ประตูแชมป์เปิด ! เกมโคตรมัน ไก่ บุกเชือดเรือ 3-2 เคน โขกชัยทดเจ็บ
เป็นอีกหนึ่งเกมพรีเมียร์ลีกที่อัตราความเมามันสูงจริงๆ สำหรับแมตช์ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กับ ท็อตแน่ม ฮ็อต สเปอร์ส ที่สุดท้ายแล้วลงอวยด้วยชัยชนะสุดดราม่า ของทีมคลับไก่ 2-3 แม้ว่ารูปเกมจะเป็นทางฝั่งเจ้าบ้านที่พับสนามบุกเข้าใส่ผู้มาเยือนตลอดทั้งเกม โดยการปราชัยของทีมเรือใบสีฟ้าหนนี้ ทำให้ประตูลุ้นแชมป์กับลิเวอร์พูลเปิดกว้างขึ้นอีกครั้ง
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต้องแบกรับความกดดันแข่งหลังลิเวอร์พูลบ้าง หลังก่อนหน้านั้น ซิตี้ มักจะได้ลงแข่งในสัปดาห์นั้นๆก่อนหน้าพลพรรคหงส์แดงตลอด โดยคู่ช่วงแรกของหัวค่ำ ก็เป็นลิเวอร์พูลของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ที่รัวแซงเอาชนะ นอริช ซิตี้ ไปได้ 3-1
นั่นจึงทำให้เกมที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต้องเก็บ3แต้มเหนือ สเปอร์ส ให้ได้ แต่ทว่าอย่างไรก็ตาม เริ่มเกมมาได้เพียงแค่ 4นาที ทีมดังแห่ง นอร์ท ลอนดอน ก็ขึ้นนำไปก่อน1-0 อย่างเซอร์ไพรส์ จาก เดยัน คูลูเซฟสกี้ ที่เปิดซิงประตูแรกในลีกเมืองผู้ดีได้สำเร็จ
โดย ซิตี้ มาตามตีเสมอได้ 1-1 จาก อิลคาย กุนโดกัน น.53 อย่างไรก็ตาม นาทีที่ 59 ก็เป็น แฮร์รี่ เคน ที่มาพวกสกอร์ น.59 ช่วยให้ สเปอร์ส แซงนำอีกครั้ง 2-1 ซึ่งเกมทำท่าจะจบลงด้วยสกอร์ดังกล่าวแล้ว
แต่ทว่า คริสเตียน โรเมโร่ ก็มาทำแฮนด์บอล ในเขตโทษ โดน VAR เช็คย้อนหลัง เป็นลูกจุดโทษ ริยาห์ มาเรซ สังหารเสียบมุมบนเข้าไป 2-2 น.90+2
ณ วินาทีนั้น กับการทดเวลาบาดเจ็บนานถึง 7นาที ลูกทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่พึ่งตีเสมอได้ 2-2 บวกเสียงเชียร์ในสนาม โมเมนตัมกำลังเหวี่ยงมาทีมเจ้าบ้านเต็มๆ แต่ทว่าก็เกิดเรื่องช็อกดราม่าซ้อนดราม่า ขึ้น เมื่อ แฮร์รี่ เคน พาพังประตูชัยให้ สเปอร์ส 3-2 จากลูกโขก น.90+5
3แต้มแบบสุดระทึกขวัญดังกล่าว นอกจากจะทำให้ พลพรรคคลับไก่ กลับมาสู้เส้นทางการลุ้นอันดับ4ไป แชมเปี้ยนส์ลีกแล้ว นั่นยังเท่ากับเป็นการเชื้อเชิญประตูสู่การลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกให้เปิดกว้างอีกครั้ง เมื่อลิเวอร์พูล ตามหลัง ซิตี้ เพียงแค่6 แต้ม แต่ยังมีโปรแกรมตกค้างแข่งน้อยกว่าอยู่1นัด
