ยูโรจ๋า โด้ ลาก่อน ! เบลเยี่ยม เฉือน โปรตุเกส 1-0 น้องอาซาร์ ซัดคมกริบ
กว่าจะทะลุผ่านเข้ารอบ8ทีมสุดท้ายได้ เรียกว่าสะบักสะบอมพอสมควรเลยทีเดียวสำหรับ เบลเยี่ยม ของ โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ เมื่อเฉือนเอาชนะแชมป์เก่าอย่างโปรตุเกสไปได้แบบหืดจับ 1-0 ซึ่งรูปเกมโดยรวม ต้องบอกเลยว่าเป็นอะไรที่สูสีมากๆ เป็นทางฝั่งทีมขนมฝอยทองที่มีโอกาสครองบอลและบุกมากกว่าด้วยซ้ำ แต่ความเฉียบคมในการจบสกอร์ นี่คือสิ่งที่ติดสินผลแพ้ชนะเมื่อคืนนี้
ธอร์กาน อาซาร์ ดาวเตะจากโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ ซัดไกล20หลาสุดสวยผ่าน รุยซ์ ปาตริซิโอ เข้าไปเสียบตาข่าย น.42 นี่คือประตูเดียวที่ชี้ขาดผลการแข่งขันที่สนาม ลา การ์ตูฆา เมื่อคืน ซึ่งก่อนเกมเชื่อว่า แฟนคอลูกหนังคงหวังที่จะเห็นเกมระดับ5ดาว บู๊แอคชั่น แต่ทว่ากว่าจะเห็นเกมในรูปแบบนั้นต้องรอถึง45นาทีหลังเลยทีเดียว
โปรตุเกส ที่หาโอกาสจบสกอร์ได้ถึง 18 ครั้ง (เข้ากรอบ6ครั้ง) ไม่เด็ดขาดมากพอที่จะส่งบอลไปกองตรงก้นตาข่ายได้ โดยเฉพาะในรายของ ดิโอโก้ โชต้า ที่ใช้โอกาสสิ้นเปลืองมากๆ ความคมกริบเป็นใบมีดโกน ของเจ้าตัวเหมือนตอนเล่นให้ลิเวอร์พูลไม่รู้ทำหล่นหายทิ้งไปไหน
ส่วนผู้เล่นเกมรุกของทัพฝอยทองอีกคน อย่าง แบร์นาร์โด้ ซิลวา ต้องบอกได้เลยว่า ดาวเตะจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้ รายนี้โชว์ฟอร์มได้น่าผิดหวังสุดๆเพราะแทบจะหายไปจากเกม และถูกเปลี่ยนตัวออกให้ บรูโน่ แฟร์นันเดซ มาเล่นแทน น.55 ส่วนประตูที่โปรตุเกสเสียไป ส่วนหนึ่งต้องให้เครดิตกับคนยิง ธอร์กาน อาซาร์ แต่ทว่าเมื่อดูจากวิถีบอล แล้ว ต้องโทษ ปาตริซิโอ ที่ยืนตำแหน่งผิดจนทำให้ไม่สามารถเซฟได้
ด้านผู้ชนะเบลเยี่ยม หลังจากที่ได้ประตูขึ้นนำใน 45นาทีแรก ครึ่งหลังลูกทีมของ โรแบร์โต้ มาติเนซ เน้นเกมรับแล้วรอจังหวะฉาบฉวยสวนกลับอย่างเดียว แต่ทว่าแนวรุกของทีมปีศาจแดงแห่งยุโรปก็ดูตื้อๆตันๆไปไม่น้อย เมื่อเพลย์เมคเกอร์ตัวความหวังสูงสุดของทีมอย่าง เควิน เดอ บรอยน์ ได้รับบาดเจ็บ ในช่วงต้นครึ่งหลัง จนถูกเปลี่ยนตัวออกให้ ดีรส์ เมอร์เเท่นส์ ลงมาปั่นป่วนแทน
เกมรับนี่คือปัจจัยสำคัญสำหรับเกมเมื่อคืนที่ทำให้เบลเยี่ยม กรุยทางเข้าไปเล่นรอบ8ทีมได้ โธมัส แฟร์มาเล่น ถึงแม้จะวัยล่วงเลยไป35ปีแล้ว แต่อดีตกองหลังอาร์เซน่อลรายนี้ ก็นิ่งและสุขุมเยือกเย็นพอที่จะรับมือกับการโจมตีจากทางภาคพื้นอากาศของโปรตุเกส รวมไปจนถึงจอมหนึบจาก เรอัล มาดริด อย่าง ติโบต์ กูร์กตัวส์ ที่ออกมาคว้าบอลตัดบอลลูกกลางอากาศได้อย่างยอดเยี่ยม มีจังหวะเซฟจะๆสำคัญ 2-3ครั้ง
