เซลซี ฆาตกรรมโหด ! เปิดบ้านถล่มยับ นอริช 7-0 เมาท์ ซัดแฮตทริก
สยดสยองและโหดเหี้ยมสุดๆจริงๆสำหรับ ศึกพรีเมียร์ลีกคู่แรกของ คืนวันเสาร์ที่ 23ตุลาคมที่ผ่านมา ระหว่างเจ้าบ้านเซลซี กับ ผู้มาเยือนตัวเต็งตกชั้นอันดับหนึ่งอย่าง นอริช ซิตี้ และผลก็จบลงด้วยชัยชนะแบบขาดลอยของเซลซี 7-0 พร้อมการโชว์หล่อทำแฮตทริก ของ เมสัน เมาท์
เซลซี ลงเล่นโปรแกรมพรีเมียร์ลีกประจำฤดูกาล 2021-2022 นัดที่9 ที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ก่อนเกมพลพรรคสิงห์บูลส์มีปัญหากับการจัดทัพในแดนหน้าอยู่ไม่น้อย เมื่อ2ดาวยิงของทีมอย่าง โรเมลู ลูกากู และ ติโม แวร์เนอร์ ถูกอาการเดี้ยงเล่นงานทั้งคู่ หมดสิทธิลงเล่นเกมนี้
นั่นทำให้ตัวกุนซืออย่าง โธมัส ทูเคิ่ล ต้องปรับทัพผู้เล่นในแดนหน้าพอสมควร ทำให้ผู้เล่นอย่าง คัลลัม อัดสัน โอดอย ได้รับโอกาสออกสตาร์ทเป็นตัวจริง รวมไปจนถึง ไค ฮาแวร์ตช์ ที่ได้ลงเล่นในตำแหน่งกองหน้าตัวเป้า แดนดาวยิงชาวเบลเยี่ยมและเยอรมัน
เมื่อเสียงนกหวีดจากผู้ตัดสินเป่าเริ่มเกม ก็เป็นเกมของเซลซี แบบวันเดย์ทันทีเจ้าบ้านเหนือกว่า ทีมนกขมิ้นอย่างหมดจดไร้ที่ติ จนมาได้ประตูออกนำ 1-0 และ 2-0 เพียงแค่ 18 นาทีแรก จาก เมสัน เมาท์ และ คัลลัม ฮัดสัน โอดอย ก่อนที่จะมาได้ลูก 3-0 ช่วงท้ายครึ่งแรกจาก รีซ เจมส์
45นาทีหลังลูกทีมของ ดาเนี่ยล ฟาร์เก้ ก็ยังคงไม่ฟื้นและเมาหมัด โดนชกหลังพิงเชือกอย่างต่อเนื่อง และโดนทีมเจ้าบ้านกดเพิ่มอีก4ดอกเน้นๆ พร้อมการทำ แฮตทริกของ เมสัน เมาท์ รวมไปจนถึง นอริช เอง ต้องมาเล่นเพียงแค่10คน ตั้งแต่นาทีที่ 65 เมื่อ เบน กิ๊บสัน เจอใบเหลือง-แดง
ทีมสิงห์น้ำเงินที่ปราศจากศูนย์หน้าโดยธรรมชาติอย่าง ลูกากู และ แวร์เนอร์ ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อระบบการเล่นของทีมแต่อย่างใด แถมการทำประตูของเซลซี ยังโหดเหี้ยมกว่าเดิมด้วยซ้ำ เมื่อสามารถส่งบอลไปซุกก้นตาข่ายผ่าน ทิม ครูล ได้ถึง7เม็ด
นอกจากวิงแบ็กซ้าย-ขวา ที่โดดเด่นสุดๆในยุคของ โธมัส ทูเคิ่ล แล้ว เมื่อทั้ง เบน ชิเวลล์ และ รีซ เจมส์ ต่างก็ทำประตูได้ในเกมดังกล่าว ผู้เล่นที่ไม่ถูกพูดถึงก็คงไม่ได้ เพราะโชว์ฟอร์มฉายแสงเป็นสตาร์ของทีม อย่าง เมสัน เมาท์ ที่กดแฮตทริกแรกให้กับทีมได้เป็นหนแรกในอาชีพการค้าแข้งได้สำเร็จ คว้าลูกบอลกลับไปนอนกอดที่บ้านหลังจบเกม
