นเกม เนชั่นส์ ลีก ที่พวกเขาแพ้ให้กับ ฮังการี ยับเยิน 0-4 เมื่อวันที่ 4มิถุนายน ณ ตอนนั้น พรีเมียร์ลีกอังกฤษ พึ่งจะปิดฤดูกาลได้เพียงแค่ 13วันเท่านั้น หรือทีมอย่าง ลิเวอร์พูล ก็พึ่งจะฟาดแข้งนัดชิงชนะเลิศ ยูซีแอล เสร็จ วันที่ 28 พฤษภาคม
แกนหลักจากยูโร 2020 นัดกันฟอร์มตก
บอลยูโร2020 บนผืนแผ่นดินบ้านเกิดของพวกเขาเอง ภายใต้สโลแกน " Football Is Coming Home " ที่อังกฤษไปได้ไกลจนถึงตำแหน่งรองแชมป์ มีผู้เล่นหลายคนเลยทีเดียว ที่ฉายแสงฟอร์มเทพโดดเด่นไปจนถึงการติดทีมยอดเยี่ยมของ ทัวร์นาเมนต์
หนึ่งในนั้นก็คือ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ เวอร์ชั่นร่างทอง โดยก่อนมายูโร2020 กองหลังหัวแตงโม มีอาการเดี้ยงมาก่อน ช่วงแรกเป็น ไทรอน มิงส์ ที่ได้โอกาสลงสนาม
ก่อนที่ แม็คไกวร์ จะผ่านความฟิตมาลงสนามมาช่วยทีมได้ในเกมที่ 3 ดวลจับ สาธาณรัฐ เช็ก หลังจากนั้นก็ครองตำแหน่งตัวจริงไปยาวๆ จนถึงนัดชิง
เซ็นเตอร์กัปตันทีมปีศาจแดง ติดทีมยอดเยี่ยมของทัวร์นาเม้นต์ดังกล่าว พร้อมเติมมาโขกได้1ตุง ในเกมรอบ8ทีมกับ ยูเครน แต่ทว่าสถานะของ แม็คไกวร์ ตอนนี้ไม่ดีเอาเสียเลย ทั้งสูญเสียตำแห่งตัวจริงในสโมสร และเมื่อได้ลงสนามก็ก่อความผิดพลาดแบบเข้าตากรรมการ จ่ายบอลพลาด แล้วไปหวด ไค ฮาแวร์ตช์ จนทีมเสียจุดโทษ
อีกคนที่ฟอร์มแผ่วลงไปตามอายุนั่นก็คือ ไคล วอล์คเกอร์ ที่ติดทีมยอดเยี่ยม ในยูโร2020 เช่นกัน ด้วยวัย32ปี แม้จะยังแข็งแกร่ง แต่ด้วยสปีดความเร็วการพลิกตัวต่างๆ ดูจะดร็อปลงไปตามกาลเวลา อย่างเช่นในเกมแพ้ อิตาลี 0-1 ที่ประกบห่างจนโดน จาโคโม่ ราสปาโดรี่ พลิกไปยิงดื้อๆ
ลุค ชอว์ เป็นอีกรายที่ เด่นในยูโร 2020 แต่ก็มีผลงานที่รั่วไหลมากๆ ในฤดูกาล 2021-2022 ที่ผ่านมา จนโดนเจ้าหนู ไทเรลล์ มาลาเซีย แย่งตำแห่งตัวจริงแบ็กซ้ายในสโมสรไป ในซีซั่นปัจจุบัน 2022-2023
ยังไม่นับรวมบรรดาตัวรุกอย่าง เมสัน เมาท์ ที่ฤดูกาลใหม่ 8นัดรวมทุกรายการ ยังไม่มี ประตู หรือแอสซิสต์ มาฝากแฟนบอลทีมสิงห์บูลส์เลย
รวมไปจนถึง บูกาโย่ ซาก้า ที่แม้แนวรุกทีมปืนใหญ่ จะร้อนแรง แต่เจ้าตัว ดูจะอันตรายน้อยลงไปมากๆ เมื่อเทียบกับแนวหน่วยล่าสังหารของอาร์เซน่อลรายอื่นๆ อย่าง กาเบรียล เซซุส - กาเบรียล มาร์ติเนลลี่ และ มาร์ติน โอเดการ์ด
ผู้เล่นหน้าใหม่ ยังพิสูจน์ตัวเองไม่ได้ (และโอกาสน้อย)
ขึ้นชื่อว่าเป็นยุคนี้ มีผู้เล่นนักเตะเลือดผู้ดีหน้าใหม่ให้กุนซือ แกเร็ธ เซาธ์เกต เลือกใช้ปรับทดลองได้มากมายตามแท็กติกอยู่แล้ว แต่ทว่าส่วนมากก็ดูจะไม่เวิร์คเท่าไหร่นัก เมื่อหยิบจับเลือกใช้ในนามทีมชาติ ทั้งแข้งวัยเก๋า และแข้งวัยละอ่อนที่ทะลุขึ้นมา