วันที่ ธอร์กาน เด่นกว่า เอแด็น
จากฟอร์มที่ทิ้งห่างน้องแบบไม่เห็นฝุ่นเมื่อช่วง2-3ปีก่อนหน้า ตอนนี้น่าจะบอกได้แล้วว่า ธอร์กาน นั้นกำลังมีช่วงเวลาที่ดีและโดดเด่นกว่าพี่ชาย เอแด็น อาซาร์ เป็นอย่างมาก ประกอบกับทางตัวพี่ชายอยู่ในช่วงฟอร์มตก รวมไปจนถึงการปล่อยให้รูปร่างดูอ้วนกว่าช่วงที่ฟอร์มพีคมากๆ แต่ทว่าฟอร์มเมื่อคืน สตาร์จาก เรอัล มาดริด ก็ไม่ได้เล่นย่ำแย่อะไร แต่เป็นทางฝั่งน้องที่โดดเด่นไฉไลมากกว่าเท่านั้น
แข้งจากเสือเหลืองได้ลงเล่นในตำแหน่ง วิงแบ็กฝั่งซ้าย การจู่โจมทางริมเส้นของเจ้าตัวเล่นเอาแนวรับของโปรตุเกส ไหวเอน หลายครั้ง โดยเฉพาะในเรื่องของความเร็ว ความคล่องตัว นี่คือสิ่งที่อาซาร์ผู้น้อง งัดเอาออกมาปั่นป่วน ดิอาโก้ ดาโล่ต์ ได้หลายหน
ส่วนในเรื่องของเกมรับ แม้ไม่ใช่ผู้เล่นประเภทวิงแบ็กโดยธรรมชาติ แต่ทว่า ธอร์กาน ก็ทำหน้าที่ตัวเองได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง เพราะสามารถแย่งบอลจากคู่แข่งคืนมาได้ถึง 6หนเลยทีเดียว โดยเฉพาะประตูชัยส่งทีมปีศาจแดงแห่งยุโรป ดาวเตะวัย28ปี ตะบันได้อย่างเฉียบคมและรุนแรง การคว้ารางวัล แมน ออฟ เดอะแมตช์ ที่คือสิ่งการันตีผลงานของ อาซาร์ ผู้น้องจริงๆ
ส่วน เอแด็น อาซาร์ จะว่าไปภาพรวมของแข้งก้นใหญ่ในเกมกับโปรตุเกส ไม่ได้ขี้เหร่ เลย เอแด็น มีจังหวะกระชากลากลุยคุกคามผ่านแนวรับฝั่งตรงข้ามได้บ่อยหน (4ครั้ง)พอจะทำให้เราเห็นอาซาร์ ในร่างทองสมัยที่อยู่กับเซลซีบ้าง แต่ทว่าน่าเสียดายที่จังหวะการเล่นของเจ้าตัว โดนโปรตุเกสตัดทำฟาวล์บ่อยๆ
สัมผัสบอลที่ยอดเยี่ยม การเอาตัวรอดในพื้นที่แคบๆหรือในสถานการณ์คับขัน น่าเสียดายตรงที่จังหวะสุดท้ายของแข้งจากราชันชุดขาวรายนี้ ไม่สามารถส่งอิมแพคต่อเกมรุกของเบลเยี่ยมได้มากพอ โดยเฉพาะ เปเป้ ปราการหลังสายโหดที่ดูจะเสียด่าให้กับสเต็ปการลากจี้ ของอาซาร์ อยู่ไม่น้อย นี่คือนักเตะของเบลเยี่ยมที่เลี้ยงบอลกินตัวผ่านผู้เล่นโปรตุเกสมากสุดเมื่อคืน
ธอร์กาน อาซาร์ Vs เบลเยี่ยม
85% ผ่านบอลแม่นยำ
60 สัมผัสบอล
6 ผ่านบอลยาว
5 ผ่านบอลยาวสำเร็จ
5 ชนะแท็กเกิ้ล
3 เคลียร์บอล
2 โอกาสยิง
1 ประตู
เรนาโต้ ซานเชส ผมรักฟุตบอลยูโร
นี่คือนักเตะที่แจ้งเกิดได้อย่างเปล่งปลั่งสยดสยองสุดๆในฐานะนักเตะดาวรุ่งเมื่อศึกยูโร 2016 ฟอร์มที่ยอดเยี่ยมดังกล่าวถึงขนาดทำให้เจ้าตัวได้ก้าวไปอีกขึ้นของอาชีพการคว้าแข้ง เมื่อได้ย้ายจาก เบนฟิก้า ไปยัง บาเยิร์น มิวนิค แต่ทว่าชีวิตในรังเสือใต้ของเจ้าตัวก็ล้มเหลวไม่น้อย เมื่อไม่สามารถเบียดแย่งตำแหน่งตัวจริงจากทีมได้