ส่วนผู้แพ้อย่าง นอริช ซิตี้ ก็ขอบอกตรงๆเลยว่า นี่คือราศีของ ทีมที่จะตกชั้นร่วงหล่นลงจากพรีเมียร์ลีกสุดๆ เพราะอ่อนปวกเปียกทุกตำแหน่ง ตั้งแต่หลังยันหน้า
และผลงานแต่ละนัดที่ผ่านมา ยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นแต่อย่างใด ผ่านมา9นัดในพรีเมียร์ลีก พวกเขายังไร้ชัย จมบ๊วย มีอยู่เพียงแค่2แต้ม เรียกได้ว่าจองศาลากลับไปเล่นใน ลีก เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ลางๆแล้วจริงๆ
เมสัน เมาท์ กับแฮตทริก ครั้งแรกในอาชีพการค้าแข้ง
จะว่าไปซีซั่นใหม่ 2021-2022 นี้ ก็ไม่ใช่การเริ่มฤดูกาลที่ดีนักของ เมสัน เมาท์ เนื่องจากดาวเตะหน้าหล่อรายนี้ ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในเกมพรีเมียร์ลีก เพียงแค่4นัดเท่านั้น (ไม่รวมเกมกับ นอริช) แถมในซีซั่นนี้ เมาท์ ก็ยังไม่สามารถลั่นตาข่ายให้กับทีมได้อีกด้วย
การได้ออกสตาร์ทเป็น11ตัวจริงในเกมฟัดกับทีมนกขมิ้นสีเหลือง ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีสำหรับแข้งวัย22ปีรายนี้ จะได้พิสูจน์ฝีเท้าตัวเอง และผลลัพธ์หลังสิ้นเสียงนกหวีดยาวเกมดังกล่าว เมาท์ ก็ใช้โอกาสที่ได้รับนั้นอย่างคุ้มค่าสุดๆ
เมาท์ เป็นผู้ปลดล็อคทำประตูแรกให้กับ เซลซี และประตูแรกของตัวเองในฤดูกาลนี้ ในนาทีที่ 8 เมื่อเจ้าตัวตั้งป้อมหวดบอลจากลูกจ่ายของ จอร์จินโญ่ เข้าไปเสียบมุมอย่างสวยงาม จนสุดท้ายมากดแฮตทริกได้สำเร็จ
โดยนอกจากนี้ เมสัน เมาท์ ยังมีชื่อเป็นผู้ทำแอสซิสต์ ให้กับทีมได้อีกด้วยเมื่อจ่ายบอลให้ รีซ เจมส์ หลุดไปยิงมุมแคบยกบอลผ่านตัว ทิม ครูล อย่างสวยงาม
แต่ทว่าก็โชคดีไม่น้อยสำหรับ เมสัน เมาท์ ที่ได้โอกาสสังหารจุดโทษใหม่ในเกม หลังครั้งแรกยิงไปติดเซฟ ทิม ครูล แต่ผู้ตัดสินมองว่าโกลชาวฮอลแลนด์รายนี้ ก้าวขาสองข้างออกมาจากเส้นก่อน
ในเรื่องของสถิตตัวเลขหลังเกมของ เมาท์ ก็โดดเด่นไม่น้อย มีโอกาสยิง5ครั้ง - สร้างสรรค์โอกาสให้เพื่อน3หน - พาบอลเข้าไปในพื้นที่สุดท้าย3 ครั้ง - สัมผัสบอลในเขตโทษคู่แข่ง 4หน
ฟอร์มที่โดดเด่นดังกล่าวนี้ การทำแฮตทริกแรกในชีวิต รวมถึงการเบิกสกอร์แรกในฤดูกาล น่าจะทำให้โมเมนตัม ความมั่นใจ เหวี่ยงกับมาอยู่กับ เมาท์ อยู่ไม่น้อย
ฟูลแบ็กกลับมาเป็นจุดเด่นของ เซลซี อีกครั้งในยุคทูเคิ่ล
