12นัดเคลียร์ ! เดอ บรอยน์ ซัดตูมหาย เรือ สยบ สิงห์บูลส์ 1-0
เอาช้างทั้งโขลงมาฉุดก็ไม่อยู่จริงๆสำหรับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ณ เวลานี้ เพราะเกมพรีเมียร์ลีกเมื่อคืน พวกเขาก็เปิดบ้าน เอติฮัด สเตเดี้ยม ปราบเอาชนะ เต็งสามอย่างเซลซี ได้สำเร็จ 1-0 ส่งผลให้ ลูกทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ทำแต้มฉีกหนีพลพรรคสิงห์บูลส์ไปไกลลิบถึง13แต้มเข้าให้แล้ว
เป็นทีมที่มีซิกเนเจอร์แบบนี้แทบจะทุกฤดูกาลจริงๆสำหรับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับการเอาชนะคู่แข่งเป็นมินิซีรีส์ติดคอมโบรัวๆ ประตูชัยสุดสวย ของ เควิน เดอ บรอยน์ น.70 ส่งผลให้ทีมสีฟ้าเมืองแมนเชสเตอร์ กวาดชัยชนะในเกมลีก 12นัดติดต่อกันเข้าให้แล้ว
แม้ว่าสกอร์จะดูเป็นการชนะเบียดๆ แต่ทว่ารูปเกมโดยรวมต้องบอกเลยว่า ซิตี้ ทำได้ดีกว่าชัดเจน อาจไม่ถึงขนาดแมตช์บุกไปเฉือน1-0 ที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ การครองเกม การครองบอล การหาโอกาสจบสกอร์ที่คือสิ่งที่เจ้าบ้านเหนือกว่าอย่างชัดเจน
ส่วน เควิน เดอ บรอยน์ ดูท่าสตาร์ชาวเบลเยี่ยมรายนี้ จะถูกโฉลกกับการลั่นสกอร์ใส่ทีมเก่าอยู่ไม่น้อย KDB เมื่อคืนนั้นเป็นสง่าสุดๆ แม้กระทั่งจอมปอดเหล็กอย่าง เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ยังเอาไม่อยู่ วิสัยทัศน์ จังหวะจะโคนในการจ่ายบอลของเจ้าตัวเข้าขั้่นอัจฉริยะสุดๆ
อีกหนึ่งภาคส่วนถ้าไม่ชมก็เห็นทีจะดูลำเอียงหน่อย สำหรับ เอเมอริค ลาป็อร์กส์ และ จอห์น สโตนส์ ที่ผนึกกำลังกันได้อย่างโอเค สำหรับการจัดการกับหอกร่างใหญ่พร้อมชน อย่าง โรเมลู ลูกากู
แต่ทว่าก็เป็นความบกพร่องของเหล่าตัวรุกผู้สนับสนุนอย่าง ฮาคิม ซิเย็ค และ คริสเตียน พูลิซิซ ที่ไม่สามารถส่งบอลลำเลียงไปถึง "พี่ตู้ " ได้ ภาพรวมตลอดทั้งเกมสตาร์ชาวสหรัฐและโมร็อคโก ทำตัวน่าผิดหวังพึ่งพาไม่ได้สุดๆ
ส่วนทางฝั่งซิตี้ แม้จะคว้าชัยชนะได้ แต่ทว่าผู้เล่นบางรายของเขาก็ โชว์ฟอร์มไม่ออกเหมือนกัน หรือเมื่อได้โอกาสสำเร็จโทษเหน่งๆ แต่ทว่ากลับทำไม่ได้ และนั่นก็คือ แจ็ค กรีลิช ที่ได้ดวลเดี่ยวกับ เกป้า เหน่งๆ แต่ไม่สามารถเอาชนะนายด่านชาวสเปนรายนี้ได้
ในขณะที่คู่แข่งต่างพากันสะดุดเรื่อยๆ เซลซี ของ โธมัส ทูเคิ่ล ก็เหมือนจะต้องโบกมือบ๊ายบายโทรฟี่พรีเมียร์ลีก และไปเน้นที่บอลถ้วยแทนแล้ว