ส่วนภาพรวมเกมเมื่อคืนต้องบอกว่า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่ได้เล่นแย่อะไรเลย ครองเกมเหนือกว่าตลอด แต่ทว่าก็มาโดนหมัดเด็ดของ อันโตนิโอ คอนเต้ สวนกลับหงายท้องไปถึง3หน โมเดลคล้ายๆสมัยตอนที่กุนซือชาวอิตาเลี่ยนรายนี้ คุมทัพเซลซี บุกมาเอาชนะ เป๊ป ได้
แม้ ซน ฮึง-มิน จะทำ2แอสซิสต์ แข้งหน้าใหม่จากยูเว่อย่าง เดยัน คูลูเซฟสกี้ ยิง1 จ่าย1 แต่ดาวเด่นและคนสำคัญสำหรับ รางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตช์ จริงๆ ก็ต้องหนีไม่พ้น แฮร์รี่ เคน
นอกจากจะทำประตูชัย และยิงเบิ้ลแล้ว บทบาทตลอดทั้งเกมของ ดาวยิงวัย28ปีรายนี้ ก็สำคัญกับทีมมากๆ การมีกองหน้าธรรมชาตินี่แหละ คือหนึ่งในความแตกต่างและวัดผล แพ้ชนะ ในเกมนี้
เคน ครบเครื่อง และมีดีมากกว่าแค่ทำประตู
แม้ว่าในซีซั่นนี้ (ก่อนเกม) แฮร์รี่ เคน จะผลิตสกอร์ในพรีเมียร์ลีกได้เพียงแค่ 5ประตู จาก21นัดในพรีเมียร์ลีก นอกจากช่วงออกสตาร์ทฤดูกาลที่มีปัญหาเรื่องการย้ายทีม แล้วฟอร์มย่ำแย่ไม่ประติดประต่อ เคน ก็มีผลงานที่น่าพอใจมาตลอด
บทบาทของเจ้าตัวเปลี่ยนไปพอสมควรในระยะหลัง เพราะต้องกลายเป็นกองหน้า ที่ลงมาล้วงบอล โฮลบอล ทำทางสร้างโอกาสให้กับเพื่อนร่วมทีมทำให้ เคน ต้องอยู่ห่างไกลจากกรอบเขตโทษ และไม่ค่อยมีโอกาสได้ลั่นไกลนัก
เกมกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อคืนก็เหมือนกัน ดาวยิงวัย28ปีรายนี้ ทำแทบจะทุกอย่างในเกมรุก ลงมาพักบอลบริเวณกลางสนาม ดึงบอล พักบอล เปลี่ยนบอลข้ามฝากจากขวาไปซ้าย - ซ้ายไปขวา
โดยเกมนี้ ดาวยิงกัปตันทีมชาติอังกฤษเกือบจะทำแฮตทริก ได้ด้วยซ้ำ หากว่า เดยัน คูลูเซฟสกี้ ไม่ล้ำหน้าไปก่อน ความยอดเยี่ยมของเคน ในนัดนี้อีกหนึ่งอย่างนั่นก็คือการเปลี่ยนโอกาสให้เป็นประตู
หอกหมายเลข10รายนี้ มีโอกาสซัดทั้งเกมเพียงแค่3ครั้ง และก็สามารถแปรเปลี่ยนโอกาสนั้นให้มีชื่ออยู่บนสกอร์บอร์ดได้ทั้ง 2หน ประตูขึ้นนำ2-1 ก็ต้องชมเจ้าตัวด้วยที่หาช่อง ระหว่างเซ็นเตอร์ กับ แบ็กซ้าย เข้าไปแปได้อย่างพอเหมาะพอเจอะ
ประตูโขกทดเจ็บ 3-2 นอกจากต้องชมการเปิดของ คูลูเซฟสกี้ แล้ว ก็ต้องยกนิ้วให้กับ แฮร์รี่ เคน อีกด้วย ที่พุ่งโถมเข้ามาโขกเบียด ไคล วอล์กเกอร์ บอลปักลงพื้นชนิดที่ เอแดร์ซอน ขาตายหมดสิทธิเซฟ
โดยหลังจากที่เหมา2ประตูใส่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ส่งผลให้ เคน ซัดประตูทีมในระดับบิ๊กซิกซ์ ครบ30ลูกเข้าให้แล้ว x11 อาร์เซน่อล - x7 ลิเวอร์พูล และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด - เซลซี - แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ก็โดน แฮร์รี่ เคน กดไป ทีมละ4ประตูเท่าๆกัน
