หลุดโคม่า ! หงส์ เฮหวิว เชือด อาแจ็กซ์ ท้ายเกม 2-1 มาติป โขกชัย
เป็นการออกสตาร์ทฤดูกาลใหม่ 2022-2023 ที่ไม่ค่อยโสภาเท่าไหร่นักสำหรับลิเวอร์พูล ทั้งในเกมพรีเมียร์ลีก ที่6นัดแรก เอาชนะได้แค่2 เสมอ3 และแพ้1 ส่วนในเวที ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก พวกเขาก็ออกไปโดน นาโปลี อัดยับ หาทางกลับบ้านไม่ถูก 1-4 ฟอร์มการเล่นที่เคยเพรสซิ่งดุดันดูจะหมดแรงและไม่ได้ผลเหมือนเคย
โดยเกมนัดที่2ยูซีแอล หงส์แดง ได้กลับมาแก้ตัวความปราชัยยับเยินในนัดแรก ด้วยการกลับมาเล่นในแอนฟิลด์ ต้อนรับการมาเยือนของ อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ที่ฟอร์มยังไฉไล แม้ว่าจะเสียกุนซือ เอริก เทน ฮาก และผู้เล่นคนสำคัญๆไป5-6ราย ด้วยกัน
รูปเกมต้องบอกเลยว่า ลิเวอร์พูล เป็นฝ่ายที่ทำได้ดีกว่าค่อนข้างชัดเจน สไตล์ เฮฟวี่เมทัล เริ่มกลับมาดุดันให้เห็น แต่นั่นก็เป็นเพราะทางฝั่ง อาแจ็กซ์ ด้วย ที่มาเล่นตามแท็กติกของตัวเอง แล้วรอจังหวะเซ็นบอลสวยๆสวนกลับ
ซึ่งผลลัพธ์90นาที ก็เป็นทางฝั่งเจ้าบ้านที่เฉือนเอาชนะไปได้อย่างใจหายใจคว่ำ 2-1โดยพลพรรคหงส์แดงขึ้นนำไปก่อน 1-0 จาก โมฮาเหม็ด ซาลาห์ น.17 แต่ทว่าอย่างไรก็ตามลูกทีมของ อัลเฟรด ชโรเดอร์ ก็มาตามสีเสมอได้ 1-1 น.27 จากลูกยิงสุดสวยเสียบสามเหลี่ยมของ โมฮัมเหม็ด คูดุส
หลังจากโดนตีเสมอ ลิเวอร์พูล ก็ยังครองเกมบุกอยู่เรื่อยๆทั้งในครึ่งแรก และ45นาทีหลัง โดยทีมจากลีกดัตซ์ คอยรอจังหวะต่อบอลสวนกลับสวยๆ ทว่าอย่างไรก็ตาม ประตูชัยของหงส์แดงก็มาจนได้ จากการโขกลูกเตะมุมของ โฌเอล มาติป น.89
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ลิเวอร์พูล เล่นมีทรงเป็นรูปเป็นร่างขึ้นนั่นก็คือ การฟิตกลับมาลงสนามเป็นตัวจริงอีกครั้งของกองกลางคนสำคัญ ณ ตอนนี้อย่าง ติอาโก้ อัลคันทาร่า "ตะโก้ " คุมเกม ได้อย่างโดดเด่น จ่ายบอลออกซ้ายขวา พลิกบอลจังหวะสำคัญๆได้ ทำให้เกมรับหงส์เจองานที่เบาลงกว่าที่ผ่านมา
รวมไปจนถึง โฌแอล มาติป ที่พร้อมกลับมาลงสนามอีกหน และทำได้ดีกว่า " เทพโจ " โจ โกเมซ อย่างชัดเจน ทั้งในเรื่องของเกมรับ และความนิ่งต่างๆ ก่อนที่กองหลังชาวแคเมอรูนรายนี้ สุดท้ายจะเป็นผู้โขกประตูชัยในที่สุด
ส่วน อาแจ็กซ์ ความพ่ายแพ้ในนัดนี้ก็ไม่มีอะไรที่ต้องเสียดายเกินกว่าเหตุ ระบบการเล่น วิธีการของพวกเขายังเต็มเปี่ยมไปด้วยสไตล์เหมือนเดิม ต่อบอลกันแม่นยำเท้าสู่เท้า แต่ท่ว่าก็มีจุดอ่อนในการรับมือลูกเซ็ตพีซ ที่โอนเอียงไปหลายครั้งเวลาเจอลูกบอมบ์ จนท้ายที่สุดมาโดนลงโทษช่วงท้ายเกม