ทางด้านลิเวอร์พูล การขาด2สตาร์ในแนวรุกอย่าง ซาดิโอ มาเน่ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ก็สุ่มเสี่ยงที่จะทำให้หงส์แดงทำแต้มหล่นอยู่ไม่น้อย ช่างเป็นสถานการณ์ที่เป็นใจกับทีมเรือใบสีฟ้า และ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ให้มีรอยยิ้มเหลือเกิน
วันเวย์ ซิตี้ อีกครั้ง
ซิตี้ ก็ยังเป็น ซิตี้ อยู่วันยังค่ำจริงๆ ไม่ว่าจะเจอกับคู่แข่งรายไหน พวกเขาก็ยังเล่นในรูปแบบที่เป็นตัวเองตลอด โอเค เกมกับเซลซี สกอร์อาจจะดูเบียดๆแค่ 1-0 แต่ทว่ารูปเกมต้องบอกเลยว่าเป็นทางฝั่งลูกทีมของ เป๊ป ที่กดอยู่ฝ่ายเดียว
แดนกลางและแดนหน้าของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ช่วยกันวิ่งเพรสไล่บีบบอลดีมากๆ จนผู้เล่นในแผงมิดฟิลด์ของเซลซี จ่ายบอลพลาดจ่ายบอลเสียกันหลายหน เอ็นโกโล่ ก็องเต้ ที่เคยร่างทองเอาอยู่ นัดนี้ก็ช่วยเอาไว้ไม่ไหวจริงๆ
ถ้าหาก แจ็ค กรีลิช มีความเฉียบคมกว่านี้หน่อย เกมน่าจะปิดได้เร็วกว่านี้ ระบบ 4-3-3 ของ เรือใบสีฟ้า สามารถต่อกรได้กับทุกทีมบนโลก ซิตี้ หลายครั้งที่พวกเขาสะดุดเกิดจากการลองปรับแท็กติกแผนการเล่นนี่แหละ
การชนะเซลซีเมื่อคืน เหมือนเป็นการฉายภาพซ้ำเกมนัดแรกที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ 1-0 ได้เลย เพราะพวกเขาเหนือกว่าคู่แข่งทุกกระบวนท่า แม้ว่าสกอร์จะออกมาแค่ 1-0 เหมือนกันก็ตาม
ทั้งที่ก่อนเกม สถานการณ์ต่างๆน่าจะเป็นเซลซี ที่ต้องแสดงความมุ่งมั่นออกมาที่มากกว่า แต่ทว่าเป็น ซิตี้ ที่ต้องการบดทีมสิงห์น้ำเงิน เพื่อคว้าแชมป์ฉีกแต้มแบบม้วนเดียวจบ เพื่อเอาเวลาไปทุ่มเทให้กับรายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก
สิ่งหนึ่งที่ต้องชม การบริหารจัดการภายในของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า นั่นก็คือ การควบคุมนักเตะไม่ให้คิดไวรัสโควิด-19 ที่ถือว่าพวกเขาติดน้อยกว่าทีมอื่นๆ และมันไม่ใช่แค่เรื่องโชคดีแต่อย่างใด แต่มันสะท้อนให้เห็นถึง วินัยการจัดการต่างๆของนักเตะ กุนซือ สต๊าฟโค้ช ในทีมอีกด้วย
เดอ บรอยน์ อิส ดา เบส
ถือว่าเป็นฤดูกาลที่ตะกุกตะกักพอสมควรสำหรับ ยอดเพลย์เมคเกอร์ชาวเบลเยี่ยมรายนี้ ทั้งจากอาการบาดเจ็บช่วงออกสตาร์ท รวมไปจนถึงการติดไวรัสโควิด-19 ที่เจ้าตัวออกมายอมรับว่าส่งผลให้ฟอร์มการเล่นยังไม่เหมือนเดิม
แต่ถึงกระนั้น เควิน เดอ บรอยน์ ก็ยังทำไปได้ถึง 6ประตู กับอีก 1แอสซิสต์ ประตูชัยที่หวดเต็มเท้าผ่าน เกปา ต้องยกเครดิตให้เจ้าตัวเต็มๆ ทั้งการกระชากหนี ก็องเต้
