รวมพลังสู้ ! หงส์ โชว์ฮึด เชือด เรือ 1-0 ซาลาห์ หลุดเดี่ยวซัดชัย
ก่อนเกมดาร์บี้ แมตช์ พรีเมียร์ลีกคู่สุดท้าย ประจำสัปดาห์นี้ ที่แอนฟิลด์ จะเริ่มขึ้นระหว่าง ลิเวอร์พูล ที่ฤดูกาลใหม่ 2022-2023 พวกเขาแผ่วลงอย่างชัดเจน ดวลกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ฟอร์มโหดร้ายมากๆ แถมยังมี เจ้าเด็กยักษ์ เออร์ลิง ฮาแลนด์ ที่ยิงกระฉูดแตกมาตลอด พร้อมลงสนาม สวนทางกับทางฝั่งหงส์แดง ที่ในลีกปีนี้ ไม่น่าประทับใจเท่าไหร่ แถมก่อนเกมยังมีนีกเตะเดี้ยงไปอีกหลายรายด้วย
นั่นทำให้ไม่แปลกใจเลยที่การดวลกันของ ทีมแชมป์ และ ทีมรองแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาลล่าสุด กูรูและนักวิเคราะห์หลายท่าน ได้มองไปในทิศทางคล้ายๆกันว่า ลูกทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จะบุกมาคว้า 3แต้มได้ถึงแอนฟิลด์
แต่ทว่าอย่างไรก็ตาม พลังอันยิ่งใหญ่ มาพร้อมกับความรับผิดชอบอันใหญ่ยิ่ง ใช้ได้กับนักเตะหงส์แดงได้เลยเมื่อคืน เมื่อพวกเขารวบรวมพลังใจสู้ เอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไปได้ 1-0 จากประตูโทน จังหวะสวนกลับของ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ น.76
หงส์แดงที่ตัวหลักหายกันไปหลายคนทั้ง โฌแอล มาติป - เทรนท์ อเล็กซานเดอร์ อาร์โนลด์ (ไม่ฟิตเต็มร้อย) รวมไปจนถึง หลุยส์ ดิอาซ ที่เจ็บและต้องพักร่วมๆ 2เดือน แต่ผู้เล่นที่มาทดแทน ต่างทำหน้าที่กันได้ดีทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น โจ โกเมซ - เจมส์ มิลเนอร์
ส่วนแนวรุก โม ซาลาห์ มีโอกาสจบสกอร์เหน่งๆ 3ครั้ง แต่ทว่า เปลี่ยนมาเป็นสกอร์ได้เพียงแค่ หนเดียว แต่นั่นก็เพียงพอที่จะทำให้ ทีมคว้า3คะแนนสุดสำคัญในเกมนี้ บวกก่อนหน้านั้น " บังโม " พึ่งจะมีแฮตทริก ในเกมยูซีแอล กับ กลาสโกว์ เรนเจอร์ส ก็น่าจะทำให้เจ้าตัวเพิ่มความมั่นใจได้อีกมากโข
ส่วนผู้ปราชัย แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ที่ก่อนเกมถูกมองว่าเป็นต่อพอสมควร เกมที่แอนฟิลด์ เมื่อคืนถือว่าพวกเขาเล่นกันได้ผิดฟอร์มไม่น้อย โดยเฉพาะในเรื่องของพลังงานที่ ขุนพลเรือใบสีฟ้า ดูจะพลังหมดช่วง 45นาทีหลังพอสมควร
