มีครบทุกรสชาติ ! หงส์ แชมป์ คาราบาว ดวลเป้ามาราธอน ชนะสิงห์ 11-10
แม้จะเป็นฟุตบอลถ้วยเล็กของอังกฤษ แต่ทว่าก็เป็นนัดชิงดำที่มีความเมามันแบบ10เต็ม10จริงๆ สำหรับการห้ำหั่นกันอย่างถึงพริกถึงขิงสุดๆของ เซลซี กับ ลิเวอร์พูล ซึ่งสุดท้ายกว่าจะได้บทสรุปของแชมเปี้ยนก็ต้องฎีกาไปจนถึงการดวลจุดโทษ และสุดท้ายก็เป็นพลพรรคหงส์แดงที่ผงาดคว้าแชมป์ คาราบาวคัพไป จากการดวลเป้ามาราธอน ชนะสิงห์บูลส์ 11-10
ก่อนเกมจะเริ่มขึ้นถือว่าเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์แต่ก็ไม่ผิดคาดเท่าไหร่สำหรับ ลิเวอร์พูล กับการเลือกส่ง โกลดาวรุ่งอย่าง ควีวิน เคลเลเฮอร์ ลงเฝ้าเสาในนัดชิงชนะเลิศสุดสำคัญนี้ ก่อน อลิสซง เบ็คเกอร์ นายด่านมือ1ของทีม เนื่องจาก โกลวัย23ปีรายนี้ คือตัวหลักของรายการ "น้าแอด คัพ " มาตลอด
ส่วนทางฝั่งเซลซีของ โธมัส ทูเคิ่ล เลือกที่จะใช้ผู้รักษาประตูตัวจริง เป็น เอดูอาร์ เมนดี้ ก่อน เกปา อาร์ริซาบาลาก้า ที่ลงเล่นใน คาราบาว คัพ มาทุกเกม (5นัด) ในถ้วยรายการนี้
แม้ว่าเกมตลอด 120นาที จะลงเอยด้วยการเสมอกันอย่างจืดชืด 0-0 แต่ทว่าในรายอะเอียดของเกมนั้นต้องบอกได้เลยว่ามีอัตราความเมามันสุดขีด ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ค่อนข้างเหลือเชื่อว่า เกมที่ทั้งสองฝ่ายต่างเปิดเกมแลกหมัดกันสร้างโอกาสได้จะแจ้ง จะลงเอยทั้งในเวลาปรกติ 90นาที และ 120นาที ด้วยสกอร์ 0-0
ทางฝั่งของทีมสิงห์น้ำเงินเหมือนจะมีโอกาสที่จะแจ้งกว่าทั้ง เมสัน เมาท์ ที่ได้โอกาสเดี่ยวๆในเขตโทษถึง2ครั้ง แต่ทว่าดาวเตะหน้าหล่อรายนี้กับซัดบอลไปซุกก้นตาข่ายเป็นฮีโร่ของทีมไม่สำเร็จ ส่งบอลหลุดออกนอกกรอบและชนเสาไปอย่างละ 1ครั้ง
หรือแม้กระทั้งในยามที่เซลซี จัดการซัดผ่าน เคลเลเฮอร์ ได้สำเร็จ แต่ทว่ากลับโดนจับล้ำหน้าไปก่อนถึง3 ครั้ง ทั้งจาก ไค ฮาแวร์ตช์ (2หน) และตัวสำรอง โรเมลู ลูกากู 1ครั้ง ที่เรียกได้ว่าหอกชาวเบลเยี่ยมรายนี้ล้ำแค่เส้นยาแดงผ่าแปดก็ว่าได้
ส่วนลิเวอร์พูล พวกเขาก็เกือบสุดๆ กับการเจาะตาข่ายเซลซีได้เหมือนกัน จากลูกยิงของ นาบี เกอิต้า ที่ เอดูอาร์ เมนเดี้ เซฟได้อย่างยอดเยี่ยม เท่านั้นยังไม่พอ นายด่านชาวเซเนกัล ก็ยังลุกขึ้นมาป้องกันจังหวะซ้ำจ่อๆต่อเนื่องของ เพื่อนร่วมทึมชาติ ซาดิโอ มาเน่ ได้อย่างน่าเหลือเชื่อ