รวมไปจนถึงการวางเท้ายิงได้อย่างเหมาะเหม่งทรงพลัง ทั้งที่มี โควาซิซ เข้ามากดดัน และ ติอาโก้ ซิลวา ขวางทางปืนอยู่
ในเกมบุก เดอ บรอยน์ เป็นเหมือนพลังหัวเชื้อในการขับเคลื่อนเกมรุกของทีมอย่างแท้จริง KDB ผ่านบอลแจกจ่ายให้เพื่อน สร้างโอกาสทองได้2ครั้ง เลี้ยงบอลผ่านผู้เล่นเซลซี 4หน และครอสบอลเข้าไปได้มากถึง 7ครั้ง
อีกหนึ่งสถิติที่น่าสนใจของ เควิน เดอ บรอยน์ นั่นก็คึอ เจ้าตัวถือว่าเป็นจอมยิงทีมเก่าอยู่ไม่น้อย เพราะที่คือครั้งที่5แล้ว ที่แข้งวัย30รายนี้ ส่งบอลไปซุกก้นตาข่ายเซลซีได้สำเร็จ แถมยังสร้างสถิติ เป็นนักเตะเก่าของเซลซี ที่กลับมาทำประตูใส่ได้มากมากที่สุดด้วย
ก่อนหน้านั้น KDB น่าจะมีสกอร์ได้จากจังหวะฟรีคิกของเจ้าตัว ที่โดน เกปา อาร์ริซาบาลาก้า ปฎิเสธ หากจะมองไกลไปถึงแชมป์ ยูซีแอล เห็นที ซิตี้ จะต้องพึ่งความยอดเยี่ยม วิสัยทัศน์ ของแข้งชาวเบลเยี่ยมรายนี้
ซิเย็ค &พูลิซิซ การเลือกที่ผิดพลาดของ ทูเคิ่ล
ไม่รู้เหตุผลอันใดที่ทำให้ โธมัส ทูเคิ่ล เลือกใช้บรรดาหน่วยผู้สนับสนุนในแนวรุกเป็น ฮาคิม ซิเย็ค และ คริสเตียน พูลิซิซ เพราะอดีตแข้งอาแจ็กซ์และดอร์ทมุนด์รายนี้ สำแดงพิษสงอะไรออกมาไม่ได้เลย
พูลิซิซ ที่พึ่งยิงประตูสุดสวยมาในเกมเสมอลิเวอร์พูล 2-2 แต่ทว่าเกมเมื่อคืน เราแทบจะไม่เห็นผู้บรรยายเรียกชือ " กัปตัน อเมริกา " รายนี้เลย เห็นอีกทีก็เป็นช็อตที่นอนเจ็บลงไปกองกับพื้นเท่านั้น
ส่วน ฮาคิม ซิเย็ค นี่คือผู้เล่นที่โชว์ผลงานได้ไม่เป็นสัปปะรดเลย ไร้อิมแพคซึ่งเกมรุก มีหนึ่งช็อตในจังหวะสวนกลับครึ่งแรก ลูกากู อุตส่าห์จ่ายช่องทะลุให้อย่างสวยงาม แต่ทว่าเจ้าตัว กลับเลี้ยงไลน์ไม่ดี ทำให้ล้ำหน้าและเสียโอกาสทองไป
รวมไปจนถึงจังหวะเก็บตก ตามซ้ำ ลูกยิงของ "พี่ตู้ " ที่ไปติดเซฟ เอแดร์ซอน ทั้งที่มีเวลาเตะบอลจับบอล แต่ทว่าตัวของ ซิเย็ค เองก็ยิงแบบไม่ได้ลุ้นอะไรโด่งข้ามคานออกไป
ความห่วยของปีกร่างเล็กรายนี้ ถูกสะท้อนผ่าน รีแอคข้างสนาม ของ โธมัส ทูเคิ่ล ที่ผิดหวังหัวเสียสุดๆถึงขนาดกระโดดชกลมไปเลยทีเดียว
โดย ทูเคิ่ล เองก็ถือว่าผิดพลาดอยู่ไม่น้อยที่เลือกทั้ง ซิเย็ค และ พูลิซิซ ออกสตาร์ทเป็นตัวจริง ไม่เลือกส่ง เมสัน เมาท์ แถมกว่าจะเปลี่ยนตัวออกให้ คัลลัม ฮัดสัน โอดอย และ ติโม แวร์เนอร์ มาเล่นแทนต้องรอไปถึงนาทีที่ 69
กรีลิช ยังไม่คุ้มค่าตัว 100ล้านปอนด์ แม้แต่นิดเดียว