คูลูเซฟสกี้ กับสกอร์แรกในพรีเมียร์ลีก
ถือว่าได้รับความไว้วางใจจาก อันโตนิโอ คอนเต้ ไม่น้อยเลย สำหรับ เดยัน คูลูเชฟสกี้ กับการได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงในเกมสุดสำคัญขนาดนี้ ทั้งที่ย้ายมาร่วมทีมคลับไก่ ยังไม่ได้ครบ1เดือนเลย
โดยปีกชาวสวีเดน ก็ตอบแทนความไว้วางใจจากกุนซือชาวอิตาเลี่ยนรายนี้ได้เป็นอย่างดี กับผลงาน 1ประตู 1แอสซิสต์ ซึ่งเกือบจะเป็น2แอสซิสต์ด้วยซ้ำ หากว่าลูกเปิดลูกแรกไปให้ เคน อดีตแข้งยูเว่รายนี้ ไม่ล้ำหน้าไปก่อน
สิ่งหนึ่งที่ปีกวัย21ปี แสดงให้เราเห็นอย่างชัดเจนในเกมนี้นั่นก็คือความขยัน เวลาที่ไม่มีบอล รวมไปจนถึงจังหวะการสอดประสานกันได้อย่างลงตัวกับบรรดาหน่วยสังหารของทีมอย่าง แฮร์รี่ เคน และ ซน ฮึง-มิน และภาพรวมทั้งเกมก็ถือว่าไม่เลวเลย
อย่างไรก็ตาม คูลูเชฟสกี้ ยังไม่ค่อยมีโอกาสได้กระชากลากเลื้อยนัก แถมยังได้สัมผัสบอลตลอดทั้งเกมไปเพียงแค่ 37ครั้ง (อาจจะด้วยรูปเกมที่เป็นรอง แมนฯซิตี้ เสียส่วนใหญ่) แถมจังหวะต้องเบียดปะทะหรือแย่งบอล เจ้าตัวก็มักโดน ชูเอา กานเชโล่ เอาชนะไปได้สบายๆหลายคน
" ตลอดระยะเวลาไม่กี่เดือยที่ผ่านมาผมต้องอดทนอย่างมาก ผมไม่ได้รู้สึกว่าเป็นตัวเองเท่าไหร่ การที่ได้เล่นเกมแบบนี้ การได้เล่นตัวจริงในพรีเมียร์ลีกหนแรกของผม มันอธิบายไม่ถูกจริงๆ ผมต้องเย็นลงและเล่นโดยไม่คิดกังวลอะไรในหัว ผมซัดประตูตั้งแต่ต้นเกมมันเป็นเรื่องเยี่ยม คุณต้องไม่วอกแวกกับสิ่งอื่่น "
แม้ว่าภาพรวมจะมีอะไรต้องปรับจูนอีกเยอะกับทีมใหม่ แต่ต่อไป เดยัน คูลูเชฟสกี้ น่าจะได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงมากขึ้น โอกาสไม่น้อยไปกว่า คู่แข่งในตำแหน่งเดียวกันอย่าง ลูคัส มูร่า และ สตีเว่น เบิร์กไวจ์น เลย
คอนเต้ ผู้กางตำราพิชิต เป๊ป
การชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ด้วยวิธีการเล่น 3-4-3 แบบนี้ นี่ไม่ใช่หนแรกที่ อันโตนิโอ คอนเต้ คุมทีมมายัดเยียดความปราชัยให้ กับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า คาบ้าน เหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วในฤดูกาล 2016-2017 ที่เซลซี บุกมาจมทัพ เรือใบ 3-1
คอนเต้ พาสเปอร์ส มาเยือน ในระบบ 3-4-3 แม้ว่ารูปเกมจะเป็นรองสุดกู่ ในเรื่องการครองบอล แต่ทว่าเมื่อถึงเวลาต้องปล่อยหมัดน็อคสวนกลับพิฆาตคู่แข่ง ทีมดังแห่ง นอร์ท ลอนดอน เหนือ ก็คว้าโอกาสเอาไว้ได้ ตามฟุตบอลสไตล์อิตาเลี่ยนอย่างแท้จริง
