บ๊วยติดคอน้าโอเล่ ! เชฟฯยู บุก ปราบผีคาบ้าน 2-1
เรียกได้ว่าพอจะพลาด พอจะหลุด ก็หลุดแบบไม่ต้องการเหตุผลความเข้าใจใดๆทั้งนั้น สำหรับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อเปิดบ้านพ่ายให้กับทีมบ๊วยอันดับ20 อย่าง เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 1-2
โดยเป็นทางฝั่งดาบคู่ที่ขึ้นนำไปก่อน จาก คีน ไบรอั้น น.23 ก่อนที่ แฮร์รี่ แม็คไกวร์ จะมาโขกเต็มกบาล ไล่ตีเสมอ 1-1 น.64 ก่อนที่สุดท้ายเป็นตัวสำรองอย่าง โอลิเวอร์ เบิร์ก ที่มายิงฝังปีศาจแดง น.74
ความปราชัยต่อทีมบ๊วยของปีศาจแดงถือว่าเป็นเรื่องน่าแปลกใจอยู่ไม่น้อย ทั้งที่ก่อนหน้า โอเล่ กุนนาร์ โซลชา พาทีมเข้าเบรกไม่แพ้ใครมา13นัดรวด แถมยังเอาชนะไปได้ถึง10เกม
สิ่งหนึ่งที่เป็นคำถามสำหรับกุนซือชาวนอร์เวย์ นั่นก็คือเกิดอะไรขึ้นกับฟอร์มของแข้งนักเตะปีศาจแดง รวมถึงการจัดตัวผู้เล่นที่ดูเหมือนจะทะลึ่งประมาทเกินไป
ตำแหน่งคู่ปราการหลัง ซึ่งนัดนี้ให้โอกาส อั๊กเซล ตวนเซเบ้ ลงเล่นก่อน วิคเตอร์ ลินเดอเลิฟ และ เอริค ไบยี่
สุดท้ายก็เป็นกองหลังวัย23ปีผู้นี้นี่แหละ ที่มีส่วนกับความผิดพลาดทั้งสองประตู จนเป็นเหตุสำคัญทำให้ทีมพบกับความพ่ายแพ้ แต่ทว่าอย่างไรก็ต้องตำหนิผู้เล่นของ แมนฯยู ในสนามหลายคนที่เล่นผิดฟอร์มตกไปจากมาตรฐานเดิม
ด้านผู้คว้าชัยอย่าง เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ถือว่าเลือกกลยุทธใช้ลูกบอมบ์จากลูกตั้งเตะ วางแท็กติกให้ผู้เล่นคอยสกรีนขวางทาง ดาบิด เด เคอา ให้ออกมาตัดบอลได้ไม่สะดวกนัก
3แต้มดังกล่าวน่าจะทำให้ลูกทีมของ คริส ไวล์เดอร์ มีกำลังใจดิ้นรนต่อสู้หนีการตกชั้นอยู่ไม่น้อย แม่จะตามหลังห่างทีมอันดับ17อย่าง ไบร์ทตัน ถึง10แต้มก็ตาม
โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ไม่ขลังเสียแล้ว
ซีซั่นนี้แปลกมากๆ ที่พลพรรคปีศาจแดงเก็บแต้มเป็นกอบเป็นกำจากเกมเยือน ส่วนผลงานในบ้านนั้นพวกเขามีฟอร์มการเล่นที่ขึ้นๆลงๆไม่สม่ำเสมอเป็นอย่างมาก
10นัดผ่านไป พวกเขาแพ้ไปแล้วถึง4 จากเกมลีกที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด แตกต่างจากเกมเยือนที่10นัด ชนะ8 เสมอ2 ไร้พ่าย
โดยปรกติแล้ว หนึ่งในปัจจัยที่เคยทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เถลิงบัลลังก์คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ นั่นก็คือความแข็งแกร่งในยามที่เล่นในบ้านนั่นเอง