ชูเอา กานเชโล่ ที่ฟอร์มโหดมาตลอด แต่ทว่าเกมนี้ แบ็กชาวโปรตุเกส มีช็อตผิดพลาดให้เห็นหลายจังหวะ โดยเฉพาะลูกที่เสียประตู โดน โม ซาลาห์ บังจังหวะนิดเดียวกลายเป็นหลุดเดี่ยวไปเลย หรืออีกรายอย่าง มานูเอล อคานยี่ ที่ได้เล่นเซ็นเตอร์แมตช์นี้ ก็ดูลนลานในหลายๆจังหวะเช่นกัน
3แต้ม ในเกมนี้ ถือว่าเป็นกำลังใจและโมเมนตัม สำคัญมากๆของ ลิเวอร์พูล หลังจากที่พวกเขาเป๋มาอย่างต่อเนื่องในเกมพรีเมียร์ลีก ทางฝั่งของทัพเรือใบสีฟ้า แม้ว่าการปราชัยจะทำให้ยังรั้งเป็นรองจ่าฝูง
แต่ทว่าพวกเขาก็โดน จ่าฝูงอาร์เซน่อล ทิ้งช่องว่างระยะห่างเป็น4คะแนนเข้าให้แล้ว รวมถึง ท็อตแน่ม ฮ็อต สเปอร์ส อันดับ3ก็ทำแต้มเท่าที่23คะแนน แต่ทีมคลับไก่เป็นรองเพียงแค่ลูกได้เสียเท่านั้น
โม ซาลาห์ พระเอกซัดประตูชัย
ก่อนเกมกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ใครจะเชื่อว่า 8นัดในลีกที่ผ่านมา โมฮาเหม็ด ซาลาห์ พึ่งจะสังหารประตูในพรีเมียร์ลีก ได้เพียงแค่ 2เม็ดเท่านั้น แต่ทว่าก่อนหน้า สตาร์ชาวอียิปต์ก็มีสัญญาณที่ดีอยู่เหมือนกัน กับการตะบัน แฮตทริก ใส่ กลาสโกว์ เรนเจอร์ส เมื่อกลางสัปดาห์
เมื่อคืนกับซิตี้ ซาลาห์ เหมือนจะถูกกำชับให้หุบมาตรงกลางพอสมควร ก่อนจะถูกโยกมาเล่นฝั่งขวาที่ถนัดมากขึ้น ซึ่งเป็นพื้นที่ทำการที่ สตาร์วัย30ปีรายนี้ สร้างความปั่นป่วนให้แนวรับผู้มาเยือนเป็นอย่างดี ความเร็วและความแข็งแกร่งคืออาวุธของเจ้าตัวในเกมนี้
เกมสวนกลับเร็วตาม แท็กติก ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ ทำให้เป็นช่องไฟที่มีเวลาและพื้นที่ให้ ซาลาห์ ได้เล่นงานแนวรับทีมเรือใบเป็นอย่างดี โดยเฉพาะประตูชัยมาจาก อลิสซง เบ็คเกอร์ ที่หวดยาวโป้งเดียว แล้ว บังโม ใช้ชั้นเชิงในการพิงบังบอล เอาชนะ ชูเอา กานเชโล่ หลุดไปกดผ่าน เอแดร์ซอน ได้สำเร็จ
อย่างไรก็ตาม ซาลาห์ เมื่อเทียบกับโอกาส ควรจะมีมากกว่า1ตุง โดยเฉพาะจังหวะที่ โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ แทงบอลให้เจ้าตัวหลุดเดี่ยวกระชากมาจากครึ่งสนาม ไปดวลกับ เอแดร์ซอน แต่ทว่าบอลไปโดยปลายมือโกลชาวบราซิล หลุดเสาออกไปนิดเดียว
หลังเกมนี้ชื่อว่านอกจากประตูที่ตามมาแล้ว ความมั่นใจของ ซาลาห์ น่าจะค่อยๆกลับมาเรื่อยๆตามโมเมนตัม ประตูที่สังหารใส่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อคืนทำให้เจ้าตัวสร้างสถิติเป็นนักเตะรายที่2 ที่กดประตูใส่ เรือใบสีฟ้า ได้4นัดติดต่อกันในพรีเมียร์ลีกต่อจาก จิมมี่ ฟลอย ฮัดเซลเบงค์