แม้พวกเขาจะโดน ซิตี้ กดไปถึง2ประตู แต่ทว่าภาพรวมในเกมรับพวกเขาก็เล่นกันได้ดีไม่น้อย ทั้งในรายของ เอริค ดายเออร์ ที่เล่นได้อย่างแข็งแกร่ง จัดการลูกครอสจากด้านข้างได้เป็นอย่างดี รวมไปจนถึง เบน เดวิส ที่อยู่ถูกที่ถูกเวลาตลอดในเขตโทษ รวมถึงผ่านบอลได้อย่างดีเยี่ยม
อันโตนิโอ คอนเต้ แก้ตัวได้สำเร็จหลังจากก่อนหน้านั้น3นัด ในพรีเมียร์ลีกสเปอร์ส แพ้รวด3เกม ทำให้กลับมามีสถานการณ์ที่ดีทำอันดับมีลุ้นไป แชมเปี้ยนส์ลีก อย่างสูสีอีกครั้ง
หลังเกมเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทำให้ อันโตนิโอ คอนเต้ มีสถิติที่ดีมากๆในการคุมทีมดวลกับ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เมื่อจอมเฮี๊ยบชาวอิตาเลี่ยนรายนี้ เอาชนะ กุนซือชาวสเปนไปได้ 3ครั้ง จากการเจอกัน 5หน และแพ้ไปเพียง2ครั้ง
นอกจากนี้ สเปอร์ส ยังหลายเป็นทีมที่ 4เท่านั้น ที่เอาชนะ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ในพรีเมียร์ลีก ได้ทั้งไปและกลับในฤดูกาลเดียว เซลซี 2016-2017, วูล์ฟแฮมป์ตัน 2019-2020 , แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2019-2020
แม้ทีมแพ้ แต่ กานเชโล่ โดดเด่นสุดๆ
นานๆเราจะได้เห็นผู้เล่นในเกมรับทีมที่โดนคู่แข่งกระซวกตาข่ายไปถึง3เม็ด แล้วจัดได้นับได้ว่ามีฟอร์มการเล่นอันไฉไล ชูเอา กานเชโล่ คือนักเตะคนดังกล่าว แม้ประตูชัยของ สเปอร์ส จะมาจากการเปิดทางวิงแบ็กฝั่งซ้าย ที่ กานเชโล่ รับผิดชอบก็ตาม
ในเรื่องของเกมรับนอกจากจังหวะประตู 2-3 ที่ปล่อยให้ เดยัน คูลูเชฟสกี้ เปิดให้ แฮร์รี่ เคน โขกแล้ว แบ็กแดนฝอยทองรายนี้ก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยมตลอด เราจึงได้เห็นภาพ กานเชโล่ ไล่กวด แย่งบอลเบียดบอลจาก คูลูเชฟสกี้ได้หลายหน
รวมไปจนถึง วิงแบ็กอย่างขวา เอเมอร์สัน รอยัล ก็ทำอะไรไม่ถนัดเหมือนกัน ทั้งในเรื่องของเกมรับและเกมรุก เพราะโดนการโจมตี เปิดเกมบุกของ กานเชโล่ เข้ากดดันจนโงหัวไม่ขึ้น
เกมในครึ่งแรก ซิตี้ ขึ้นเกมจากทางซ้ายตลอดทางฝั่งของ ราฮีม สเตอร์ลิง และ ชูเอา กานเชโล่ จนกลายเป็นคีย์แมนสำคัญในการขึ้นเกมบุกของทีมเมื่อคืน แถมอดีตแบ็กยูเว่ รายนี้ก็เกือบทำประตูได้ด้วย เมื่อหลุดไปยิงมุมแคบ แต่ ฮูโก้ โยริส ออกมาปิดมุมได้ทัน
เมื่อคืน ทั้งที่เล่นในตำแหน่งแบ็ก แต่ทว่า ชูเอา กานเชโล่ มีโอกาสได้สับไกลมากถึง 5ครั้ง จ่ายบอลคีย์พาสได้ 1หน รวมไปจนถึงสปีดเลี้ยงบอลผ่านผู้เล่นแข้งไก่ ได้5ครั้ง สัมผัสบอลมากถึง 102 ครอสบอลเข้าเขตโทษอีก2ครั้ง