จนถูกปล่อยให้ สวอนซี ยืมตัวใช้งาน เมื่อฤดูกาล2017-2018 แต่ทว่ากับทีมหงส์ขาว เรนาโต้ ซานเชส ยังไม่สามารถเรียกฟอร์มการเล่นได้อย่างสม่ำเสมอ จนสุดท้ายทีมดังแคว้นบาวาเรีย ตัดสินใจขายเจ้าตัวขาดให้ลีลล์ เมื่อปี 2019 ก่อนที่เจ้าตัวจะเป็นกำลังหลักในแดนกลางพาทีม " ตราหมา " คว้าแชมป์ลีกเอิง อย่างน่าเซอร์ไพรส์
มา ยูโร2020 หนนี้ เรนาโต้ ซานเชส ในวัย23ปี ก็กลับมาโชว์ฟอร์มโดดเด่นในทัวร์นาเม้นต์ศึกชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปนี้อีกครั้ง เกมเมื่อคืนนี่คือนักเตะที่โดดเด่นที่สุดของโปรตุเกส แม้จะลงเล่นไม่ครบ 90นาทีก็ตาม มิดฟิลด์จากลีลล์รายนี้ จ่ายบอลอย่างสวยให้ ดิโอโก้ โชต้า หลุดไปยิงในช่วง5นาทีแรก น่าเสียดาวที่ดาวเตะจากลิเวอร์พูล ซัดออกไปแบบไม่ได้ลุ้น
ความเร็ว ความแข็งแกร่ง การเลี้ยงบอล นี่คือสิ่งที่ ซานเชส มอบให้กับขุมพลังในแดนกลางของทัพฝอยทอง แทบไม่มีนักเตะเบลเยี่ยมคนไหน หยุดความปราดเปรียวรวมถึงเทคนิคต่างๆที่เจ้าตัว วาดลวดลายในสนามได้ นี่คือศูนย์กลางพลังขับเคลื่อนในแผงมิดฟิลด์ของทีมอย่างแท้จริง
การเคลื่อนไหวของ เรนาโต้ ซานเซส การสอดไปในพื้นที่ว่างนี่คือสิ่งที่เจ้าตัวทำได้อย่างดีสำหรับเกมเมื่่อคืน รวมไปจนถึงการเอาตัวรอดในสถานการณ์ฉุกเฉินพื้นที่แคบๆ ที่คือผู้เล่นตัวตั้งตนในการจุดประกายเกมบุกของโปรตุเกส ที่เซ็ตมาจากแดนกลางหลายหน
เรนาโต้ ซานเชส Vs เบลเยี่ยม
93% ผ่านบอลแม่นยำ
83 สัมผัสบอล
9 ผ่านบอลในพื้นที่ที่สาม
8 แย่งบอลกลับคืนมาได้
5 ผ่านบอลในเขตโทษคู่แข่ง
5 ชนะการดวล
3 เลี้ยงบอลผ่าน
2 สร้างสรรค์โอกาส
2 ครอสบอล
2 โอกาสยิง
พี่ตู้ โคตรมีประโยชน์
โรเมลู ลูกากู มาลุยศึกยูโร2020หนนี้ ในฐานะดาวยิงจากทีมแชมป์ กัลโช่ เซเรียอา ไม่ใช่ "พี่ตู้เย็น " แบบที่หลายๆคนเคยล้อกันสมัยที่วิญญาณสากกะเบือเข้าสิงที่ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ดาวยิงหมายเลข9ของเบลเยี่ยม มีรูปร่างที่ลีนมากๆ ฟิตเปี๊ยเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อ และความปราดเปรียว แม้จะตัวใหญ่ก็ตาม
เกมนี้ดาวยิงจาก อินเตอร์ มิลาน แม้ไม่มีสกอร์หรือแอสซิสต์ มาฝากเบลเยี่ยมที่เล่นแบบตั้งรับในครึ่งหลัง แล้วห้อยลูกากูไว้หน้าเพียงคนเดียวเวลาสวนกลับ นานๆทีบอลจะทะลุมาถึง แต่เมื่อเวลาบอลมาเข้าทางเจ้าตัว " พี่ตู้ " ก็สามารถบังบอลพักบอลให้เพือนร่วมทีมได้เป็นอย่างดี โดยอาศัยความแข็งแกร่ง ถึก บึกบึน