เจมส์ วอร์ค พราวส์ - อีวาน โทนี่ย์ - จาร็อด โบเว่น ที่ได้โอกาสน้อยไปนิด และแทบไม่ได้โอกาสเลย ทั้งที่ความเป็น รายการเนชั่นส์ ลีก ที่ไม่ได้มีผลอะไร แกเร็ธ เซาธ์เกต ยังไม่กล้าปรับเปลี่ยนทดลองทีมรูปแบบใหม่ๆ
อาจจะด้วยเพราะยังไม่เชื่อมั่นในนักเตะกลุ่มใหม่ๆ หรือเพราะยึดติดกับนักเตะชุดเดิมๆมากเกินไป ฟุตบอลสมัยนี้ที่ก้าวไปข้างหน้าเสมอ หากไม่ปรับเปลี่ยนอะไร ผลลัพธ์ก็เป็นออกมาอย่างที่เห็นใน เนชั่นส์ ลีก ที่ 6นัด แพ้ไปถึง4 เสมอ2 ไม่ชนะใครเลย
แทมมี่ อับราฮีม ที่ยิงระเบิดกับโรม่า แต่ทว่าในนามทีมชาติ ตลอดปี2022ที่ผ่านมา ดาวยิงวัย24ปีรายนี้ ได้ลงเล่นให้อังกฤษเพียงแค่1นัดเท่านั้น
การเชื่อใจนักเตะกลุ่มเดิมๆ ง่ายๆ ก็จาก เคสของ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ที่กลายเป็นกองหลังจอมเฟอะฟะเต็มรูปแบบแต่ทว่า เซาธ์เก็ต ก็ยังคงปกป้องและเชื่อใจเสมอ
ทั้งที่อังกฤษเอง มีผู้เล่นในตำแหน่งเซ็นเตอร์ ที่ผุดขึ้นมาใหม่ให้ลองใช้อย่าง มาร์ค เกฮี หรือ ฟิคาโย่ โทโมริ ที่กลายเป็นตัวหลักของ เอซี มิลาน
ผู้เล่นดาวรุ่งที่ก้าวขึ้นมาเป็นตัวหลักให้กับทีมได้ เห็นทีจะมีเพียงแค่ จู๊ด เบลลิงแฮม เพียงแค่รายเดียว เพราะ2ปีที่ผ่านมา เจ้าหนูจากค่ายเสือเหลืองรายนี้ ลงเล่นให้ทัพสิงโตคำรามมากถึง 16นัดด้วยกัน
แท็กติก และรูปแบบการเล่น การตัดสินใจของ เซาธ์เกต
แม้ว่าจะเป็นทีมชาติอังกฤษ ที่เล่นสไตล์ค่อนข้างน่าเบื่อเน้นปลอดภัยไว้ก่อน ทว่าก็เป็นขุนพลสิงโตครามที่ผลงานได้เนื้อได้น้ำสุดๆเช่นกัน ทั้งอันดับ 4ฟุตบอลโลก2018 และรองแชมป์ยูโร 2020 แต่หลายคนก็ตั้งคำถามว่าด้วยศักยภาพทีม ขุมกำลังนักเตะอังกฤษ ควรที่จะไปไกลและก้าวข้ามจากคำว่าแค่เกือบได้หรือไม่
ทีมในพรีเมียร์ลีก ก็ขึ้นชื่ออยู่แล้วในเรื่องของการเน้นเกมรุก บอลเร็ว แต่ก็ยังมีทีมส่วนน้อย (ครึ่งล่างของตาราง) ที่ยังเล่นในสไตล์ค่อนข้างโบราณ เน้นบอลไดเร็ค ปลอดภัยไว้ก่อน ซึ่งอังกฤษภายใต้อุ้งมือของ เซาธ์เกต เป็นอย่างหลัง
อังกฤษ ณ คศ. นี้ ไม่ใช่แบบในยุคของ สเวน โกรัน อิริคสัน ที่เน้นบุกแหลก แต่ว่าเป็นประเภทที่ เล่นด้วยความรัดกุม ไม่ได้เน้นการครองบอลมาก ซึ่งมันเหมือนเป็นการลดทอน ประสิทธิภาพของนักเตะพวกเขาเอง
บ่อยครั้งที่ทีมแชมป์โลก1สมัย เจอคู่แข่งในพิกัดใกล้เคียงกัน เซาธ์เกต จะเลือกแผนระบบหลัง3 เน้นบอลไดเร็ค หรือสวนกลับเล่นงานคู่ต่อสู้ ส่วนการจัดตัวบางแมตช์ก็ดูจะมีอาการพ่อไม่เข้าใจตุ้มเหมือนกัน ทั้งการจับ บูกาโย่ ซาก้า ไปเล่นวิงแบ็ก