ซีซั่น 2010-2011 ในยุคของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ทีมปีศาจแดงถึงขั้นอาจหาญ เก็บ3แต้มในเกมเหย้าได้ 18 จาก19นัดเลยทีเดียว หลุดเสมอ2-2นัดเดียวกับ เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน
อาจจะกล่าวได้ว่าการไม่มีคนดูในสนาม ส่งผลในเรื่องของกำลังใจที่ส่งตรงไปยังนักเตะขาดหายไปอยู่ไม่น้อย
แต่ทว่านั่นก็ไม่ใช่ข้ออ้างเลยสำหรับลูกทีมของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา ที่ระยะหลังๆ เวลาเล่นในบ้านมักจะมีอาการเกร็งหรือเครียดไปเอง จนฟอร์มหล่นลงไปอย่างเห็นได้ชัด
ความได้เปรียบความเคยชินกับสนามหญ้าของโรงละครแห่งความฝัน แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต้องพยายามกลับมามีมาตรฐานการเล่นที่แน่นอนในเกมเหย้าให้ได้
หากยังอยากหวังโอกาสในการลุ้นคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกให้ได้เป็นครั้งแรกในรอบ 8ปี
จุดสลบที่ เด เคอา ไม่เคยแก้ได้
นับตั้งแต่ย้ายภูมิลำเนาจากสเปน มาค้าแข้งยังเมืองฝนชุกอย่าง แมนเชสเตอร์ เมื่อปี2011 แม้ว่า ดาบิด เด เคอา จะมีสรีระ ร่างกายที่หนาใหญ่ขึ้นตามการเล่นฟิตเนสและเพิ่มกล้ามเนื้อ
แต่ทว่าจุดบอดของเจ้าตัวที่ยังเป็นมาตลอดนั่นคือการออกมาตัดลูกกลางอากาศ โกลชาวสเปนมักจะไปไม่เป็นหลายหน
เมื่อเจอแท็กติกลูกเซ็ตพีซ แล้วคู่แข่งเลือกใช้ตัวผู้เล่นสูง ใหญ่ ยักษ์ เข้ามาบังวิถีการออกมาตัดบอลของเจ้าตัว
เกมกับทีมดาบคู่ก็เช่นกัน จังหวะเสียประตู เป็นทางด้าน บิลลี่ ชาร์ป หัวหอกจอมเก๋าของทีมเชฟฟิลด์ ที่เข้ามากระแทก เด เคอา เล็กน้อย
จนทำให้เจ้าตัวเสียจังหวะตัดบอลพลาด ( แต่ในเคสนี้ก็น่าสงสัยไม่น้อยว่านับเป็นการฟาวล์ได้หรือไม่)
แม้ว่าประตูที่เสียไป จะน่ากังขาทั้งจังหวะฟาวล์ของ บิลลี่ ชาร์ป รวมถึงการประกบตัวที่หละหลวมของ อั๊กเซล ตวนเชเบ้ ที่ทำให้ คีน ไบรอั้น โหม่งสะบัดไปง่ายๆ
ถึงกระนั้นโกลวัย30ปี ก็ต้องยืดอกรับผิดชอบอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
เมื่อคุณเป็นผู้รักษาประตู ในเขตโทษคุณคือคนที่ได้เปรียบสุดในการเล่นลูกโด่งกลางอากาศ สามารถใช้มือชกบอลคว้าบอล ในจังหวะที่อันตรายได้
เมื่อเทียบกับโกลอีกฝั่งของผู้มาเยือนอย่าง อารอน แรมส์เดล ที่ชื่อชั้นดีกรีไม่ได้โดดเด่นอะไร แต่ก็ออกมาตัดบอลคว้าบอลลูกกลางอากาศได้ดีหลายหน
เราเห็นข้อบกพร่องนี้ของ เด เคอา ในนัดนี้ ได้อย่างชัดเจน และนี่คือสิ่งที่นายด่ายเบอร์1ทีมปีศาจแดงต้องพัฒนาต่อๆไป