โกเมซ ร่างทอง / น้าเจมส์ เอายู่ / ฟานไดค์ ที่แอนฟิลด์
ก่อนเกม ลิเวอร์พูล ดูจะต้องเป็นกังวลพอสมควร ในเรื่องของตัวผู้เล่น โดยเฉพาะในเกมรับ ทำให้พวกเขาต้องส่งนักเตะประเภทน่าหวาดเสียวไปดวลกับแนวรุกที่มีความเชี่ยวกรากสูงของ ซิตี้ ที่จัดมากันเต็มทั้ง โฟเด้น - ฮาแลนด์ - เดอ บรอยน์ รวมไปจนถึงแบ็กจอมบุกอย่าง กานเชโล่
โจ โกเมซ และ เจมส์ มิลเนอร์ คือผู้ได้รับมอบหมายหน้าที่ ในเกมสุดสำคัญดังกล่าว ซิ่งผลงานออกมาดีเกินคาดมากๆ และลงเอยด้วยการเก็บคลีนชีตและ 3แต้ม โดยเฉพากับ " เทพโจ " โจ โกเมซ ที่ถูกเลือกให้เป็น แมน ออฟ เดอะ แมตช์ หลังเกม
โกเมซ ในเวอร์ชั่นร่างทองสมบูรณ์ เอาอยู่มากๆในการแท็กทีมกับ ฟาน ไดค์ ประกบติด เออร์ลิง ฮาแลนด์ โดยเจ้าตัวมีสถิติที่ดีทั้ง เคลียร์บอล6ครั้ง / เคลียร์บอลลูกกลางอากาศ 3ครั้ง และแย่งบอลกลับมาได้ถึง10หน
ส่วน เจมส์ มิลเนอร์ ภาพก่อนเกมที่จะต้องดวลกับ ดาวเตะรุ่นน้องไฟแรงอย่าง ฟิล โฟเด้น ก็น่าจะทำให้แฟนหงส์แดงลุ้นเยี่ยวเหนียวอยู่ไม่น้อย แต่ทว่าตลอดทั้งเกม "น้าเจมส์ " เอาอยู่มากๆในการประกับ โฟเด้น ไม่เข้าพรวดผลีผลาม แถมยังมีลูกหนักไว้ขู่ฝั่งตรงข้ามอีกด้วย เคลียร์บอลได้4ครั้ง แท็กเกิ้ล 3หน ในวัย36ปี ยังได้เล่นจนครบ 90นาทีอีกด้วย
ส่วน เวอร์จิล ฟาน ไดค์ ที่โดนปรามาสไปพอสมควรในระยะหลัง ก็คืนสู่ฟอร์มเดิมที่คุ้นเคยอีกครั้ง ทั้งสถิติเคลียร์บอล 7หน - ชนะการดวล3ครั้ง - 0ครั้งที่คู่แข่งเลี่ยงบอลผ่าน โดยอีกสถิติยังคงกระพันเสมอ เวลาที่เซ็นเตอร์ชาวดัตช์เล่นในเกมลีกที่แอนฟิลด์ ลิเวอร์พูล ไม่เคยแพ้เลย ตลอด69นัด ชนะ58 -เสมอ 11
นานๆเห็น กานชโล่ พลาด
ในช่วง 1-2ปีที่ผ่านมา เรียกว่าเป็น เพอร์เฟ็คส์ ของแบ็กสมัยใหม่เลยสำหรับ ชูเอา กานเชโล่ แต่ทว่าเกมกับ ลิเวอร์พูล เป็นหนึ่งในไม่กี่หนที่ แบ็กชาวโปรตุเกสรายนี้ เล่นได้ผิดฟอร์มอย่างน่าเกลียด จนเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ ทำให้ทีมปราชัยไปในที่สุด
อีกหนึ่งข้อสังเกตที่มองกันว่าทำให้ กานเชโล่ โชว์ฟอร์มได้ไม่เป็นธรรมชาติ นั่นเป็นเพราะว่า เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เลือกใช้บริการเจ้าตัว ในตำแหน่งแบ็กขวา จากที่เล่นประจำแบ็กซ้าย เนื่องจากตัวจริงอย่าง ไค วอล์คเกอร์ เจ็บ