หรือจะในยูโร2020 บางนัด ทั้งที่มีแบ็กซ้าธรรมชาติอย่าง เบน ชิเวลล์ และ ลุค ชอว์ นัดแรก แกเร็ธ เซาธ์เกต กลับเลือกใช้บริการ คีแรน ทริปเปียร์ ที่ถนัดแบ็กขวาปรับมายืนเป็นแบ็กซ้ายดื้อๆ
ในนัดชิงยูโร2020 น่าเสียดายเหมือนกันในช่วงต่อเวลาพิเศษ120นาที ผู้เล่นอิตาลีที่ดูจะหมดแรงแล้ว แต่ทว่า นายใหญ่วัย49ปี ไม่ได้สั่งให้ลูกทีมโหมบุก หรือเผด็จศึกในช่วงเวลาดังกล่าวเลย เลือกไปลุ้นการดวลจุดโทษแทน
ซึ่งการดวลเป้า ที่มีโทรฟี่แชมป์ เป็นเดิมพัน อดีตกุนซือมิดเดิ้ลสโบรช์ กลับเลือกให้นักเตะวัยละอ่อน อย่าง บูกาโย่ ซาก้า เป็นคนสังหารคนสุดท้าย แถมตัวที่ตั้งเป้าหมายมือจะส่งลงมาช่วงต่อเวลาพิเศษ 120นาที เพื่อสังหารจุดโทษโดยเฉพาะกลับพลาดกันแพ็กคู่ทั้ง มาร์คัส แรชฟอร์ด และ เจดอน ซานโช่
ความคาดหวัง และ ฝีมือที่แท้จริงของ เซาธ์เกต
ปฎิเสธไม่ได้ว่าการไปได้ไกลถึงอันดับ4 ในฟุตบอลโลก2018 และรองแชมป์ยูโร 2020 นี่คือสิ่งที่ทำให้สาวกสิงโตคำราม คาดหวังกับทีมชุดนี้อยู่ไม่น้อย ซึ่งก็เป็นเหมือนดาบสองคมเหมือนกัน
สื่ออังกฤษที่ขึ้นชื่ออยู่แล้วในเรื่องของความแสบสันต์ เวลาผลงานดีก็ชื่นชม ยกยอปอปั้นอวยแหลก แต่ทว่าเมื่อฟอร์มออกอ่าวออกทะเลไม่กลับฝั่งสักที พวกเขาก็พร้อมจะวิจารณ์จวกยับทีมแบบไม่มีชิ้นดีเหมือนกัน
กระแสปลด เซาธ์เกต มีมาเรื่อยๆหลังตกชั้น เนชั่นส์ ลีก ส่วนนักเตะอย่าง แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ก็มีรีแอคจากแฟนบอลโห่ อยู่เป็นระยะๆเช่นกัน กับผลงานที่ห่วยมาตลอดแต่ทว่ายังติดทีม และได้ลงสนามเป็นตัวจริง
มีหลายสื่อได้วิเคราะห์กันไปถึงว่าที่ ผู้จัดการทีมคนใหม่ทีมชาติอังกฤษหลังจบบอลโลก 2022 ไปเสียแล้ว และมีการคาดคะเนไปต่างๆนาๆว่า ขุนพลนักเตะเลือดผู้ดีชุดนี้ อาจไปถึงฝั่งฝันได้สำเร็จ หากอยู่ภายใต้กุนซือฝีฝือระดับอ๋องกว่านี้ อย่างเช่น โธมัส ทูเคิ่ล เป็นต้น (แต่ก็เป็นเรื่องยากที่ เอฟเอ จะแต่งตั้งคนเยอรมัน มาเป็นโค้ชทีมชาติอังกฤษ)
เซาธ์เกต ในสมัยที่เป็นนายใหญ่มิดเดิ้ลสโบรช์ พาทีมสิงห์แดง คว้าชัยได้เพียง 29.8 % เท่านั้น ก่อนถูกไล่ออกจากตำแหน่งไปในปี 2009
ซึ่งสุดท้ายแล้วจะอยู่หรือจะไปผลงานใน เนเชั่นส์ ลีก ไม่น่าจะมีผลอะไร แต่หากว่าอังกฤษ เดินทางไปไม่ถึงถึงรอบ8ทีมในบอลโลก 2022 ชะตาของเซาธ์เกตน่าจะขาดสะบั้นทันที
- คอลัมน์นิสต์
- 892
- 30 ก.ย. 2565 15:44