ในยุคของ2ผู้จัดการทีมล่าสุดอย่าง เมาริซิโอ ซาร์รี่ และ แฟร้งค์ แลมพาร์ด ที่นิยมเล่นแบบแผงแบ็กโฟร์เป็นหลัก เราจึงไม่ได้เห็นการเล่นในรูปแบบวิงแบ็กอีกเลย จนกระทั่งมาในยุคของ โธมัส ทูเคิ่ล ที่กลับมาเล่นในระบบ3เซ็นเตอร์ และมีวิงแบ็กขึ้นลงอีกครั้ง
เกมกับ นอริช ซิตี้ เป็นการบ่งบอกอาวุธในเกมรุกของวิงแบ็กเซลซีอย่างดี เมื่อทั้ง รีซ เจมส์ และ เบน ชิเวลล์ สามารถสอดขึ้นมาทำประตูได้ทั้งคู่ และยังพาทีมเก็บคลีนชีตได้อีกด้วย
รีซ เจมส์ ในเรื่องของเกมรับ แข้งชาวอังกฤษรายนี้ดุดันแข็งแกร่งอยู่แล้ว ยากแก่แนวรุกฝั่งตรงข้ามจะทะลวงผ่านไปได้ จังหวะการเบียดการปะทะด้วยรูปร่างที่หนา ทำให้เจ้าตัวบังบอลได้เปรียบคู่แข่งอยู่บ่อยๆ
ส่วนจังหวะหลุดไปตักบอลผ่าน ครูล นั้นก็เยือกเย็นและนิ่งสุดๆ ถึงแม้นายด่านชาวฮอลแลนด์ จะรีบออกมาปิดมุมเร็วสุดๆแล้วก็ตาม
ส่วน เบน ชิเวลล์ ที่ช่วงต้นฤดูกาลโดนดองยาวจากความมั่นใจที่หดหายไปหลังกลับมาจากยูโร2020 ด้วยการเป็นตัวสำรอง ของ ลุค ชอว์ และไม่ได้เล่นเลยแม้แต่นาทีเดียว แถมช่วงออกสตาร์ทซีซั่นใหม่ก็เป็น มาร์กอส อลอนโซ่ ที่จองสัมปทานตัวจริงไปอย่างต่อเนื่อง
เกมนี้ ชิเวลล์ เกือบก่อความผิดพลาด เมื่อส่งบอลคืนหลังไม่ดี โดนผู้เล่น นอริช อย่าง มิรอส ราชิช่าฉกไปดวลเดี่ยวๆกับ เมนดี้ แต่ทว่าโกลเซเนกัลรายนี้ก็ป้องกันได้อย่างยอดเยี่ยม
แต่ทว่าอย่างไรก็ตามภาพรวมของ ชิเวลล์ เมื่อคืนนั้นยอดเยี่ยมมาก ในเรื่องของการสร้างเกมรุก เพราะซัดไปได้1ประตู จากลูกกดด้วยซ้ายสุดสวย และนี่ทำเป็นเล่นไป 3นัดที่ได้ลงสนามในพรีเมียร์ลีก อดีตแบ็กเลสเตอร์รายนี้ ซัดประตูได้ทุกนัดเข้าให้แล้ว (3ลูก)
ในพรีเมียร์ลีกวิงแบ็กของเซลซี คือตำแหน่งที่ สลับกันลงได้อย่างสนุกสนานผลงานแทบไม่ต่างกันไม่ว่าจะเป็น เบน ชิเวลล์ (3ประตู) - รีซ เจมส์ (2ประตู 2แอสซิสต์) - มาร์กอส อลอนโซ่ (1ประตู 1แอสซิสต์) และ เซซาร์ อัซปิลิกวยต้า (2แอสซิสต์)
ความสมดุลของทีมเซลซี
ก่อนเกมแฟนบอลสิงห์น้ำเงินน่าจะมีความกังวลเล็กๆน้อยสำหรับ การปราศจากกองหน้าอาชีพไปพร้อมๆกันถึง2คนอย่าง โรเมลู ลูกากู รวมถึง ติโม แวร์เนอร์ ทำให้ ไค ฮาแวร์ตช์ ได้รับโอกาสออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในตำแหน่งหน้าเป้า