รวมไปจนถึงจังหวะโขกตุงตาข่ายของ โจเอล มาติป น.67 ที่ได้เฮกันไปแล้ว แต่ทว่า VAR มาเช็กย้อนหลังว่า เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ ที่ล้ำหน้าไปก่อนมีส่วนกับเพลย์การเล่นดังกล่าวเนื่องจากไปสกรีนตัวประกบอย่าง รีซ เจมส์
เกมที่ยืดเยื้อยาวนานไปจนถึงการดวลจุดโทษทำให้ โธมัส ทูเคิ่ล ได้ทิ้งไพ่ไม้ตายใบสุดท้ายด้วยการเลือกส่ง เกปา อาร์ริซาบาลาก้า ลงมาเซฟจุดโทษแทน เมนดี้ น.120 แม้ว่าโกลชาวเซเนกัลรายนี้จะโชว์ฟอร์มตุ๊กแกเรียกพี่มาทั้งเกมก็ตาม
และสุดท้ายการดวลจุดโทษอันแสนมาราธอน ที่นักเตะทั้งสองฝั่งยิงกันได้เพอร์เฟ็คส์ทั้งคู่ เข้าหมดทั้ง10คน จนมาถึงผู้เล่นคนที่11ผู้รักษาประตูทั้งสองฝั่ง เคลเลเฮอร์ ที่อายุเพียงแค่23ปีซัดเข้าไปได้อย่างไม่มีปัญหา
ฟุตบอลก็มักจะเป็นอะไรที่มีความดราม่าและตลกร้ายเสมอเมื่อ เกปา อาร์ริซาบาลาก้า ที่ ทูเคิ่ล หวังส่งลงมาเพื่อการดวลจุดโทษโดยเฉพาะ กลับเซฟจุดโทษไม่ได้สักลูก มิหนำซ้ำโกลชาวสเปนรายนี้ ยังเป็นคนสังหารจุดโทษพลาด ส่งลิเวอร์พูลคว้าแชมป์ลีกคัพ สมัยที่9ในที่สุด
เมาท์ น่าจะเป็นฮีโร่ของทีมได้
ความพ่ายแพ้จนชวดแชมป์ คาราบาว คัพ เมื่อคืน หนึ่งคนที่อาจเสียดายและต้องโทษตัวเองสุดๆเห็นทีจะเป็น เมสัน เมาท์ ก็เป็นได้ เพราะดาวเตะหน้าหล่อรายนี้มีโอกาสงามๆจะๆถึง2ครั้ง ที่จะส่งบอลไปกองก้นตาข่าย
ทั้งจากจังหวะที่ คริสเตียน พูลิซิซ ที่ฉกบอลมาจากผู้เล่นลิเวอร์พูลแล้วลากแหวกจ่ายบอลหยอดเข้ามาในเขตโทษ เมาท์ สอดเข้ามาโฉบตามน้ำระยะ6หลา แต่ทว่าบอลหลุดเฉียดออกเสาแรกไปอย่างไม่น่าเชื่อ
รวมไปจนถึงในครึ่งหลัง ก็เป็น พูลิซิซ เจ้าเก่าที่ยกบอลแฉลบมาเข้าทาง เมสัน เมาท์ อีกครั้ง หลุดกับดักล้ำหน้าไปดวลกับ เคลเลเฮอร์ แต่ทว่ากลับเน้นมากไปหน่อย แปบอลไปโดนเสาผ่านหน้าประตูออกไป
เกมเมื่อคืน เมาท์ มีโอกาสซัดประตูถึง4ครั้งด้วยกัน และตลอดเวลาที่อยู่ในสนามก็ค่อนข้างมีส่วนร่วมกับเกมรุกของทีมประสานงานกับ ไค ฮาแวร์ตช์ และ คริสเตียน พูลิซิซ ได้อย่างเข้าขา แต่น่าเสียดายที่จังหวะสุดท้ายขาดความเฉียบคมไป
และสุดท้ายถูกเปลี่ยนตัวออกให้ "พี่ตู้ " โรเมลู ลูกากู ลงมาบู๊แทน น.74 ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นเพราะพึ่งหายจากอาการบาดเจ็บมาด้วยเปล่าทำให้ เด็กปั้นของสิงห์บูลส์รายนี้ ทำได้ไม่เนียนพอพลาดโอกาสในจังหวะสำคัญๆไป
โดยดาวเตะหมายเลข19 ดูจะฟอร์มฝืดพอสมควรในระยะหลังเมื่อทำประตูให้กับทีมได้หนสุดท้ายต้องย้อนไปไกลถึงกลางเดือน ธันวาคม 2021 เกมที่บุกไปเสมอกับเอฟเวอร์ตัน เลยทีเดียว