โอเค แม้ที่ผ่านมา กานเชโล่ จะเคยเล่นแบ็กขวามาก่อนสมัยอยู่ยูเวนตุส และก็มีบางแมตช์เช่นกันที่ เป๊ก เลือกใช้เจ้าตัวไปยืนแบ็กขวา ในยามที่ตัวเลือกแบ็กขวาตัวจริง (ช่วงเวลานั้นๆเจ็บ) แต่ทว่านี่คือเกมใหญ่ ที่มีความสูสีความกดดันสูง การตัดสินใจของกุนซือชาวสเปน ดูจะเป็นเรื่องที่ผิดพลาดในเกมนี้
อันดับแรก เกมรุก กานเชโล่ จัดได้ว่าเป็นแบ็กที่เล่นเกมบุกอย่างเมามันอยู่แล้ว แต่ทว่าเมื่อถูกโยกมาเล่นอีกฝั่ง ดูขัดๆไม่น้อย โดยเฉพาะไลน์การวิ่งของเจ้าตัว ดูจะสับสนหรือทับกับทางบอล ของ เควิน เดอ บรอย ทำให้เกมทางฝั่งขวาของเรือใบดูสะดุดทั้งรับและรุก
เกมรับจังหวะเสียประตูต้องโทษเจ้าตัวเต็มๆที่เหลี่ยมบอลไม่สู้ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ จน "บังโม" ได้หลุดเดี่ยวโล่งๆไปสำเร็จโทษ รวมถึงยังมีอีกช็อตที่ กานเซโล่ พลาดคล้ายๆกัน ให้กับ ดิโอโก้ โชต้า แต่ไม่โดนลงโทษ ยังไม่นับอีกเหตุการณ์ที่ตามไปเก็บบอลที่กำลังเล่นเกมรุกต่อ แต่เผลอกะจังหวะผิดไหลออกไปง่ายๆ
อลิสซง มากกว่าผู้รักษาประตู
ฤดูกาลนี้ ที่ลิเวอร์พูลถูกสอยตาข่ายเป็นว่าเล่น แนวรับฟอร์มไม่เหมือนเดิม แต่ทว่าสำหรับ อลิสซง เบคเกอร์ แล้ว " พี่หมี " ยังคงโชว์ฟอร์มเซฟเหมือนเดิม ไม่ว่าจะเป็นเซฟแบ่งแต้มหรือเซฟให้หงส์แดงไม่แพ้น้อยไปกว่านี้
เมื่อคืนกับเรือใบ อลิสซง มีจังหวะเซฟสวยๆให้เห็น1ช็อตนั่นก็คือ การหยุดลูกยิงเรียดในเขตโทษของ เออร์ลิง ฮาแลนด์ ด้วยมือข้างเดียว รวมไปจนถึงยืนถูกที่ถูกตำแหน่งกับลูกโขกของ หอกชาวนอร์เวย์ เจ้าเก่า
อีกหนึ่งสิ่งที่โกลชาวบราซิลเลี่ยนรายนี้ทำได้ดี นั่นก็คือการ ออกมาคว้าบอลเล่นลูกกลางอากาศที่ทำได้เยี่ยมอย่างไม่มีที่ติ นอกจากนี้ อลิสซง ยังมีดีเด็ดเสมอในเรื่องของการเปิดบอลเร็วให้ทีมสวนกลับ ซึ่งประตูชัยก็มาจากเจ้าตัวนี่แหละที่ออกมาคว้าบอลเร็วจังหวะฟรีคิกของ ซิตี้
แล้วตัดสินใจหวดขึ้นหน้าให้ ซาลาห์ บังเหลี่ยม เอาชนะ กานเซโล่ หลุดเข้าไปสังหารประตูชัย3แต้มให้กับทีม โดยนี่นับเป็นหนที่3แล้ว นับตั้งแต่ย้ายมาเฝ้าเสาให้ทีมหงส์แดง แล้ว อลิสซง เบคเกอร์ ทำแอสซิสต์ได้