ความกำกวม = VAR
โอเค เชื่อว่าแฟนบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลายๆคน คงไม่มีใครเคลือบแคลงใจกับประตูที่เสียลูกแรกเท่าไหร่ หากไม่มีช็อตเปรียบเทียบเกิดชึ้นในเกมอีกหน
เมื่อ น.29 อารอน แรมส์เดล โกลของเชฟฯยู ออกมาคว้าบอลแล้วกระฉอกเด้งออกมา เข้าทาง อองโตนี่ มาร์กซิยาล แปเข้าไปง่ายๆ
แต่ทว่ากลับมีเสียงนกหวีดจากผู้ตัดสินอย่าง ปีเตอร์ แบงค์ส เป่าว่าเป็นจังหวะฟาวล์ไปก่อนแล้ว
โดย แบงค์ส มองว่าจังหวะนั้น แฮร์รี่ แม็คไกวร์ ไปทำฟาวล์ด้วยการหนุนนายด่านวัย22ปีเสียก่อน แต่จากภาพช้าเราจะเห็นได้ว่า เป็นแรมส์เดล เองที่ออกมากะจังหวะรับบอลพลาด
โดยที่กองหลังเจ้าของค่าตัว80ล้านปอนด์ แทบจะยืนอยู่เฉยๆ
ซึ่งมันก็เป็นประเด็นที่ทำให้เกิดข้อเปรียบเทียบว่า ใช้มาตรฐานตรงไหนในการตัดสิน
เพราะจากเคสของ เด เคอา มันค่อนข้างชัดเจนว่ามีการผลักเล็กๆน้อย จนทำให้เจ้าตัว ออกมาตัดบอลได้ไม่ถนัดถนี่นัก
อย่างที่ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ก็ได้ออกมาแสดงความเห็นเปรียบเทียบเหตุการณ์ดังกล่าว ว่า " ถ้าคุณให้จังหวะนั้นเป็นประตู จังหวะนี้ก็ควรจะได้ประตูด้วย "
โอเคว่า จะต้องโทษ ยูไนเต็ด ด้วยที่ไม่เด็ดขาดเช็กบิลทีมรองบ่อนอย่างเชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด แต่ทว่ามันน่าคิดไม่น้อยกว่า หากลูกแรกที่ทีมดาบคู่ได้ประตู ถูกริบคืนเป็นจังหวะฟาวล์
ผลลัพธ์ของเกมเมื่อคืนอาจไม่ได้ออกมาหน้านี้ก็เป็นได้ นี่จึงเป็นอีกครั้งที่ VAR แสดงให้เห็นว่าพวกเขายังไม่มีมาตรฐานการตัดสินที่แน่นอน เป็นบรรทัดฐานเดียวกัน
ความประมาทของโซลชา และความเลินเล่อของ ตวนเซเบ้
เข้าใจว่า โอเล่ กุนนาร์ โซลชา อาจจะต้องการพักหรือโรเตชั่น ผู้เล่นบางส่วนไว้ฟัดใช้งานในเกมใหญ่กับอาร์เซน่อลในวันเสาร์นี้
เราจึงได้เห็นนักเตะอย่าง อั๊กเซล ตวนเซเบ้ - อเล็กซ์ เตลสิส - เนมานย่า มาติช ออกมาวาดลวดลายในสนาม
เตลลิส แบ็กซ้ายชาวบราซิล แม้ว่าจะยังประสานงานกับเพื่อนร่วมทีมฝั่งซ้ายอย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด ไม่ค่อยไหลลื่นเข้าขากันเท่าไหร่นัก แต่ทว่าเจ้าตัวก็ยังมีแอสซิสต์ มาฝากให้ทีมจากลูกเตะมุม
ส่วนกองกลางชาวเซอร์เบีย นัดนี้ไม่ได้ใช้ความเก๋าความได้เปรียบในเรื่องของอายุต่อกรกับ ห้องเครื่องของเชฟฯยูเลย