เชื่อว่าไม่มีแฟนสิงห์น้ำเงินคนไหน โทษ เมสัน เมาท์ แต่ก็น่าเสียดายจริงๆกับโอกาสเหน่งๆ2ครั้ง ที่น่าจะทำให้เจ้าตัวเป็นฮีโร่ของทีมได้
เมนดี้ จากโกลโนเนมสู่ยอดนายทวารจอมหนึบ
เพชรในตม คงใช้ได้กับยอดผู้รักษาประตูอย่าง เอดูอาร์ เมนดี้ เลยจริงๆ กับฟอร์มการเซฟเมื่อคืน เชื่อว่าตอนที่ ย้ายจากแรนส์ มาสแตมฟอร์ด บริดจ์ ใหม่ๆ เมื่อซัมเมอร์ 2020 ด้วยค่าตัว22ล้านปอนด์ แฟนสิงห์อาจจะได้งงๆว่า หมอนี่ใครว่ะ
นัดชิงคาราบาว คัพ แม้ไม่ใช่รายการที่ เมนดี้ ได้เป็นผู้รักษาประตูตัวจริง แต่ทว่า โธมัส ทูเคิ่ล เลือกที่จะซื้อความชัวร์และความเป็นมือ1ของโกลชาวเซเนกัลรายนี้ มากกว่าใช้ เกปา ที่เป็นตัวหลักของรายการนี้มาตลอด
ผลลัพธ์120นาทีของ เมนดี้ เมื่อคืน ต้องปรบมือให้จริงๆกับช็อตเซฟหลายๆจังหวะ ทั้ง จากลูกโขกของ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ - ลูกยิงที่น่าจะลอดขาเข้าไปของ หลุยส์ ดิอ๊าซ
และที่เตะตาที่สุดเห็นทีจะเป็นการเซฟลูกยิงหน้ากรอบเขตโทษระยะ18หลาของ นาบี เกอิต้า ได้อย่างยอดเยี่ยม ที่สุดยอดกว่านั้นคือจังหวะต่อเนื่องที่ ซาดิโอ มาเน่ ได้ซ้ำระยะแค่5หลา เมนดี้ ก็เร็วพอที่จะปัดออกไปได้อีกอย่างน่าเหลือเชื่อ
นอกจากเรื่องเซฟแล้ว อดีตโกลจากแรนส์รายนี้ ยังทำได้ดีในเรื่องของการออกมาคว้าบอลลูกกลางอากาศ รวมไปจนถึงมีส่วนร่วมกระตุ้น 3เซ็นเตอร์แบ็กของทีมได้เป็นอย่างดี
แต่ทว่าน่าเสียดายที่ เอดูอาร์ เมนดี้ ไม่ได้อยู่ไปจนถึงการดวลเป้า เพราะด้วยฟอร์มที่แรงยอดเยี่ยมมาทั้งเกม เราอาจได้เห็นนายด่านรายนี้เป็นฮีโร่ แบบเต็มๆของเซลซี ก็เป็นได้
ฟุตบอลกับเรื่องตลกร้ายของ เกป้า
แม้ว่าจะได้ลงเล่นใน คาราบาว คัพ ในฐานะผู้รักษาตัวจริงมาตลอด5นัดที่ผ่านมา แต่ทว่าเมื่อถึงคราวนัดชิงดำสุดสำคัญ โธมัส ทูเคิ่ล กลับที่จะเลือกใช้บริการ เอดูอาร์ เมนดี้ นายด่านหมายเลข1ของทีมมากกว่า เกปา อาร์ริซาบาลาก้า
แต่ทว่าอย่างไรก็ตามแม้เมนดี้ จะทำได้ดีโชว์ฟอร์มหนึบตลอด 120นาที ทูเคิ่ล ก็เลือกใช้ไม้ตายซื้อสถิติการเซฟจุดโทษของ เกปา ที่ระยะหลังแปลงร่างเป็นนายด่านจอมเซฟลูก12หลาไปแล้ว
ทั้งต้นฤดูกาลกับรายการยูฟ่า ซุปเปอร์คัพ ที่เอาชนะ บียาร์เรอัล ในการดวลเป้าไปได้ (6-5) โกลชาวสเปน เซฟไปได้2จุดโทษ รอบ5คาราบาว คัพ ชนะ แอสตัน วิลล่า 4-3 โกลแดนกระทิงดุรายนี้ก็เซฟได้1จุดโทษ