หงส์จะขาด ติอาโก้ ไม่ได้
นี่เป็นเหตุผลหลักที่สำคัญเลยที่ทำให้ ลิเวอร์พูล เล่นในแนวทางที่ตัวเองเคยเล่นได้อย่างถนัดและมีประสิทธิภาพ เกเก้น เพรสซิ่ง และ เอฟวี่ เมทัล นั่นก็คือการกลับมาลงสนามได้อีกครั้งของ ติอาโก้ อัลคันทาร่า
ช่วงที่ขาดหายไปของมิดฟิลด์เลือดกระทิงดุรายนี้ เกมในแดนกลางของลิเวอร์พูล ที่หัวใจสำคัญต่อระบบการเล่นอยู่ตรงนั้น จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ที่ฟอร์มไม่พีค เจมส์ มิลเนอร์ ที่เหลือแค่อายุ เจ้าหนูอย่าง ฮาวี่ย์ เอลเลียตต์ ที่ยังดิบเกินไป ทำให้ภาระหนักต้องมาตกที่ฟาบินโญ่
เราจึงได้เห็นหลายๆนัด กลางของลิเวอร์พูล โดนคู่แข่งโขยกใส่อย่างสนุกสนาน จนรูปเกมเป็นรองมากๆ เวลาโดนสวนกลับบอลทะลุถึงแผงหลังอย่างรวดเร็ว แต่ทว่าเมื่อคืนเหตุการณ์แบบนี้ไม่เกิดขึ้นเมื่อ ติอาโก้ อยู่ในสนาม
" ตะโก้ " ทำได้ดีมากๆ ในเรื่องของจังหวะการจ่ายบอล หรือพลิกเล่นในสถานการณ์ที่โดนแย่งบีบ จ่ายต่อไปให้เพื่อนได้ แถมยังเป็นเหมือนผู้นำในแดนกลางด้วย คอยชี้ สั่งเพื่อนร่วมทีม ว่าควรทำยังไงในจังหวะต่อๆ มา
คลาสบอล นี่คืออะไรที่ อัลคันทาร่า เติมให้ลิเวอร์พูลในแมตช์เมื่อคืน เสียบอลยาก วิสัยทัศน์ในการอ่านเกม จ่ายบอลเยี่ยม ติอาโก้ แทบไม่ทำบอลเสียเลย แม้จะโดนบีบในจังหวะยากๆ เมื่อคืนกองกลางวัย31ปีรายนี้ มีการผ่านบอลยาวมากถึง 10ครั้งด้วยกัน
การทำหน้าที่ได้ดีของ ติอาโก้ ทำให้แนวรับไม่โดนบททดสอบโจมตีอย่างหนักหน่วงเหมือนในเกมโดน นาโปลี ถลุงยับ4-1 เห็นทีหากฤดูกาลนี้ลิเวอร์พูล อยากจะลุ้นอะไรจริงๆจังๆ คงต้องภาวนาให้ เจ้าตัวไม่เดี้ยงบาดเจ็บออดๆแอดๆเสียแล้ว
มี มาติป อุ่นใจกว่า โจ โกเมซ แน่นอน
ลิเวอร์พูล ประสบปัญหาเซ็นเตอร์เดี้ยงไปพร้อมๆกันถึง2รายนั่นก็คือ อิบราฮิมา โกนาเต้ และ โฌแอล มาติป ทำให้ช่วงไม่กี่นัดที่ผ่านมาเราจึงได้เห็น โจ โกเมซ ได้ออกสตาร์ทเป็น11ผู้เล่นตัวจริง สร้างความหวาดเสียวให้แฟนบอลเดอะ ค็อป
แต่ทว่าความผิดพลาดที่เข้าตาชนิด 10เต็ม10 ในเกมกับ นาโปลี ทำให้ เจอร์เก้น คล็อปป์ ไม่ลังเลเลยที่จะดร็อป " เทพโจ " ไว้เป็นผู้เล่นบนม้านั่งสำรอง เมื่อ โฌแอล มาติป ฟิตกลับมาลงสนาม
เมื่อคืนสิ่งที่กองกลังชาวแคเมอรูนมีมากกว่า โกเมซ ชัดเจนนั่นก็คือ ความนิ่งและการอ่านเกมไม่เข้าบอลพรวดพราด ประสานงานกันได้ดีกับ เฟอร์จิล ฟาน ไดค์ แถมยังมีจุดเด่นอีกอย่างคือ พาบอลขึ้นหน้าได้อย่างพริ้วไหวอีกด้วย