ด้วยคุณภาพที่หลากหลายของเซลซี ระบบที่เซ็ตมาเป็นอย่างดี ทำให้เมื่อนำผู้เล่นคนไหนหย่อนลงมาก็แทบจะไม่เห็นความแตกต่างที่มากนัก (รวมถึงคุณภาพทีมนอริช ที่ต่ำมากๆด้วย) เราจึงได้เห็นการ โรเตชั่น นักเตะจากเซลซีแทบจะทุกๆนัด
จุดเด่นของทีมสิงห์บูลส์อีกอย่างหนึ่งในฤดูกาลนี้ก็คือ ผู้เล่นทุกคนเมื่อได้รับโอกาสลงสนามแล้ว พวกเขาก็สามารถโชว์ผลงานได้เข้าตาน่าประทับใจแทบทุกราย อย่างเช่นเกมเมื่อคืน เมสัน เมาท์ และ คัลลัม อัดสัน โอดอย ที่ระยะหลังไม่ค่อยได้รับโอกาสในพรีเมียร์ลีก ก็สามารถทำประตูและ แอสซิสต์ ได้ทั้งคู่
เชื่อหรือไม่ว่าผ่านถึงมาเพียงแค่ปลายเดือนตุลาคม ผู้เล่นของเซลซี สามารถทำประตูได้มากถึง17คนด้วยกัน หรือถ้าจะนับในพรีเมียร์ลีก 9นัด สิงห์บูลส์มีนักเตะที่ทำประตูได้ไม่ซ้ำหน้าถึง 14รายด้วยกัน นั่นก็บ่งบอกได้ถึงความหลากหลายในเกมรุกได้เป็นอย่างดี
ส่วนดาวซัลโวของทีมรวมทุกรายการนั่นก็คือ " พี่ตู้ " โรเมลู ลูกากู ที่ซัดไปได้เพียงแค่4ประตูเท่านั้น รองลงมาเป็น เบน ชิเวลล์ และ เมสัน เมาท์ ที่ซัดได้เท่ากันที่3ประตู
สิ่งที่น่ากังวลเดียวเกมเมื่อคืนคือ ฮาแวร์ตช์
เมื่อคืนผู้เล่นเซลซีในสนามเกือบทุกคนโชว์ฟอร์มได้ดีแทบทุกราย ถ้าตีเลขเป็นคะแนนก็คงระดับอย่างต่ำ 7เต็ม10 แต่มีผู้เล่นหนึ่งคนที่โชว์ผลงานได้ค่อนข้างหน้าผิดหวังนั่นก็คือ ไค ฮาแวร์ตช์ ที่ได้ลงเล่นในตำแหน่งหน้าเป้า
หลังจากซัดประตูชัยพาทีมคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลที่ผ่านมา กราฟชีวิตของเจ้าตัวก็เหมือนจะพุ่งขึ้นอีกครั้งทั้งกับทีมชาติเยอรมัน ที่แม้จะไปไม่ได้ไกลในยูโร2020 แต่ผลงานส่วนตัวของ ฮาแวร์ตช์ นั้นไม่ได้เลวร้ายเลย
ส่วนในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ ก่อนเกมกับ นอริช วันเดอร์คิดชาวเยอรมันรายนี้ ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงไป4นัด และหลุดไปเป็นตัวสำรองมาโดยตลอด ครั้งสุดท้ายที่ได้ลงเล่นไปตัวจริงพรีเมียร์ลีกต้องย้อนไปไกลถึงช่วงเดือน กันยายน เกมกับ สเปอร์สเลยทีเดียว
แม้จะได้เล่นในตำแหน่งหน้าเป้าในเกมกับนกขมิ้นเหลืองอ่อน แต่ ฮาแวร์ตช์ ไม่ได้ใกล้เคียงกับการส่องประตูหนึ่งในทีมที่แย่ในพรีเมียร์ลีกตอนนี้เลย จังหวะการวิ่ง การหาช่อง รวมถึงความแข็งแกร่ง คือสิ่งที่เป็นปัญหาสำหรับเจ้าตัวในนัดนี้