ในรอบ4 ชนะจุดโทษ เซาธ์แฮมป์ตัน 4-3 เซฟไป1จุดโทษ นั่นเท่ากับว่าในการดวลเป้าชี้ชะตาหาผู้ชนะ3นัดหลังสุด อดีตผู้รักษาประตู แอธเลติก บิลเบา รายนี้ เซฟไปได้ถึง4ลูกด้วยกัน (ไม่นับคู่แข่งยิงพลาดเอง)
นั่นจึงทำให้ โธมัส ทูเคิ่ล เลือกที่จะใช้บริการ เกปา มาทำหน้าที่สุดสำคัญเพื่อพาทีมคว้าแชมป์ดังกล่าว แต่ทว่าฟุตบอลก็มักจะมีอะไรดราม่าหรือตลกร้ายแบบนี้แหละ เมื่อ อาร์ริซาบาลาก้า ไม่สามารถเซฟจุดโทษได้เลย ตลอด11ครั้งที่เผชิญหน้ากับนักเตะลิเวอร์พูล
โดยมีถึง 8ครั้งที่เจ้าตัวพุ่งไปผิดทางบอล และที่ไคลแมกซ์ยิ่งกว่า ก็เป็นโกลเจ้าของค่าตัว71ล้านปอนด์รายนี้นี่แหละ ที่เป็นคนทีสังหารพลาดคนเดียวในช่วง ซัดเทิ่ลเดท ส่งบอลข้ามคานไปไกลแบบไม่ได้ลุ้น จนเซลซีพ่ายไป 10-11 ในที่สุด
เคเลเฮอร์ ไม่ทำให้คล็อปป์ ผิดหวัง
ก่อนเกมนัดชิงชนะเลิศกับเซลซี ถือว่าเจอร์เก้น คล็อปป์ ก็อุบเหมือนกันที่จะบอกว่าใครจะได้เฝ้าเสาเป็นผู้รักษาประตูตัวจริง ระหว่างโกลมือ1 อลิสซง เบคเกอร์ กับนายด่านดาวรุ่งอย่าง ควีวิน เคลเลเฮอร์ ที่มีส่วนร่วมในรายการนี้มาถึง4นัด
สุดท้าย เจเค ก็เลือกที่จะเสี่ยงและเชื่อใจ โกลชาวไอร์แลนด์ ได้ทำหน้าที่เฝ้าเสาเกมสุดสำคัญบีบหัวใจนี้ ตลอด120นาที เคลเลเฮอร์ ก็ตอบแทนความเชื่อใจได้เป็นอย่างดี เมื่อสามารถเซฟลูกยิงที่น่าเป็นประตูของเซลซีได้ถึง 2ครั้ง2ครา
จากการเซฟลูกยิงจ่อๆที่ไม่หนีตัวมากของ คริสเตียน พูลิซิซ รวมไปจนถึง การไม่เหมอใช้เท้าเซฟลูกยิงเสาแรกของ โรเมลู ลูกากู น.90+5 ได้สำเร็จ รวมไปจนถึงตลอดทั้งเกม โกลวัย23ปีรายนี้ก็ไม่ได้ก่อความผิดพลาดอะไรเลย
มิหนำซ้ำยังนิ่งและเยือกเย็นกับแมตช์สุดกดกันที่มีแชมป์เป็นเดิมพัน ในการดวลจุดโทษแม่ว่าเจ้าตัวจะเซฟไม่ได้เลยจาก10ครั้งที่เผชิญหน้ากับผู้เล่นทีมสิงห์บูลส์
โดยจุดแตกต่างในการดวลเป้า12หลาที่ทำให้ได้แชมป์ คาราบาวคัพ นั่นก็คือผู้เล่นยิงจุดโทษคนที่11ของทั้งสองทีม ในตำแหน่งผู้รักษาประตู อย่าง ควีวิน เคลเลเฮอร์ ซัดเข้าไปได้อย่างไม่มีปัญหา ส่วนโกลของเซลซีอย่าง เกปา แบกรับความกดดันไม่ไหวซัดข้ามคานโด่งออกไปไกลชนิดไม่ได้ลุ้น
แม้ว่าจะเป็นโกลมือ2ของทีม แต่ทว่าอนาคตในถิ่น แอนฟิลด์ ของ เคเลเฮอร์ ก็ดูจะสดใสไม่น้อยเลยจากคำพูดของนายใหญ่อย่าง คล็อปป์ หลังจบเกมดังกล่าว