มาติป มีสถิติที่ดีมากๆทั้ง ชนะการดวล13ครั้ง - ชนะลูกกลางอากาศ7ครั้ง - แท็กเกิ้ล 3ครั้ง - ชนะการครอบครองบอล 3ครั้ง - เคลียร์บอล 2ครั้ง แม้จะเป็นกองกลังแต่เจ้าตัวก็สอดขึ้นมามีลุ้นทำประตูได้ถึง3หนด้วยกัน
ก่อนที่สุดท้ายก็เป็น โฌแอล มาติป นี่แหละที่ใช้ความสูงใหญ่ โขกประตูชัยจากลูกเตะมุมช่วงท้ายเกมช่วยให้ เฉือน อาแจ็กซ์ ไป2-1ซึ่งเป็น3แต้มสำคัญมากๆของทีมหงส์แดง หลังเกมแรกแพ้มาเละเทะ
เอลเลียตต์ ยังต้องฝึกปรือวิชาอีกเยอะ
ช่วงที่ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ฟอร์มตก นาบี เกอิต้า เจ็บ เจอร์เก้น คล็อปป ก็เลือกที่จะเชื่อใจเจ้าหนูดาวรุ่งวัยคะนองอย่าง ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ ที่กำลังมั่นใจเบิกประตูแรกกับลิเวอร์พูลได้ในเกมถลุง บอร์นมัธ 9-0
เมื่อคืน เอลเลียตต์ ได้ออกสตาร์ทร่วมกับ ฟาบินโญ่ และ จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เรื่องความวูบวาบเจ้าหนูวัย19ปีรายนี้ทำได้ดีอยู่แล้ว แต่ทว่าทีเด็ดทีขาด การตัดสินใจจังหวะสำคัญยังเป็นเครื่องหมายคำถามอยู่เสมอ
จุดด้อยของ เอลเลียตต์ เมื่อคืนนั่นก็คือการเล่นเกมรับ ไม่รู้ว่าเป็นด้วยแท็กติกของ คล็อปป์ ด้วยเปล่า ที่สั่งให้เจ้าตัว เน้นเกมรุกเต็มที่ ไม่ต้องมาช่วยเกมรับเท่าที่ควร ทำให้หน้าที่หนักเป็นของ ฟาบินโฌญ่ แทน
เอเลียตต์ โดดเด่นในเรื่องของการเลี้ยงบอลติดเท้า และมีความเร็วมากกว่ามิดฟิลด์คนอื่นๆของทีม แต่จังหวะจ่ายบอลแบบได้เสีย หรือ คิลเลอร์พาส แทบไม่มีให้เห็น แถมยังมีความผิดพลาดในการจ่ายบอลขวางสนามดื้อๆอีกด้วย
ความละเอียดเล็กๆน้อยๆ นี่คือสิ่งที่ แข้งวัยละอ่อนเลือดผู้ดีขาดไปอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในจังหวะที่ โกลอาแจ็กซ์อย่าง เรมโก้ พาสเฟียร์ ออกบอลพลาด แต่ เอลเลียต์ กลับเลือกยิงเอง ทั้งที่มุมแทบไม่มี และมีคู่แข่งบังเสาอยู่อีก ในขณะที่ด้านในมีนักเตะลิเวอร์พูล ให้เลือกส่งให้ถึง3คน ด้วยกัน
ดาร์วิน นูนเญซ กำลังขาดความมั่นใจ
ถือว่าเปิดตัวได้สวยกับลิเวอร์พูลในเกมอย่างเป็นทางการเหมือนกันนะสำหรับ ดาวยิงค่าตัวแพงอย่าง ดาร์วิน นูนเญซ ประตูกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในคอมูนิตี้ ชิลด์ ลงมาเป็นตัวสำรองเปลี่ยนเกม นัดเสมอ ฟูแล่ม 2-2 พร้อมผลงาน 1ประตู 1แอสซิสต์
แต่ทว่าในนัดที่สองที่ดวลกับ คริสตัล พาเลซ แล้วไปเสียค่าโง่ เฮดบัตใส่ โยอาคิม เอนเดอร์เซ่น จนโดนใบแดงไล่ออกจากสนามไป พร้อมโทษแบน 3นัด ทว่าช่วงที่ นูนเญซ หายไป โรแบร์โต้ ฟิร์มิโน่ เล่นได้ดีเสียด้วย