ถ้าเทียบกับเม็ดเงินที่หว่านลงไป 100ล้านปอนด์ ผลตอบแทนที่ได้กลับมาตอนนี้คงเป็นเงินแค่หลักพันหลักหมื่นเท่านั้น สำหรับ แจ็ค กรีลิช ที่นับตั้งแต่ย้ายสำมะโนครัวมา แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เจ้าตัวยังไม่เคยโชว์ฟอร์มเปล่งปลั่งเหมือนอยู่กับ วิลล่า เลย
กรีลิช พลาดโอกาสทองสุดๆในครึ่งแรก น.39 จากจังหวะที่ เดอ บรอยน์ ไปดักบอลจาก โควาซิซ แล้วบอลเด้งมาเข้าทางเจ้าตัว ได้ดวลกับ เกปา ในเขตโทษแต่ทว่า ดาวเตะน่องโตรายนี้ยิงไปติดเซฟนายด่านชาวสเปนออกหลังไป
ในเรื่องของ อิทธิพลในเกมรุก กรีลิช โชว์ฟอร์มได้ไม่ค่อยถนัดนักเหมือนกับ ฟิล โฟเด้น มีเพียง ราฮีม สเตอร์ลิง ที่สร้างอิมแพคความวูบวาบกดดันใส่ แนวรับเซลซี ได้มากสุด รวมไปจนถึงลูกครอส (แค่1ครั้ง) ลูกกระชากลากเลื้อยที่ดูแทบไม่อันตรายเลย
กรีลิช มีจังหวะจับบอลแย่ๆ และสูญเสียการครองบอลอย่างละ3ครั้ง แต่ทว่าก็ยังเลี้ยงบอลผ่านผู้เล่นเซลซีได้ถึง3หน และวิ่งเข้ากดดันเกปาและอัซปิลิกวยต้า จนไม่เข้าใจกันหวดบอลไปโดนพวกกันเองเกือบเข้าประตู
แต่ทว่าผลงานในพรีเมียร์ลีกของ กรีลิช 14นัดตัวจริง ทำได้2ประตู 2แอสซิสต์ ดูจะเป็นการตอบแทนที่ไม่คุ้มค่าเอาเสียเลยกับราคา 100ล้านปอนด์
มาล็อง ซาร์ ทำตัวน่าหวาดเสียว อลอนโซ่ กู่ไม่กลับ
นี่คือการออกสตาร์ทในพรีเมียร์ลีกหนที่2เท่านั้น สำหรับ กองหลังดาวรุ่งอย่าง มาล็อง ซาร์ แถมยังเป็นเกมบิ๊กแมตช์อีกด้วย เราจึงไม่แปลกใจเลยที่เห็นแนวรับชาวฝรั่งเศสรายนี้ ออกการการลนๆลกๆผิดปรกติ
ซาร์ ได้ออกสตาร์ทในตำแหน่งเซ็นเตอร์ฝั่งซ้ายระบบหลัง3 โดยเป็นทางฝั่งของเจ้าตัวกับวิงแบ็กฝั่งซ้าย อย่าง มาร์กอส อลอนโซ่ นี่แหละ ที่หยุดบรรดาผู้เล่นเหล่าความเร็วสูงของซิตี้ ที่สลับกันเล่นไม่อยู่ โดยเฉพาะในรายของ ราฮีม สเตอร์ลิง
กองหลังวัย22ปีรายนี้ มักจะก่อความผิดพลาดในเรื่องของการยืนตำแหน่ง รวมไปจนถึงการจ่ายบอลเวลาโดนกดกันเพรสซิ่ง ที่เวลาผ่านบอลแล้วทำให้เพื่อนร่วมทีมต้องเล่นยากหรือเจอสถานการณ์คับขันตลอด แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีการแท็กเกิ้ลสวยๆให้เห็น
นับตั้งแต่ที่ เบน ชิเวลล์ ผ่าตัดต้องปิดเทอมยาวไป มาร์กอส อลอนโซ่ ก็ไม่อาจทดแทน แบ็กซ้ายชาวอังกฤษรายนี้ได้เลย ความมั่นใจช่วงต้นฤดูกาลหายไปหมด อลอนโซ่ แทบหัวหมุนกับการรับมือ ราฮีม
รวมไปจนถึงการโดนใบเหลืองแบบเสียค่าโง่ ทำให้ แบ็กชาวบราซิลรายนี้เล่นยากมากขึ้น และโชคดีเหมือนกันที่เจ้าตัวไม่ทำเสียสุดโทษ กับการไปดึงเสื้อ ราฮีม ในเขตโทษ แต่ทว่าเดชะบุญที่ผู้ตัดสินเป่าให้เป็นจังหวะล้ำหน้าไปเสียก่อน
- คอลัมน์นิสต์
- 660
- 16 ม.ค. 2565 13:09