แม้ว่าจะตัวใหญ่เบ้อเริ่ม แต่เวลาได้บอล ลูกากู ก็พริ้วไม่น้อยเมื่อต้องกระชากบอลกับจังหวะสวนกลับ นี่คือตัวพักบอลที่ทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ไม่หวงบอล และพร้อมที่จะจ่ายบอลให้เพื่อนร่วมทีมกับจังหวะที่สอดขึ้นมาเล่นเกมโต้กลับเสมอ
หลายจังหวะเจ้าตัวควรจะได้ฟาวล์กับจังหวะเล่นแรงๆของแนวรับโปรตุเกส แต่กลับโดนผู้ตัดสิน เฟลิกซ์ ไบรซ์ เมินตลอด ความอดทน นี่คือสิ่งที่ลูกากู ทำได้ดีมากเมื่อคืน ถึงแม้ไม่ได้บอลหรือบอลไม่มาหาแต่เจ้าตัวก็ยังรอค้ำอยู่ที่แดนหน้า ไม่ลงมาล้วงบอลเองให้เสียแท็กติกการเล่นเกมสวนกลับ
แต่น่าเสียดายเช่นกันที่บางจังหวะที่สวนกลับ 2-3 ครั้ง โรเมลู ลูกากู กลับทำได้ไม่เด็ดขาด ไม่สามารถจ่ายบอลในพื้นที่ที่ดีในขณะที่เพื่อนร่วมทีมสอดขึ้นมาได้ ได้โอกาสซัดเหน่งๆนอกกรอบเขตโทษ1หน แต่ทว่าโด่งข้ามคานไป แม้ทั้งเกมด้วยแท็กติกการเล่นที่ทำให้ ลูกากู ต้องโดดเดี่ยว แต่ทว่าภาพรวมแล้ว ดาวยิงร่างใหญ่รายนี้ ก็ทำหน้าที่หอกเบอร์9ได้อย่าง น่าปรบมือให้
โปรตุเกส แนวรุกมิติเดียว
แม้จะมีแนวรุกระดับกระกาฬมือปืนหน่วยล่าสังหารหลายคน ทั้ง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ - ดิโอโก้ โชต้า -แบร์นาร์โด้ ซิลวา - บรูโน่ แฟร์นันเดซ รวมไปจนถึง ชูเอา เฟลิกซ์ แต่ตัวกุนซืออย่าง แฟร์นานโด ซานโต๊ส ไม่สามารถเป็นเชฟฝีมือดี ปรุงแต่งนักเตะเหล่านี้ให้เล่นกันได้อย่างเข้าขากลมกล่อมเลย
มีเพียงแค่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เท่านั้นที่ดูจะเป็นตัวความหวังการล่าตาข่ายคู่แข่งได้ (แม้ว่าประตูเกินครึ่งจะมาจากจุดโทษก็ตาม) ถ้าจะให้วิเคราะห์ตามจริง อาจจะดูใจร้ายไปหน่อยถ้าจะบอกว่า เวลาขึ้นเกมบุก เพื่อนร่วมทีมต้องเกรงใจ พี่โด้ หลายหน จนทำให้สไตล์การเล่น เกมบุก บอลต้องไปอยู่ที่ CR7มากเกินไป จนเพื่อนร่วมทีมรายอื่น ถูกลดทอนความสำคัญลง
ส่วน ดิโอโก้ โชต้า ที่ยิงเป็นไฟพะเนียงกับลิเวอร์พูล แต่เมื่อได้มาสวมเครื่องแบบทีมชาติแล้ว ความคมหายไปราวๆกับเป็นคนละคนที่รู้จักกับที่เล่นให้ทีมหงส์แดง นี่คือทัวร์นาเม้นต์ที่ดาวเตะวัย24ปีรายนี้ ยิงทิ้งยิงขว้างเป็นว่าเล่น ส่วน แบร์นาร์โด้ ซิลวา เป็นหนึ่งในนักเตะทีทำตัวน่าผิดหวังมากๆ แทบจะหายไปจากเกมและเป็นนักเตะที่เล่นแล้วดูเฉื่อยขาดแรงกระหายไงพิกล