แม้ว่าไม่ได้ทำอะไรผิดพลาดแต่ก็ ไม่ได้มีทำอะไรเด่นเป็นชิ้นเป็นอัน แต่ก็ยังมีจังหวะสวยๆสำคัญท้ายเกมที่เจ้าตัวถูกถอยต่ำไปยืนเซ็นเตอร์ ดักทางบอลหลุดเดี่ยวของ โอลิเวอร์ เบิร์ก ได้
ที่เลวร้ายที่สุดคงเป็น ตวนเซเบ้ ที่นัดนี้ได้ออกสตาร์ทเป็น11ตัวจริงครั้งแรกในพรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้
กองกลังวัย23ปี มีจังหวะการเล่นที่ลนลานลุกลี้ลุกลนหลายครั้งระหว่างเกม จนเกือบทำให้ทีมพลาดพลังหลายหน
โดยเฉพาะลูกโดนนำ 1-0 กองหลังชาวอังกฤษเชื้อสายคองโก ขึ้นประกบ คีน ไบรอั้น พลาด รวมถึงจังหวะฟาวล์แบบหมดราคาต่อ โอลิเวอร์ เนอร์วู้ด หน้ากรอบเขตโทษ จนโดนใบเหลืองทำให้ตัวเองต้องเล่นยากในที่สุด
ส่วนประตู 2-1 ก็เป็น ตวนเซเบ้ นี่แหละที่ยืนประกบห่างไม่รับเข้ามาบีบ โอลิเวอร์ เบิร์ก จนทำให้แข้งชาวสก็อตแลนต์ มีทั้งพื้นที่ทั้งเวลา ได้สับไกลอย่างถนัดถนี่
แม้ว่าวิถีของบอล จะไม่ได้อยู่ในวิสัยที่เกินความสามารถที่ เด เคอา จะปัดป้องได้
แต่ทว่าบอลเจ้ากรรมดังกล่าว ดันไปแฉลบ ตวนเซเบ้ ที่ยืนคุมห่างเปลี่ยนทางเข้าประตูไป เรียกได้ว่าเป็นบ่อน้ำมันชั้นเลิศให้คู่แข่งขุดเจาะได้ถึง2หนเลยทีเดียว และเป็นค่ำคืนอันฝันร้ายของเจ้าตัวในนัดนี้อีกด้วย
จากิลก้า 38ปี แล้วไงกัน !
อองโตนี่ มาร์กซิยาล - มาร์คัส แรชฟอร์ด - เมสัน กรีนวู๊ด สร้างสรรค์โอกาสในการทำประตูรวมกันได้เพียงหนเดียวเท่านั้นตลอดเกม 90นาทีเมื่อคืน
งานนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับกำแพงมนุษย์เกมรับของเชฟฟิลด์ทั้งแผงด้วย ที่เล่นกันได้อย่างอดทน มีวินัย ไม่แตกแถว โดยเฉพาะ เซ็นเตอร์ฮาร์ฟ อย่าง ฟิล จากิลก้า
ด้วยวัยที่ใกล้เข้าสู่บั้นปลายอาชีพการค้าแข้งของนักฟุตบอล แต่ตัวเลขหลักไมล์ 38ปี กลับไม่ใช่อุปสรรค์ต่อการเล่นของ จากิลก้า เลย
นัดนี้เจ้าตัวสมบทบาทกำแพงหินสกัดกั้นลูกกลางอากาศได้เป็นอย่างดี (แม้จะมีช็อตพลาดกับลูกที่โดน แม็คไกรว์ โขกเข้าไป)
แรชชี่ - หมักเซียว - เอ็ดดี้ โดน จากิลก้า ทำให้เป็นเด็กน้อยอนุบาล แผลงฤทธิไม่ออกในนัดนี้ แม้เจ้าตัวจะไม่ใช่กองหลังเชิงดี ทักษะสูงส่งแต่อย่างไร
แต่เคล็ดลับง่ายๆของเจ้าตัวนั่นก็คือ มุ่งมั่น มีสมาธิ ทุ่มสุดตัว ในการเจอกับเกมรุกของยูไนเต็ด ทุกๆจังหวะ
แมน ออฟเดอะ แมตช์ เกมเมื่อคืนที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ถ้าจะยกมอบให้ชายวัยใกล้ฝั่ง38ปี คงไม่มีใครโต้แย้งนัก
- คอลัมน์นิสต์
- 388
- 28 ม.ค. 2564 14:42