เหตุการณ์แอสซิสต์เหล่านี้เคยเกิดขึ้นมาแล้วถึง3ครั้ง 2019-2020 แอสซิสต์ เกมที่ชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (2-0) 2021-2022 แอสซิสต์ ในแมตช์กับ นอริช ซิตี้ (3-1) และล่าสุดเมื่อคืนกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้
นอกจากนี้ อลิสซง ยังเคยอหังการขนาดเติมขึ้นมาโขกประตูชัยให้ทีมได้ด้วย ในนัดที่ชนะ เวสต์บรอมวิช 2-1 เมื่อซีซั่น 2020-2021 เป็นมากกว่าผู้รักษาประตูจริงๆสำหรับ "พี่หมี " ของแฟนหงส์แดง
คล็อปป์ ฉุนขาด จนโดนแดง / เป๊ป บางนัดก็ดูเพี้ยน
เป็นนัดหนึ่งที่กรรมการตัดสินค้านสายตาไม่น้อย ยกเว้นช็อตที่ แมนเเชสเตอร์ ซิตี้ ขึ้นนำไปก่อน จาก ฟิล โฟเด้น แต่VAR เช็กย้อนหลังได้อย่างถูกต้อง เพราะชัดเจนว่าจังหวะต่อเนื่องในเพลย์เกมบุกดังกล่าว ฮาแลนด์ ไปดึง ฟาบินโญ่ ชัดเจน
แต่ทว่ารายละเอียดยิบย่อยต่างในเกมต้องบอกว่า แอนโทนี่ เทย์เลอร์ ทำได้น่าหงุดหงิดพอสมควร มีหลายจังหวะที่ลิเวอร์พูล สมควรได้ฟาวล์ แต่เปาหัวเหม่งรายนี้เมินเฉย จนมาช็อตท้ายเกมที่ แบร์นาโด้ ซิลวา ไปดึงเหนี่ยวดึง โม ซาลาห์ แต่กรรมการรายนี้กับเฉยอีกเชนเคย
ซึ่งนั่นทำให้ เจอร์เก้น คล็อปป์ ฟิวส์ขาด ควันหอกหูโวยหนักทั้งกับผู้ช่วยข้างสนาม และตะโกน ไปยัง แอนโทนี่ เทย์เลอร์ จนท้ายที่สุด เจเค ต้องโดนใบแดงไป และจะชวดคุมทีมข้างสนามในเกมหน้าที่จะพบกับ เวสต์แฮม
ส่วนสำหรับกับ ซิตี้ จังหวะที่ ทัพเรือใบสีฟ้า จะได้เปรียบกับการได้บุกต่อเนื่อง แต่เปาเหม่ง กลับเป่าย้อนกลับมาให้ฟาวล์จนเสียจังหวะซะงั้น ส่วนความโชคดีของผู้มาเยือนก็คือจังหวะที่ โรดรี้ ไปเสีย ซาลาห์ ด้านหลังแบบไม่โดนบอล แต่ทว่าไม่โดนใบอะไรเลยดื้อๆ
ทางฝั่ง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ไม่มีใครเถียงอยู่แล้วกับการเป็นกุนซือสมองเพชรของเจ้าตัว แต่บางครั้งนายใหญ่ชาวสเปนรายนี้ ก็ดูจะเพี้ยนๆไปเหมือนกันกับการแก้เกมดังกล่าว ทั้งที่ทีมตกเป็นรอง 1-0 และต้องการทวงประตูคืน
แต่ทว่าเป๊ป กลับ เลือกแก้เกมเปลี่ยนตัวเพียงแค่ตัวเดียวเท่านั้น นั่นก็คือถอด อิลคาย กุนโดกัน ออก แล้วให้ ฮูเลี่ยน อัลวาเรซ ลงมาเล่นแทน แต่ทว่านั้นก็ปาเข้าไป น.89แล้ว ทั้งที่สำรองข้างสนาม ยังมีตัวทีเด็ดในเกมรุกให้เลือกใช้มาแก้ไขสถานการณ์อยู่ทั้ง แจ็ค กรีลิช และ ริยาด มาห์เรซ
- คอลัมน์นิสต์
- 408
- 17 ต.ค. 2565 14:10