โดย ดาวยิงเจ้าของค่าตัว100ล้านยูโร พึ่งพ้นโทษแบนกลับมาลงสนามได้ในเกม พรีเมียร์ลีกกับเอฟเวอร์ตัน และ ลงเป็นตัวสำรองในแมตช์พ่ายนาโปลี แต่ทว่าฟอร์มของเจ้าตัวยังไม่ดีเลย
ทำให้เมื่อคืน ดาร์วิน ได้ออกสตาร์ทเป็นตัวสำรองไปก่อน เป็น ดิโอโก้ โชต้า ทำหน้าที่แทน โดยแข้งชาวโปรตุเกส ถือว่าประสานงานกับเพื่อนร่วมทีมได้ค่อนข้างดี เป็นคนดึงตัวประกบ 2คน แล้วจ่ายให้ ซาลาห์ สังหารประตู
ซึ่งเราได้เห็นความแตกต่างมากๆ เมื่อ ดาร์วิน นูนเญซ ลงมา การประสานงานและความไหลเลื่อนกับระบบทีม การจับบอลต่างๆ ไม่สมูทเท่าที่ควร เหมือนเพื่อนร่วมทีมต้องคอยป้อนซัพพอร์ตตลอด รวมถึงจังหวะพลาดหมูหกที่ ซาลาห์ แปะเข้ามาให้ในเขตโทษ
ศูนย์หน้าวัย23ปี ได้ยิงด้วยขวาข้างถนัดแท้ๆ แต่ทว่าบอลเรียดเบาหวิว หลุดกรอบออกไปแบบน่าเขกกะโหลก ความมั่นอกมั่นใจ และความกดดันเรื่องค่าตัวนี่คือสิ่งที่ นูนเญซ กำลังต่อสู้ในตอนนี้
อาแจ็กซ์ เปลี่ยนโค้ช แต่สไตล์ยังอยู่
การสูญเสียผู้จัดการทีม อย่าง เอริก เทน ฮาก ไปให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด รวมถึงนักเตะคนสำคัญที่โดนทีมใหญ่ซื้อออกไป 5-6ราย แต่ทว่ากุนซือผู้มาแทนอย่าง อัลเฟรด ชโรเดอร์ ก็สานต่อผลงานได้แจ่มไม่แพ้กันเลย
ก่อนแมตช์ดวลลิเวอร์พูล อาแจ็กซ์ สร้างผลงานชนะ 7นัดรวดรวมทุกรายการ กระทุ้งคู่แข่งไส้แตก 26ประตู แต่ทว่าการมาเยือนถิ่นแอนฟิลด์ พวกเขาก็มาในรูปแบบและสไตล์ที่ควรจะเป็น นั่นก็คือเน้นเกมตั้งรับ แล้วรอจังหวะฉาบฉวยสวนกลับ
ซึ่งหลังจากโดนลิเวอร์พูล กดอยู่พักใหญ่ๆ จนโดนนำ จังหวะสวนที่จบด้วยการยิงครั้งแรกของ อาแจ็กซ์ ก็เป็นประตูเลย จากจังหวะต่อบอลสุดสวย และลงเอยด้วยลูกยิงแบบผีจับยัดของ โมฮัมเหม็ด คูดุส
สิ่งที่ควรชื่นชมทีมจากแดนกังหันลมเมื่อคืนนั่นก็คือ การยึดมั่นในปรัชญาการเล่นของตัวเอง ออกบอลเซ็ตบอลตั้งแต่แดนหลัง ทั้งที่โดนลิเวอร์พูล เข้าบีบเร็วในทุกจังหวะ จนต้องเคลียร์บอลออกข้างสนาม หรือโกลอย่าง เรมโก้ พาสเฟียร์ ที่ออกอาการลุกลี้ลุกลนบ่อยครั้ง แต่ได้การยืนตำแหน่งที่ดีมาทดแทน
อีกหนึ่งจุดเสียของ อาแจ็กซ์ เมื่อคืนคือ พวกเขารับมือลูกเซ็ตพีชได้แย่มาก ก่อนที่จะมาโดน มาติป โขกประตูชัย ก็เสี่ยงจะโดนทะลวงตาข่ายหลายครั้งกับลูกตั้งเตะ และที่น่าเสียดายสุดๆคือ ก่อนโดนลูกนำ 2-1 พวกเขา มีโอกาสแซง 2-1 เช่นกัน กับลูกโหม่งของ ดาเล่ย์ บลินด์ โล่งๆที่ถากเสาไกลออกไป
- คอลัมน์นิสต์
- 462
- 14 ก.ย. 2565 14:51