เกมรับ แข้งวัย27ปีรายนี้ เข้าแท็กเกิ้ล และตัดบอล ได้อย่างละ3ครั้งเท่ากัน เผลอๆ กานเชโล่ ดูจะมีบทบาทมากกว่า ปีกซ้าย (กองหน้าฝั่งซ้าย) ของทีมด้วยซ้ำ ในหลายๆนัดของฤดูกาลนี้
ซิตี้ ไม่ได้มีอะไรผิดพลาดขนาดนั้น แต่สไตล์การเข้าทำมีเพียงหน้าเดียว
แม้ว่าจะพ่ายให้กับ ท็อตแน่ม ฮ็อต สเปอร์ส ไปแบบน่าเซอร์ไพรส์ แต่ทว่าด้วยรูปเกมรวมถึงองค์ประกอบอะไรหลายๆอย่าง นี่ไม่ใช่นัดที่ ลูกทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ฟอร์มหลุดหรือโชว์ฟอร์มย่ำแย่ต่ำกว่า มาตรฐานขนาดนั้นแต่อย่างใด
แต่ทว่าเป็นทางฝั่ง ท็อตแน่ม ฮ็อต สเปอร์ส ต่างหากที่เล่นตามแผนที่ อันโตนิโอ คอนเต้ วางแผนแทกติกมาได้อย่าง ยอดเยี่ยม ลงล็อค และอดทนสุดๆ บวกกับเป็นวันที่แนวรับทีมเรือใบสีฟ้า ก่อความผิดพลาดเล็กๆน้อยๆทั้ง รูเบน ดิอ๊าซ - เอเมอริค ลาป๊อร์กส์ รวมไปจนถึง ไคล วอล์คเกอร์
แถมยังเป็นวันที่ แฮร์รี่ เคน ตีนระเบิดฟอร์มเข้าฝัก รวมไปจนถึง ซน ฮึง-มิน ที่แอสซิสต์เท้าชั่งทอง ทำให้ผลลัพธ์สุดท้ายเป็นทางฝั่งผู้มาเยือนได้เฮกลับไปพร้อม3แต้ม
ซิตี้ ยังคงไม่ทิ้งเอกลักษณ์เดิม นั้นก็คือการครองบอลเหนือกว่าคู่แข่ง 72 ต่อ 28 เปอร์เซ็นต์ รวมไปจนถึง ลูกเตะมุมที่ ได้ไป10ครั้ง ในขณะที่ผู้มาเยือนไม่มีโอกาสได้ลูกเตะมุมเลยแม้แต่หนเดียว เรือใบ ยังสร้างโอกาสยิงได้ถึง 14ครั้ง
ผู้เล่นดาวเตะในแดนกลางอย่างทั้ง เควิน เดอ บรอยน์ และ อิลคาย กุนโดกัน ก็ทำหน้าที่ในเรื่องของเกมรุกของตัวเองได้เป็นอย่างดี อาจจะเสียตรงที่ KDB จ่ายบอลพลาดเยอะไปหน่อย แต่ทว่าบรรดาตัวผู้เล่นริมเส้นอย่าง ราฮีม สเตอร์ลิง และ ฟิล โฟเด้น กอดคอพากันกันสอบตกจริงๆในแมตช์นี้
ซิตี้ โดดเด่นอยู่แล้วในเรื่องของการครองเกม ครองบอล แต่ทว่าในเวลาที่เกมตื้อๆ (แบบเมื่อคืน) รูปแบบการเข้าทำไม่ได้ผล เป๊ป ไม่มีแผนรูปแบบการเล่นสำรองฉุกเฉินไว้ใช้ทำลายคู่แข่ง เช่น กองหน้าตัวใหญ่ๆที่พร้อมมาเล่นลูกโด่ง ชนกระแทก พักบอลให้เพื่อนในเขตโทษเหมือนทีมอื่นๆ
ถึงกระนั้นก็ดี แม้จะมีโอกาสสูงมากๆที่ลิเวอร์พูล จะไล่ตามหลังมาเหลือแค่3แต้ม จากโปรแกรมนัดตกค้างกับลีดส์ แต่ถ้ามองภาพรวม15นัดหลังสุดในพรีเมียร์ลีก เป๊ป กวาร์ดิโอล่า พาทัพเรือใบสีฟ้า ชนะได้ถึง 13 หลุดเสมอและแพ้ เพียงอย่างละ1นัดเท่านั้นเอง เก็บไปได้40 จาก45คะแนนเต็ม
- คอลัมน์นิสต์
- 446
- 20 ก.พ. 2565 14:14