ภาษากายของแข้งวัย22ปีรายนี้ดูไม่ฟิตเป็นอย่างมาก ทั้งที่เจอกับทีมบ๊วยของตาราง ฮาแวร์ตช์ กลับหาโอกาสยิงประตูได้เพียง2ครั้ง (แถมไม่มีใกล้เคียงเลย) เจอกับนอริชที่กองหลังหมูตู้แท้ๆ แต่ทว่าเจ้าตัวกลับเสียการครอบครองบอลไปมากถึง10ครั้งด้วยกัน ก่อนจะถูกถอดออกจากสนามให้ รอส บาร์คลี่ย์ มาเล่นแทน น.69
ฤดูกาลใหม่ 2021-2022 ไค ฮาแวร์ตช์ พึ่งจะทำผลงานไปได้เพียงแค่ 1ประตู 1แอสซิสต์ เกมคาราบาวคัพในกลางสัปดาห์หน้ากับเซาธ์แฮมป์ตัน เจ้าตัวจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเรียกความมั่นใจกลับมาให้ได้ ด้วยการมีประตูหรือ แอสซิสต์ อีกครั้ง
นอริช จองตั๋วกลับ เดอะ แชมเปี้ยนชิพ ได้เลย
ไม่รู้ว่าบ่อนพนันถูกกฎหมายที่อังกฤษ ปิดรับแทงราคาที่ นอริช ซิตี้ จะตกชั้นกลับไปเล่น เดอะ แชมเปี้ยน ชิพ หรือยัง เพราะผลงาน ภาษากายของทีมนกขมิ้นเหลืองอ่อนนั้น ออกราศี (ราคี) ทีมตกชั้นสุดๆ
หน้าทื่อ กองหลังเสียประตูง่าย แดนกลางขาดความสมดุล รวมไปจนถึงนักเตะชุดปัจจุบันของทีมที่ดูชื่อแล้ว แทบจะไมได้คุ้นเสียงเรียงนามกันเท่าไหร่ แม้ว่า2นัดที่ผ่านมา ลูกทีมของ ดาเนี่ยล ฟาร์เก้ จะมีฮึดเล็กๆเก็บได้2แต้ม ด้วยการเสมอกับ ไบร์ทตัน และ เบิร์นลี่ย์ สกอร์เดียวกัน 0-0
จะว่าไปเมื่อคืนทัพ " เดอะ การ์นารี่ส์ " ก็มีโอกาสในการส่องประตูเซลซีเหมือนกัน แต่ทว่า มิรอส ราชิช่า พลาดโอกาสทองหลุดเดียวไปซัดไม่ผ่าน เมนดี้ นั่นคือโอกาสที่ใกล้เคียงสุดๆหนเดียวของผู้มาเยือน
9นัดแรก นอริช มีเพียงแค่ 2แต้ม ยังไม่ชนะใคร เสียไปถึง23ลูก หรือถ้าจะย้อนสถิติไปให้ดูเลวร้ายกว่านั้น ต้องนับรวมไปตั้งแต่ฤดูกาล 2019-2020 ที่พวกเขายังโลดแล่นในพรีเมียร์ลีก
ก่อนตกชั้นในฤดูกาลดังกล่าว นอริช เอาชนะใครในพรีเมียร์ลีกไม่ได้มาแล้ว 19นัดติดต่อกัน แบ่งเป็นแพ้17 เสมอ2 โดย10นัดสุดท้ายในพรีเมียร์ลีก 2019-2020 พวกเขาแพ้ไป10นัดรวดเลยทีเดียว
การขาด เอมิเลียโน่ บูเอ็นเดีย ทำให้นอริช ไร้มิติไอเดียในเกมรุกมากๆ ทว่าจะให้หวังพึ่งแค่ ติโม ปุ๊กกี้ อย่างเดียวก็เห็นทีจะไม่ได้ โดยหอกชาวฟินแลนด์ รายนี้พึ่งกดไป2ประตูเท่านั้น
และที่ตลกร้ายสุดๆนั่นก็คือ 2ประตูของ ปุ๊กกี้ คือประตูทั้งหมดของ นอริช ที่ทำได้ในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้น นอริช คืออีกหนึ่งทีมตัวเต็งที่จะตกชั้นลงไปเล่น เดอะ แชมเปี้ยนชิพ อีกหน แบบสบายๆ ไม่มีหือมีอือ หรือแสดงอาการอยากอยู่รอดใดๆ
- คอลัมน์นิสต์
- 535
- 24 ต.ค. 2564 14:24