" แม้ว่านี่คือเกมฟุตบอลอาชีพ คนเราต่างต้องมีอารมณ์อ่อนไหวกัน ควีวิน เคเลเฮอร์ คือโกลเด็กหนุ่ม และได้ลงเล่นในทุกรายการ ผมจะจัดการยังไงดี ? ผมมีสองอย่างในหัว ผมเป็นกุนซืออาชีพ และเป็นคนธรรมดา และคนธรรมดาก็ชนะ เขา (เคเลเฮอร์) สมควรได้รับสิ่งนี้ "
" ที่สนามซ้อมเรามีชื่อผู้รักษาประตูทั้งหมดที่ได้แชมป์ และ ควีวิน ก็สามารถเข้าไปอยู่ตรงนั้นได้ มันสมควรแล้ว เขายอดเยี่ยมมาก "
เกมมัน5ดาว ที่ใครแชมป์ก็คู่ควรด้วยประการทั้งปวง
ก่อนเกมคงไม่มีใครคาดหวังว่า จะเป็นแมตช์ที่เปิดเกมแลกบุกใส่กันเป็นหนังบู๊แอคชั่นขนาดนี้ เพราะเกมสุดสำคัญชิงดำหลายๆครั้งแล้ว มักจะเป็นการเล่นอย่างรัดกุมระมัดระวัง ดูเชิง ไม่อยากเสียประตูกันมากกว่า
เซลซี ก็คู่ควรจะเป็นผู้ชนะเช่นกัน ทั้งฟอร์มที่เหนียวหนึบของ เอดูอาร์ เมนเดี้ กองหลังอย่าง อันโตนิโอ รูดิเกอร์ และ มาร์กอส อลอนโซ่ ที่แท็กทีมกันจัดการ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ได้อย่างอยู่หมัด
รวมไปจนถึง มัตเตโอ โควาซิซ ที่ฉกฉวยโอกาสในแดนกลาง จ่ายบอล สวยๆ แย่งบอลเนียนๆจากผู้เล่นลิเวอร์พูลได้หลายครั้ง
น่าเสียดายที่ เมสัน เมาท์ ทิ้งโอกาสจะแจ้งในการทำประตูไปถึง2ครั้ง ส่วนทั้ง ไค ฮาแวร์ตช์ และ โรเมลู ลูกากู ที่ต่างพากันส่งบอลไปกองซุกก้นตาข่ายได้ แต่ทว่าก็ถูกจับล้ำหน้าไปเสียหมด
ทางฝั่งลิเวอร์พูล สิ่งหนึ่งที่ต้องคาราวะซูฮกพวกเขานั่นก็คือ ทั้ง เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ และ โจเอล มาติป กลายเป็นคู่กองหลังที่เช็กไลน์ล้ำหน้ากันได้ดีมาก รวมไปจนถึง ซาดิโอ มาเน่ ที่ทิ้งโอกาสเหน่งๆระยะ 5หลาไปอย่างน่าเหลือเชื่อ
สิ่งหนึ่งที่เซอร์ไพรส์สุดๆของเกมเมื่อคืนนั่นก็คือ สกอร์ที่ยังค้างเติ่งอยู่บนสกอร์บอร์ด 0-0 ตลอด120นาที ทั้งที่ทั้งสองฝ่ายไม่ได้มีท่าทีเล่นเกมรับรักษาสกอร์เพื่อยื้อไปจนถึงการดวลเป้าเลย
รวมไปจนถึงลูกชุลมุนต่อเวลาพิเศษ 120นาที ไค ฮาแวร์ตช์ และ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่มีอารมณ์ร่วมระหว่างเกมทั่งคู่ เกือบจะมีเรื่องกัน จนผู้เล่นตัวเก๋าทั้งสองทีมต้องมาสงบศึกห้ามปรามกัน
หลังคว้าแชมป์ คาราบาว คัพ ของลิเวอร์พูล ทำให้พวกเขายังอยู่ในโปรเจค 4แชมป์ ที่เหลือให้ไล่ล่าทั้ง พรีเมียร์ลีก - เอฟเอ คัพ รวมไปจนถึงยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก และด้วยฟอร์มดังกล่าวก็มีโอกาสสูงเหลือเกินที่ทีมเครื่องจักรสีแดง จะมีโทรฟี่เพิ่มอีกใบในฤดูกาล 2021-2022 นี้
- คอลัมน์นิสต์
- 468
- 28 ก.พ. 2565 15:56