บรูโน่ แฟร์นันเดซ รายนี้ไม่ต้องพูดถึงเลย ฟอร์มหลุดขนาดเป็นตัวสำรองของ เจา มูตินโญ่ที่อายุปาเข้าไป34ปีแล้ว การเข้าทำเกมกับเบลเยี่ยมเมื่อคืน โปรตุเกสทำได้หน้าเดียว นั่นก็คือการฝากความหวังไว้ที่ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่อายุปาเข้าไป36แล้ว
การทำชิ่งต่อบอลทะลุช่องไปในเขตโทษนี่คือสิ่งที่ทีมฝอยทองขาดไปเมือคืน เพราะในช่วงครึ่งหลังเราจะได้เห็นการโยนบอมบ์เสียเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งผลผลัพธ์ก็แทบจะเป็นแบบเดิมทุกครั้ง กองหลังเบลเยี่ยมที่ตัวสูงใหญ่ยังกับยักษ์เก็บกินลูกกลางอากาศได้สบายๆ โดยเฉพาะในรายของ โธมัส แฟร์มาเล่น ที่กวาดกินเรียบในภาคพื้นเวหา (4ครั้ง)
สิ่งที่ปีศาจแดงแห่งยุโรป ต้องกังวล
เบลเยี่ยมกรุยทางผ่านเข้ารอบ8ทีมไปได้ แต่ก็มีสิ่งที่ทำให้ โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ กังวลอยู่มากๆนั่นคือ อาการบาดเจ็บของ 2สตาร์สำคัญของทีมอย่าง เควิน เดอ บรอยน์ และ เอแด็น อาซาร์ ว่าจะฟิตทันดวลกับอิตาลีในรอบ8ทีมเหรือไม่ ?
อาซาร์ เดี้ยงด้วยตัวเองหลังจากที่พยายามวิ่งไล่กวดบอล จนมีปัญหาบริเวณกล้ามเนื้อ ทำให้ต้องเปลี่ยนเอา ยานนิค คาร์ราสโก้ ลงมาเล่นแทน น.87 แต่ยังไม่ทราบแน่ชัดว่าอาการของเจ้าตัวรุนแรงขนาดไหน
ส่วน เดอ บรอยน์ เพลย์เมคเกอร์คนเก่งจาก แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่โดน ชูเอา ปาลินญ่า เข้าเสียบสกัดอย่างหนักหน่วงในช่วงครึ่งหลัง จนเดี้ยงถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนามตั้งแต่นาทีที่48ให้ ดรีส เมอร์เท่นส์ ลงมาเล่นแทน
โดยหลังจากที่ KDB ถูกเปลี่ยนตัวออกจากสนาม รูปเกมของ เบลเยี่ยม ก็ดูจะเป็นรองทันที (บวกกับแท็กติกการเล่นด้วย ) เราไม่ได้เห็นบอลแทงทะลุช่องคิลเลอร์พาสสวยๆ ให้ โรเมลู ลูกากู วิ่งกวดสปีดเข้าไปซัด เกมทะลุทะลวงจากแดนกลางของทีมปีศาจแห่งยุโรป ดูจะเป็นอัมพาต ไปทันที
การเจอกับทีมกองกลางบ้าพลัง วิ่งเพรสซิ่งตลอดอย่างอิตาลี น่าจะทำให้เบลเยี่ยม เหนื่อยกระอักเลือดอยู่ไม่น้อย หากขาดจอมทัพผู้สร้างสรรค์งานคลีเอทเกมอย่าง เดอ บรอยน์ ความอันตรายในแดนกลางน่าจะถูกลดทอนลงไปพอสมควร ส่วนอาซาร์ที่มีความคล่องตัวอยู่แล้ว ประโยชน์ของเจ้าตัวจะทำให้ คู่เซ็นเตอร์อิตาลีที่แก่และช้า ปั่นป่วนได้ ทีนี้ต้องมาลุ้นกันแหละว่า 2สตาร์ผู้นี้จะฟิตกลับมาลงสนามได้หรือไม่ นี่คือสิ่งที่กุนซือ โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ ต้องภาวนาจนวินาทีสุดท้าย
- คอลัมน์นิสต์
- 404
- 28 มิ.ย. 2564 15:56